SlideShare a Scribd company logo
1 of 20
Download to read offline
ทำ�อะไร
ใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจ
ใน 9 วินาที
HOW TO MAKE PEOPLE LIKE YOU
IN 90 SECONDS OR LESS
Nicholas Boothman
คนทั่วไป
ตั้งสมาธิจดจ่อกับ
สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน
แค่ 30 วินาที
เท่านั้น!
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
5
ท�ำอะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินำที
How to Make People Like You in 90 Seconds or Less
Copyright © 2000, 2008 by Nicholas Boothman
Published by arrangement with Workman Publishing Company, New York
Thai language translation copyright © 2019 by Superposition Co., Ltd.
All rights reserved.
เลขมาตรฐานสากลประจ�าหนังสือ ISBN 978-616-8109-12-0
ผู้เขียน Nicholas Boothman
ผู้แปล กนกกาญจน์ เวชชวิศิษฏ์
กองบรรณาธิการ จิรวรรณ วงค�าเสา, ธีร์ มีนสุข, ปิยะพงษ์ ศิริสุทธานันท์
ออกแบบปก เชนิสา เพื่อวงศ์
จัดรูปเล่ม พัชรินทร์ โชคบัณฑิต
ราคา 225 บาท
จัดพิมพ์โดย ส�ำนักพิมพ์บิงโก
ภายในเครือ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด (Superposition Co., Ltd.)
18 ซอยดุลิยา ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. 10170
อีเมล superposition.books@gmail.com
โทรศัพท์ 094-810-7272
เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/bingobooks
จัดจ�ำหน่ำยโดย
บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ากัด (มหาชน) SE-EDUCATION Public Company Limited
เลขที่ 1858/87-90 ถนนเทพรัตน แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
โทร. 0-2826-8000 โทรสาร 0-2826-8999
เว็บไซต์ www.se-ed.com
พิมพ์ที่ P.R. Color Print โทรศัพท์ 02-806-6344
หากต้องการสั่งซื้อเป็นจ�านวนมาก กรุณาติดต่อรับส่วนลดได้ที่
บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด
อีเมล์ superposition.books@gmail.com
บทน�า
ตอนที่หนึ่ง :
พบกันครั้งแรก
1. พลังของผู้คน
ประโยชน์ของการเชื่อมสัมพันธ์
เจอหน้า
เหตุผลที่คนน่าเข้าใกล้นั้นน่าคบ
ท�าไมต้อง 90 วินาที?
2. ความประทับใจแรกพบ
การพบปะ
แบบฝึกหัดส�าหรับการทักทาย: ยิงพลังงาน
การท�าให้คนชอบ
การสื่อสาร
สิ่งที่คุณจะเจอต่อจากนี้...
สารบัญ
10
14
15
17
20
21
22
27
28
31
33
35
37
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
6 7
ตอนที่สอง:
ท�าให้คนชอบใน 90 วินาที
3. “คนคนนี้มีบางอย่างที่ฉันชอบมาก!”
ความชอบโดยธรรมชาติ
ความชอบที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ความชอบที่เกิดขึ้นโดยเจตนา
ความเหมือนกัน
4. ทัศนคติคือทุกสิ่ง
ทัศนคติที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง
ทัศนคติที่ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง
คุณเลือกเองได้
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับทัศนคติ:
กระตุ้นความทรงจ�าแห่งความสุข
5. การกระท�าส�าคัญกว่าค�าพูดจริงๆ
ภาษากาย
จีบ
พฤติกรรมที่สอดคล้อง
การสื่อสารที่ชวนให้เขว
แบบฝึกหัดด้านพฤติกรรมที่สอดคล้อง:
ค�าพูดและน�้าเสียง
เป็นตัวของตัวเอง
6. เราชอบคนที่เหมือนตัวเอง
กลมกลืนโดยธรรมชาติ
ศิลปะของการท�าตัวกลมกลืน
อันธพาล
ท�าสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
แบบฝึกหัดในการท�าตัว (ไม่) กลมกลืน
40
41
42
44
45
46
51
52
53
55
59
65
65
72
73
77
80
80
83
84
88
100
102
103
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
8 9
ตอนที่สาม:
เคล็ดลับของการสื่อสาร
7. อย่าเอาแต่พูด ให้ฟังด้วย
หยุดพูดแล้วเริ่มถาม!
สัญญาณที่คุณพลาดไป
ฟังอย่างตั้งใจ
ให้และรับ
พูดอย่างมีสีสัน
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับน�้าเสียง: ผลกระทบของเสียง
ความประทับใจมิรู้ลืม
8. ท�าความเข้าใจประสาทสัมผัส
รับรู้ทางตา ทางหู หรือว่า ทางความรู้สึกกันแน่?
แบบทดสอบตัวเอง: คุณถนัดประสาทสัมผัสใด
การปรับเข้าหาประสาทสัมผัสที่ผู้อื่นชอบใช้มากที่สุด
การพูดโดยใช้ค�าเปรียบเปรย
ภาพและเสียง
9. ค้นหาประสาทสัมผัสที่ผู้อื่นชอบใช้มากที่สุด
ลักษณะของคนที่ชอบใช้ประสาทสัมผัสแต่ละชนิด
สิ่งที่โทรทัศน์มอบให้
กระตุ้นเพื่อให้ได้ค�าตอบมากขึ้น
สัญญาณทางค�าพูด
สัญญาณทางสายตา
แบบฝึกหัดในการมองหาประสาทสัมผัสที่ผู้อื่นชอบใช้:
ล็อกสมอง
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับสัญญาณทางสายตา
วันหยุดพักผ่อนที่ได้มาอย่างยากล�าบากของอิงกริด
ภาพใหญ่
10. น�าทุกสิ่งมารวมกัน
ฉันจะเริ่มจากไหนดี
สมมติว่าเขาชอบคุณ
นิทานสอนใจสมัยใหม่
เกี่ยวกับผู้เขียน
106
107
108
120
123
126
131
132
134
139
141
145
150
154
155
159
160
162
165
169
175
181
182
184
187
193
197
201
203
207
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
10 11
ผมเรียนรู้จากการถ่ายภาพนิ่งให้นิตยสารมานาน 25 ปี ว่า
1. ทัศนคติและภาษากายคือสิ่งส�าคัญยิ่งในการสร้างความประทับ
ใจ โฆษณาในนิตยสารมีเวลาไม่ถึง 2 วินาทีในการเรียกความ
สนใจจากผู้อ่าน
2. ภาษากายและน�้าเสียงสามารถท�าให้คนแปลกหน้ารู้สึกสบายใจ
ได้ และอาจจะอยากให้ความร่วมมือด้วย
3. ค�าพูดไม่กี่ค�าก็ท�าให้สีหน้าอารมณ์และการกระท�าของผู้คนแตก
ต่างกันออกไปได้
เนื่องจากผมมีข้อมูลเหล่านี้อยู่ ผมจึงตัดสินใจที่จะศึกษาให้ลึกยิ่ง
ขึ้นไปอีก
ท�าไมการเป็นมิตรกับคนบางคนจึงง่ายกว่ากับคนอื่นๆ? ท�าไมผมถึง
พูดคุยเรื่องที่น่าสนใจกับคนที่เพิ่งพบเจอได้สบายๆ ในขณะที่คนอื่น
อาจมองข้ามคนคนเดียวกันเพราะรู้สึกว่าเขาน่าเบื่อหรือน่ากลัว? มี
บางอย่างที่ก�าลังขวางกั้นไม่ให้เราไขปัญหาเหล่านี้ออกได้ มันคือ
อะไรกันนะ?
เมื่อผมแสวงหาค�าตอบมาถึงจุดนี้ผมก็เจอผลงานในช่วงแรกๆ ของ
ดร.ริชาร์ด แบนด์เลอร์ และดร.จอห์น กรินเดอร์ แห่งมหาวิทยาลัย
แคลิฟอร์เนียลอสแอนเจลิสเข้าโดยบังเอิญ ในหัวข้อที่มีชื่อยากๆ ว่า
บทน�า
การจะค้นพบ “เคล็ดลับ” ของความส�าเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
ยิ่งคุณเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่นเก่งมากเท่าไหร่
ชีวิตคุณก็ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น
ผมค้นพบเคล็ดลับในการเข้ากันได้ดีกับผู้อื่นเป็นครั้งแรกก็ตอน
ท�างานเป็นช่างภาพโฆษณาและแฟชั่น ตั้งแต่นางแบบ 1 คนเพื่อ
ภาพ 1 หน้าในนิตยสาร Vogue ไปจนถึงท�างานกับคน 400 คน
บนเรือเพื่อโปรโมตบริษัทเดินเรือของนอร์เวย์ ส�าหรับผมแล้วอาชีพ
ถ่ายภาพเป็นเรื่องของการถูกชะตากับผู้คนมากกว่ากล้องราคา
แพงซะอีก
ผมรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับคนอื่นได้ง่ายนี่อาจเป็นความสามารถพิเศษ
หรือเปล่า? หรือมันเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ได้? และถ้ามันเป็นสิ่งที่เรา
เรียนรู้ได้ เราจะสอนเรื่องนี้ให้ผู้อื่นได้หรือไม่? ผมตัดสินใจค้นหา
ค�าตอบ
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
12 13
นับตั้งแต่นั้นมา ผมก็ได้จัดสัมมนาและบรรยายเรื่องนี้ทั่วโลก ผม
ท�างานร่วมกับผู้คนทุกรูปแบบทั้งเป็นกลุ่มและเดี่ยว ตั้งแต่ทีมขาย
ไปจนถึงครูบาอาจารย์ ตั้งแต่ผู้น�าองค์กรที่คิดว่าตัวเองรู้ทุกสิ่งไปจน
ถึงเด็กๆ ที่ขี้อายมากจนใครต่อใครคิดว่าพวกเขาโง่เขลาเบาปัญญา
ทั้งหมดนี้ท�าให้ผมได้ข้อสรุปบางอย่าง นั่นคือ กำรท�ำให้ผู้คนชื่น
ชอบคุณภำยใน 90 วินำทีเป็นทักษะที่สอนกันได้ ด้วยวิธีง่ำยๆ
และเป็ นธรรมชำติอีกต่ำงหำก!
มีคนบอกผมซ�้าแล้วซ�้าเล่าว่า “นิก เรื่องนี้มันเจ๋งมากเลยนะ ท�าไม
นายไม่เขียนหนังสือซักเล่มล่ะ?” ผมเชื่อเขา และหนังสือเล่มนั้นก็
อยู่ตรงนี้แล้ว
นิโคลัส บูธแมน
การโน้มน้าวใจด้วยภาษาจิตประสาท(NeuroLinguisticProgram-
ming) หรือเรียกสั้นๆ ว่า NLP
ผู้ชาย 2 คนนี้และเพื่อนร่วมงานของเขาได้วิเคราะห์สิ่งที่ผมท�าโดย
สัญชาตญาณว่าเป็น“ศาสตร์และศิลป์ ของความเป็นเลิศส่วนบุคคล”
พวกเขายังบอกอีกด้วยว่าทุกคนมี “ประสำทสัมผัสที่ชอบใช้”
ค้นหาประสาทสัมผัสนี้ให้เจอแล้วคุณก็จะมีกุญแจส�าหรับเปิดหัวใจ
และจิตใจของผู้คน
เมื่อผมได้ค้นพบเส้นทางใหม่ที่ตัวเองสนใจแล้วจึงตัดสินใจพักเรื่อง
กล้องไว้ก่อน ผมหันไปโฟกัสที่กลไกการคิดของผู้คน รวมไปถึง
การแสดงออกของพวกเขา ผมใช้เวลาอีก 2-3 ปีต่อมาไปเรียนกับ
ดร.แบนด์เลอร์ในลอนดอนและนิวยอร์ก จนได้รับประกาศนียบัตร
รับรองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน NLP
ผมศึกษาเรื่องรูปแบบภาษาที่น่าหลงใหลในสหรัฐอเมริกา แคนาดา
และอังกฤษ ผมค้นคว้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับทุกเรื่องในการ
ปฏิสัมพันธ์กันของมนุษย์ ผมเคยท�างานกับนักแสดง นักแสดงตลก
ครูสอนการละครในสหรัฐอเมริกา และนักเล่าเรื่องในแอฟริกา ผมได้
ปรับเปลี่ยนเทคนิคการแสดงของพวกเขาให้เป็นเทคนิคชั้นยอดซึ่งจะ
ช่วยพัฒนาทักษะด้านการสนทนาให้ดีขึ้น
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
15
พบกันครั้งแรก
(ตอนที่หนึ่ง)
การเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่นมีประโยชน์มากมาย ทั้งท�าให้เราได้
งาน ได้เลื่อนขั้น ได้ยอดขาย ได้แฟนใหม่ ท�าให้ผู้ฟังตื่นเต้น หรือ
ท�าให้ผ่านการพิจารณาจากพ่อตาแม่ยายในอนาคต ถ้าผู้คนชอบ
คุณ นั่นก็แปลว่าพรมแดงได้ปูต้อนรับคุณอยู่แล้ว ที่คุณต้องท�าก็
คือเชื่อมสัมพันธ์
ผู้คนคือทรัพยำกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ พวกเขาให้ก�าเนิดคุณ
แต่งตัวให้คุณ ให้อาหาร ให้เงิน ท�าให้คุณหัวเราะและร้องไห้ ปลอบ
ประโลมคุณ เยียวยาคุณ น�าเงินของคุณไปลงทุน ซ่อมรถคุณ และ
ฝังศพคุณ เราใช้ชีวิตโดยปราศจากพวกเขาไม่ได้ และเราก็ตายโดย
ไม่มีพวกเขาไม่ได้เช่นกัน
การปฏิสัมพันธ์คือสิ่งที่บรรพบุรุษของเราท�าเมื่อหลายพันปีมาแล้ว
ตอนที่พวกเขารวมตัวกันรอบกองไฟเพื่อกินสเต็กเนื้อช้างแมมมอธ
หรือเย็บหนังสัตว์ส�าหรับแฟชั่นใหม่ล่าสุด มันคือสิ่งที่เราท�าเมื่อเรา
รวมกลุ่มกันเย็บผ้าคลุมเตียง แข่งขันกอล์ฟ ประชุม และขายของ
เก่าหน้าบ้าน มันเป็นรากฐานของวัฒนธรรมของพวกเรา ตั้งแต่
1
พลัง
ของผู้คน
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
16 17
เรื่องซีเรียสไปจนถึงเรื่องหยุมหยิมไร้สาระ ตั้งแต่งานแต่งและงาน
ศพไปจนถึงงานมหกรรมตุ๊กตาบาร์บี้และการแข่งขันกินสปาเก็ตตี
แม้แต่ศิลปินและกวีที่สันโดษที่สุด ซึ่งใช้เวลานานหลายเดือนวาด
ภาพในสตูดิโอหรือประพันธ์บทกวีในคอกท�างานเล็กๆ ในห้องนอน
ก็ยังหวังว่าจะได้ปฏิสัมพันธ์กับสาธารณชนผ่านทางผลงานที่พวก
เขาสร้างสรรค์ขึ้นมา นอกจากนี้การปฏิสัมพันธ์ยังเป็นหัวใจส�าคัญ
ของเสาหลัก 3 ประการในสังคมของพวกเรา ซึ่งได้แก่ รัฐบาล
ศาสนา และโทรทัศน์
ใช่แล้วครับ โทรทัศน์ก็นับด้วย ถ้าคุณถก บางรักซอย 9 และ เป็นต่อ
กับเพื่อนที่เชียงใหม่ยันปัตตานีได้ โทรทัศน์ก็ถือเป็นเครื่องมือหนึ่ง
ที่ช่วยให้ผู้คนเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วย
ผู้คนเป็นหมื่นๆ แสนๆ คนมีผลกระทบต่อชีวิตของเราในทุกแง่
มุม ไม่ว่าจะเป็นนักพยากรณ์อากาศที่อยู่ในสตูดิโอผลิตรายการ
โทรทัศน์ในเมืองใกล้เคียง หรือช่างในบริษัทโทรศัพท์ที่อยู่คนละ
ซีกของทวีป หรือผู้หญิงในเกาะโทบาโกที่เก็บมะม่วงส�าหรับสลัด
ผลไม้ของเรา ทุกๆ วันเราเชื่อมโยงกับผู้คนทั่วโลกทั้งโดยตั้งใจ
และโดยบังเอิญ
ประโยชน์ของการเชื่อมสัมพันธ์
ทั้งตัวเราและสังคมเติบโตจากการที่เราเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อน
มนุษย์ ไม่ว่าจะในฐานะของกลุ่มนักรบหนุ่มที่ออกไปล่าสัตว์ หรือ
ในฐานะกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่มุ่งหน้าไปยังร้านพิซซ่าหลังเลิกงาน
ในวันศุกร์ ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์หนึ่ง เราถูกกระตุ้นโดย
สัญชาตญาณให้รวมตัวกันและก่อตั้งกลุ่มเพื่อนสมาคมและชุมชน
เรามีชีวิตอยู่โดยปราศจากคนอื่นๆ ไม่ได้
เชื่อมสัมพันธ์และใช้ชีวิตที่ยืนยำวกว่ำ
การเชื่อมโยงคือสิ่งที่สมองของเราท�าได้ดีที่สุด มันรับข้อมูลจาก
ประสาทสัมผัสต่างๆ ของเราแล้วประมวลผลด้วยการเชื่อมโยง
ข้อมูลสมองเกิดความเพลิดเพลินและเรียนรู้จากการเชื่อมโยงเหล่า
นี้มันเติบโตและเจริญงอกงามเมื่อมีการเชื่อมโยง
คนเราก็ท�าเช่นเดียวกัน ในหนังสือ สมองฟิต ความคิดปิ๊ง (Keep
YourBrainAlive)ผู้เขียนลอว์เรนซ์แคตซ์และแมนนิงรูบินอ้างอิง
ถึงการศึกษาของมูลนิธิแมคอาร์เธอร์ ศูนย์การมีอายุยืนนานาชาติ
ในนิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยเซาเธิร์นแคลิฟอร์เนีย การศึกษา
เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคนที่เข้าสังคมและเคลื่อนไหวร่างกายมีช่วง
อายุที่ยืนยาวกว่านี่ไม่ได้หมายถึงการคลุกคลีกับผู้คนกลุ่มเดิมและ
ปั่นจักรยานออกก�าลังกายนะครับ แต่หมายถึงการออกนอกบ้าน
และผูกมิตรกับคนใหม่ๆ
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
18 19
เมื่อคุณเชื่อมสัมพันธ์ใหม่ๆ กับโลกภายนอก ภายในคุณก็จะมี
ความเชื่อมโยงใหม่ๆ ตามไปด้วย...ในสมองของคุณนั่นเอง สิ่งนี้
ท�าให้คุณคงความอ่อนเยาว์และตื่นตัวอยู่เสมอ ในหนังสือเรื่อง
โยงใยสัมพันธ์ (Connect) ผู้เขียน เอ็ดเวิร์ด เอ็ม. ฮอลโลเวลล์
อ้างอิงถึงการศึกษาของเทศมณฑลอลาเมดาในปี 1979 โดย
ดร.ลิซ่า เบิร์กแมน แห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขของ
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดร.ลิซ่าและทีมงานของเธอศึกษาผู้คนในวัย
35-65 ปี จ�านวน 7,000 คน ภายในเวลา 9 ปี ได้ผลสรุปว่า คนที่
ไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากการเจ็บ
ป่วยมากกว่าคนที่ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างกว้างขวางเกือบ 3 เท่า!
อะไรก็ตามที่คุณต้องการในชีวิตนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรักใคร่ งานใน
ฝันบัตรดูคอนเสิร์ตก็มีโอกาสค่อนข้างสูงที่คุณต้องให้คนอื่นๆช่วย
ถ้าพวกเขาชอบคุณพวกเขาก็จะเต็มใจให้เวลาคุณและพยายามท�า
เพื่อคุณยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพวกเขามีคุณภาพมากเท่า
ไหร่ พวกเขาก็จะให้ความร่วมมือคุณมากขึ้นตามไปด้วย
เชื่อมสัมพันธ์และรู้สึกปลอดภัย
การเชื่อมสัมพันธ์เป็นสิ่งดีส�าหรับชุมชน แท้จริงแล้วชุมชนคือ
การเชื่อมสัมพันธ์มากมายที่รวมกันจนถึงจุดสูงสุด นั่นก็คือ การ
มีความเชื่อ ความส�าเร็จ ค่านิยม ความสนใจ และภูมิศาสตร์
ร่วมกัน กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวหรอกครับ และเมือง
ดีทรอยต์ก็เช่นกัน
เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ในเมืองที่ปัจจุบันเราเรียกว่า โรม ชาวอินโด-
ยูโรเปียนปฏิสัมพันธ์กันเพื่อล่าสัตว์ เอาตัวรอด และดูแลผู้อื่น
เมื่อ 300 ปีที่แล้ว พ่อค้าชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเพื่อ
สร้างท่าเรือที่ปลอดภัยส�าหรับธุรกิจผ้าขนสัตว์ของเขา เขาเริ่ม
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและไม่นานเมืองดีทรอยต์ก็ถือก�าเนิดขึ้น
เราต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา ในชุมชน
มีผลประโยชน์ร่วมที่แบ่งปันกัน เราจึงดูแลซึ่งกันและกัน ชุมชนที่
เชื่อมสัมพันธ์กันจะมอบความแข็งแกร่งและปลอดภัยให้แก่สมาชิก
เมื่อเรารู้สึกแข็งแกร่งและปลอดภัย เราก็จะได้ใช้แรงที่ได้มาเพื่อน�า
ไปพัฒนาสังคม วัฒนธรรม และจิตใจ
เชื่อมสัมพันธ์และรู้สึกถึงควำมรัก
สุดท้ายนี้เรายังได้รับประโยชน์จากผู้อื่นทางด้านอารมณ์ บางคน
ท�าให้ร่างกายเรารู้สึกมีชีวิตชีวา ซึ่งเราเรียกว่าความรัก บางคน
ท�าให้เราอดทนกับช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสได้มากขึ้น ท�าให้ช่วง
เวลาดีๆ ของเราดีมากขึ้น ไม่ว่าจะผ่านทางภาษากาย อิริยาบถ
สีหน้า น�้าเสียง หรือเพียงค�าพูดก็ตาม
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
20 21
เราต้องการก�าลังใจและความรักจากคนอื่นพอๆ กับที่เราใช้อากาศ
หายใจ และพอๆ กับอาหารที่เรากิน ถ้าเราไม่ได้รับการสัมผัสทาง
ร่างกายและอารมณ์ (อ้อมกอดและรอยยิ้มมีประสิทธิภาพมาก)
เราก็จะแห้งเหี่ยวและตายลงราวกับไม่ได้รับอาหารอย่างแน่นอน
นี่เป็นสาเหตุหลักที่ท�าให้เด็กๆ ในสถานเลี้ยงเด็กก�าพร้ามีร่างกาย
ที่อ่อนแอ แม้พวกเขาจะท้องอิ่มก็ตาม
บ่อยแค่ไหนที่คุณได้ยินเรื่องราวของคู่สมรสที่แต่งงานกันมา 50 ปี
ที่แม้จะมีสุขภาพแข็งแรงแต่ก็เสียชีวิตภายในไม่กี่เดือนหลังจากที่
อีกฝ่ายสิ้นลมหายใจ? อาหารและที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอหรอกครับ
เราต้องการกันและกัน เราต้องการความรัก
เจอหน้า
อินเทอร์เน็ตคือสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการพบปะผู้คนที่มีความ
ชอบเดียวกัน ถ้าคุณมองหานักสะสมตุ๊กตาหมีคนอื่นๆ ในเมือง
โตเลโด หรือนักมวยปล�้าโคลนในเมืองมินสก์ คุณก็จะได้พบพวก
เขาบนเว็บ ส�าหรับคนที่ต้องอยู่แต่ในบ้านเพราะอาการเจ็บป่วย
เว็บไซต์ก็อาจเปรียบเสมือนพรที่พระเจ้าประทานให้เลยทีเดียว
แต่กำรใช้เวลำหลำยชั่วโมงหน้ำจอคอมพิวเตอร์มันทดแทน
กับกำรเจอกันต่อหน้ำไม่ได้หรอกครับ คุณอาจเจอคนที่สนใจ
จีบคุณในห้องแชท แต่คุณจะตกลงแต่งงานกับเขาหรือเธอคนนั้น
ก่อนได้เจอหน้ากันหรือเปล่าล่ะ?
คุณต้องได้อยู่ต่อหน้าคนคนหนึ่งสักพักเพื่อจะได้เข้าใจสิ่งที่เขา
ต้องการจะสื่อ ออร่ารอบตัวก็ส�าคัญเท่าๆ กับรูปร่างหน้าตานั่น
แหละครับเช่นคุณสองคนรู้สึกเคมีตรงกันมั้ยเวลาคุยกัน?คุณตอบ
สนองอย่างเป็นธรรมชาติแค่ไหน? คุณสนใจพูดคุยมากแค่ไหน?
แล้วความเปิดเผย ให้ก�าลังใจ และเป็นมิตรของคุณล่ะ?
ถ้าคุณตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของกันและกันไม่ได้
อะไรๆ ก็คงไม่เป็นอย่างที่คิด สิ่งเหล่านี้สามารถตัดสินได้จากการ
พบปะซึ่งหน้า มันจะบอกคุณว่าคุณก�าลัง “ปฏิสัมพันธ์” กันอย่าง
แท้จริงหรือเปล่า
เหตุผลที่คนน่าเข้าใกล้นั้นน่าคบ
ถ้าผู้คนชอบคุณ พวกเขาก็จะรู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเอง
เมื่ออยู่ใกล้คุณ พวกเขาจะสนใจคุณและยอมเปิดใจให้กับคุณ
แน่นอนว่าการจะเป็นคนน่าเข้าใกล้ รูปลักษณ์ของคุณย่อมเป็นส่วน
ส�าคัญ แต่ที่ส�าคัญกว่าคือคุณท�าให้พวกเขารู้สึกแบบไหนเวลาเจอ
หน้า อดีตพี่เลี้ยงที่เลี้ยงผมให้โตมาเป็นคนชอบอยู่ใกล้ผู้คน เคย
พูดกับผมถึงการเป็น “คนมีความสุข” เธอพาผมไปเดินเล่น แล้ว
เราก็ได้เจอคนที่มีความสุขและคนที่ “อารมณ์บูด” เธอบอกผมว่า
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
22 23
เราเลือกได้ว่าอยากเป็นแบบไหน จากนั้นเราก็จะหัวเราะเมื่อเห็น
คนอารมณ์บูดเพราะพวกเขาดูจริงจังมาก
คนที่น่าเข้าใกล้จะส่งสัญญาณที่ดังและชัดเจนว่าพวกเขาเป็นมิตร
กับผู้อื่น มันเป็นสัญญาณของความมั่นใจในตัวเอง ความจริงใจ
และความน่าไว้เนื้อเชื่อใจ คนที่น่าเข้าใกล้จะมีสีหน้าผ่อนคลาย
เป็นมิตร พวกเขาเปล่งรัศมีที่บ่งบอกว่า “ฉันพร้อมพูดคุยและแลก
เปลี่ยนความคิดกับคุณเสมอ”
ท�าไมต้อง 90 วินาที?
“เวลาเป็นสิ่งมีค่า” “ เวลาเป็นเงินเป็นทอง” “อย่าท�าให้ฉันเสีย
เวลา” เวลากลายเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการอย่างมาก เราจัดสรรเวลา
ท�าให้มันหยุดนิ่ง ช้าลงหรือเร็วขึ้น ลืมเลือน และบิดเบือนมัน เรา
ท�าแม้กระทั่งซื้อเครื่องมือส�าหรับประหยัดเวลา แต่เวลาคือสิ่งหนึ่ง
ที่เราประหยัดไม่ได้...มันเดินอยู่เสมอ
พวกเราเคารพกันและกันมากกว่านี้ในอดีต เราเคยอุทิศเวลาใน
การท�าความรู้จักผู้อื่นอย่างพิถีพิถันและส�ารวจความสนใจร่วมกัน
มากกว่านี้ ในโลกปัจจุบันที่เร่งรีบและวุ่นวาย เราแทบจะไม่มีเวลา
ท�าความรู้จักกัน เรามองหาคนคุยด้วย ประเมิน และคาดเดา จาก
นั้นก็ตัดสินพวกเขาภายในไม่กี่วินาที บ่อยครั้งที่เราท�าเช่นนั้นก่อน
จะได้รู้จักกันเสียอีก มิตรหรือศัตรู? สู้หรือหนี? โอกาสหรือลางร้าย?
คุ้นเคยหรือแปลกหน้า?
คนเราต่างก็คิดไปเองว่าคนอื่นเป็นอย่างโน้นอย่างนี้เสมอ และถ้า
เราไม่ท�าตัวให้น่าพูดคุยด้วยมากพอเราก็อาจโดนมองข้ามได้ง่ายๆ
เหตุผลที่สองที่เราต้องท�าตัวให้น่าเข้าใกล้ภายใน 90 วินาทีหรือ
น้อยกว่า เกี่ยวข้องกับสมาธิที่สั้นลงทุกวันของมนุษย์ คุณเชื่อ
หรือไม่ครับว่า คนทั่วไปตั้งสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานแค่
ประมาณ 30 วินาทีเท่านั้น! คนเราต้องการความแปลกใหม่ ความ
เพลิดเพลิน ถ้าไม่มีอะไรใหม่หรือน่าตื่นเต้นให้จดจ่อ เราก็จะไขว้
เขวและล่องลอยไปหาสิ่งอื่นที่น่าดึงดูดกว่า เช่น งานที่ท�าค้างไว้
ฟุตบอล หรือภาวะโลกร้อน
อ่ำนประโยคนี้แล้วหันหน้ำออกจำกหนังสือจำกนั้นเพ่งควำม
สนใจไปที่อะไรก็ได้ที่ไม่เคลื่อนไหว (ไม่นับผลงำนศิลปะชั้น
ยอด) มองวัตถุนั้นนำน 30 วินำที คุณอำจรู้สึกว่ำตำของคุณ
พร่ำมัวหลังจำกผ่ำนไปแค่ 10 วินำที
ในการสื่อสารกันต่อหน้า แค่เรียกร้องความสนใจจากคนอื่นยังไม่
พอหรอกครับ คุณยังต้องตรึงความสนใจของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย
เพื่อส่งสารหรือบอกความตั้งใจของคุณ คุณดึงดูดความสนใจ
ได้จากการเป็นคนน่าเข้าใกล้ แต่คุณจะตรึงความสนใจนั้นไว้ได้
ก็ด้วยคุณภาพของความสัมพันธ์ที่คุณสร้างขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับ 3 สิ่ง
ต่อไปนี้
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
24 25
1. การแสดงออกของคุณ เช่น รูปร่างหน้าตาของคุณเป็นอย่างไร
คุณเคลื่อนไหวอย่างไร
2. ทัศนคติของคุณ เช่น คุณพูดเรื่องอะไร คุณพูดถึงมันอย่างไร
และตัวคุณเองน่าสนใจแค่ไหน
3. คุณท�าให้ผู้อื่นรู้สึกอย่างไร
เมื่อคุณเรียนรู้วิธีสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนได้อย่างรวดเร็ว ความ
สัมพันธ์ของคุณในที่ท�างานและแม้กระทั่งที่บ้านก็จะพัฒนาขึ้น
คุณจะค้นพบความสุขจากการที่สามารถเข้าถึงใครก็ตามได้ด้วย
ความมั่นใจและจริงใจ อย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้จะเปลี่ยน
บุคลิกคุณ นี่ไม่ใช่การดัดนิสัย ไม่ใช่วิถีชีวิตแบบใหม่ คุณจะไม่ได้
รับคทาวิเศษที่ท�าให้คนทั้งโลกเชิญคุณไปรับประทานอาหารเย็น
สิ่งเหล่านี้คือทักษะในการเชื่อมสัมพันธ์ ซึ่งคุณจะน�ามาใช้ได้ยาม
จ�าเป็นเท่านั้น
การสร้างความสัมพันธ์ภายใน 90 วินาทีอาจเป็นเรื่องน่ากลัว
ส�าหรับคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในสังคม
หรือชุมชน หรือผู้คนในแวดวงธุรกิจของคุณ หรือแม้แต่กลุ่มคนใน
ห้องพิจารณาคดีก็ตาม แต่คุณก�าลังจะได้ค้นพบว่า ตัวคุณนั้น
มีความสามารถที่จ�าเป็นในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นโดย
ธรรมชาติอยู่แล้ว เพียงแต่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเท่านั้นเอง
หันหัวใจ
ให้ตรงกันกับอีกฝ่าย
แล้วปลดกระดุมเม็ดบน
ของเสื้อนอก
ออกสบายๆ
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
27
เป้ าหมายหลักในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มีหัวใจหลักอยู่ 3
ประการด้วยกัน ได้แก่
1. การพบปะ
2. การท�าให้คนชอบ
3. การสื่อสาร
สามสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มที่จะทับซ้อนและ
ผสมกลมกลืนกัน เป้ าหมายของเราคือการท�าสิ่งเหล่านี้อย่างเป็น
ธรรมชาติ คล่องแคล่ว และง่ายดายที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใดคือ
ต้องท�าให้สิ่งเหล่านี้สนุกสนานและคุ้มค่าด้วย
คุณเริ่มกระบวนการปฏิสัมพันธ์ด้วยการพบปะผู้คน บางครั้งคุณ
พบคนบางคนโดยบังเอิญ เช่น ผู้หญิงบนรถไฟ ซึ่งปรากฏว่าชื่น
ชอบหนังของมาร์ติน สกอร์เซซี่ เช่นเดียวกับคุณ และบางครั้งคุณ
ก็พบคนบางคนเพราะคุณเลือกเอง เช่น ผู้ชายที่ลูกพี่ลูกน้องของ
คุณแนะน�าให้คุณรู้จักเพราะเขาชอบเชกสเปียร์ ไวน์ชั้นดี และบัน
จี้จัมพ์เช่นเดียวกับคุณ
2
ความ
ประทับใจ
แรกพบ
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
28 29
ถ้าการพบปะคือการที่คน 2 คนหรือมากกว่านั้นมารวมตัวกัน การ
สื่อสารก็คือสิ่งที่เราท�าตั้งแต่วินาทีที่เราได้อยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย และ
เวลา 90 วินาทีในการท�าให้คนชอบก็จะเกิดขึ้นระหว่างเหตุการณ์
ทั้งสองนี้(การพบปะและการสื่อสาร)
การพบปะ
ถ้าคุณสร้างความประทับใจได้โดนใจอีกฝ่ายภายใน 3-4 วินาที
แรก เขาก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าคุณเป็นคนจริงใจ ไม่มีพิษภัย และไว้ใจ
ได้ โอกาสที่จะเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ก็อยู่ไม่ไกลแล้วล่ะครับ
กำรทักทำย
เราเรียกช่วงเวลา 2-3 วินาทีแรกของการติดต่อสื่อสารกันว่า “การ
ทักทาย” ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 5 ส่วน ได้แก่
1. เปิด
2. สบตา
3. ยิ้มแย้ม
4. สวัสดี!
5. โน้มเข้าหา
เปิ ด ส่วนแรกของการทักทายคือการเปิดทัศนคติและท่าทาง ใน
การท�าให้ขั้นตอนนี้เป็นไปด้วยดี คุณจะต้องรู้ตัวก่อนว่าท่าทีแบบ
ไหนของตัวเองดูเป็นกันเองที่สุด ให้หัวใจของคุณหันเข้าหาหัวใจ
อีกฝ่ายตลอดเวลา อย่าใช้มือหรือแขนปิดหัวใจ และถ้าท�าได้ก็ให้
ลองปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อนอกออกให้ดูผ่อนคลาย
สบตำ ส่วนที่สองของการทักทายต้องใช้ดวงตาของคุณ จงเป็น
คนแรกที่สบตา มองตรงเข้าไปในดวงตาของคนที่คุณเพิ่งรู้จัก ให้
ดวงตาเป็นสื่อบอกว่าคุณจริงใจและไม่มีพิษภัยใดๆ การสบตาคือ
การติดต่อสื่อสารที่แท้จริง!
ท�าความคุ้นเคยกับการสบตาผู้อื่นอย่างจริงจัง เมื่อคุณดูทีวี ให้
สังเกตสีตาของคนในทีวีให้ดีและพูดสีตานั้นกับตัวเอง ท�าแบบนี้
กับทุกคนที่คุณพบในวันรุ่งขึ้น มองตรงเข้าไปในดวงตาของพวกเขา
ยิ้มแย้ม ส่วนนี้เกี่ยวพันใกล้ชิดกับการสบตา ยิ้มแย้ม! จงยิ้มก่อน!
ตอนนี้คุณได้รับความสนใจจากผู้อื่นจากภาษากายที่เปิดแล้ว ซึ่ง
ก็คือการสบตาและรอยยิ้มนั่นเอง สิ่งที่บุคคลนั้นได้รับไปโดยไม่รู้
ตัวคือ ความประทับใจที่ไม่ได้มาจากไอ้งั่งจอมแสยะยิ้ม (แม้คุณ
จะกลัวอยู่เล็กๆ ว่าตัวเองอาจเป็นแบบนั้น!) แต่มาจากคนที่จริงใจ
ต่างหาก
สวัสดี ไม่ว่าจะเป็นค�าว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” หรือ “สวัสดี” หรือ
แม้แต่ “หวัดดี” ก็ให้พูดด้วยน�้าเสียงที่น่าฟังและเอ่ยชื่อของตัวเอง
ด้วย (“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนาโอมิ”) จงเป็นคนแรกที่แนะน�าตัวเองเช่น
เดียวกับการยิ้มและสบตา นี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้รวบรวมข้อมูล
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
30 31
มากมายมหาศาลเกี่ยวกับคนที่คุณก�าลังคุยด้วย มันเป็นข้อมูลที่
คุณจะน�ามาใช้ประโยชน์ในบทสนทนาในภายหลังได้
จงเป็นคนน�า ยื่นมือของคุณไปหาอีกฝ่าย และถ้าสถานการณ์เอื้อ
อ�านวยก็หาทางพูดชื่อของเขาซัก 2-3 ครั้งเพื่อช่วยให้จ�าได้ ไม่ใช่
“เกลนดา เกลนดา เกลนดา ยินดีที่ได้พบคุณครับ” แต่เป็น “เกลน
ดา ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ เกลนดา!” คุณจะได้เห็นในบทที่ 7 ว่า
คุณต้องกล่าวถึง “วาระหรือสถานที่” ตามด้วย
โน้มเข้ำหำ ส่วนสุดท้ายของการแนะน�าตัวคือ “การโน้มเข้าหา”
การกระท�านี้อาจเป็นการโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจนแทบสังเกต
เห็นไม่ได้ ไปจนถึงการแสดงความสนใจให้เห็นอย่างเปิดเผยใน
ขณะที่คุณเริ่มท�าตัว “กลมกลืน” กับคนที่คุณเพิ่งพบเจอ
การจับมือมีตั้งแต่การจับอย่างหนักแน่นบดกระดูกไปจนถึงอ่อน
ปวกเปียกเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว ทั้งสองแบบต่างก็น่าจดจ�า แต่ใน
บางกรณีพอจับมือกันแล้วเกิดไม่อยากคุยกันก็มี
เราต่างคาดหวังให้การจับมือทักทายนั้นหนักแน่นและเคารพอีก
ฝ่ายแต่หากการจับมือครั้งนั้นไม่เป็นไปตามคาดอีกฝ่ายก็จะเอะใจ
ว่าเกิดอะไรขึ้น สมองคนเราเกลียดความสับสน และเมื่อมันเผชิญ
ความสับสน สิ่งแรกที่สัญชาตญานบอกให้ท�าคือถอยห่าง
การจับมือแบบ “แฮนดส์-ฟรี” (hands-free) คือการจับมือโดยไม่
ใช้มือ มันคือเครื่องมือที่ทรงพลัง แค่ท�าทุกอย่างที่คุณท�าตอนจับ
มือแบบปกติแต่ไม่ใช้มือแค่นั้นเองครับ หันหัวใจของคุณไปหาอีก
ฝ่ายและกล่าวทักทาย ยิ้มแย้มทั้งริมฝีปากและดวงตา ปลดปล่อย
พลังงานพิเศษแบบเดียวกับที่คุณส่งไปขณะจับมือให้เต็มที่
อีกอย่าง การจับมือแบบ “แฮนดส์-ฟรี” ยังให้ผลดีเยี่ยมในการน�า
เสนองานต่างๆ เมื่อคุณต้องการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ฟัง
อีกด้วยล่ะครับ
แบบฝึกหัดÊ�หรับการทักทาย
ยิงพลังงาน
นี่คือแบบฝึกหัดหนึ่งที่เราท�ากันในงานสัมมนาของผมเอง แต่ถึงแม้
ไม่มีคนคุม คุณก็ท�าด้วยตัวเองได้ครับ!
สิ่งหนึ่งที่คุณต้องมีคือคู่ที่จะฝึกฝนด้วย พอหาได้แล้วก็ให้ยืนห่าง
กันประมาณ 2 เมตรครึ่ง หันหน้าเข้าหากันเหมือนคู่ดวลปืนใน
หนังคาวบอย เมื่อคุณพูดว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ!” ให้ประกบมือเข้าหา
กันแล้วเลื่อนมือข้างขวาออกไปทางคู่ฝึก โดยมือซ้ายยังอยู่กับที่
รวบรวมพลังงานทั้งหมดทั่วร่างกายแล้วเก็บไว้ในหัวใจ จากนั้นส่ง
ผ่านพลังงานผ่านมือขวา (ข้างที่คุณใช้จับมืออีกฝ่าย) ตรงเข้าไป
ในหัวใจของอีกฝ่าย
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
32 33
ทั้งหมดนี่คือค�าอธิบายที่ยาวยืดส�าหรับการกระท�าที่ใช้เวลาไม่ถึง 2
วินาที แต่เมื่อช่องทางทั้งหก ซึ่งได้แก่ ร่างกาย หัวใจ ดวงตา รอย
ยิ้ม การประสานมือ และเสียง/ลมหายใจ ถูกยิงไปยังอีกฝ่ายด้วย
ความเร็วสูงก็จะเกิดการถ่ายทอดพลังงานจ�านวนมหาศาล
หลังจากคู่ของคุณได้รับพลังงานที่คุณส่งไป เขาก็ควรยิงมันกลับ
มาทันทีด้วยวิธีเดียวกัน ผลัดกันถ่ายทอดพลังงานอย่างรวดเร็ว
ไปเรื่อยๆ ดูให้แน่ใจว่าคุณใช้ช่องทางทั้งหกพร้อมกัน แต่ละฝ่าย
ฝึกท�าเช่นนี้นาน 2 นาที
ความสนุกที่แท้จริงเริ่มขึ้นตอนนี้เองครับ คุณจะได้เริ่มส่งพลังงาน
ไปในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ พลังงานจากศีรษะ/เหตุผล พลังงานจาก
คอ/การสื่อสาร พลังงานจากหัวใจ/ความรัก พลังงานจากช่องท้อง
และพลังงานทางเพศ
ตอนนี้ท�าแบบเดิมจากศีรษะสู่ศีรษะ แทนที่จะเป็นจากหัวใจสู่หัวใจ
ถ่ายทอดพลังงานจากศีรษะ/เหตุผลให้กันและกันไปเรื่อยๆ จนคุณ
สองคนเห็นตรงกันว่าสัมผัสมันได้แล้ว จากนั้นเปลี่ยนเป็นพลังงาน
จากหัวใจ/ความรัก หลังจากรับส่งพลังงานแล้ว 2-3 นาที ก็ลองท�า
ที่บริเวณอื่นๆ บ้าง เช่น จากคอสู่คอ จากช่องท้องสู่ช่องท้อง ฯลฯ
ลองดูว่าคุณอยากจะส่งพลังงานแบบใด แต่อย่าพูดให้คู่ของคุณ
รู้นะครับ คราวนี้ทักทายคู่ฝึกของคุณ จับมือกัน พูดว่า “สวัสดี
ค่ะ/ครับ” แล้วสาดพลัง! คู่ฝึกของคุณต้องบอกให้ได้ว่าเขาได้รับ
พลังงานชนิดใด ผลัดกันยิงพลังงาน ฝึกแล้วฝึกอีกจนกระทั่งภาษา
กายของคุณแทบจะสังเกตเห็นไม่ได้
ออกไปข้างนอกแล้วลองส่งพลังงานให้ผู้คนที่คุณพบเจอ ยิง
พลังงานเมื่อคุณกล่าว “สวัสดี” ให้คนที่ตลาด พนักงานเสิร์ฟในร้าน
กาแฟน้องสะใภ้ หรือผู้ชายที่ซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารในออฟฟิศของ
คุณ พวกเขาจะสังเกตเห็นสิ่งพิเศษในตัวคุณ บางคนอาจจะเรียก
มันว่า “คุณสมบัติของดารา” เลยก็ได้!
การท�าให้คนชอบ
การท�าให้คนชอบคือการสร้างความเหมือน สร้างพื้นที่สุขสบายที่
คน 2 คน (หรือมากกว่า) เชื่อมโยงกันทางจิตใจได้ เมื่อคุณท�าให้
คนชอบได้ พวกคุณแต่ละคนก็จะมอบบางสิ่งให้อีกฝ่าย เช่น ความ
ใส่ใจ ความอบอุ่น อารมณ์ขัน และแต่ละคนก็จะได้รับบางสิ่งกลับ
มา เช่น อารมณ์ร่วม ความเห็นอกเห็นใจ บางทีอาจเป็นมุกตลก
เจ๋งๆ สิ่งเหล่านี้คือสารหล่อลื่นที่ท�าให้สังคมของเราด�าเนินไปอย่าง
ราบรื่น
เมื่อคุณท�าให้คนชอบได้ส�าเร็จ รางวัลที่ได้คือการยอมรับจากผู้อื่น
พวกเขาจะไม่พูดออกมาหรอกครับ แต่มันจะเป็นสัญญาณท�านอง
ว่า “ฉันรู้ว่าฉันเพิ่งรู้จักคุณ แต่ฉันชอบคุณ เพราะฉะนั้นฉันจะเชื่อ
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
34 35
ใจคุณด้วยการเอาใจใส่คุณ” บางครั้งความชอบก็เกิดขึ้นเอง บาง
ครั้งคุณก็ต้องพยายามคว้ามาให้ได้
ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ของคุณจะขึ้นอยู่กับ 4
อย่าง ได้แก่
1. ทัศนคติ
2. ทักษะในการท�าให้ภาษากายและน�้าเสียง “กลมกลืน” กัน
3. ทักษะในการสนทนา
4. ทักษะในการค้นหาว่าอีกฝ่ายใช้ประสาทสัมผัสใดมากที่สุด
เมื่อคุณช�านาญทักษะทั้ง 4 ด้าน คุณก็จะท�าให้ใครๆ ชอบคุณได้
อย่างรวดเร็วและทุกที่ทุกเวลา
ในบทต่อๆ ไปคุณจะพบว่าการท�าความคุ้นเคยกับคนแปลกหน้า
ให้รวดเร็วขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก คุณจะเข้ากันได้ดีจนเหมือนรู้จัก
กันมานานเลยทีเดียว
นักเรียนของผมหลายคนบอกว่า พอพวกเขาท�าให้คนชอบได้อย่าง
เป็นธรรมชาติแล้ว หลายคนก็จะถามพวกเขาว่า “แน่ใจเหรอว่า
เราไม่เคยเจอกันมาก่อน?” ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดีครับ ผมเจอ
ตลอดแหละ คุณก็จะได้เจอเหตุการณ์คล้ายกับพวกเราเมื่อคุณ
เคลื่อนที่เข้าไปในโลกของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย มันคือความ
รู้สึกที่วิเศษทีเดียว
การสื่อสาร
ทุกคนดูจะเข้าใจค�าว่า “การสื่อสาร” แตกต่างกัน แต่ค�าจ�ากัด
ความทั่วไปก็น่าจะเป็น “การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคน 2 คน
(หรือมากกว่า)”... “การส่งผ่านข้อมูล”... “การที่คนอื่นเข้าใจเรา”
ในยุคแรกๆ ของการคิดค้นเรื่องการโน้มน้าวใจด้วยภาษาจิต
ประสาท (Neuro-Linguistic Programming หรือ NLP) ซึ่งเป็น
โครงการวิจัยเกี่ยวกับ “การศึกษาเรื่องความเป็นเลิศ และแบบ
จ�าลองวิธีที่บุคคลสร้างประสบการณ์ด้านความรู้สึก” ริชาร์ด แบนด์เลอร์
และจอห์น กรินเดอร์ ได้ให้ค�าจ�ากัดความของการสื่อสารไว้อย่าง
มีประสิทธิภาพว่า “ความหมายของการสื่อสารขึ้นอยู่กับการตอบ
สนองที่มันได้รับ” นี่คือค�าจ�ากัดความที่เรียบง่ายและเฉลียวฉลาด
เพราะมันหมายความว่ากำรสื่อสำรของคุณจะประสบควำม
ส�ำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวคุณ 100%
คุณเป็นคนส่งสารเองกับมือ และคุณคือผู้รับผิดชอบที่จะท�าให้มัน
ได้ผล และถ้ามันไม่ได้ผล ก็คุณอีกนั่นแหละที่ต้องเป็นคนเปลี่ยน
พฤติกรรมของตัวเองจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการในที่สุด ในการ
กล่าวถึงรูปแบบและหน้าที่ของการสื่อสารในที่นี้ให้สมมติว่าเรามี
วิธีโต้ตอบหรือผลลัพธ์อยู่ในใจอยู่แล้ว คนที่มีทักษะในการสื่อสาร
ต�่าจะไม่คิดถึงการโต้ตอบที่พวกเขาต้องการจากอีกฝ่าย และด้วย
เหตุนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
36 37
ทักษะที่คุณจะได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการ
สื่อสารของคุณในทุกระดับ ตั้งแต่การสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ
ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งตัวคุณเองและคนรอบข้าง
ให้ดีขึ้น
สูตรส�าหรับการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมี 3 ส่วนที่แตกต่างกัน
อย่างชัดเจน ดังนี้
รู้ว่ำตัวเองต้องกำรอะไร ก�าหนดเป้ าหมายโดยใส่รายละเอียด
เข้าไปด้วย เช่น “ฉันต้องการความสัมพันธ์ที่ดี ฉันจินตนาการว่า
ความสัมพันธ์นี้จะท�าให้ฉันรู้สึกยังไง เห็นอะไร ได้ยินอะไร ได้กลิ่น
อะไร หรือแม้แต่ได้รับรสแบบไหน และฉันรู้ว่าจะได้มันมาเมื่อไหร่
ในที่สุด” นี่คือรายละเอียด ซึ่งตรงข้ามกับ “ฉันเหงา”
ค้นหำว่ำตัวเองก�ำลังได้รับสิ่งใด คอยรับฟังค�าติชมอยู่เสมอ
เปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองท�ำไปเรื่อยๆ จนกว่ำจะได้สิ่งที่ต้องกำร
วางแผนแล้วท�าตามแผนที่วางไว้ เช่น “ฉันจะเชิญคน 10 คนมา
ทานอาหารเย็นทุกคืนวันเสาร์” และคอยรับฟังค�าติชม ท�าไปซ�้าๆ
วางแผนใหม่-ลงมือท�า-รับค�าติชม จนคุณได้สิ่งที่ต้องการ คุณอาจ
จะน�าวงจรนี้ไปใช้กับเรื่องอื่นๆ ในชีวิตด้วยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง
การเงิน ความรัก กีฬา อาชีพการงาน ได้ทุกอย่างเลยครับ!
รู้ (Know) ว่าตัวเองต้องการอะไร
ค้นหำ (Find) ว่าตัวเองก�าลังได้รับสิ่งใด
เปลี่ยน (Change) สิ่งที่ตัวเองท�าไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ
จ�าง่ายใช้มั้ยล่ะครับ เพราะพันเอกผู้เฉลียวฉลาด
คนหนึ่งได้เปิดร้านฟาสต์ฟู้ ด
โดยใช้ชื่อเป็นอักษรย่อว่า KFC
ทุกครั้งที่เราเห็นป้ ายร้านของเขา มันก็จะคอยเตือนให้เรา
ถามตัวเองว่า “ทักษะในการสื่อสารของเราพัฒนา
ไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
สิ่งที่คุณจะเจอต่อจากนี้...
ในบทต่อๆไปเราจะเรียนรู้วิธีท�าให้คนชอบให้ละเอียดยิ่งขึ้นรวมถึง
การแสดงภาพลักษณ์ของคุณในแง่บวก คุณจะได้เรียนรู้ว่าการพบ
กันครั้งแรกในเบื้องหน้าเป็นอย่างไร และในเบื้องหลังเป็นอย่างไร
คุณจะได้รู้ว่าภาษากายของคุณมีเสน่ห์ดึงดูดส�าหรับบางคน ใน
ขณะที่อีกคนอาจจะไม่สนใจแต่ถ้าคุณรู้จักปรับลักษณะท่าทางการ
เคลื่อนไหวบางอย่างของตัวเองพวกเขาก็จะหันมาชอบคุณมากขึ้น
จากนั้นเราจะเจาะลึกเรื่องความกลมกลืน คุณจะได้เรียนรู้วิธี
วางตัวให้เหมาะสมสอดคล้องกับสัญญาณที่ผู้อื่นส่งให้คุณ เพื่อ
ทำ�อะไรใครก็ Like
ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที
How to Make People Like You
in 90 Seconds or Less
38 39
ให้พวกเขารู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้คุณ นอกจากนี้เราจะกล่าวถึง
ควำมส�ำคัญอย่ำงยิ่งยวดของน�้ำเสียงอีกด้วย ว่ามันมีอิทธิพล
ต่ออารมณ์และความรู้สึกที่เราต้องการสื่ออย่างไร
หนึ่งบทเต็มๆ ที่เราจะทุ่มเทให้กับการเปิดบทสนทนาและการท�าให้
บทสนทนานั้นมีชีวิตชีวาตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อมาเราจะวิเคราะห์
วิธีเปิดใจคน วิธีชมเชย การได้รู้จักอีกฝ่าย รวมถึงการเป็นคนน่า
จดจ�าด้วย
ท้ายที่สุดเราจะเจาะลึกลงไปยิ่งขึ้น ไปจนถึงแก่นของจิตใจผู้คน แม้
เราจะเดินทางท่องโลกผ่านทางประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่คนเราก็ยัง
ใช้ประสาทสัมผัส 1 อย่างมากกว่าอีก 4 อย่างที่เหลือเสมอ ผมจะ
แสดงให้คุณเห็นวิธีที่ผู้คนบอกเป็นนัยๆ ว่าพวกเขาชอบใช้ประสาท
สัมผัสส่วนไหนมากที่สุดคนที่พึ่งพาหูเป็นหลักย่อมแตกต่างจากคน
ที่พึ่งพาดวงตาเป็นหลัก แล้วคุณจะได้ค้นพบวิธีปรับเปลี่ยนตัวเอง
ให้เข้าหาผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
แต่ละบทจะมีแบบฝึกหัดอย่างน้อย 1 แบบฝึกหัดที่จะช่วยให้
คุณตระหนักถึงพลังของการเชื่อมโยงกัน บางแบบฝึกหัดคุณใช้
ฝึกคนเดียวก็ได้ แต่บางแบบฝึกหัดต้องมีคู่ฝึก ยอมรับเถอะครับ
ว่าการสื่อสารแบบต่อหน้าและทักษะในการสร้างความสัมพันธ์
เป็นกิจกรรมที่อาศัยการโต้ตอบกัน คุณไม่สามารถท�าทุกอย่างได้
ด้วยตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือเด็กเล็ก ต่างก็ถือกุญแจที่จะบอก
ว่าพวกเขามองโลกยังไง ผ่านภาษากาย น�้าเสียง การเคลื่อนไหว
ดวงตา และการเลือกใช้ถ้อยค�า มันเป็นเรื่องธรรมชาติครับ และ
มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าคุณจะคว้าเอากุญแจดอกที่ว่ามาไว้ใน
มือได้หรือเปล่า เพื่อความสัมพันธ์ที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น เรามา
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ!

More Related Content

More from Piyapong Sirisutthanant

ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยPiyapong Sirisutthanant
 
How to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sampleHow to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything samplePiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่นตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่นPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดPiyapong Sirisutthanant
 
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่นPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็นตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็นPiyapong Sirisutthanant
 

More from Piyapong Sirisutthanant (20)

ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
 
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
 
AI 2041 ตัวอย่าง
AI 2041 ตัวอย่างAI 2041 ตัวอย่าง
AI 2041 ตัวอย่าง
 
LHTL_Sample.pdf
LHTL_Sample.pdfLHTL_Sample.pdf
LHTL_Sample.pdf
 
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
 
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
 
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
 
You canlearnanything sample
You canlearnanything sampleYou canlearnanything sample
You canlearnanything sample
 
Successful peopleact sample
Successful peopleact sampleSuccessful peopleact sample
Successful peopleact sample
 
AI SUPERPOWERS_Sample
AI SUPERPOWERS_SampleAI SUPERPOWERS_Sample
AI SUPERPOWERS_Sample
 
How to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sampleHow to be better at (almost) everything sample
How to be better at (almost) everything sample
 
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่นตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
ตัวอย่างหนังสือ Productivity คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น
 
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อยตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
ตัวอย่างหนังสือ ชีวิตดีเมื่อมีของน้อย
 
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัดตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่างหนังสือ ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด
 
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
5 ทักษะการคิดฉบับญี่ปุ่น
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKRตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
ตัวอย่างหนังสือ อยากสำเร็จต้องโฟกัส ด้วยแนวคิด OKR
 
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็นตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
ตัวอย่างหนังสือ คนเก่งพักเป็น
 

ตัวอย่างหนังสือ ทำอะไร ใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที

  • 1. ทำ�อะไร ใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจ ใน 9 วินาที HOW TO MAKE PEOPLE LIKE YOU IN 90 SECONDS OR LESS Nicholas Boothman
  • 3. How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 5 ท�ำอะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินำที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less Copyright © 2000, 2008 by Nicholas Boothman Published by arrangement with Workman Publishing Company, New York Thai language translation copyright © 2019 by Superposition Co., Ltd. All rights reserved. เลขมาตรฐานสากลประจ�าหนังสือ ISBN 978-616-8109-12-0 ผู้เขียน Nicholas Boothman ผู้แปล กนกกาญจน์ เวชชวิศิษฏ์ กองบรรณาธิการ จิรวรรณ วงค�าเสา, ธีร์ มีนสุข, ปิยะพงษ์ ศิริสุทธานันท์ ออกแบบปก เชนิสา เพื่อวงศ์ จัดรูปเล่ม พัชรินทร์ โชคบัณฑิต ราคา 225 บาท จัดพิมพ์โดย ส�ำนักพิมพ์บิงโก ภายในเครือ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด (Superposition Co., Ltd.) 18 ซอยดุลิยา ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. 10170 อีเมล superposition.books@gmail.com โทรศัพท์ 094-810-7272 เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/bingobooks จัดจ�ำหน่ำยโดย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ากัด (มหาชน) SE-EDUCATION Public Company Limited เลขที่ 1858/87-90 ถนนเทพรัตน แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทร. 0-2826-8000 โทรสาร 0-2826-8999 เว็บไซต์ www.se-ed.com พิมพ์ที่ P.R. Color Print โทรศัพท์ 02-806-6344 หากต้องการสั่งซื้อเป็นจ�านวนมาก กรุณาติดต่อรับส่วนลดได้ที่ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด อีเมล์ superposition.books@gmail.com บทน�า ตอนที่หนึ่ง : พบกันครั้งแรก 1. พลังของผู้คน ประโยชน์ของการเชื่อมสัมพันธ์ เจอหน้า เหตุผลที่คนน่าเข้าใกล้นั้นน่าคบ ท�าไมต้อง 90 วินาที? 2. ความประทับใจแรกพบ การพบปะ แบบฝึกหัดส�าหรับการทักทาย: ยิงพลังงาน การท�าให้คนชอบ การสื่อสาร สิ่งที่คุณจะเจอต่อจากนี้... สารบัญ 10 14 15 17 20 21 22 27 28 31 33 35 37
  • 4. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 6 7 ตอนที่สอง: ท�าให้คนชอบใน 90 วินาที 3. “คนคนนี้มีบางอย่างที่ฉันชอบมาก!” ความชอบโดยธรรมชาติ ความชอบที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ความชอบที่เกิดขึ้นโดยเจตนา ความเหมือนกัน 4. ทัศนคติคือทุกสิ่ง ทัศนคติที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ทัศนคติที่ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง คุณเลือกเองได้ แบบฝึกหัดเกี่ยวกับทัศนคติ: กระตุ้นความทรงจ�าแห่งความสุข 5. การกระท�าส�าคัญกว่าค�าพูดจริงๆ ภาษากาย จีบ พฤติกรรมที่สอดคล้อง การสื่อสารที่ชวนให้เขว แบบฝึกหัดด้านพฤติกรรมที่สอดคล้อง: ค�าพูดและน�้าเสียง เป็นตัวของตัวเอง 6. เราชอบคนที่เหมือนตัวเอง กลมกลืนโดยธรรมชาติ ศิลปะของการท�าตัวกลมกลืน อันธพาล ท�าสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แบบฝึกหัดในการท�าตัว (ไม่) กลมกลืน 40 41 42 44 45 46 51 52 53 55 59 65 65 72 73 77 80 80 83 84 88 100 102 103
  • 5. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 8 9 ตอนที่สาม: เคล็ดลับของการสื่อสาร 7. อย่าเอาแต่พูด ให้ฟังด้วย หยุดพูดแล้วเริ่มถาม! สัญญาณที่คุณพลาดไป ฟังอย่างตั้งใจ ให้และรับ พูดอย่างมีสีสัน แบบฝึกหัดเกี่ยวกับน�้าเสียง: ผลกระทบของเสียง ความประทับใจมิรู้ลืม 8. ท�าความเข้าใจประสาทสัมผัส รับรู้ทางตา ทางหู หรือว่า ทางความรู้สึกกันแน่? แบบทดสอบตัวเอง: คุณถนัดประสาทสัมผัสใด การปรับเข้าหาประสาทสัมผัสที่ผู้อื่นชอบใช้มากที่สุด การพูดโดยใช้ค�าเปรียบเปรย ภาพและเสียง 9. ค้นหาประสาทสัมผัสที่ผู้อื่นชอบใช้มากที่สุด ลักษณะของคนที่ชอบใช้ประสาทสัมผัสแต่ละชนิด สิ่งที่โทรทัศน์มอบให้ กระตุ้นเพื่อให้ได้ค�าตอบมากขึ้น สัญญาณทางค�าพูด สัญญาณทางสายตา แบบฝึกหัดในการมองหาประสาทสัมผัสที่ผู้อื่นชอบใช้: ล็อกสมอง แบบฝึกหัดเกี่ยวกับสัญญาณทางสายตา วันหยุดพักผ่อนที่ได้มาอย่างยากล�าบากของอิงกริด ภาพใหญ่ 10. น�าทุกสิ่งมารวมกัน ฉันจะเริ่มจากไหนดี สมมติว่าเขาชอบคุณ นิทานสอนใจสมัยใหม่ เกี่ยวกับผู้เขียน 106 107 108 120 123 126 131 132 134 139 141 145 150 154 155 159 160 162 165 169 175 181 182 184 187 193 197 201 203 207
  • 6. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 10 11 ผมเรียนรู้จากการถ่ายภาพนิ่งให้นิตยสารมานาน 25 ปี ว่า 1. ทัศนคติและภาษากายคือสิ่งส�าคัญยิ่งในการสร้างความประทับ ใจ โฆษณาในนิตยสารมีเวลาไม่ถึง 2 วินาทีในการเรียกความ สนใจจากผู้อ่าน 2. ภาษากายและน�้าเสียงสามารถท�าให้คนแปลกหน้ารู้สึกสบายใจ ได้ และอาจจะอยากให้ความร่วมมือด้วย 3. ค�าพูดไม่กี่ค�าก็ท�าให้สีหน้าอารมณ์และการกระท�าของผู้คนแตก ต่างกันออกไปได้ เนื่องจากผมมีข้อมูลเหล่านี้อยู่ ผมจึงตัดสินใจที่จะศึกษาให้ลึกยิ่ง ขึ้นไปอีก ท�าไมการเป็นมิตรกับคนบางคนจึงง่ายกว่ากับคนอื่นๆ? ท�าไมผมถึง พูดคุยเรื่องที่น่าสนใจกับคนที่เพิ่งพบเจอได้สบายๆ ในขณะที่คนอื่น อาจมองข้ามคนคนเดียวกันเพราะรู้สึกว่าเขาน่าเบื่อหรือน่ากลัว? มี บางอย่างที่ก�าลังขวางกั้นไม่ให้เราไขปัญหาเหล่านี้ออกได้ มันคือ อะไรกันนะ? เมื่อผมแสวงหาค�าตอบมาถึงจุดนี้ผมก็เจอผลงานในช่วงแรกๆ ของ ดร.ริชาร์ด แบนด์เลอร์ และดร.จอห์น กรินเดอร์ แห่งมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนียลอสแอนเจลิสเข้าโดยบังเอิญ ในหัวข้อที่มีชื่อยากๆ ว่า บทน�า การจะค้นพบ “เคล็ดลับ” ของความส�าเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งคุณเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่นเก่งมากเท่าไหร่ ชีวิตคุณก็ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น ผมค้นพบเคล็ดลับในการเข้ากันได้ดีกับผู้อื่นเป็นครั้งแรกก็ตอน ท�างานเป็นช่างภาพโฆษณาและแฟชั่น ตั้งแต่นางแบบ 1 คนเพื่อ ภาพ 1 หน้าในนิตยสาร Vogue ไปจนถึงท�างานกับคน 400 คน บนเรือเพื่อโปรโมตบริษัทเดินเรือของนอร์เวย์ ส�าหรับผมแล้วอาชีพ ถ่ายภาพเป็นเรื่องของการถูกชะตากับผู้คนมากกว่ากล้องราคา แพงซะอีก ผมรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับคนอื่นได้ง่ายนี่อาจเป็นความสามารถพิเศษ หรือเปล่า? หรือมันเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ได้? และถ้ามันเป็นสิ่งที่เรา เรียนรู้ได้ เราจะสอนเรื่องนี้ให้ผู้อื่นได้หรือไม่? ผมตัดสินใจค้นหา ค�าตอบ
  • 7. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 12 13 นับตั้งแต่นั้นมา ผมก็ได้จัดสัมมนาและบรรยายเรื่องนี้ทั่วโลก ผม ท�างานร่วมกับผู้คนทุกรูปแบบทั้งเป็นกลุ่มและเดี่ยว ตั้งแต่ทีมขาย ไปจนถึงครูบาอาจารย์ ตั้งแต่ผู้น�าองค์กรที่คิดว่าตัวเองรู้ทุกสิ่งไปจน ถึงเด็กๆ ที่ขี้อายมากจนใครต่อใครคิดว่าพวกเขาโง่เขลาเบาปัญญา ทั้งหมดนี้ท�าให้ผมได้ข้อสรุปบางอย่าง นั่นคือ กำรท�ำให้ผู้คนชื่น ชอบคุณภำยใน 90 วินำทีเป็นทักษะที่สอนกันได้ ด้วยวิธีง่ำยๆ และเป็ นธรรมชำติอีกต่ำงหำก! มีคนบอกผมซ�้าแล้วซ�้าเล่าว่า “นิก เรื่องนี้มันเจ๋งมากเลยนะ ท�าไม นายไม่เขียนหนังสือซักเล่มล่ะ?” ผมเชื่อเขา และหนังสือเล่มนั้นก็ อยู่ตรงนี้แล้ว นิโคลัส บูธแมน การโน้มน้าวใจด้วยภาษาจิตประสาท(NeuroLinguisticProgram- ming) หรือเรียกสั้นๆ ว่า NLP ผู้ชาย 2 คนนี้และเพื่อนร่วมงานของเขาได้วิเคราะห์สิ่งที่ผมท�าโดย สัญชาตญาณว่าเป็น“ศาสตร์และศิลป์ ของความเป็นเลิศส่วนบุคคล” พวกเขายังบอกอีกด้วยว่าทุกคนมี “ประสำทสัมผัสที่ชอบใช้” ค้นหาประสาทสัมผัสนี้ให้เจอแล้วคุณก็จะมีกุญแจส�าหรับเปิดหัวใจ และจิตใจของผู้คน เมื่อผมได้ค้นพบเส้นทางใหม่ที่ตัวเองสนใจแล้วจึงตัดสินใจพักเรื่อง กล้องไว้ก่อน ผมหันไปโฟกัสที่กลไกการคิดของผู้คน รวมไปถึง การแสดงออกของพวกเขา ผมใช้เวลาอีก 2-3 ปีต่อมาไปเรียนกับ ดร.แบนด์เลอร์ในลอนดอนและนิวยอร์ก จนได้รับประกาศนียบัตร รับรองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน NLP ผมศึกษาเรื่องรูปแบบภาษาที่น่าหลงใหลในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ ผมค้นคว้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับทุกเรื่องในการ ปฏิสัมพันธ์กันของมนุษย์ ผมเคยท�างานกับนักแสดง นักแสดงตลก ครูสอนการละครในสหรัฐอเมริกา และนักเล่าเรื่องในแอฟริกา ผมได้ ปรับเปลี่ยนเทคนิคการแสดงของพวกเขาให้เป็นเทคนิคชั้นยอดซึ่งจะ ช่วยพัฒนาทักษะด้านการสนทนาให้ดีขึ้น
  • 8. How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 15 พบกันครั้งแรก (ตอนที่หนึ่ง) การเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่นมีประโยชน์มากมาย ทั้งท�าให้เราได้ งาน ได้เลื่อนขั้น ได้ยอดขาย ได้แฟนใหม่ ท�าให้ผู้ฟังตื่นเต้น หรือ ท�าให้ผ่านการพิจารณาจากพ่อตาแม่ยายในอนาคต ถ้าผู้คนชอบ คุณ นั่นก็แปลว่าพรมแดงได้ปูต้อนรับคุณอยู่แล้ว ที่คุณต้องท�าก็ คือเชื่อมสัมพันธ์ ผู้คนคือทรัพยำกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ พวกเขาให้ก�าเนิดคุณ แต่งตัวให้คุณ ให้อาหาร ให้เงิน ท�าให้คุณหัวเราะและร้องไห้ ปลอบ ประโลมคุณ เยียวยาคุณ น�าเงินของคุณไปลงทุน ซ่อมรถคุณ และ ฝังศพคุณ เราใช้ชีวิตโดยปราศจากพวกเขาไม่ได้ และเราก็ตายโดย ไม่มีพวกเขาไม่ได้เช่นกัน การปฏิสัมพันธ์คือสิ่งที่บรรพบุรุษของเราท�าเมื่อหลายพันปีมาแล้ว ตอนที่พวกเขารวมตัวกันรอบกองไฟเพื่อกินสเต็กเนื้อช้างแมมมอธ หรือเย็บหนังสัตว์ส�าหรับแฟชั่นใหม่ล่าสุด มันคือสิ่งที่เราท�าเมื่อเรา รวมกลุ่มกันเย็บผ้าคลุมเตียง แข่งขันกอล์ฟ ประชุม และขายของ เก่าหน้าบ้าน มันเป็นรากฐานของวัฒนธรรมของพวกเรา ตั้งแต่ 1 พลัง ของผู้คน
  • 9. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 16 17 เรื่องซีเรียสไปจนถึงเรื่องหยุมหยิมไร้สาระ ตั้งแต่งานแต่งและงาน ศพไปจนถึงงานมหกรรมตุ๊กตาบาร์บี้และการแข่งขันกินสปาเก็ตตี แม้แต่ศิลปินและกวีที่สันโดษที่สุด ซึ่งใช้เวลานานหลายเดือนวาด ภาพในสตูดิโอหรือประพันธ์บทกวีในคอกท�างานเล็กๆ ในห้องนอน ก็ยังหวังว่าจะได้ปฏิสัมพันธ์กับสาธารณชนผ่านทางผลงานที่พวก เขาสร้างสรรค์ขึ้นมา นอกจากนี้การปฏิสัมพันธ์ยังเป็นหัวใจส�าคัญ ของเสาหลัก 3 ประการในสังคมของพวกเรา ซึ่งได้แก่ รัฐบาล ศาสนา และโทรทัศน์ ใช่แล้วครับ โทรทัศน์ก็นับด้วย ถ้าคุณถก บางรักซอย 9 และ เป็นต่อ กับเพื่อนที่เชียงใหม่ยันปัตตานีได้ โทรทัศน์ก็ถือเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่ช่วยให้ผู้คนเชื่อมโยงถึงกันได้ด้วย ผู้คนเป็นหมื่นๆ แสนๆ คนมีผลกระทบต่อชีวิตของเราในทุกแง่ มุม ไม่ว่าจะเป็นนักพยากรณ์อากาศที่อยู่ในสตูดิโอผลิตรายการ โทรทัศน์ในเมืองใกล้เคียง หรือช่างในบริษัทโทรศัพท์ที่อยู่คนละ ซีกของทวีป หรือผู้หญิงในเกาะโทบาโกที่เก็บมะม่วงส�าหรับสลัด ผลไม้ของเรา ทุกๆ วันเราเชื่อมโยงกับผู้คนทั่วโลกทั้งโดยตั้งใจ และโดยบังเอิญ ประโยชน์ของการเชื่อมสัมพันธ์ ทั้งตัวเราและสังคมเติบโตจากการที่เราเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อน มนุษย์ ไม่ว่าจะในฐานะของกลุ่มนักรบหนุ่มที่ออกไปล่าสัตว์ หรือ ในฐานะกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่มุ่งหน้าไปยังร้านพิซซ่าหลังเลิกงาน ในวันศุกร์ ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์หนึ่ง เราถูกกระตุ้นโดย สัญชาตญาณให้รวมตัวกันและก่อตั้งกลุ่มเพื่อนสมาคมและชุมชน เรามีชีวิตอยู่โดยปราศจากคนอื่นๆ ไม่ได้ เชื่อมสัมพันธ์และใช้ชีวิตที่ยืนยำวกว่ำ การเชื่อมโยงคือสิ่งที่สมองของเราท�าได้ดีที่สุด มันรับข้อมูลจาก ประสาทสัมผัสต่างๆ ของเราแล้วประมวลผลด้วยการเชื่อมโยง ข้อมูลสมองเกิดความเพลิดเพลินและเรียนรู้จากการเชื่อมโยงเหล่า นี้มันเติบโตและเจริญงอกงามเมื่อมีการเชื่อมโยง คนเราก็ท�าเช่นเดียวกัน ในหนังสือ สมองฟิต ความคิดปิ๊ง (Keep YourBrainAlive)ผู้เขียนลอว์เรนซ์แคตซ์และแมนนิงรูบินอ้างอิง ถึงการศึกษาของมูลนิธิแมคอาร์เธอร์ ศูนย์การมีอายุยืนนานาชาติ ในนิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยเซาเธิร์นแคลิฟอร์เนีย การศึกษา เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคนที่เข้าสังคมและเคลื่อนไหวร่างกายมีช่วง อายุที่ยืนยาวกว่านี่ไม่ได้หมายถึงการคลุกคลีกับผู้คนกลุ่มเดิมและ ปั่นจักรยานออกก�าลังกายนะครับ แต่หมายถึงการออกนอกบ้าน และผูกมิตรกับคนใหม่ๆ
  • 10. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 18 19 เมื่อคุณเชื่อมสัมพันธ์ใหม่ๆ กับโลกภายนอก ภายในคุณก็จะมี ความเชื่อมโยงใหม่ๆ ตามไปด้วย...ในสมองของคุณนั่นเอง สิ่งนี้ ท�าให้คุณคงความอ่อนเยาว์และตื่นตัวอยู่เสมอ ในหนังสือเรื่อง โยงใยสัมพันธ์ (Connect) ผู้เขียน เอ็ดเวิร์ด เอ็ม. ฮอลโลเวลล์ อ้างอิงถึงการศึกษาของเทศมณฑลอลาเมดาในปี 1979 โดย ดร.ลิซ่า เบิร์กแมน แห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขของ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดร.ลิซ่าและทีมงานของเธอศึกษาผู้คนในวัย 35-65 ปี จ�านวน 7,000 คน ภายในเวลา 9 ปี ได้ผลสรุปว่า คนที่ ไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากการเจ็บ ป่วยมากกว่าคนที่ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างกว้างขวางเกือบ 3 เท่า! อะไรก็ตามที่คุณต้องการในชีวิตนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรักใคร่ งานใน ฝันบัตรดูคอนเสิร์ตก็มีโอกาสค่อนข้างสูงที่คุณต้องให้คนอื่นๆช่วย ถ้าพวกเขาชอบคุณพวกเขาก็จะเต็มใจให้เวลาคุณและพยายามท�า เพื่อคุณยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพวกเขามีคุณภาพมากเท่า ไหร่ พวกเขาก็จะให้ความร่วมมือคุณมากขึ้นตามไปด้วย เชื่อมสัมพันธ์และรู้สึกปลอดภัย การเชื่อมสัมพันธ์เป็นสิ่งดีส�าหรับชุมชน แท้จริงแล้วชุมชนคือ การเชื่อมสัมพันธ์มากมายที่รวมกันจนถึงจุดสูงสุด นั่นก็คือ การ มีความเชื่อ ความส�าเร็จ ค่านิยม ความสนใจ และภูมิศาสตร์ ร่วมกัน กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวหรอกครับ และเมือง ดีทรอยต์ก็เช่นกัน เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ในเมืองที่ปัจจุบันเราเรียกว่า โรม ชาวอินโด- ยูโรเปียนปฏิสัมพันธ์กันเพื่อล่าสัตว์ เอาตัวรอด และดูแลผู้อื่น เมื่อ 300 ปีที่แล้ว พ่อค้าชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเพื่อ สร้างท่าเรือที่ปลอดภัยส�าหรับธุรกิจผ้าขนสัตว์ของเขา เขาเริ่ม ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและไม่นานเมืองดีทรอยต์ก็ถือก�าเนิดขึ้น เราต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา ในชุมชน มีผลประโยชน์ร่วมที่แบ่งปันกัน เราจึงดูแลซึ่งกันและกัน ชุมชนที่ เชื่อมสัมพันธ์กันจะมอบความแข็งแกร่งและปลอดภัยให้แก่สมาชิก เมื่อเรารู้สึกแข็งแกร่งและปลอดภัย เราก็จะได้ใช้แรงที่ได้มาเพื่อน�า ไปพัฒนาสังคม วัฒนธรรม และจิตใจ เชื่อมสัมพันธ์และรู้สึกถึงควำมรัก สุดท้ายนี้เรายังได้รับประโยชน์จากผู้อื่นทางด้านอารมณ์ บางคน ท�าให้ร่างกายเรารู้สึกมีชีวิตชีวา ซึ่งเราเรียกว่าความรัก บางคน ท�าให้เราอดทนกับช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสได้มากขึ้น ท�าให้ช่วง เวลาดีๆ ของเราดีมากขึ้น ไม่ว่าจะผ่านทางภาษากาย อิริยาบถ สีหน้า น�้าเสียง หรือเพียงค�าพูดก็ตาม
  • 11. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 20 21 เราต้องการก�าลังใจและความรักจากคนอื่นพอๆ กับที่เราใช้อากาศ หายใจ และพอๆ กับอาหารที่เรากิน ถ้าเราไม่ได้รับการสัมผัสทาง ร่างกายและอารมณ์ (อ้อมกอดและรอยยิ้มมีประสิทธิภาพมาก) เราก็จะแห้งเหี่ยวและตายลงราวกับไม่ได้รับอาหารอย่างแน่นอน นี่เป็นสาเหตุหลักที่ท�าให้เด็กๆ ในสถานเลี้ยงเด็กก�าพร้ามีร่างกาย ที่อ่อนแอ แม้พวกเขาจะท้องอิ่มก็ตาม บ่อยแค่ไหนที่คุณได้ยินเรื่องราวของคู่สมรสที่แต่งงานกันมา 50 ปี ที่แม้จะมีสุขภาพแข็งแรงแต่ก็เสียชีวิตภายในไม่กี่เดือนหลังจากที่ อีกฝ่ายสิ้นลมหายใจ? อาหารและที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอหรอกครับ เราต้องการกันและกัน เราต้องการความรัก เจอหน้า อินเทอร์เน็ตคือสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการพบปะผู้คนที่มีความ ชอบเดียวกัน ถ้าคุณมองหานักสะสมตุ๊กตาหมีคนอื่นๆ ในเมือง โตเลโด หรือนักมวยปล�้าโคลนในเมืองมินสก์ คุณก็จะได้พบพวก เขาบนเว็บ ส�าหรับคนที่ต้องอยู่แต่ในบ้านเพราะอาการเจ็บป่วย เว็บไซต์ก็อาจเปรียบเสมือนพรที่พระเจ้าประทานให้เลยทีเดียว แต่กำรใช้เวลำหลำยชั่วโมงหน้ำจอคอมพิวเตอร์มันทดแทน กับกำรเจอกันต่อหน้ำไม่ได้หรอกครับ คุณอาจเจอคนที่สนใจ จีบคุณในห้องแชท แต่คุณจะตกลงแต่งงานกับเขาหรือเธอคนนั้น ก่อนได้เจอหน้ากันหรือเปล่าล่ะ? คุณต้องได้อยู่ต่อหน้าคนคนหนึ่งสักพักเพื่อจะได้เข้าใจสิ่งที่เขา ต้องการจะสื่อ ออร่ารอบตัวก็ส�าคัญเท่าๆ กับรูปร่างหน้าตานั่น แหละครับเช่นคุณสองคนรู้สึกเคมีตรงกันมั้ยเวลาคุยกัน?คุณตอบ สนองอย่างเป็นธรรมชาติแค่ไหน? คุณสนใจพูดคุยมากแค่ไหน? แล้วความเปิดเผย ให้ก�าลังใจ และเป็นมิตรของคุณล่ะ? ถ้าคุณตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของกันและกันไม่ได้ อะไรๆ ก็คงไม่เป็นอย่างที่คิด สิ่งเหล่านี้สามารถตัดสินได้จากการ พบปะซึ่งหน้า มันจะบอกคุณว่าคุณก�าลัง “ปฏิสัมพันธ์” กันอย่าง แท้จริงหรือเปล่า เหตุผลที่คนน่าเข้าใกล้นั้นน่าคบ ถ้าผู้คนชอบคุณ พวกเขาก็จะรู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเอง เมื่ออยู่ใกล้คุณ พวกเขาจะสนใจคุณและยอมเปิดใจให้กับคุณ แน่นอนว่าการจะเป็นคนน่าเข้าใกล้ รูปลักษณ์ของคุณย่อมเป็นส่วน ส�าคัญ แต่ที่ส�าคัญกว่าคือคุณท�าให้พวกเขารู้สึกแบบไหนเวลาเจอ หน้า อดีตพี่เลี้ยงที่เลี้ยงผมให้โตมาเป็นคนชอบอยู่ใกล้ผู้คน เคย พูดกับผมถึงการเป็น “คนมีความสุข” เธอพาผมไปเดินเล่น แล้ว เราก็ได้เจอคนที่มีความสุขและคนที่ “อารมณ์บูด” เธอบอกผมว่า
  • 12. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 22 23 เราเลือกได้ว่าอยากเป็นแบบไหน จากนั้นเราก็จะหัวเราะเมื่อเห็น คนอารมณ์บูดเพราะพวกเขาดูจริงจังมาก คนที่น่าเข้าใกล้จะส่งสัญญาณที่ดังและชัดเจนว่าพวกเขาเป็นมิตร กับผู้อื่น มันเป็นสัญญาณของความมั่นใจในตัวเอง ความจริงใจ และความน่าไว้เนื้อเชื่อใจ คนที่น่าเข้าใกล้จะมีสีหน้าผ่อนคลาย เป็นมิตร พวกเขาเปล่งรัศมีที่บ่งบอกว่า “ฉันพร้อมพูดคุยและแลก เปลี่ยนความคิดกับคุณเสมอ” ท�าไมต้อง 90 วินาที? “เวลาเป็นสิ่งมีค่า” “ เวลาเป็นเงินเป็นทอง” “อย่าท�าให้ฉันเสีย เวลา” เวลากลายเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการอย่างมาก เราจัดสรรเวลา ท�าให้มันหยุดนิ่ง ช้าลงหรือเร็วขึ้น ลืมเลือน และบิดเบือนมัน เรา ท�าแม้กระทั่งซื้อเครื่องมือส�าหรับประหยัดเวลา แต่เวลาคือสิ่งหนึ่ง ที่เราประหยัดไม่ได้...มันเดินอยู่เสมอ พวกเราเคารพกันและกันมากกว่านี้ในอดีต เราเคยอุทิศเวลาใน การท�าความรู้จักผู้อื่นอย่างพิถีพิถันและส�ารวจความสนใจร่วมกัน มากกว่านี้ ในโลกปัจจุบันที่เร่งรีบและวุ่นวาย เราแทบจะไม่มีเวลา ท�าความรู้จักกัน เรามองหาคนคุยด้วย ประเมิน และคาดเดา จาก นั้นก็ตัดสินพวกเขาภายในไม่กี่วินาที บ่อยครั้งที่เราท�าเช่นนั้นก่อน จะได้รู้จักกันเสียอีก มิตรหรือศัตรู? สู้หรือหนี? โอกาสหรือลางร้าย? คุ้นเคยหรือแปลกหน้า? คนเราต่างก็คิดไปเองว่าคนอื่นเป็นอย่างโน้นอย่างนี้เสมอ และถ้า เราไม่ท�าตัวให้น่าพูดคุยด้วยมากพอเราก็อาจโดนมองข้ามได้ง่ายๆ เหตุผลที่สองที่เราต้องท�าตัวให้น่าเข้าใกล้ภายใน 90 วินาทีหรือ น้อยกว่า เกี่ยวข้องกับสมาธิที่สั้นลงทุกวันของมนุษย์ คุณเชื่อ หรือไม่ครับว่า คนทั่วไปตั้งสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานแค่ ประมาณ 30 วินาทีเท่านั้น! คนเราต้องการความแปลกใหม่ ความ เพลิดเพลิน ถ้าไม่มีอะไรใหม่หรือน่าตื่นเต้นให้จดจ่อ เราก็จะไขว้ เขวและล่องลอยไปหาสิ่งอื่นที่น่าดึงดูดกว่า เช่น งานที่ท�าค้างไว้ ฟุตบอล หรือภาวะโลกร้อน อ่ำนประโยคนี้แล้วหันหน้ำออกจำกหนังสือจำกนั้นเพ่งควำม สนใจไปที่อะไรก็ได้ที่ไม่เคลื่อนไหว (ไม่นับผลงำนศิลปะชั้น ยอด) มองวัตถุนั้นนำน 30 วินำที คุณอำจรู้สึกว่ำตำของคุณ พร่ำมัวหลังจำกผ่ำนไปแค่ 10 วินำที ในการสื่อสารกันต่อหน้า แค่เรียกร้องความสนใจจากคนอื่นยังไม่ พอหรอกครับ คุณยังต้องตรึงความสนใจของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย เพื่อส่งสารหรือบอกความตั้งใจของคุณ คุณดึงดูดความสนใจ ได้จากการเป็นคนน่าเข้าใกล้ แต่คุณจะตรึงความสนใจนั้นไว้ได้ ก็ด้วยคุณภาพของความสัมพันธ์ที่คุณสร้างขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับ 3 สิ่ง ต่อไปนี้
  • 13. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 24 25 1. การแสดงออกของคุณ เช่น รูปร่างหน้าตาของคุณเป็นอย่างไร คุณเคลื่อนไหวอย่างไร 2. ทัศนคติของคุณ เช่น คุณพูดเรื่องอะไร คุณพูดถึงมันอย่างไร และตัวคุณเองน่าสนใจแค่ไหน 3. คุณท�าให้ผู้อื่นรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณเรียนรู้วิธีสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนได้อย่างรวดเร็ว ความ สัมพันธ์ของคุณในที่ท�างานและแม้กระทั่งที่บ้านก็จะพัฒนาขึ้น คุณจะค้นพบความสุขจากการที่สามารถเข้าถึงใครก็ตามได้ด้วย ความมั่นใจและจริงใจ อย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้จะเปลี่ยน บุคลิกคุณ นี่ไม่ใช่การดัดนิสัย ไม่ใช่วิถีชีวิตแบบใหม่ คุณจะไม่ได้ รับคทาวิเศษที่ท�าให้คนทั้งโลกเชิญคุณไปรับประทานอาหารเย็น สิ่งเหล่านี้คือทักษะในการเชื่อมสัมพันธ์ ซึ่งคุณจะน�ามาใช้ได้ยาม จ�าเป็นเท่านั้น การสร้างความสัมพันธ์ภายใน 90 วินาทีอาจเป็นเรื่องน่ากลัว ส�าหรับคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในสังคม หรือชุมชน หรือผู้คนในแวดวงธุรกิจของคุณ หรือแม้แต่กลุ่มคนใน ห้องพิจารณาคดีก็ตาม แต่คุณก�าลังจะได้ค้นพบว่า ตัวคุณนั้น มีความสามารถที่จ�าเป็นในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นโดย ธรรมชาติอยู่แล้ว เพียงแต่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเท่านั้นเอง หันหัวใจ ให้ตรงกันกับอีกฝ่าย แล้วปลดกระดุมเม็ดบน ของเสื้อนอก ออกสบายๆ
  • 14. How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 27 เป้ าหมายหลักในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มีหัวใจหลักอยู่ 3 ประการด้วยกัน ได้แก่ 1. การพบปะ 2. การท�าให้คนชอบ 3. การสื่อสาร สามสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มที่จะทับซ้อนและ ผสมกลมกลืนกัน เป้ าหมายของเราคือการท�าสิ่งเหล่านี้อย่างเป็น ธรรมชาติ คล่องแคล่ว และง่ายดายที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ต้องท�าให้สิ่งเหล่านี้สนุกสนานและคุ้มค่าด้วย คุณเริ่มกระบวนการปฏิสัมพันธ์ด้วยการพบปะผู้คน บางครั้งคุณ พบคนบางคนโดยบังเอิญ เช่น ผู้หญิงบนรถไฟ ซึ่งปรากฏว่าชื่น ชอบหนังของมาร์ติน สกอร์เซซี่ เช่นเดียวกับคุณ และบางครั้งคุณ ก็พบคนบางคนเพราะคุณเลือกเอง เช่น ผู้ชายที่ลูกพี่ลูกน้องของ คุณแนะน�าให้คุณรู้จักเพราะเขาชอบเชกสเปียร์ ไวน์ชั้นดี และบัน จี้จัมพ์เช่นเดียวกับคุณ 2 ความ ประทับใจ แรกพบ
  • 15. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 28 29 ถ้าการพบปะคือการที่คน 2 คนหรือมากกว่านั้นมารวมตัวกัน การ สื่อสารก็คือสิ่งที่เราท�าตั้งแต่วินาทีที่เราได้อยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย และ เวลา 90 วินาทีในการท�าให้คนชอบก็จะเกิดขึ้นระหว่างเหตุการณ์ ทั้งสองนี้(การพบปะและการสื่อสาร) การพบปะ ถ้าคุณสร้างความประทับใจได้โดนใจอีกฝ่ายภายใน 3-4 วินาที แรก เขาก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าคุณเป็นคนจริงใจ ไม่มีพิษภัย และไว้ใจ ได้ โอกาสที่จะเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ก็อยู่ไม่ไกลแล้วล่ะครับ กำรทักทำย เราเรียกช่วงเวลา 2-3 วินาทีแรกของการติดต่อสื่อสารกันว่า “การ ทักทาย” ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 5 ส่วน ได้แก่ 1. เปิด 2. สบตา 3. ยิ้มแย้ม 4. สวัสดี! 5. โน้มเข้าหา เปิ ด ส่วนแรกของการทักทายคือการเปิดทัศนคติและท่าทาง ใน การท�าให้ขั้นตอนนี้เป็นไปด้วยดี คุณจะต้องรู้ตัวก่อนว่าท่าทีแบบ ไหนของตัวเองดูเป็นกันเองที่สุด ให้หัวใจของคุณหันเข้าหาหัวใจ อีกฝ่ายตลอดเวลา อย่าใช้มือหรือแขนปิดหัวใจ และถ้าท�าได้ก็ให้ ลองปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อนอกออกให้ดูผ่อนคลาย สบตำ ส่วนที่สองของการทักทายต้องใช้ดวงตาของคุณ จงเป็น คนแรกที่สบตา มองตรงเข้าไปในดวงตาของคนที่คุณเพิ่งรู้จัก ให้ ดวงตาเป็นสื่อบอกว่าคุณจริงใจและไม่มีพิษภัยใดๆ การสบตาคือ การติดต่อสื่อสารที่แท้จริง! ท�าความคุ้นเคยกับการสบตาผู้อื่นอย่างจริงจัง เมื่อคุณดูทีวี ให้ สังเกตสีตาของคนในทีวีให้ดีและพูดสีตานั้นกับตัวเอง ท�าแบบนี้ กับทุกคนที่คุณพบในวันรุ่งขึ้น มองตรงเข้าไปในดวงตาของพวกเขา ยิ้มแย้ม ส่วนนี้เกี่ยวพันใกล้ชิดกับการสบตา ยิ้มแย้ม! จงยิ้มก่อน! ตอนนี้คุณได้รับความสนใจจากผู้อื่นจากภาษากายที่เปิดแล้ว ซึ่ง ก็คือการสบตาและรอยยิ้มนั่นเอง สิ่งที่บุคคลนั้นได้รับไปโดยไม่รู้ ตัวคือ ความประทับใจที่ไม่ได้มาจากไอ้งั่งจอมแสยะยิ้ม (แม้คุณ จะกลัวอยู่เล็กๆ ว่าตัวเองอาจเป็นแบบนั้น!) แต่มาจากคนที่จริงใจ ต่างหาก สวัสดี ไม่ว่าจะเป็นค�าว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” หรือ “สวัสดี” หรือ แม้แต่ “หวัดดี” ก็ให้พูดด้วยน�้าเสียงที่น่าฟังและเอ่ยชื่อของตัวเอง ด้วย (“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนาโอมิ”) จงเป็นคนแรกที่แนะน�าตัวเองเช่น เดียวกับการยิ้มและสบตา นี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้รวบรวมข้อมูล
  • 16. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 30 31 มากมายมหาศาลเกี่ยวกับคนที่คุณก�าลังคุยด้วย มันเป็นข้อมูลที่ คุณจะน�ามาใช้ประโยชน์ในบทสนทนาในภายหลังได้ จงเป็นคนน�า ยื่นมือของคุณไปหาอีกฝ่าย และถ้าสถานการณ์เอื้อ อ�านวยก็หาทางพูดชื่อของเขาซัก 2-3 ครั้งเพื่อช่วยให้จ�าได้ ไม่ใช่ “เกลนดา เกลนดา เกลนดา ยินดีที่ได้พบคุณครับ” แต่เป็น “เกลน ดา ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ เกลนดา!” คุณจะได้เห็นในบทที่ 7 ว่า คุณต้องกล่าวถึง “วาระหรือสถานที่” ตามด้วย โน้มเข้ำหำ ส่วนสุดท้ายของการแนะน�าตัวคือ “การโน้มเข้าหา” การกระท�านี้อาจเป็นการโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจนแทบสังเกต เห็นไม่ได้ ไปจนถึงการแสดงความสนใจให้เห็นอย่างเปิดเผยใน ขณะที่คุณเริ่มท�าตัว “กลมกลืน” กับคนที่คุณเพิ่งพบเจอ การจับมือมีตั้งแต่การจับอย่างหนักแน่นบดกระดูกไปจนถึงอ่อน ปวกเปียกเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว ทั้งสองแบบต่างก็น่าจดจ�า แต่ใน บางกรณีพอจับมือกันแล้วเกิดไม่อยากคุยกันก็มี เราต่างคาดหวังให้การจับมือทักทายนั้นหนักแน่นและเคารพอีก ฝ่ายแต่หากการจับมือครั้งนั้นไม่เป็นไปตามคาดอีกฝ่ายก็จะเอะใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น สมองคนเราเกลียดความสับสน และเมื่อมันเผชิญ ความสับสน สิ่งแรกที่สัญชาตญานบอกให้ท�าคือถอยห่าง การจับมือแบบ “แฮนดส์-ฟรี” (hands-free) คือการจับมือโดยไม่ ใช้มือ มันคือเครื่องมือที่ทรงพลัง แค่ท�าทุกอย่างที่คุณท�าตอนจับ มือแบบปกติแต่ไม่ใช้มือแค่นั้นเองครับ หันหัวใจของคุณไปหาอีก ฝ่ายและกล่าวทักทาย ยิ้มแย้มทั้งริมฝีปากและดวงตา ปลดปล่อย พลังงานพิเศษแบบเดียวกับที่คุณส่งไปขณะจับมือให้เต็มที่ อีกอย่าง การจับมือแบบ “แฮนดส์-ฟรี” ยังให้ผลดีเยี่ยมในการน�า เสนองานต่างๆ เมื่อคุณต้องการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ฟัง อีกด้วยล่ะครับ แบบฝึกหัดÊ�หรับการทักทาย ยิงพลังงาน นี่คือแบบฝึกหัดหนึ่งที่เราท�ากันในงานสัมมนาของผมเอง แต่ถึงแม้ ไม่มีคนคุม คุณก็ท�าด้วยตัวเองได้ครับ! สิ่งหนึ่งที่คุณต้องมีคือคู่ที่จะฝึกฝนด้วย พอหาได้แล้วก็ให้ยืนห่าง กันประมาณ 2 เมตรครึ่ง หันหน้าเข้าหากันเหมือนคู่ดวลปืนใน หนังคาวบอย เมื่อคุณพูดว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ!” ให้ประกบมือเข้าหา กันแล้วเลื่อนมือข้างขวาออกไปทางคู่ฝึก โดยมือซ้ายยังอยู่กับที่ รวบรวมพลังงานทั้งหมดทั่วร่างกายแล้วเก็บไว้ในหัวใจ จากนั้นส่ง ผ่านพลังงานผ่านมือขวา (ข้างที่คุณใช้จับมืออีกฝ่าย) ตรงเข้าไป ในหัวใจของอีกฝ่าย
  • 17. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 32 33 ทั้งหมดนี่คือค�าอธิบายที่ยาวยืดส�าหรับการกระท�าที่ใช้เวลาไม่ถึง 2 วินาที แต่เมื่อช่องทางทั้งหก ซึ่งได้แก่ ร่างกาย หัวใจ ดวงตา รอย ยิ้ม การประสานมือ และเสียง/ลมหายใจ ถูกยิงไปยังอีกฝ่ายด้วย ความเร็วสูงก็จะเกิดการถ่ายทอดพลังงานจ�านวนมหาศาล หลังจากคู่ของคุณได้รับพลังงานที่คุณส่งไป เขาก็ควรยิงมันกลับ มาทันทีด้วยวิธีเดียวกัน ผลัดกันถ่ายทอดพลังงานอย่างรวดเร็ว ไปเรื่อยๆ ดูให้แน่ใจว่าคุณใช้ช่องทางทั้งหกพร้อมกัน แต่ละฝ่าย ฝึกท�าเช่นนี้นาน 2 นาที ความสนุกที่แท้จริงเริ่มขึ้นตอนนี้เองครับ คุณจะได้เริ่มส่งพลังงาน ไปในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ พลังงานจากศีรษะ/เหตุผล พลังงานจาก คอ/การสื่อสาร พลังงานจากหัวใจ/ความรัก พลังงานจากช่องท้อง และพลังงานทางเพศ ตอนนี้ท�าแบบเดิมจากศีรษะสู่ศีรษะ แทนที่จะเป็นจากหัวใจสู่หัวใจ ถ่ายทอดพลังงานจากศีรษะ/เหตุผลให้กันและกันไปเรื่อยๆ จนคุณ สองคนเห็นตรงกันว่าสัมผัสมันได้แล้ว จากนั้นเปลี่ยนเป็นพลังงาน จากหัวใจ/ความรัก หลังจากรับส่งพลังงานแล้ว 2-3 นาที ก็ลองท�า ที่บริเวณอื่นๆ บ้าง เช่น จากคอสู่คอ จากช่องท้องสู่ช่องท้อง ฯลฯ ลองดูว่าคุณอยากจะส่งพลังงานแบบใด แต่อย่าพูดให้คู่ของคุณ รู้นะครับ คราวนี้ทักทายคู่ฝึกของคุณ จับมือกัน พูดว่า “สวัสดี ค่ะ/ครับ” แล้วสาดพลัง! คู่ฝึกของคุณต้องบอกให้ได้ว่าเขาได้รับ พลังงานชนิดใด ผลัดกันยิงพลังงาน ฝึกแล้วฝึกอีกจนกระทั่งภาษา กายของคุณแทบจะสังเกตเห็นไม่ได้ ออกไปข้างนอกแล้วลองส่งพลังงานให้ผู้คนที่คุณพบเจอ ยิง พลังงานเมื่อคุณกล่าว “สวัสดี” ให้คนที่ตลาด พนักงานเสิร์ฟในร้าน กาแฟน้องสะใภ้ หรือผู้ชายที่ซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารในออฟฟิศของ คุณ พวกเขาจะสังเกตเห็นสิ่งพิเศษในตัวคุณ บางคนอาจจะเรียก มันว่า “คุณสมบัติของดารา” เลยก็ได้! การท�าให้คนชอบ การท�าให้คนชอบคือการสร้างความเหมือน สร้างพื้นที่สุขสบายที่ คน 2 คน (หรือมากกว่า) เชื่อมโยงกันทางจิตใจได้ เมื่อคุณท�าให้ คนชอบได้ พวกคุณแต่ละคนก็จะมอบบางสิ่งให้อีกฝ่าย เช่น ความ ใส่ใจ ความอบอุ่น อารมณ์ขัน และแต่ละคนก็จะได้รับบางสิ่งกลับ มา เช่น อารมณ์ร่วม ความเห็นอกเห็นใจ บางทีอาจเป็นมุกตลก เจ๋งๆ สิ่งเหล่านี้คือสารหล่อลื่นที่ท�าให้สังคมของเราด�าเนินไปอย่าง ราบรื่น เมื่อคุณท�าให้คนชอบได้ส�าเร็จ รางวัลที่ได้คือการยอมรับจากผู้อื่น พวกเขาจะไม่พูดออกมาหรอกครับ แต่มันจะเป็นสัญญาณท�านอง ว่า “ฉันรู้ว่าฉันเพิ่งรู้จักคุณ แต่ฉันชอบคุณ เพราะฉะนั้นฉันจะเชื่อ
  • 18. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 34 35 ใจคุณด้วยการเอาใจใส่คุณ” บางครั้งความชอบก็เกิดขึ้นเอง บาง ครั้งคุณก็ต้องพยายามคว้ามาให้ได้ ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ของคุณจะขึ้นอยู่กับ 4 อย่าง ได้แก่ 1. ทัศนคติ 2. ทักษะในการท�าให้ภาษากายและน�้าเสียง “กลมกลืน” กัน 3. ทักษะในการสนทนา 4. ทักษะในการค้นหาว่าอีกฝ่ายใช้ประสาทสัมผัสใดมากที่สุด เมื่อคุณช�านาญทักษะทั้ง 4 ด้าน คุณก็จะท�าให้ใครๆ ชอบคุณได้ อย่างรวดเร็วและทุกที่ทุกเวลา ในบทต่อๆ ไปคุณจะพบว่าการท�าความคุ้นเคยกับคนแปลกหน้า ให้รวดเร็วขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก คุณจะเข้ากันได้ดีจนเหมือนรู้จัก กันมานานเลยทีเดียว นักเรียนของผมหลายคนบอกว่า พอพวกเขาท�าให้คนชอบได้อย่าง เป็นธรรมชาติแล้ว หลายคนก็จะถามพวกเขาว่า “แน่ใจเหรอว่า เราไม่เคยเจอกันมาก่อน?” ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดีครับ ผมเจอ ตลอดแหละ คุณก็จะได้เจอเหตุการณ์คล้ายกับพวกเราเมื่อคุณ เคลื่อนที่เข้าไปในโลกของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย มันคือความ รู้สึกที่วิเศษทีเดียว การสื่อสาร ทุกคนดูจะเข้าใจค�าว่า “การสื่อสาร” แตกต่างกัน แต่ค�าจ�ากัด ความทั่วไปก็น่าจะเป็น “การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคน 2 คน (หรือมากกว่า)”... “การส่งผ่านข้อมูล”... “การที่คนอื่นเข้าใจเรา” ในยุคแรกๆ ของการคิดค้นเรื่องการโน้มน้าวใจด้วยภาษาจิต ประสาท (Neuro-Linguistic Programming หรือ NLP) ซึ่งเป็น โครงการวิจัยเกี่ยวกับ “การศึกษาเรื่องความเป็นเลิศ และแบบ จ�าลองวิธีที่บุคคลสร้างประสบการณ์ด้านความรู้สึก” ริชาร์ด แบนด์เลอร์ และจอห์น กรินเดอร์ ได้ให้ค�าจ�ากัดความของการสื่อสารไว้อย่าง มีประสิทธิภาพว่า “ความหมายของการสื่อสารขึ้นอยู่กับการตอบ สนองที่มันได้รับ” นี่คือค�าจ�ากัดความที่เรียบง่ายและเฉลียวฉลาด เพราะมันหมายความว่ากำรสื่อสำรของคุณจะประสบควำม ส�ำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวคุณ 100% คุณเป็นคนส่งสารเองกับมือ และคุณคือผู้รับผิดชอบที่จะท�าให้มัน ได้ผล และถ้ามันไม่ได้ผล ก็คุณอีกนั่นแหละที่ต้องเป็นคนเปลี่ยน พฤติกรรมของตัวเองจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการในที่สุด ในการ กล่าวถึงรูปแบบและหน้าที่ของการสื่อสารในที่นี้ให้สมมติว่าเรามี วิธีโต้ตอบหรือผลลัพธ์อยู่ในใจอยู่แล้ว คนที่มีทักษะในการสื่อสาร ต�่าจะไม่คิดถึงการโต้ตอบที่พวกเขาต้องการจากอีกฝ่าย และด้วย เหตุนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
  • 19. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 36 37 ทักษะที่คุณจะได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการ สื่อสารของคุณในทุกระดับ ตั้งแต่การสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งตัวคุณเองและคนรอบข้าง ให้ดีขึ้น สูตรส�าหรับการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมี 3 ส่วนที่แตกต่างกัน อย่างชัดเจน ดังนี้ รู้ว่ำตัวเองต้องกำรอะไร ก�าหนดเป้ าหมายโดยใส่รายละเอียด เข้าไปด้วย เช่น “ฉันต้องการความสัมพันธ์ที่ดี ฉันจินตนาการว่า ความสัมพันธ์นี้จะท�าให้ฉันรู้สึกยังไง เห็นอะไร ได้ยินอะไร ได้กลิ่น อะไร หรือแม้แต่ได้รับรสแบบไหน และฉันรู้ว่าจะได้มันมาเมื่อไหร่ ในที่สุด” นี่คือรายละเอียด ซึ่งตรงข้ามกับ “ฉันเหงา” ค้นหำว่ำตัวเองก�ำลังได้รับสิ่งใด คอยรับฟังค�าติชมอยู่เสมอ เปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองท�ำไปเรื่อยๆ จนกว่ำจะได้สิ่งที่ต้องกำร วางแผนแล้วท�าตามแผนที่วางไว้ เช่น “ฉันจะเชิญคน 10 คนมา ทานอาหารเย็นทุกคืนวันเสาร์” และคอยรับฟังค�าติชม ท�าไปซ�้าๆ วางแผนใหม่-ลงมือท�า-รับค�าติชม จนคุณได้สิ่งที่ต้องการ คุณอาจ จะน�าวงจรนี้ไปใช้กับเรื่องอื่นๆ ในชีวิตด้วยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง การเงิน ความรัก กีฬา อาชีพการงาน ได้ทุกอย่างเลยครับ! รู้ (Know) ว่าตัวเองต้องการอะไร ค้นหำ (Find) ว่าตัวเองก�าลังได้รับสิ่งใด เปลี่ยน (Change) สิ่งที่ตัวเองท�าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ จ�าง่ายใช้มั้ยล่ะครับ เพราะพันเอกผู้เฉลียวฉลาด คนหนึ่งได้เปิดร้านฟาสต์ฟู้ ด โดยใช้ชื่อเป็นอักษรย่อว่า KFC ทุกครั้งที่เราเห็นป้ ายร้านของเขา มันก็จะคอยเตือนให้เรา ถามตัวเองว่า “ทักษะในการสื่อสารของเราพัฒนา ไปถึงขั้นไหนแล้ว?” สิ่งที่คุณจะเจอต่อจากนี้... ในบทต่อๆไปเราจะเรียนรู้วิธีท�าให้คนชอบให้ละเอียดยิ่งขึ้นรวมถึง การแสดงภาพลักษณ์ของคุณในแง่บวก คุณจะได้เรียนรู้ว่าการพบ กันครั้งแรกในเบื้องหน้าเป็นอย่างไร และในเบื้องหลังเป็นอย่างไร คุณจะได้รู้ว่าภาษากายของคุณมีเสน่ห์ดึงดูดส�าหรับบางคน ใน ขณะที่อีกคนอาจจะไม่สนใจแต่ถ้าคุณรู้จักปรับลักษณะท่าทางการ เคลื่อนไหวบางอย่างของตัวเองพวกเขาก็จะหันมาชอบคุณมากขึ้น จากนั้นเราจะเจาะลึกเรื่องความกลมกลืน คุณจะได้เรียนรู้วิธี วางตัวให้เหมาะสมสอดคล้องกับสัญญาณที่ผู้อื่นส่งให้คุณ เพื่อ
  • 20. ทำ�อะไรใครก็ Like ด้วยเทคนิคมัดใจใน 90 วินาที How to Make People Like You in 90 Seconds or Less 38 39 ให้พวกเขารู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้คุณ นอกจากนี้เราจะกล่าวถึง ควำมส�ำคัญอย่ำงยิ่งยวดของน�้ำเสียงอีกด้วย ว่ามันมีอิทธิพล ต่ออารมณ์และความรู้สึกที่เราต้องการสื่ออย่างไร หนึ่งบทเต็มๆ ที่เราจะทุ่มเทให้กับการเปิดบทสนทนาและการท�าให้ บทสนทนานั้นมีชีวิตชีวาตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อมาเราจะวิเคราะห์ วิธีเปิดใจคน วิธีชมเชย การได้รู้จักอีกฝ่าย รวมถึงการเป็นคนน่า จดจ�าด้วย ท้ายที่สุดเราจะเจาะลึกลงไปยิ่งขึ้น ไปจนถึงแก่นของจิตใจผู้คน แม้ เราจะเดินทางท่องโลกผ่านทางประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่คนเราก็ยัง ใช้ประสาทสัมผัส 1 อย่างมากกว่าอีก 4 อย่างที่เหลือเสมอ ผมจะ แสดงให้คุณเห็นวิธีที่ผู้คนบอกเป็นนัยๆ ว่าพวกเขาชอบใช้ประสาท สัมผัสส่วนไหนมากที่สุดคนที่พึ่งพาหูเป็นหลักย่อมแตกต่างจากคน ที่พึ่งพาดวงตาเป็นหลัก แล้วคุณจะได้ค้นพบวิธีปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้เข้าหาผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม แต่ละบทจะมีแบบฝึกหัดอย่างน้อย 1 แบบฝึกหัดที่จะช่วยให้ คุณตระหนักถึงพลังของการเชื่อมโยงกัน บางแบบฝึกหัดคุณใช้ ฝึกคนเดียวก็ได้ แต่บางแบบฝึกหัดต้องมีคู่ฝึก ยอมรับเถอะครับ ว่าการสื่อสารแบบต่อหน้าและทักษะในการสร้างความสัมพันธ์ เป็นกิจกรรมที่อาศัยการโต้ตอบกัน คุณไม่สามารถท�าทุกอย่างได้ ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือเด็กเล็ก ต่างก็ถือกุญแจที่จะบอก ว่าพวกเขามองโลกยังไง ผ่านภาษากาย น�้าเสียง การเคลื่อนไหว ดวงตา และการเลือกใช้ถ้อยค�า มันเป็นเรื่องธรรมชาติครับ และ มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าคุณจะคว้าเอากุญแจดอกที่ว่ามาไว้ใน มือได้หรือเปล่า เพื่อความสัมพันธ์ที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น เรามา เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ!