Suche senden
Hochladen
วิถีสู่การพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน
•
1 gefällt mir
•
2,582 views
Jiraprapa Suwannajak
Folgen
Melden
Teilen
Melden
Teilen
1 von 17
Jetzt herunterladen
Downloaden Sie, um offline zu lesen
Empfohlen
บทที่ 1
บทที่ 1
nattawad147
บทที่ 1
บทที่ 1
wanichaya kingchaikerd
บทที่ 1
บทที่ 1
Piyapong Chaichana
บทที่ 1
บทที่ 1
kanwan0429
การพัฒนารูปแบบเครือข่ายสังคมเชิงเสมือนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สาหรับการศึกษ...
การพัฒนารูปแบบเครือข่ายสังคมเชิงเสมือนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สาหรับการศึกษ...
Panita Wannapiroon Kmutnb
ในฝันสู่มาตรฐานสากล เอเชียแอร์พอร์ท
ในฝันสู่มาตรฐานสากล เอเชียแอร์พอร์ท
Ict Krutao
การออกแบบการจัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21
การออกแบบการจัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21
Anucha Somabut
Adult learning and HRD
Adult learning and HRD
Development Science College Puey Ungphakorn,Thammasat University
Empfohlen
บทที่ 1
บทที่ 1
nattawad147
บทที่ 1
บทที่ 1
wanichaya kingchaikerd
บทที่ 1
บทที่ 1
Piyapong Chaichana
บทที่ 1
บทที่ 1
kanwan0429
การพัฒนารูปแบบเครือข่ายสังคมเชิงเสมือนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สาหรับการศึกษ...
การพัฒนารูปแบบเครือข่ายสังคมเชิงเสมือนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สาหรับการศึกษ...
Panita Wannapiroon Kmutnb
ในฝันสู่มาตรฐานสากล เอเชียแอร์พอร์ท
ในฝันสู่มาตรฐานสากล เอเชียแอร์พอร์ท
Ict Krutao
การออกแบบการจัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21
การออกแบบการจัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21
Anucha Somabut
Adult learning and HRD
Adult learning and HRD
Development Science College Puey Ungphakorn,Thammasat University
บทที่ 1
บทที่ 1
Theerayut Ponman
บทที่ 1
บทที่ 1
benty2443
บทที่ 1
บทที่ 1
nattawad147
1 170819173012
1 170819173012
teerayut123
1 170819173012
1 170819173012
wanitchaya001
1 170819173012
1 170819173012
poppai041507094142
บทที่ 1
บทที่ 1
nattawad147
1 170819173012
1 170819173012
gam030
1 170819173012
1 170819173012
fernfielook
บทที่ 1
บทที่ 1
wanneemayss
บทที่ 1
บทที่ 1
nattawad147
1 170819173012
1 170819173012
nattapong147
การจัดทัศนศึกษาในรูปแบบของการบูรณาการ
การจัดทัศนศึกษาในรูปแบบของการบูรณาการ
Weerachat Martluplao
บทที่ 1
บทที่ 1
kanwan0429
06 mini thesis-การศีกษาพฤติกรรมการใช้เฟสบุค
06 mini thesis-การศีกษาพฤติกรรมการใช้เฟสบุค
KruBeeKa
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
ณัฐธีรา มะโพธิ์ศรี
Thinking and doing school
Thinking and doing school
WC Triumph
Presentation 5
Presentation 5
moohmed
บทที่ 2
บทที่ 2
issaraka
Presentation 5
Presentation 5
tyehh
พื้นที่ผิวและปริมาตร
พื้นที่ผิวและปริมาตร
Jiraprapa Suwannajak
ภาคตัดกรวย
ภาคตัดกรวย
Jiraprapa Suwannajak
Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie วิถีสู่การพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน
บทที่ 1
บทที่ 1
Theerayut Ponman
บทที่ 1
บทที่ 1
benty2443
บทที่ 1
บทที่ 1
nattawad147
1 170819173012
1 170819173012
teerayut123
1 170819173012
1 170819173012
wanitchaya001
1 170819173012
1 170819173012
poppai041507094142
บทที่ 1
บทที่ 1
nattawad147
1 170819173012
1 170819173012
gam030
1 170819173012
1 170819173012
fernfielook
บทที่ 1
บทที่ 1
wanneemayss
บทที่ 1
บทที่ 1
nattawad147
1 170819173012
1 170819173012
nattapong147
การจัดทัศนศึกษาในรูปแบบของการบูรณาการ
การจัดทัศนศึกษาในรูปแบบของการบูรณาการ
Weerachat Martluplao
บทที่ 1
บทที่ 1
kanwan0429
06 mini thesis-การศีกษาพฤติกรรมการใช้เฟสบุค
06 mini thesis-การศีกษาพฤติกรรมการใช้เฟสบุค
KruBeeKa
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
ณัฐธีรา มะโพธิ์ศรี
Thinking and doing school
Thinking and doing school
WC Triumph
Presentation 5
Presentation 5
moohmed
บทที่ 2
บทที่ 2
issaraka
Presentation 5
Presentation 5
tyehh
Ähnlich wie วิถีสู่การพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน
(20)
บทที่ 1
บทที่ 1
บทที่ 1
บทที่ 1
บทที่ 1
บทที่ 1
1 170819173012
1 170819173012
1 170819173012
1 170819173012
1 170819173012
1 170819173012
บทที่ 1
บทที่ 1
1 170819173012
1 170819173012
1 170819173012
1 170819173012
บทที่ 1
บทที่ 1
บทที่ 1
บทที่ 1
1 170819173012
1 170819173012
การจัดทัศนศึกษาในรูปแบบของการบูรณาการ
การจัดทัศนศึกษาในรูปแบบของการบูรณาการ
บทที่ 1
บทที่ 1
06 mini thesis-การศีกษาพฤติกรรมการใช้เฟสบุค
06 mini thesis-การศีกษาพฤติกรรมการใช้เฟสบุค
ครูมือใหม่
ครูมือใหม่
Thinking and doing school
Thinking and doing school
Presentation 5
Presentation 5
บทที่ 2
บทที่ 2
Presentation 5
Presentation 5
Mehr von Jiraprapa Suwannajak
พื้นที่ผิวและปริมาตร
พื้นที่ผิวและปริมาตร
Jiraprapa Suwannajak
ภาคตัดกรวย
ภาคตัดกรวย
Jiraprapa Suwannajak
เมทริกซ์...
เมทริกซ์...
Jiraprapa Suwannajak
รากที่สอง..
รากที่สอง..
Jiraprapa Suwannajak
อสมการ
อสมการ
Jiraprapa Suwannajak
เศษส่วน
เศษส่วน
Jiraprapa Suwannajak
เลขยกกำลังและลอการิทึม
เลขยกกำลังและลอการิทึม
Jiraprapa Suwannajak
ลอการิทึม
ลอการิทึม
Jiraprapa Suwannajak
ลอการิทึม..[1]
ลอการิทึม..[1]
Jiraprapa Suwannajak
ตรีโกณมิต..[1]
ตรีโกณมิต..[1]
Jiraprapa Suwannajak
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
Jiraprapa Suwannajak
ตรรกศาสตร์
ตรรกศาสตร์
Jiraprapa Suwannajak
งาน เศรษฐกิจพอเพียง
งาน เศรษฐกิจพอเพียง
Jiraprapa Suwannajak
วงกลมวงรี
วงกลมวงรี
Jiraprapa Suwannajak
กลุ่ม4
กลุ่ม4
Jiraprapa Suwannajak
วงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วย
Jiraprapa Suwannajak
ปรัชญาเศร..
ปรัชญาเศร..
Jiraprapa Suwannajak
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
Jiraprapa Suwannajak
เศรษฐกิจ..[1]
เศรษฐกิจ..[1]
Jiraprapa Suwannajak
สมการตรีโกณ
สมการตรีโกณ
Jiraprapa Suwannajak
Mehr von Jiraprapa Suwannajak
(20)
พื้นที่ผิวและปริมาตร
พื้นที่ผิวและปริมาตร
ภาคตัดกรวย
ภาคตัดกรวย
เมทริกซ์...
เมทริกซ์...
รากที่สอง..
รากที่สอง..
อสมการ
อสมการ
เศษส่วน
เศษส่วน
เลขยกกำลังและลอการิทึม
เลขยกกำลังและลอการิทึม
ลอการิทึม
ลอการิทึม
ลอการิทึม..[1]
ลอการิทึม..[1]
ตรีโกณมิต..[1]
ตรีโกณมิต..[1]
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ตรรกศาสตร์
ตรรกศาสตร์
งาน เศรษฐกิจพอเพียง
งาน เศรษฐกิจพอเพียง
วงกลมวงรี
วงกลมวงรี
กลุ่ม4
กลุ่ม4
วงกลมหนึ่งหน่วย
วงกลมหนึ่งหน่วย
ปรัชญาเศร..
ปรัชญาเศร..
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจ..[1]
เศรษฐกิจ..[1]
สมการตรีโกณ
สมการตรีโกณ
วิถีสู่การพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน
1.
Learning Community
มากขึ้ น ตามไปด ว ย ป จ เจกบุ ค คลได รั บ ชุมชนแหงการเรียนรู : วิถีสูการพัฒนา ผลกระทบจากปญหาสังคมอยางหลีกเลี่ยง การศึกษาที่ยงยืน ั่ ไม ไ ด ความรู ความสามารถของป จ เจก (Learning Community : A Mean to Sustainable บุ ค คลที่ มี อ ยู ไม เ พี ย งพอที่ จ ะจั ด การกั บ Educational Development) สุนทรี คนเที่ยง ปญหาที่เกิดขึ้นได ความรวมมือของบุคคล รหัส 4762504 สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน จึงเปนทางออกที่ดีในการเผชิญกับสภาพ สั ง คมที่ ซั บ ซ อ น เมื่ อ บุ ค คลร ว มมื อ กั น จะ มหาสมุ ท รเกิ ด ขึ้ น จากหยดน้ํ า เล็ ก ๆ กอใหเกิดพลังในการแกปญหา และพัฒนา จากทองฟา แหลงน้ําบนดิน แหลงน้ําใตดินมา สังคมได การเรีย นรูที่เ หมาะสมกั บสภาพ รวมกันกอใหเกิดพลังและชีวิตมากมายเหลือ สังคมปจจุบันจึงเปนการเรียนรูรวมกันของ 1 คณานับ พลังและชีวิตดังกลาวมีคุณประโยชน บุคคล อยางมากกับโลก เปรียบไดกับการรวมตัวกัน • วิวัฒนาการการศึกษากอนสูที่มาของ ของบุคคล สามารถกอใหเกิดพลังอันยิ่งใหญ ชุมชนแหงการเรียนรู ในการพัฒนาสรรพสิ่งได ความรวมมือ การ ห า ก ม อ ง ย อ น ก ลั บ ไ ป ถึ ง รวมพลั ง ดั ง กล า วยั ง ก อ ให เ กิ ด การเรี ย นรู ที่ วิวัฒนาการทางการศึกษาจนถึงยุคปจจุบัน ตอเนื่องและยั่งยืนดวยเชนกัน จะเห็ น ว า วิ วั ฒ นาการดั ง กล า วมี ผ ลต อ การเรียนรู ของบุคคลมักจะสังเกตได มุ ม มองที่ เ ปลี่ ย นไปเกี่ ย วกั บ การเรี ย นรู จากการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่บุคคลมีอยูเดิม Toffler (1980 แปลและเรียบเรียงโดย รจิต ซึ่ ง อาจเป น การเปลี่ ย นพฤติ ก รรม ความเชื่ อ ลักษณ แสงอุไร และคณะ ,2533, หนา ความคิด ทัศนคติ ฯลฯ การเรียนทําใหบุคคล 20) ไดแบงของการศึกษาไว 3 ยุค คือ แสดงออกไดเปน 3 รูปแบบ คือ 1) จดจําและ 1) คลื่นอารยธรรมยุคแรก นําไปปรับแก (remind & remediate) 2)รับรู (First Wave Civilization) : เปนยุค และสรางสิ่งใหม (receive & reconstruct) 3) การศึ ก ษาในสั ง คมเกษตรกรรม วิ ถี ชี วิ ต วิจัยและ สะทอนคิด (research & reflect) ของคนในสังคมในยุคนี้เปน ไปอยางเรีย บ (Spohere,2000, pp.4-5) เดิมทีการเรียนรูถูก ง า ย การดํ า รงชี วิ ต ขึ้ น อยู กั บ ธรรมชาติ มองว า เป น เรื่ อ งของป จ เจกบุ ค คล บุ ค คล การศึ ก ษาเป น การถ า ยทอดองค ค วามรู ที่ สามารถพัฒ นาตนโดยการรั บ ความรูจ ากผู รู บรรพบุ รุ ษ ได บั น ทึ ก ไว โอกาสทางการ หรือ แหลง ความรูตา ง ๆ การพัฒ นาดัง กลา ว ศึกษาเปนของบุคคลที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ กอใหเกิดประโยชนตอบุคคลนั้น ๆ เทานั้น แต ดี ยุ ค นี้ ครู คื อ ผู มี บ ทบาทสํ า คั ญ ในการ ป จ จุ บั น สั ง คมขยายตั ว ขึ้ น ความซั บ ซ อ นใน สอน เปนผูรู และผูมีความสามารถในการ Curriculum & Instruction คมมีมากขึ้น ปญหาสังคมมีมากและซับซอน สัง ถายทอดความรูใหกับผูเรียน สวนผูเรียน
2.
Learning Community
เป น เพี ย งผู รั บ ความรู และปฏิ บั ติ ต ามคํ า สั่ ง ความสามารถในการนํ า ความรู ไ ปใช ใ น สอนของครู สถานการณ ที่ ห ลากหลายได จุด เน น ของ 2) คลื่ น อารยธรรมยุค ที่ 2 การศึ ก ษาในยุ ค นี้ มิ ไ ด เ ป น เพี ย งการรั บ รู (Second Wave Civilization) เปนยุคของการ ข อ มู ล และทั ก ษะต า งๆเท า นั้ น แต ใ ห จัดการศึกษาสําหรับการรองรับการขยายตัว ความสําคัญกับความเขาใจในทฤษฎีที่มา ของอุ ต สาหกรรม ในยุ ค นี้ ผู บ ริ ห ารมี บ ทบาท ของขอมูลนั้นๆ และเนนการวิจัยเปน ฐาน เปน“ นาย (boss) ในขณะที่ครูผูสอนเปน (Research- based Approach) โดยถือวา เสมือน “คนงาน” (workers) นักเรียนเปน การวิจัยเปนวิถีทางในการสรางองคความรู เหมือน“ วัตถุดิบ” (materials)ที่ถูกครูผูสอน ในยุคแหงขอมูลขาวสารนี้ เกิด แปรรูปใหเปนไปตามคําสั่งที่ไดรับจากผูบริหาร การเคลื่อนของกระบวนทัศนทางการศึกษา 2 ในการแปรรูป”วัตถุดิบ” (นักเรียน)นั้น ครูผูสอน สูกระบวนทัศนใหม (A Shift to New จะหนาที่บรรยาย ถามคําถาม ออกคําสั่ง เพื่อ Paradigms in Education) กอนยุคแหง ผลิ ต นั ก เรี ย นสู เ ส น ทางอาชี พ และการเป น ขอมูลขาวสาร กระบวนทัศนในการจัดการ พลเมื อ งที่ พึ ง ประสงค ต อ สั ง คม ในยุ ค นี้ สถานศึกษา (Schooling Paradigm) สงผล คุ ณ ภาพของสถาบั น การศึ ก ษาจะถู ก ตั ด สิ น ให ก ารเรี ย นการสอนมุ ง ค น หาและฝ ก ฝน ดวยมาตรฐาน (Standards) ความสอดคลอง ผู เ รี ย นให เ ข า สู ร ะบบอุ ต สาหกรรม ต อ มา ตรงกัน (Synchronization) ความชํานาญ กระบวนทั ศ น ใ นการจั ด การสถานศึ ก ษา พิเศษ (Specialization) และ การรวมอํานาจสู เคลื่อนไป ผูเรียนเปน individual entity ศู น ย ก ลางและการยึ ด ถื อ ค า นิ ย มส ว นใหญ การจัดการศึกษาจึงตองมุงเนนการพัฒนา (Centralization and valued bigness) ในยุค ผูเรียนแบบองครวม ผูเรียนแตละคนไดรับ นี้ การจั ด การศึ ก ษาจึ ง มุ ง คนสู ก ารผลิ ต ทาง การติ ด อาวุ ธ ทางป ญ ญา และได รั บ การ อุตสาหกรรมโดย เนนการผลิตที่มีปริมาณมาก ยอมรั บ ว า เป น บุ ค คลที่ ส มบู ร ณ แนวคิ ด (Mass Production) ทําใหการจัดการศึกษา ดังกลาวนํามาสูความเชื่อที่วา ระบบการจัด ละเลย การพัฒนากลอมเกลาจิตใจไป การศึ ก ษาสามารถตอบสนองต อ ความ 3) คลื่นอารยธรรมยุคที่ 3 ยุคแหง ตองการจําเปนของผูเรียนแตละคนได ขอมูลขาวสาร (Third Wave Civilization : เมื่ อ เปรี ย บเที ย บกั บ การจั ด Information Age) ในยุคนี้กระบวนการในชั้น การศึกษาในยุคนี้กับ การจัดการศึกษาใน เรียนแบบเดิมไมเพียงพอที่จะสนองตอบการ ยุ ค อุ ต ส า ห ก ร ร ม จ ะ พ บ ว า ใ น ยุ ค เปลี่ ย นแปลงที่ เ กิ ด ขึ้ น ได การเรี ย นรู ใ น อุ ต สาหกรรม ผู เ รี ย นจะได รั บ การพั ฒ นา หองเรียนจึงไมไดจําเพาะเพียงใหเกิดความรู ดานความรูความสามารถ ตามหลักสูตรที่ Curriculum & Instruction ยั ง ต อ งพั ฒ นาทั ก ษะการคิ ด วิ เ คราะห แ ละ แต ระบุ ไ ว อ ย า งชั ด เจน ผู เ รี ย นถู ก กํ า หนดให
3.
Learning Community
เ รี ย น รู ใ น สิ่ ง ที่ ผู กํ า ห น ดห ลั ก สู ต ร คิ ด ว า กระบวนทัศน กระบวนทัศน เกา ใหม เหมาะสม การแบงแยกผูเรียนใชการวัด ความรู • ผูเรียน • ผูเรียน ทางวิ ช าการระดั บ สู ง ซึ่ ง วิ ธี ก ารเช น นี้ นั ก สามารถ สามารถ การศึกษายุคปจจุบันเห็นวาเปนขอจํากัดทาง ปฏิบัติตาม กําหนดกรอบ การศึ ก ษาที่ ขี ด กรอบให กั บ ความสํ า เร็ จ ของ คําสั่งได ปญหา ออกแบบงาน ผู เ รี ย น หลั ก สู ต รของโรงเรี ย นมี เ ป า หมายที่ วางแผน สราง การแสดงออกทางไหวพริบระดับสูง (Superior และประเมิน Intelligence) แนนอนวาหลักสูตรดังกลาวมี ผลงานของ วิวัฒนาการมาจากความตองการจําเปนในยุค ตนเองได และ อุตสาหกรรม ความเชื่อเกี่ยวกับลักษณะไหว รวมมือกัน 3 ความ คนหาวิธีการ พริบเชนนี้เปนที่ยอมรับกันทั่วไป และผูเรียนใน ตองการตอ แกปญหาที่ ระบบโรงเรี ย นถู ก จั ด แบ ง เป น กลุ ม โดยใช ผ ล ผลผลิตทาง การศึกษา แปลกใหม จากการวัดสติปญญาเปนเกณฑ ( Purkey & (ตอ) • ผูเรียน Novak, 1984) สามารถบูรณา การเครื่องมือ • การเปลี่ ย นแปลงสู ยุ ค ชุ ม ชนแห ง การ • ผูเรียนไดรับ กับกิจกรรมใน เรียนรู การฝกฝน การทํางาน ตอไปนี้ เปนการเปรียบเทียบลักษณะการ กิจกรรมที่ อยางไมจํากัด จัดการสถานศึกษาตามกระบวนทัศนเดิม(ยุค ทักษะการใช ขอบเขต อุตสาหกรรม) และกระบวนทัศนใหมที่มุงเนน เครื่องมือกับ กิจกรรมใน การสรางองคความรู (ยุคขอมูลขาวสาร) การทํางาน นอยมาก กระบวนทัศน กระบวนทัศน • จัดหลักสูตร • จัดหลักสูตร เกา ใหม จากสวนยอย ดวยมุมมอง • ผูเรียนมีทักษะ • ผูเรียน สูสวนใหญ โดยภาพรวมสู พื้นฐานในการ สามารถ เนนการ สวนยอย เนน อาน เขียนและ จัดการกับ พัฒนาทักษะ การเกิดความคิด คํานวณ ความซับซอน ความ พื้นฐาน รวบยอด(Big คนหาและใช หลักสูตร ตองการตอ concepts) แหลงขอมูล ผลผลิตทาง การศึกษา จนกลายเปน การเรียนรู ตลอดชีวิต Curriculum & Instruction
4.
Learning Community
กระบวนทัศน กระบวนทัศน กระบวนทัศน กระบวนทัศน เกา ใหม เกา ใหม • ยึดหลักสูตรที่ • ใหคุณคาอยาง • เปนผูแสวงหา • เปนผูคนหา หลักสูตร กําหนดไวทุก มากกับ คําตอบที่ ลักษณะ (ตอ) ประการ คําถามของ ถูกตองในการ สําคัญ/ ผูเรียน ตรวจสอบการ เอกลักษณ • กิจกรรมใน • กิจกรรมใน เรียนรูของของผูเรียน ครูผูสอน หลักสูตรยึด หลักสูตร ผูเรียน เพื่อทําความ (ตอ) ตําราเรียนและ มุงเนนขอมูล เขาใจ แบบฝกเปน ปฐมภูมิและ ความคิดของ กิกรรมการ สวนใหญ การผสมผสาน ผูเรียน เพือ่ เรียน เนื้อหา กําหนด 4 การสอน (Primary บทเรียน sources of • การวัดผลการ • การวัดผลการ data and เรียนรูของ เรียนรูของ manipulative ผูเรียนแยก ผูเรียนเกียว ่ materials) สวนจากการ โยงสัมพันธกบ ั • เปรียบเหมือน • เปรียบเหมือน สอน สวนใหญ การสอน และ กระดานชนวน นักคิด ( วัดดวยการ วัดจากการ การวัด และ ที่วางเปลา Thinker) ผู ทดสอบ สังเกตการทํา ประเมิน ผล (Blank เผยความรู (Testing) กิจกรรม การ slates) ที่ ทฤษฎีเกี่ยวกับ แสดงผลงาน ครูผูสอนเปนผู โลก และแฟม ผูเรียน ใสขอมูลตาง สะสมงาน ลงไป (Portfolio) • ทํางานที่ ของนักเรียน มอบหมาย • ทํางานที่ แหลงที่มา : Gabehart, E. Mark (2000). ลําพัง มอบหมาย จากการเปรียบเทียบขอมูล เปนกลุม ขางตน ทําใหเห็นวาดวยกระบวนทัศนที่ • เปนผูใหการ • เปนผูประสาน เคลื่อนไป (Paradigm Shift) สงผลใหการ สั่ง(Didactic) สัมพันธ และเปนผู (Interactive) จัดการศึกษาในสถาบันการศึกษาเปลียน ่ กระจาย เปนผูจัด ตามไป โดยสรุปสิ่งที่ปรับเปลี่ยน คือ ครูผูสอน ความรูสู สภาวะ เปาหมายของการจัดการศึกษา หลักสูตรที่ ผูเรียน แวดลอมให ใชในสถานศึกษา กิจกรรมการเรียนการ ผูเรียนเกิดการ เรียนรู สอน แนวคิดทีมีตอผูเรียน บทบาทของ ่ Curriculum & Instruction
5.
Learning Community
ผูเรียน ผูสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู ใหการดําเนินการสงผลใหการจัดการศึกษา แมแนวคิดตอการจัดการศึกษาจะ มีพลัง แตดูเหมือนวาผลลัพธที่ไดไม เปลี่ยนไป แตสภาพการเรียนการสอนยังมี กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทีมีประสิทธิภาพ ่ ลักษณะดังที่ Gabehart (2000) กลาวไวดังนี้ Gabehart ใหเหตุผลวาที่เปนเชนนี้เพราะ ครูพูดบรรยายเปนสวนใหญในการ การพัฒนาดําเนินการกันอยางแยกสวน ไม จัดการเรียนการสอน มีความสอดคลองแลกบูรณาการใหเปนไป การเรียนการสอนยึดตําราเรียนเปนสวน ตามเปาหมายเดียวกัน หรือไมไดทําควบคู ใหญ กันผลที่ปรากฎจึงทําใหการจัดการศึกษาไม สภาพทัวไปของหองเรียนไมสงเสริมให ่ ประสบผลสําเร็จเทาที่ควร เกิดการรวมมือ แตสงเสริมการแยกตัว ในศตวรรษนี้(ศตวรรษที่ 21) เมื่อ 5 ลําพัง และเนนทักษะระดับพื้นฐาน สังคมเปลี่ยนไป ภารกิจสําคัญของนักการ มากกวาการฝกการใหเหตุผลระดับสูง ศึกษาไมใชเพียงแครับรูถึงการเปลี่ยนแปลง การจัดการเรียนการสอนยังไมสงเสริม เทานั้น แตยัง ตองกาวออกมาจาก ใหผูเรียนรูจกคิดเทาที่ควร ั โครงสรางการจัดการศึกษาที่จํากัด การจัดการในสถานศึกษาอยูบนฐาน ความคิดตามกระบวนทัศนเดิม มาสูการ ความเชื่อที่วา ผูเรียนจะตองเรียนในสิงที่ ่ ปฏิบัติที่ใหอิสระ และการคํานึงถึง กําหนดแนนอนไวในหลักสูตร สมรรถภาพทีหลากหลายและ พหุปญญา ่ อยางไรก็ตาม Gabehart ไดเสนอแนะไววา ของผูเรียน (Students’ diverse potential หากจะพัฒนาการจัดการศึกษาใหไดผลดีนั้น and multiple intelligences) การจัดการ จะตองดําเนินการใน 3 ประการตอไปนี้ควบคู ศึกษาตองหาวิธีการที่เปนระบบในการเพิม ่ กันไป ศักยภาพใหกบผูเรียน เปนการใหอํานาจ ั o การเปลี่ยนแปลงที่คํานึงถึงความ (Empower) (นักการศึกษาบางทานใชคํา สอดคลองกันระหวางการสอนกับ วา “ติดอาวุธทางปญญา) ในการเรียนรูแก การเรียน ผูเรียน การเปดเผย (Release)องคความรู o การบูรณาการเทคโนโลยีในการจัด ตางๆ สูผูเรียน หรือการปลดปลอยผูเรียนให การศึกษา เรียนรูอยางอิสระ พัฒนาการศึกษาบน o การปรับโครงสรางการจัดการศึกษา พื้นฐานของความรวมมือ (Collaboration) Gabehart เนนวา แมในอดีตที่ผานมาการ การรับผิดชอบรวมกัน(Shared พัฒนาการศึกษาจะมีการดําเนินพัฒนาทั้งการ responsibility) คํานึงถึงความยืดหยุน เรียน การสอน การใชเทคโนโลยี การปรับ (Flexibility) ในการจัดการศึกษาและการ โครงสรางการบริหารองคกร โดยมีเปาหมายที่ Curriculum & Instruction เรียนรูของผูเรียน และการสงเสริมภาวะ
6.
Learning Community
ผูนํา (Leadership) ใหผูเรียน (Whitaker, Senge(1990,p.4) กลาววา ในการพัฒนา 1993 cited by Shantz and Glenn, 2003 องคกรตางๆ ตองอาศัยความรวมมือ การ p.208) จัดการบริหารองคกรที่กาหนดนโยบายจาก ํ กระบวนทัศนทางการศึกษาในยุคแหง ระดับสูงสูผูปฏิบัติระดับลางไมสามารถนํา ขอมูลขาวสารนี้ เปนแนวทางใหการพัฒนา องคกรสูความสําเร็จได สิ่งทีจําเปนอยางยิง ่ ่ บุคคลมีความสามารถในดาน การมองโลกให ในการพัฒนาองคกร คือ ความรวมมือกัน กวางขึ้น การมองทางเลือกในอนาคต ทักษะ ของทุกฝาย เปนการพัฒนาที่ทาใหเกิดการ ํ การตัดสินใจ และการเปนพลเมืองที่ เรียนรู เพื่อพัฒนาบุคคลอยางเต็มตาม กระตือรือรนและรับผิดชอบ( Wideen,1993, ศักยภาพ และตอเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งจะ p 35 ) เมื่อการศึกษามีเปาหมายในการพัฒนา นําไปสูการพัฒนาที่ยงยืน ั่ 6 บุคคลเปนดังกลาว Wideen มองวา สิงทีจะ่ ่ ดังนันการจัดการศึกษาที่จะนํา ้ ปรากฏตามมาอีก คือ ลักษณะที่จะทําให สังคมใหเกิดการพัฒนาที่ยงยืน นาจะมี ั่ บุคคลมี แรงจูงใจ (Motivation) มี จุดเริ่มตนจากการจัดการศึกษาในระบบ ความสามารถในการคาดการณและเตรียมรับ สถาบันการศึกษา นับวาเปนองคกรที่ การเปลี่ยนแปลง (Anticipation of change) รับผิดชอบโดยตรงตอภารกิจการพัฒนาการ สามารถคิดแบบมีวิจารณญาณ (Critical เรียนรู Newberry (1994 cited by Shantz thinking) รูกลั่นกรองคานิยมที่พงประสงค ึ and Glenn, 2003 p.208) ระบุลักษณะ (Values clarification) มีทักษะในการตัดสินใจ ขององคกรที่มประสิทธิภาพ ไววา กระบวน ี การตัดสินใจ (Decision making) ความคิด ทัศนของการจัดการในสถานศึกษาควรหลุด สรางสรรค (Creativity) สิ่งเหลานีกอใหเกิด ้ ออกจากแนวคิดเดิม ที่มงผลสัมฤทธิ์ ุ ความเปนอยูที่ดีขึ้น (A Better world) ความ ทางการเรียนโดยยึดคะแนนสูงสุดจากการ เปนพลเมืองทีดี (Citizenship and ่ ทดสอบเพียงอยางเดียว ไปสูการให stewardship) ความสําคัญกับ บุคคล กลุมคนที่มีความ มุมมองที่ Wideen เปนภาพสะทอนให เปนผูนาในการมีสวนรวม (Participative ํ เห็นถึงกระบวนทัศนของการศึกษาที่เคลื่อนไป leadership) มีรูปแบบการทํางานที่ จากกระบวนทัศนเดิมในยุคอุตสาหกรรม การ สรางสรรค (Innovative work style) และ จัดการศึกษาที่มีเปาหมายดังที่กลาวไปขางตน กรอบความคิดในการคนหาผลที่เกิดจาก ทําใหบุคคลสามารถดํารงชีวิตอยูในสังคมที่มี การแสดงออกถึงความสามารถของบุคคล ความซับซอนและปญหาอุปสรรคเพิ่มขึ้น แต อยางสูงสุด Newberry คาดหวังวาจุดเนน ความสามารถและทักษะของปจเจกบุคคลไม ดังกลาว จะทําใหการจัดการศึกษาเปด Curriculum & Instruction ยงพอ ตอสภาพสังคมในยุคนี้ เพี กวาง (Open) กวางขวาง (Inclusive)
7.
Learning Community
บังเกิดผลกับผูเรียนทุกรูปแบบ (ทังแบบ ้ ของครูผูสอนในระดับชั้นเดียวกันใน traditional และ non-traditional) โรงเรียนหนึ่ง ๆ การดําเนินงานของ ดังที่กลาวไปขางตนในขอเสนอแนะ คณะกรรมการโรงเรียน บุคลากรใน ของ Gabehart เกียว การดําเนินการที่ตองทํา ่ ภาควิชาที่จัดการเรียนการสอน พรอมกันใน ดานความสอดคลองกันระหวาง ระดับอุดมศึกษา องคกรวิชาชีพ การสอน กับการเรียน การบูรณาการ ระดับชาติ หรือแมแตคณะครูทุกคนใน เทคโนโลยีในการจัดการศึกษา และ การปรับ โรงเรียน โดยมักจะเรียกหรืออางวา การ โครงสรางการจัดการศึกษา หรืออาจกลาวได รวมตัวดังกลาว เปนชุมชนแหงการเรียนรู อีกนัยหนึงวาเปนการปฏิรูปการศึกษาทังระบบ ่ ้ ซึ่งดูเหมือนวา คําวา “ชุมชนแหงการ นั้น คําถามที่เกิดขึ้นตอมาจากขอเสนอแนะนี้ เรียนรู”จะถูกใชมากมาย เมื่อเปนเชนนี้ 7 ก็คือ กิจกรรม ในการฝกบุคลากรเพื่อสงเสริม ความหมายของ ชุมชนแหงการเรียนรู ดู การปรับโครงสรางการจัดการเรียนการสอน จะยังคลุมเครือ ซึ่งอาจสงผลให เปาหมาย ควรมีลักษณะเชนไร และ จะบูรณาการ ในการพัฒนาการเรียนรูไมชดเจนไปดวย ั เทคโนโลยีสหลักสูตร ไดอยางไร แนวทางหนึง ู ่ DuFour (2004, p. 26 ) พยายามที่จะทํา ที่พอจะสรุปไดจาก ขอเสนอ -แนะ และมุมมอง ใหความหมายของคําวา “ชุมชนแหงการ ที่ไดกลาวไปขางตน ก็คือ ความรวมมือ และ เรียนรู” ใหมีความชัดเจนยิงขึ้น DuFour ่ การรวมพลัง วิถีทางหนึ่งที่จะทําใหพลังและ ใหคําจํากัดความ “ชุมชนแหงการเรียนรู” ความรวมมือ บังเกิดผล คือ การสรางชุมชน วาเปน การรวมตัวของบุคลากร แหงการเรียนรู (Creation of learning โดยเฉพาะบุคลากรวิชาชีพ ที่มีเปาหมาย Community) ที่ชัดเจนในการรวมตัวกัน เพือปฏิบัติ ่ • ความหมายของชุมชนแหงการเรียนรู ภารกิจหรือทํากิจกรรมตาง ๆ จนเปนสวน ในชวงเวลาทีผานมามีสถานศึกษาที่จัด ่ หนึงของวัฒนธรรมโรงเรียน (School ่ การศึกษาในระบบหลายแหง เริ่มไดรับการ Culture) พัฒนาองคกรใหเปนชุมชนแหงการเรียนรู สวน Astuto and Others ของบุคลากรวิชาชีพ (Professional (1993,p.5) ใหความหมายของ“ชุมชนแหง Learning Community) สถานศึกษาหลาย การเรียนรู” ในสถานศึกษา ไววา เปนความ แหงพยายามกาวเขาสูการเปลี่ยนแปลงทีมา ่ รวมมือกันของผูบริหารและครูผูสอนในการ พรอมกับกระบวนทัศนทางการศึกษาที่ แสวงหา และเรียนรูรวมกัน และลงมือ เปลี่ยนไป ความพยายามดังกลาวปรากฏให ปฏิบัติกิจกรรม เพื่อเปาหมายในการเพิ่ม เห็นในรูปแบบตางๆ เชน การรวมตัวกันของ ประสิทธิภาพ ใหกับวิชาชีพ และเปาหมาย Curriculum & Instructionบุคลากรในสถานศึกษา การทํางานรวมกัน สูงสุดคือ ผลประโยชนที่จะเกิดกับผูเรียน
8.
Learning Community
นักการศึกษาไทยก็ไดให สมาชิกทุกคน มีระบบสื่อสารที่ดีระหวาง ความหมายของชุมชนแหงการเรียนรูไวเชนกัน สมาชิก โดยการรวมตัวกันทําอยาง นาตยา ปลนธนานนท (2547, หนา 4 ) กลาว ั กระตือรือรนและตอเนื่อง โดยสมาชิกใน วา “ชุมชนแหงการเรียนรู” หมายถึงกลุมคนที่ ชุมชนเกิดแรงจูงใจจากภายใน (Intrinsic มีความสนใจรวมกัน เรียนรูแลกเปลี่ยนกัน จน Motivation) ในการรวมกิจกรรม เพราะ เปนแรงกระตุนใหเกิดความรูสึกในเรื่องความ ไดรบอิสระในการคิด ทํางาน และ ั เปนเจาของในกลุม (sense of membership) สรางสรรคสิ่งใหมๆ ตามความตองการที่ ผลที่เกิดขึ้นตอมา คือ การปฏิบัติกิจกรรม หรือ แทจริงของตนเองและองคกร ภารกิจรวมกันที่เรียกวาเปน Communities of • ลักษณะสําคัญของชุมชนแหงการ Practice เรียนรู 8 สวน Padavil ( 2004, p.10) กลาววา จากของสรุปขางตน สิ่งที่ตอง ในชุมชนแหงการเรียนรูนั้น ครูผูสอน นักเรียน คํานึงถึงและใหความสําคัญในการพัฒนา บุคลากรสนับสนุนฝายตาง ๆ ผูปกครอง “ชุมชนแหงการเรียนรู” คือลักษณะของ ผูบริหาร และบุคคลอื่น ๆ ทีเ่ กี่ยวของใน “ชุมชนแหงการเรียนรู” Padavil (2004, p. โรงเรียนถือเปนสมาชิกของชุมชนหนึงที่มี ่ 12) ไดใหลักษณะหลักของชุมชนแหงการ จุดหมายเดียวกัน คือ “การเรียนรู” เรียนรูไว 4 ประการ คือ นอกจากนี้ Senge (1990,p.3) ยังให 1) ความรูสึกเปนเจาของในชุมชน (A ความหมายของ “ชุมชนแหงการเรียนรู” ไววา Sense of Belonging to the เปนองคกรที่กลุมบุคคลแสดงความสามารถใน Community) การสรางสรรคงานที่บงเกิดผลที่เปนที่ตองการ ั 2) การทํางานรวมกันและการเรียนรู อยางแทจริงของบุคลากร และขององคกร โดย รวมกันในกลุม สมาชิกมีอิสระในการคิด การทํางาน และการ 3) การมีสวนรวมของบุคลากรทุกคนใน สรางสรรคงานอยางเต็มที่ องคกร โดยใชสิ่งแวดลอมทีมีกิจกรรม ่ จากแนวคิดขางตนพอจะสรุป เปนหลัก และ ความหมายของ “ชุมชนแหงการเรียนรู” วา 4) สมาชิกทุกคนในกลุมคือ ผูเรียน เปนการรวมตัวของบุคลากรทางการศึกษา ซึง ่ สวน DuFour (2004) ใหความสําคัญ ไดแก ครูผูสอน ผูบริหาร ผูปกครอง บุคลากร กับวัฒนธรรมองคกร หรือ โรงเรียน โดย ในชุมชนอื่น ๆ และนักเรียน ในการทํากิจกรรม DuFour กลาววา วัฒนธรรมองคกร หรือ หรือดําเนินการเพื่อเปาหมายของ “การเรียนรู” โรงเรียน หมายถึง การปฏิบัติภารกิจในองคื มีวัฒนธรรมองคกรแหงความรวมมือ การ กรที่ทาเปนประจําจนเปนวิถการดําเนินชีวต ํ ี ิ Curriculum & Instructionางานเปนทีม คํานึงถึงการมีสวนรวมของ ทํ ในองคกร นับไดวา วัฒนธรรมองคกร หรือ
9.
Learning Community
โรงเรียน เปนการสะทอนใหเห็นถึง การกระทํา จากตัวอยางของวัฒนธรรม ตามบทบาทหนาที่ และปฏิสมพันธระหวาง ั โรงเรียนของไทยที่กลาวไปนั้น ภาพที่ บุคลากร ในองคกร ในสถานศึกษา บุคคลที่ ชัดเจนของการปฏิบัติตามคําสั่ง ตองเกี่ยวของสัมพันธกน และมีบทบาทหนาที่ที่ ั ปฏิบัติงานตามรูปแบบที่เคยปฏิบัติ หากมี แตกตางกัน บุคลากรในองคกรในทีนี้ขอ ่ สิ่งใหมเขามาจําเปนตองมีตวอยางทีชัดเจน ั ่ แบงเปน ผูบริหาร ครูผูสอน บุคลากรสนับสนุน ผูบริหารโรงเรียนยังคงเปนผูมีอํานาจในการ การสอน นักเรียน ผูปกครอง และ ชุมชน สั่งการ และติดตาม กํากับดูแลการทํางาน บทบาท หนาที่ และปฏิสัมพันธ ของบุคคล ของครูผูสอนและบุคลากรสนับสนุนอื่น ๆ เหลานี้อาจดูคลายกันในแตละองคกร เชน ใน ครูผูสอน นอกจากจะตองปฏิบัติตามคําสั่ง สถานศึกษาของไทย ผูบริหาร คือ ผูมีอานาจ มี ํ ของผูบริหารแลว ยังตองเปนผูรูและ 9 บทบาทในการกําหนดนโยบาย หรือรับ ถายทอดความรู ใหกับนักเรียน นักเรียน นโยบายจากหนวยงานตนสังกัด แลวสั่งการให เปนผูรับความรูและปฏิบัติตามคําสังสอน ่ ครูผูสอนปฏิบัติตามนโยบาย นอกจาก นี้ ของครู ผูปกครองและชุมชนมีสวนรวมใน ผูบริหารยังเปนผูตัดสินความดี ความชอบของ การจัดการศึกษานอย ดวยเพราะไมรูถง ึ บุคคลใตบังคับบัญชาไดอีกดวย สวนครูผสอน ู บทบาทวาควรมีสวนรวมในการจัด มีหนาที่ปฏิบัติตามนโยบาย และจัดการเรียน การศึกษาไดโดยยกหนาที่การใหการศึกษา การสอนที่คิดวาเปนไปตามนโยบายที่ผูบริหาร กับลูกหลานของตนเองเปนเรื่องของ กําหนด เปนผูรูที่มีหนาที่รับผิดชอบ และตัดสิน โรงเรียนและครูผูสอนไป ผลการเรียนของผูเรียน บุคลากรสนับสนุน มี วัฒนธรรมโรงเรียนในประเทศ บทบาทหนาทีใหการดําเนินการในโรงเรียน ่ ไทยทีกลาวไปขางตนมีชองวางที่เห็นชัดวา ่ เปนไปตามระเบียบ ปฏิบัตตามคําสั่งของ ิ หางไกลจากวัฒนธรรมโรงเรียนที่จะ ผูบริหาร หรือครูผูสอนที่คิดวามีตาแหนงที่สูง ํ กอใหเกิดชุมชนแหงการเรียนรู ตามแนวคิด กวาตน นักเรียน คือผูที่ตองเชื่อฟง และปฏิบัติ ของ DuFour ได ชองวางดังกลาวนี้เปนสิ่งที่ ตามสิ่งที่ครูสั่งสอน ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ ผูรับผิดชอบดานการศึกษาควรตระหนัก โรงเรียนกําหนด ผูปกครอง คือ ผูที่มีความ ภาระหนาทีทจะเติมเต็มชองวางใหเกิด ่ ี่ ตั้งใจที่จะใหบตรหลานของตนเองไดรูในสิ่งที่ ุ วัฒนธรรมโรงเรียนทีเ่ ปนความรวมมือกัน กําหนดไวในหลักสูตร มีความคาดหวังวา นั้นตองใชพลังมากมายในทีจะสรางชุมชน ่ ครูผูสอน คือ ผูมีความสามารถ และรับผิดชอบ แหงการเรียนรูใหเกิดขึ้นได การเรียนรูของนักเรียน สวนชุมชนนั้นมี แนวคิดที่สาคัญเกี่ยวกับวัฒนธรรม ํ บทบาทและมีสวนรวมในกิจกรรมของโรงเรียน โรงเรียนที่จะทําการรวมตัวของบุคลากรใน Curriculum & Instructionอยมาก ในชวงเวลาที่ผานมา น การปฏิบัติภารกิจหรือกิจกรรมตาง ๆ ของ
10.
Learning Community
โรงเรียนเปน ชุมชนแหงการเรียนรูที่มี ปรองดองกัน หากไดมีโอกาสทํากิจกรรม ประสิทธิภาพ นั้น Padavil (2004, p. 10) ยัง รวมกัน คนไทยมีประเพณีในการพึ่งพากัน มองวา ในสถานศึกษา นักเรียน บุคลากร มาแตโบราณ ไมวาจะเปนการลงแขกเกี่ยว สนับสนุนฝายตาง ๆ ผูปกครอง ผูบริหาร และ ขาว ประเพณีบุญตาง ๆ ซึ่งก็ดูวาหากมี บุคลากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวของในโรงเรียนถือวาเปน ความตั้งใจและจริงใจที่จะพัฒนาใหเกิด สมาชิกของชุมชนหนึง ๆ ทีมีจุดหมายเดียวกัน ่ ่ การรวมตัวกันเมื่อรวมมือกัน ความรูสกเปน ึ คือ “การเรียนรู” เจาของก็จะเกิดขึ้นไดไมยากนัก ลักษณะหลักของชุมชนแหงการเรียนรู นอกจากนี้ขอชวนคิดอีกประการ ที่ Padavil ไดสรุปมาจากแนวคิดของ หนึง ตามลักษณะหลักของชุมชนแหงการ ่ McCatep (1994) และ Wool (1992) นัน ้ เรียนรูตามแนวคิดของ Padavil คือ 10 สอดคลอง กับความคิดของ DuFour ในสวน สมาชิกทุกคนในกลุม คือ “ผูเรียน. เดิม การเนนวัฒนธรรมโรงเรียน และเติมเต็มไดกับ ความคิดเกี่ยวกับการเรียนและการศึกษา แนวคิดของ DuFour ในการทํางานรวมกัน จะถูกตีกรอบอยูในสถานศึกษา (ซึ่งอาจ และการเรียนรูรวมกันในกลุม และ การมอง ยังคงมีอยูในความคิดของบางสวนใน สมาชิกทุกคนในกลุมเปน “ผูเรียน” และ สังคม) เมื่อใดก็ตามที่บุคคลจบการศึกษา ความรูสึกเปนเจาของในชุมชน แลว ภาระหนาที่ในการเรียนก็จบลง สิ่งที่ชวนคิดสําหรับสถานศึกษา ความคิดเชนนีหากมีในครูผสอนก็จะ ้ ู โรงเรียนในประเทศไทยในการพัฒนาชุมชน กอใหเกิดปญหาในการพัฒนาวิชาชีพได แหงการเรียนรูนั้น คือ จะทําอยางไรใหสมาชิก เพราะครูผูสอนหลายคนอาจคิดวาหนาที่ ในสถานศึกษาเกิดความรูสกเปนเจาของใน ึ “การเรียน” เปนของนักเรียน สวนหนาที่ ชุมชน ดังที่กลาวไปแลววา สภาพของโรงเรียน “การสอน” เปนของครู หากในปจจุบน ั ในประเทศไทยสวนใหญเปนการรวมอํานาจอยู ครูผูสอนหรือบุคลากรสนับสนุนอืน ๆ มี ่ ที่ผูบริหาร การทํางานตามคําสั่งยอมกอใหเกิด ความคิดเชนนี้ โอกาสของการพัฒนา ความรูสึกเปนเจาของนอยมาก เชนเดียวกับ โรงเรียนใหเปนชุมชนแหงการเรียนรูก็คงอยู วัฒนธรรมของการทํางานรวมกันเปนทีม การ อีกไกล ซึ่งก็ตองเปนภารกิจหนักและเปน เรียนรูรวมกัน จนมีผูกลาวถึงความสามารถใน หลักอีกประการหนึงของผูรบผิดชอบทาง ่ ั การทํางานเปนทีมของคนไทยวา เปนไปไดยาก การศึกษาตองใหความสําคัญ ในการ เมื่อเปรียบเทียบกับการทํางานแบบเดี่ยว ๆ ทั้ง ปรับเปลี่ยนความคิดของครูผูสอน แตก็ ที่คนไทยจํานวนมากมีความสามารถจนเปนที่ นับวาจุดเริ่มตนที่ดีเกิดขึนแลวในสังคม ้ ยอมรับในระดับโลก แตอยางไรก็ตามวิถชีวิต ี การศึกษาไทยตั้งแตมีพระราชบัญญัติ Curriculum & Instruction เดิมของคนไทยจะมีพื้นฐานจากการรักใคร ดั่ง การศึกษาแหงชาติ พุทธศักราช 2542 ที่
11.
Learning Community
ระบุถึงการเรียนรูตลอดชีวิตไว ซึ่งก็เปน • อิสรภาพทางความคิด กระทํา และ แนวทางหนึ่งที่ทกฝายตองหันมามองและตอง ุ สรางสรรค (Freedom to think, ผลักดันใหเกิดการเรียนรูดังกลาวขึ้น work and create) ในชุมชนแหงการเรียนรูในสถานศึกษา • ความรับผิดชอบที่เกิดจากแรงจูงใจ มีองคประกอบที่สําคัญอยู 3 ประการ คือ ภายใน (Autonomous เปาหมายของชุมชนแหงการเรียนรู บุคลากร commitment : from intrinsic ในชุมชน และวิธีดําเนินการในชุมชน ในสวน motivation) ของเปาหมายของชุมชนแหงการเรียนรูคือ การ • สภาพความเปนจริงของชุมชนแหง เรียนรูของบุคลากรในชุมชน ซึ่งกลุมใหญกคอ ็ ื การเรียนรู ผูเรียน แตก็ไมไดหมายความวา ผูเรียนเทานั้น ในชวงเวลาทีความเคลื่อนไหวทาง ่ 11 ที่จะเรียนรูได เพราะ Padavil ก็กลาวไวแลววา การศึกษา และแนวคิดการพัฒนาการ เปาหมายของการรวมตัวรวมมือกันเปน “การ เรียนรูที่เปลียนไป การใหความสําคัญตอ ่ เรียนรูของทุกคน” องคประกอบดานบุคลากร ความรวมมือกันพัฒนาการเรียนรู ก็ไดมี ในชุมชนแหงการเรียนรูในสถานศึกษา ไดแก ตัวอยางของการพัฒนาโรงเรียนใหเปน ครูผูสอน ผูเรียน ผูบริหาร บุคลากรสนับสนุน ชุมชนแหงการเรียนรูและยังเกิดผลที่เปน ผูปกครอง บุคลากรอื่น ๆ ในชุมชน สวน ดาน การเรียนรูของผูเรียน ในทีนขอยกตัวอยาง ่ ี้ วิธีดําเนินการเปนสิ่งสําคัญทีสุด ซึ่งจะกลาวถึง ่ ความรวมมือที่มีรูปแบบการเปนชุมชนแหง ในโอกาสตอไป การเรียนรู ที่สอดคลองกับแนวคิดทีกลาว ่ จากแนวคิดทีกลาวมาขางตนขอสรุป ่ มาขางตน ไดแก ผลจากการวิจัยเพื่อพัฒนา ลักษณะของชุมชนแหงการเรียนรูไว ดังนี้ ชุมชนแหงการเรียนรู ที่มีความหลากหลาย ชุมชนแหงการเรียนรูควรมี : ของบุคลากร ในรัฐ Texas โดยการจัดใหมี • ความรวมมือ (Collaboration) ชุมชนแหงการเรียนรูของครู (Teachers • การสื่อสาร การสนทนา ระบบ Learning Communities : TLCs ) ที่มงการ ุ เครือขาย(Communication / พัฒนาวิชาชีพ โดยใหมีความรวมมือกัน Conversation ,Network System) อยางตอเนื่อง มีการทํางานและการ • การทํางานเปนทีม (Team Working) ปรับปรุงพัฒนาอยางไมหยุดนิ่ง โครงสราง • การมีสวนรวม (Involvement/ ของชุมชนแหงการเรียนรูครูผสอนยังคงอยู ู Participation) หลังจากการอบรมโดยใชการวิจัยเปนงาน • การเปนเจาของรวมกัน (Owner เรื่องรูปแบบการสอนทีจัดเพือสนองความ ่ ่ Sharing) หลากหลายของผูเรียน กระบวนการสราง Curriculum & Instruction ชุมชนแหงการเรียนรูเกิดขึ้นอยางตอเนื่อง
12.
Learning Community
ครูปฏิบัติการสอนไปพรอม ๆ กับการใชความ อานและวิเคราะห บทความ นําปญหาที่ พยายามในการวิเคราะหความพยายามในการ พบมาถกเพื่อหาทางแกปญหา การประชุม ปรับปรุงโรงเรียน ตรวจสอบผลสําเร็จประจํา จะจบลงดวยการอวยพรวันเกิดใหสมาชิก สัปดาห แกปญหาการจัดการเรียนการสอน การซื้อบานใหมหรือขาวที่นายินดีตาง ๆ รวมกัน แลกเปลี่ยนกลวิธีการสอน พิจารณา เวลาที่ใชในการประชุมจะใชประมาณ 2 ผลงานของนักเรียน เรียนรูทจะวิเคราะห ี่ ชั่วโมง ตัวอยางที่เปนรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น ความกาวหนาของนักเรียน สรางความสัมพันธ จากชุมชนดังกลาว ไดแก การทํางาน ในเพื่อนรวมงานในการนิเทศเพื่อพัฒนางาน รวมกันของครูผูสอนภาษาอังกฤษเปน และเรียนรู ในสิ่งที่ตนและกลุมจําเปนตอง ภาษาที่สองและครูผูสอนวิชาสามัญอืน ๆ ่ เรียนรูเพิมเติม เปาหมายการทํางานรวมกัน ่ เปาหมายคือ การอานออก เขียนไดของ 12 ของชุมชนแหงการเรียนรูของครูผูสอน (ที่มี นักเรียนทุกคน โรงเรียนแหงนี้ไดใหครูทก ุ ความแตกตางกัน) คือ ความสําเร็จในการสอน คนไดอบรมวิธการจัดการเรียนการสอน ี และการเรียนรูของนักเรียน โอกาสที่สมาชิกใน แบบเดียวกัน (โดยปกติมักจะใหครูไดรับ ชุมชนแหงการเรียนรูจะไดรับคือ การรวมมือกัน การอบรมแยกตามวิชาเอก) จากนั้นครูใน ตรวจสอบการทํางาน ทดลอง นําผลไปใช ทีมจะมีโอกาสนําวิธีการไปใช และมีการ ประเมินและเปลี่ยนแปลงเพื่อการพัฒนา ดําเนินการสอน วิเคราะหสถานการณทง ั้ ตลอดเวลาและตอเนื่อง ผลงานของนักเรียน ดึงความรวมมือของ ในชุมชนแหงการเรียนรู ครูมีบทบาทที่ ผูปกครอง ชุมชนและตัวผูเรียนเองเขามา หลากหลาย อาทิ นักวิจัย นักวิจารณ ผูเรียน เพื่อใหเปนไปตาม ผูสอน-ครูผูสอน ไดเรียนรูที่จะกําจัดความกลัว เปาหมาย บรรยากาศการทํางานเปนไป และยอมใหครูคนอื่นเขามาสังเกตการสอนของ อยางเขาอกเขาใจและเปนทางบวก พบวา ตน (อาจใชวิธการนิเทศแบบเพื่อนชวยเพื่อน : ี ความสําเร็จเกิดขึ้นได นักเรียนเปนไปตาม peer coaching) เปาหมายที่วางไว ครูก็ไดเกิดการเรียนรู ในแตละสัปดาหครูที่รวมในชุมชนแหง อยางตอเนื่อง การเรียนรูมกแลกเปลี่ยนกันถึงความสําเร็จ ั เครื่องมือทีทําใหเกิดชุมชนแหงการ ่ สูงสุดของสัปดาหนน ๆ โดยจะมีกจกรรมอื่น ๆ ั้ ิ เรียนรู ในรัฐ Texas อีกประการหนึ่งคือ ตามมา เชน การวิเคราะหผลงานของนักเรียน รูปแบบการสอนเปนทีม การวางแผนการ เชน งานเขียนของนักเรียนหรือผลที่ไดจากการ สอนรวมกัน จัดการเรียนการสอนรวมกัน วัดผลการเรียนรูของผูเรียน บางครั้งอาจมีการ แกไขปญหารวมกัน ประเมินผลและชื่นชม เสนอรูปแบบการสอนที่ประสบผลสําเร็จให ในความสําเร็จ รับทราบการแกไขปญหาดู Curriculum & Instruction ่อนครูคนอืน ๆ กิจกรรมอืน ๆ อาจเปนการ เพื ่ ่ จะเปนการเจาะลึกลงไปถึงตนเหตุของ
Jetzt herunterladen