More Related Content
Similar to การติดต่อสื่อสารในองค์กร (20)
More from Chainarong Maharak (20)
การติดต่อสื่อสารในองค์กร
- 2. จัดทาโดย
1. นางสาววรนาฏ จูมคอม รหัสนักศึกษา 57003126006
2. นางสาวทิพเนตร แม้นจิตร รหัสนักศึกษา 57003126019
3. นายชัยณรงค์ มะหารักษ์ รหัสนักศึกษา 57003126051
สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์
- 12. 1. การสื่อสารแบบบนลงล่าง (Downward Communication)
เป็นการสื่อสารแบบผู้บังคับบัญชาไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา ในลักษณะของ
การสั่งงาน
ทิศทางของช่องทางการติดต่อสื่อสาร
ผู้ใต้บังคับบัญชา
คาสั่ง นโยบาย กฎระเบียบ ข้อแนะนา
ผู้บังคับบัญชา
- 15. ทิศทางของช่องทางการติดต่อสื่อสาร (ต่อ)
4. การสื่อสารแนวไขว้หรือแนวทแยง (Diagonal Communication)
เป็นการสื่อสารแบบข้ามแผนกหรือข้ามระดับ โดยเป็นการสื่อสารจากฝ่าย
หนึ่งฝ่ายใดในประเด็นที่เป็นเรื่องสาคัญที่อีกฝ่ายต้องรับรู้หรือจาเป็นต้องหารือร่วมกัน
การติดต่อสื่อสาร
จากข้างบนลงข้างล่าง
การติดต่อสื่อสาร
จากข้างล่างขึ้นข้างบน
การติดต่อสื่อสารตามแนวนอน การติดต่อสื่อสารข้ามสายงาน
- 17. 2. แบบวงล้อ (WHEEL)
เป็นการสื่อสารที่มีผู้นาชัดเจน ดังนั้นสมาชิกทุกคนจึงสามารถติดต่อสื่อสารกับ
ผู้นาได้โดยตรง การติดต่อสื่อสารในลักษณะนี้กิจกรรมต่างๆ ถูกสั่งออกจาก
ส่วนกลางและหากสมาชิกจะติดต่อกันก็จะติดต่อผ่านส่วนกลาง
ข้อดี - ผู้บริหารจะเป็นศูนย์กลางของการสื่อสาร
- ลดความเชื่องช้าของการสื่อสารจากบนลงล่าง
ข้อเสีย - เป็นการรวมอานาจและตัดสินใจเพียงคนเดียว
โครงสร้างการติดต่อสื่อสาร (ต่อ)
- 18. 3. แบบลูกโซ่ (CHAIN)
เป็นการสื่อสารที่คล้ายกับแบบวงกลม แต่ต่างกันที่ผู้สื่อสารคนสุดท้ายสามารถ
สื่อสารกับคนคนเดียว การสื่อสารรูปแบบนี้ไม่มีผู้นาที่ชัดเจนแต่ตาแหน่งตรงกลาง
น่าจะมีความเป็นผู้นามากกว่าตาแหน่งอื่น
โครงสร้างการติดต่อสื่อสาร (ต่อ)
ข้อดี - ข้อมูลน่าจะมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้
ข้อเสีย - อาจจะเชื่องช้าเพราะสื่อสารคล้ายกับบนลงล่าง
- 19. 4. รูปแบบตัววาย (THE Y)
เป็นการสื่อสารที่มีความเป็นศูนย์กลางน้อยกว่าแบบวงล้อ แต่เป็นการสื่อสารที่
มีผู้นาที่ชัดเจนและมีผู้นาคนที่ 2 แสดงบทบาทเพิ่มขึ้น สมาชิกสามารถรับและส่ง
ข่าวสารได้จากผู้นาทั้ง 2 คน
โครงสร้างการติดต่อสื่อสาร (ต่อ)
ข้อดี - ข้อมูลเข้าถึงผู้บริหารได้ 2 ทาง
ข้อเสีย - อาจเกิดความสับสนได้
- 20. 5. แบบรูปดาว (THE STAR)
เป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนได้ติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วถึงและเป็น
อิสระ ไม่เข้มงวด ไม่มีศูนย์กลางที่เป็นทางการ เครือข่ายประเภทนี้จะรวดเร็วและ
เกิดประสิทธิภาพของงานสูง
ข้อดี - ข้อมูลกระจายไปได้หลายทิศทาง
ข้อเสีย - อาจต้องใช้เวลามากขึ้น
โครงสร้างการติดต่อสื่อสาร (ต่อ)
- 21. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
1. จัดระบบการบริหารและปฏิบัติงาน โดยมีช่องทางที่มีคุณภาพ
2. ผู้ทาหน้าที่หลักในการประสารงานต้องเข้าในย่างถ่องแท้เกี่ยวกับ
กระบวนการสื่อสาร
3. ข้อความที่จะใช้เพื่อการสื่อสารต้องมีความชัดเจน ถูกต้อง และรัดกุม
ทั้งการใช้ภาษาถ้อยคา และเนื้อหาข้อมูล
4. กระตุ้นให้เกิดความสนใจและพร้อมที่จะเข้ามามีส่วนร่วม
5. ต้องแน่ใจว่า การสื่อสารแต่ละครั้งครอบคลุมถึงลักษณะเฉพาะขององค์กร
ความสามารถในการรับสาร รวมทั้งความรู้สึกและสภาพจิตใจของผู้รับสาร
- 24. การพัฒนาทักษะการสื่อสารที่ดี
มีหลักสาคัญอยู่ 10 ประการ สามารถช่วยปรับปรุงการสื่อสารภายในองค์กร
ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น คือ
1. สร้างความคิดให้ชัดเจนก่อนทาการสื่อสาร
2. กาหนดเป้าหมายในการสื่อสารทุกครั้ง
3. พิจารณาสภาพแวดล้อมของการสื่อสาร
4. ขอคาแนะนาผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนการสื่อสาร
5. ควรระวังการสื่อสารทางสีหน้า ท่าทาง และ น้าเสียง
- 25. หลักสาคัญ 10 ประการ (ต่อ)
6. พยายามทาการสื่อสารกับผู้ร่วมงานในทุกครั้งที่มีโอกาส
7. คอยติดตามผลการสื่อสารอยู่เสมอ
8. วางแผนการติดต่อสื่อสารทั้งเรื่องที่จะทาทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
9. ควรปฏิบัติตามในสิ่งที่ได้พูดไว้
10. ควรเป็นผู้ฟังที่ดี
การพัฒนาทักษะการสื่อสารที่ดี (ต่อ)
- 26. คาชี้แจง ให้แบ่งกลุ่ม 4 - 5 คน ร่วมกันอภิปรายหัวข้อดังต่อไปนี้ พร้อมกับ
นาเสนอหน้าชั้นเรียน
“การติดต่อสื่อสารมีความสาคัญ และให้ประโยชน์ต่อการ
บริหารงานของสถานศึกษาอย่างไรบ้าง”
กิจกรรม
- 27. เอกสารอ้างอิง
การติดต่อสื่อสารในองค์กร. (2558). สืบค้นเมื่อ 11 กรกฎาคม 2560. จาก
http://home.dsd.go.th/kamphaengphet/km/Communication.html.
ยาเบ็น เรืองจรูญศรี. (2552). การติดต่อสื่อสาร. สืบค้นเมื่อ 11 กรกฎาคม 2560.
จาก http://www.kroobannok.com/blog/20402.
หนึ่งฤทัย นวลแป้น. (2555). การติดต่อสื่อสารในองค์กร. สืบค้นเมื่อ 11
กรกฎาคม 2560. จาก https://www.l3nr.org/posts/525022.