งานนำเสนอ.pdf
- 2. อาเซียนมีจุดเริ่มต้นจากสมาคมอาสาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2504 โดยไทย มาเลเซีย
และฟิลิปปินส์กัมพูชาในปี 2505 แต่ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อไทยเสียดินแดนปราสาทเขาพระวิหาร
ให้ต่อมาวันที่ 8 สิงหาคม 2510 ได้มีการลงนามใน ปฏิญญากรุงเทพ
อาเซียนได้ถือกาเนิดขึ้นโดยมีรัฐสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย
ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ซึ่งผู้แทนทั้ง 5 ประเทศที่ร่วมลงนามในปฏิญญากรุงเทพ
ประกอบด้วย
● นายอาดัม มาลิก รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย
● ตุล อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน รองนายกรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีพัฒนาการแห่งชาติมาเลเซีย
● นายราซิโซ รามอส รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์
● นายเอส ราชารัตนัม รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์
● พันเอก(พิเศษ) ดร. ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีต่างประเทศจากประเทศไทย
- 3. ต่อมาก็มีอีก5ประเทศเข้าร่วมตามลาดับดังนี้
● บรูไนดารุสซาลาม (เข้ามาเป็นสมาชิกตั้งแต่ 8 มกราคม 2527 )
● สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เข้ามาเป็นสมาชิกตั้งแต่28 กรกฎาคม2538 )
● สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(เข้ามาเป็นสมาชิกตั้งแต่23กรกฎาคม2540 )
● สหภาพพม่า (เข้ามาเป็นสมาชิกตั้งแต่ 23 กรกฎาคม 2540 )
● ราชอาณาจักรกัมพูชา (เข้ามาเป็นสมาชิกตั้งแต่ 30 เมษายน 2542 ) ตามลาดับ
การเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนของประเทศสมาชิกใหม่เหล่านี้ทาให้อาเซียนมี
สมาชิกครบ 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับปฏิญญา
อาเซียน ซึ่งระบุว่า อาเซียนพร้อมรับทุกประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ ที่พร้อมที่จะรับเป้ าหมาย หลักการ และวัตถุประสงค์ขององค์กรเป็นสมาชิก
- 6. วัตถุประสงค์เริ่มแรก
─ ด้านการเมืองและความมั่นคง เพื่อสร้างสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
─ ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
─ ความเจริญก้าวหน้าทางสังคม และวัฒนธรรม
● วัตถุประสงค์หลักที่กาหนดไว้ในปฏิญญาอาเซียน มี 7 ประการ ดังนี้
─ ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคมและวัฒนธรรม
─ ส่งเสริมการมีเสถียรภาพ สันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
─ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิชาการ วิทยาศาสตร์
และด้านการบริหาร
─ ส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันในการฝึกอบรมและการวิจัย
─ ส่งเสริมความร่วมมือด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้า การคมนาคม การาสื่อสาร
และปรับปรุงมาตรฐานการดารงชีวิต
─ ส่งเสริมการมีหลักสูตรการศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
─ ส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรระดับภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศ
- 8. ● ได้ลงนามจัดตั้งเขตการค้าอาเซียน ในปี 2535
- เพื่อลดภาษีศุลกากรระหว่างกัน
- เพื่อช่วยส่งเสริมการค้าภายในอาเซียนให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น
- ลดต้นทุนการผลิตสินค้า
- ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
● ขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อให้การรวมตัวทางเศรษฐกิจสมบูรณ์แบบ
● จัดตั้งเขตลงทุนอาเซียน
ในปี 2550 อาเซียนได้จัดทาพิมพ์เขียวเพื่อจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เป็นแผนบูรณาการงานด้านเศรษฐกิจให้เห็นภาพรวมในการมุ่งไปสู่ AEC ซึ่งประกอบด้วย
แผนงานเศรษฐกิจในด้าน ต่าง ๆ พร้อมกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนในการดาเนินมาตรการต่าง ๆ
จนบรรลุเป้ าหมายในปี 2558 รวมทั้งการให้ความยืดหยุ่นตามที่ประเทศสมาชิกได้ตกลงกัน
ล่วงหน้า ภายในปี 2558 จัดแผนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเพื่อให้อาเซียนมีการเคลื่อนย้าย
สินค้าบริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ อย่างเสรี และเงินทุนที่เสรี
- 9. ปี 2552 ผู้นาประเทศสมาชิกอาเซียนให้การรับรองแผนงานจัดตั้ง
ประชาคม สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งกาหนดกรอบและกิจกรรมที่จะทาให้อาเซียน
บรรลุเป้ าหมายการเป็นประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนซึ่งมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ซึ่งประกอบด้วย6 ด้าน ได้แก่
1.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น ให้ความสาคัญกับการศึกษา, การลงทุนในการพัฒนาทรัพยากร
มนุษย์ , ส่งเสริมการจ้างงานที่เหมาะสม
2.การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม เช่น รับประกันอาเซียนที่ปลอดยาเสพติด, การเพิ่มศักยภาพในการ
ควบคุมโรคติดต่อ
3.สิทธิและความยุติธรรมทางสังคม เช่น การคุ้มครองและส่งเสริมแรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน, ส่งเสริม
ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจ
4.ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก, การจัดการและการป้ องกัน
ปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมข้ามแดน
5.การสร้างอัตลักษณ์อาเซียนเช่น การส่งเสริมและการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน,
ส่งเสริมการสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรมและอุตสาหกรรม
6.การลดช่องว่างทางการพัฒนา
- 12. 1. สานักเลขาธิการอาเซียน หรือ ASEAN Secretariat
ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางในการติดต่อระหว่างประเทศสมาชิก
โดยมีเลขาธิการอาเซียนเป็นหัวหน้าสานักงาน ผู้ดารงตาแหน่งคนปัจจุบันคนไทย
คือ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ ซึ่งมีวาระดารงตาแหน่ง 5 ปี (ค.ศ. 2008-2012)
2. สานักงานอาเซียนแห่งชาติ หรือ ASEAN National Secretariat
เป็นหน่วยงานระดับกรมในกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียน
มีหน้าที่ประสานกิจการอาเซียนในประเทศนั้นและติดตามผลการดาเนินงาน
สาหรับประเทศไทยหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ
- 13. จะมีกรอบความร่วมมือของอาเซียน+3 และอาเซียน+6
อาเซียน+3
คือมีประเทศเพิ่มมา 3 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และรวม 10ประเทศ
ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทเป็นแรงขับเคลื่อนสาคัญที่จะพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความก้าวหน้า
ต่อไปในอนาคต
อาเซียน+6
คือมีจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งทั้ง 6 ประเทศที่
กล่าวมาไม่ได้อยู่ในกลุ่มสมาชิกของอาเซียน สาหรับญี่ปุ่น อาเซียนกาลังสร้าง
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นรวมทั้งการสร้างเขตการค้าเสรี
ในบางส่วนที่จะดาเนินการให้สาเร็จในทันทีที่เป็นไปได้และภายในสิบปี ที่สาคัญกว่านั้น
คือ อาเซียนอาจทาให้การประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม (ซึ่งคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และ
จีน) กลายเป็นการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) และสร้างเขต
การค้าเสรีเอเชียตะวันออกซึ่งมีผู้บริโภค 2 พันล้านคน อย่างช้า ๆ
- 15. เมืองหลวง : บันดาร์ เสรี เบกาวัน
ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษและจีน
ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 66%, จีน11%,อื่นๆ 23%
นับถือศาสนา : อิสลาม 67%, พุทธ 13%, คริสต์ 10%
ระบบการปกครอง : ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
จุดแข็ง
- การเมืองค่อนข้างมั่นคง
- รายได้เฉลี่ยต่อคนเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน อันดับ 26 ของโลก
- ผู้ส่งออกและมีปริมาณสารองน้ามันอันดับ 4 ในอาเซียน
ข้อควรรู้
- ประชาชนของประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถทาวีซ่าที่ ตม.ที่ประเทศบรูไนฯ สามารถ
อยู่ได้นาน 2 สัปดาห์
- ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีเหลือง เพราะถือเป็นสีของพระมหากษัตริย์
- 16. การปกครอง : ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ภายใต้รัฐธรรมนูญ - เมืองหลวง : กรุงพนมเปญ (Phnom Penh)
พระมหากษัตริย์ : พระมหากษัตริย์ คือ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี
นายกรัฐมนตรี : สมเด็จฮุนเซน - ภาษาราชการ : ภาษาเขมร
จุดแข็ง
- ค่าจ้างแรงงานต่าที่สุดในอาเซียน
- มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและสมบูรณ์
ข้อควรรู้
- ผู้ที่เดินทางเข้ากัมพูชา และประสงค์จะอยู่ทาธุรกิจเป็นระยะเวลาเกิน 3 เดือน
ควรฉีดยาป้ องกันโรคไทฟอยด์ และไวรัส เอและบี
- 17. ชื่อทางการ : สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)
ระบอบการปกครอง : ประชาธิปไตยที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร
ประธานาธิบดี : ดร.ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน
เมืองหลวง : จาการ์ตา (Jakarta)
ภาษาราชการภาษาอินโดนีเซีย และภาษามากกว่า 583 ภาษา
จุดแข็ง
- มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- มีจานวนประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อควรรู้
- ไม่ควรใช้มือซ้ายในการรับ-ส่งของ คนมุสลิมอินโดนีเซียถือว่ามือซ้ายไม่สุภาพ
- นิยมใช้มือกินข้าว
- 18. ชื่อทางการ : สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (The Lao People's Democratic Republic)
ระบอบการปกครอง : ระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
(ทางการลาวใช้คาว่าระบอบประชาธิปไตยประชาชน) โดยพรรคการเมืองเดียวเป็นองค์กร
ชี้นาประเทศ คือพรรคประชาชนปฏิวัติลาว มีอานาจสูงสุดตั้งแต่ลาวเริ่มปกครองในระบอบ
สังคมนิยม ประธานาธิบดี : พลโท จูมมะลี ไชยะสอน
หัวหน้ารัฐบาล-นายกรัฐมนตรี : นายบัวสอน บุบผาวัน -ภาษา : ภาษาลาวเป็นภาษาราชการ
สกุลเงิน : กีบ (Kip) อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท : 276 กีบ
จุดแข็ง
- ค่าจ้างแรงงานต่าอันดับ 2 ในอาเซียน
- การเมืองมีเสถียรภาพ
- 19. ชื่อทางการ : มาเลเซีย (Malaysia)
ระบอบการปกครอง : ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา(Parliamentary Democracy)
ประมุข : สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน มีซาน ไซนัล อาบิดีน
นายกรัฐมนตรี : ดาโต๊ะ ซรี อับดุลลาห์ บิน ฮาจิ อาหมัด บาดาวี
ภาษาราชการ : มาเลย์ (Bahasa Malaysia )
สกุลเงิน : ริงกิตมาเลเซีย (Malaysian Ringgit : MYR)
จุดแข็ง
- มีปริมาณสารองน้ามันมากเป็นอันดับ 3 ในเอเชียแปซิฟิค
- มีปริาณก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิค
- 20. ชื่อทางการ : สหภาพพม่า (Union of Myanmar)
ระบอบการปกครอง :เผด็จการทางทหาร ปกครองโดยรัฐบาลทหารภายใต้สภา
สันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ
ประมุขประเทศ : พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย
นายกรัฐมนตรี (หัวหน้ารัฐบาล) คือ พล.อ.เทียน เส่ง
เมืองหลวง : เนปีดอ (Naypyidaw) ภาษา : ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ
จุดแข็ง
- มีพรมแดนเชื่อมต่อกับจีน และอินเดีย
- ค่าจ้างแรงงานต่าเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน
- มีปริมาณก๊าซธรรมชาติเป็นจานวนมาก
- 21. ชื่อทางการ : สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines)
ระบอบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร
ประธานาธิบดี : นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย
เมืองหลวง : กรุงมะนิลา (MANILA) ภาษาฟิลิปิโน และภาษาอังกฤษ เป็นภาษาราชการ
จุดแข็ง
- แรงงานทั่วไป ก็มีความรู้สื่อสารภาษาอังกฤษได้
ข้อควรรู้
- การเข้าไปประกอบธุรกิจในฟิลิปปินส์ในลักษณะต่างๆ เช่น การลงทุนร่วมกับฝ่าย
ฟิลิปปินส์จาเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียด โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย การจด
ทะเบียนภาษี และปัญหาทางด้านแรงงาน เป็นต้น
- 22. ชื่อทางการ : สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Republic of SINGAPORE)
ระบอบการปกครอง : สาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว)
โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร
ประธานาธิบดี คือ นายเอส อาร์ นาธาน -นายกรัฐมนตรี คือ นายลี เซียน ลุง
เมืองหลวง : สิงคโปร์ -สกุลเงิน : ดอลลาร์สิงคโปร์
ภาษา : ภาษาทางราชการ คือ ภาษามาเลย์ (ภาษาประจาชาติ) จีนกลาง (แมนดาริน)
ทมิฬ และอังกฤษ สิงคโปร์ส่งเสริมให้ประชาชนพูด 2 ภาษา โดยเฉพาะจีนกลาง ในขณะที่
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการติดต่องานและในชีวิตประจาวัน
จุดแข็ง
- รายได้เฉลี่ยต่อคน เป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับ 15 ของโลก
- แรงงานมีทักษะสูง
- 23. ชื่อทางการ : ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand)
ระบอบการปกครอง : ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พระมหากษัตริย์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช
บรมนาถบพิตร เมืองหลวง : กรุงเทพมหานคร (Bangkok)
ภาษา : ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ สกุลเงิน : บาท (Baht : THB)
จุดแข็ง
- เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงคมนาคมด้านต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน
- มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง
- 24. ชื่อทางการ : สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam)
ระบอบการปกครอง : ระบอบสังคมนิยม โดยพรรคคอมมิวนิสต์เป็นพรรค
การเมืองเดียว
ประมุข-ประธานาธิบดี คือ นายเหงียน มินห์ เจี๊ยต (Nguyen Minh Triet)
หัวหน้ารัฐบาล-นายกรัฐมนตรี คือ นายเหงียน ถัน ดุง (Nguyen Tan Dung)
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ คือ นายหน่ง ดึ๊ก หมั่น (Nong Duc Manh)
เมืองหลวง : กรุงฮานอย (Hanoi)
สกุลเงิน : ด่อง (Dong : VND) อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 461 ด่อง/ 1 บาท
จุดแข็ง
- มีปริมาณสารองน้ามันดิบมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิก
- 25. หนังสือ อาเซียนศึกษา (ASEAN Studies)
http://www.nwvoc.ac.th/asean/Asean+6.html
http://www.mfa.go.th/asean/th/other/2361
http://www.thai-aec.com/418
http://hilight.kapook.com/view/67028