SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 11
Downloaden Sie, um offline zu lesen
โรคภูมิแพ้ หมายถึง โรคที่เกิดขึ้นกับผูที่มีอาการไวผิดปกติต่อสิ่ งใดสิ่ งหนึ่ง
                                             ้
จนแสดงอาการโรคภูมิแพ้ แต่โดยทัวไปสารเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
                                         ่
กับคนปกติทวไป คนในเมืองจะมีโอกาสเป็ นโรคภูมิแพ้มากขึ้น เนื่องจาก
              ั่
มลภาวะและภูมิแพ้ เมื่อร่ างกายได้รับสารชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ทางผิวหนัง
ทางรับประทาน ทางลมหายใจ หรื อจากการฉี ดยา หากร่ างกายรับสารนั้นได้
ก็ไม่เกิดผลเสี ยต่อร่ างกาย แต่หากสารนั้นเป็ นสารที่ทาให้เกิดอาการโรค
ภูมิแพ้ก็จะทาให้เกิดผลเสี ยต่อร่ างกาย อาจจะรุ นแรงมาก ถึงขั้นเสี ยชีวต  ิ
กระทันหันเรี ยกว่ายังไม่ได้ถอนเข็มก็เกิดอาการแล้ว หรื อบางกรณี อาจจะ
เกิดปฏิกิริยาภูมิมาในภายหลัง โดยที่ตวคนไข้ไม่รู้ดวยซ้ าว่าไปรับสารใดมา
                                           ั            ้
บ้าง ระบบภูมิคุมกันของคนเรามีหน้าที่ที่จะจดจาสิ่ งแปลกปลอมที่จะทาร้ายร่ างกาย เช่น เชื้อแบคทีเรี ย เชื้อไวรัสโดยการสร้างภูมิคุมกันขึ้นต่อสูกบ
                 ้                                                                                                                      ้               ้ ั
เชื้อโรค ปฏิกิริยานี้เริ่ มเมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดการสร้างภูมิที่เรี ยกว่า IgE antibody ตัว antibody นี้จะกระตุน Mast cell ให้มีการหลังสาร
                                                                                                                           ้                      ่
Histamine ขึ้นที่เนื้อเยือต่าง เช่น ผิวหนัง ปอด จมูก ลาไส้ ทาให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ อาการแสดงจะเกิดตามอวัยวะต่างๆ เช่น ลมพิษที่
                          ่
ผิวหนัง คัดจมูก แน่นหน้าอกเนื่องจากหอบหื ด บางรายอาจจะรุ นแรงถึงกับเสี ยชีวตได้ ความรุ นแรงและความรวดเร็ วของการเกิดภูมิแพ้ข้ ึนอยูกบ
                                                                                         ิ                                                          ่ ั
ชนิดของภูมิแพ้




เมื่อร่ างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ ร่ างกายจะสร้างภูมิคุมกันชนิด IgE ขึ้นเพื่อกาจัดสิ่ งแปลกปลอมเหล่านั้น การทางานของ IgE คือ
                                                      ้

IgE จะจับกับโปรตีนของสารภูมแพ้และเกาะกับผิวของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรี ยกว่า Mast cell หลังจากนั้นจะเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ตามมาทาให้เกิดการ
หลังของสารเคมอีกหลายชนิด histamine heparin Protease Eosinophil chemotactic factor Neutrophil chemotactic factor , Leucotriene
,prostaglandin สารต่างๆ เหล่านี้จะทาให้เกิดปฏิกิริยาภูมแพ้เฉี ยบพลันที่เรี ยกว่า Anaphylaxis ซึ่งมีอาการ

      คัน
    ลมพิษ
         ความดันโลหิ ตต่า
         Angioedema

ตัวอย่างสิ่ งที่ทาให้เกิดภูมิแพ้ชนิดนี้

          ยาโดยเฉพาะกลุ่ม pennicillin
          การให้เลือด
          วัคซีน
          ฮอร์โมน




ร่ างกายจะสร้างภูมิชนิด IgG,iGm ,Complement มาจับกับโปรตีนของสารก่อภูมิแพ้ทาให้มีการทาลายของเซลล์โดยเฉพาะเซลล์ของ เม็ดเลือดทาให้
เกิดการแตกของเม็ดเลือดแดง( Immune hemolytic anemia) เกล็ดเลือดต่า(Thromobocytopenia) เม็ดเลือดขาวต่า (Granulocytopenia) ตัวอย่างยาที่ทา
ให้เกิดปฏิกิริยาชนิดนี้

         pennicillin
         quinidine
         sulfonamide
         methyldopa




ภูมิของร่ างกายจะรวมกับโปรตีนของสารภูมิแพ้เกิดสารที่ เรี ยกว่า immune complex ซึ่งจะไหลเวียนไปในกระแสเลือด เมื่อimmune complex นี้ไป
เกาะที่เส้นเลือดก็จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาดังนี้

         เกร็ ดเลือดจะมาเกาะรวมกลุ่ม plattlet aggregation
         มีการกระตุนเซลล์ Mast cell activation
                      ้
         มีการกระตุน ทาให้เกิด การรั่วของผนังหลอดเลือด{permiability} การหลังสารที่ทาให้เกิดการอักเสบ(ทาให้เกิดปวด บวม แดง ร้อน)
                        ้                                                   ่

อาการของภูมิแพ้ชนิดนี้ได้แก่

         ไข้
         ผื่นที่ผิวหนัง
         ต่อมน้ าเหลืองโต
         ปวดข้อ
         ไตอักเสบ
         ตับอักเสบ
ยาที่ทาให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดนี้ได้แก่

         hydralazine ยาลดความดันโลหิ ต
         procanamide
         isoniazid ยารักษาวัณโรค
         phenyltoin ยากันชัก




ปฏิกิริยาภูมิแพ้เกิดจากเซลลT-cell lymphocyte ถูกกระตุนเมื่อได้รับสารภูมิแพ้ อาการที่สาคัญของการเกิดภูมิแพ้ชนิดนี้คือพวกผื่นแพ้ที่เกิดจากการ
                                                     ้
สัมผัส

       Th 1 เป็ นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สร้างสารต่อต้านเชื้อโรค เช่น สารอินเตอเฟอรอนแกมม่า
       Th 2 2 เป็ นเซลล์ที่สร้างสารเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ เช่น อินเตอร์ลิวคีน 5

ร่ างกายของคนเราต้องใช้เซลล์ท้ ง 2 ชนิดอย่างสมดุลจึงจะมีสุขภาพที่สมดุลแข็งแรง แต่สภาพการเลี้ยงดูบุตรหลานในยุคปั จจุบนไม่ค่อยได้อยูตาม
                               ั                                                                                    ั             ่
ธรรมชาติ เช่น

       สูบบุหรี่
       อาบแต่น้ าอุ่น
       นอนแต่ในห้องแอร์
       เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน
       มลภาวะจากอุตสาหกรรม และการจราจร
       ไม่ได้สมผัสธรรมชาติที่เป็ นของจริ ง เช่น ธาตุดิน ธาตุน้ า ธาตุลม ธาตุไฟ
                 ั
       การตกแต่งบ้าน ติดตั้งพรมและติดเครื่ องปรับอากาศทาให้อากาศถ่ายเทไม่ดี เชื้อไรฝุ่ นเจริ ญได้ดี
       คนในเมืองอยูบานมาก ติดเครื่ องปรับอากาศ ไม่ออกกาลังกายทาให้ร่างกายอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
                         ่ ้
       เด็กกินนมแม่นอยลง คนรับประธานอาหารจานด่วนมาก ทาให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน และได้รับสิ่ งแปลกปลอมเข้ามามาก เช่น สี
                           ้
        สารกันบูด

เด็กจึงไม่มีโอกาสสัมผัสเชื้อแบคทีเรี ยหรื อเชื้อไวรัสตามธรรมชาติ พอเป็ นไข้ไม่สบายก็รีบพาลูกไปหาหมอกินยาปฏิชีวนะ ยาลดน้ ามูก ยาลดไข้ ไว้
ตลอดโดยที่ภูมิตานทานที่แท้จริ งของตนเองไม่เคยได้ใช้งานต่อสูเ้ ชื้อโรคเลย ทาให้ร่างกายขาดเซลล์ Th 1 มีแต่เซลล์ Th 2 ซึ่งเป็ นตัวการคอยกระตุน
                ้                                                                                                                         ้
ให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวชื่อ อีโอซิโนฟิ ลล์ สาร IgE ที่เมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดการหลังสารฮีสตามีนซึ่งทาให้เกิดอาการผิดปกติ
                                                                                                    ่
ต่างๆ

     โรคภูมิแพ้เกิดได้ทุกเพศทุกวัย เด็กอายุ 5 ถึง 15 ปี มักพบว่าเป็ นบ่อยกว่าช่วงอายุอื่นๆ เนื่องจากเป็ นช่วงเวลาที่โรคแสดงออกหลังจากได้รับ "สิ่ ง
กระตุน" มานานเพียงพอ อย่างไรก็บางคนอาจเริ่ มเป็ นโรคภูมิแพ้ตอนเป็ นผูใหญ่แล้วก็ได้ โรคภูมิแพ้น้ นมิใช่โรคติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดทาง
      ้                                                                         ้                          ั
พันธุกรรม จากรุ่ นคุณปู่ คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ มาสู่ลูกหลานได้ อาจพบว่าในครอบครัวนั้นมีสมาชิกป่ วยเป็ นโรคภูมิแพ้หลายคน ตัวการ
ที่ทาให้เกิดอาการแพ้ เรี ยกว่า สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) หรื อ สิ่ งกระตุน ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายทางระบบหายใจ การรับประทานอาหาร การสัมผัสทาง
                                                                         ้
                                                                                                                ่
ผิวหนัง ทางตา ทางหู ทางจมูก หรื อโดยการฉี ดหรื อถูกกัดต่อยผ่านผิวหนัง ตัวการที่ทาให้เกิดโรคภูมิแพ้มีอยูรอบตัว สามารถกระตุนอวัยวะต่างๆ
                                                                                                                                  ้
จนก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
ถ้ าสิงกระตุ้นผ่านเข้ ามาทางลมหายใจ ตังแต่รูจมูกลงไปยังปอด ก็จะทาให้ เป็ นหวัด คัดจมูก จาม น ้ามูกไหล คัน
                              ่                               ้
    คอ เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ เสียงแหบแห้ ง และลงไปยังหลอดลม ทาให้ หลอดลมตีบตัน เป็ นหอบหืด

                        ถ้ าสิงกระตุ้นเข้ ามาทางอาหาร จะทาให้ ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายเป็ นเลือด เสียไข่ขาวในเลือด อาจทาให้ เกิดอาการ
                               ่
    ทางระบบอื่นๆ ได้ เช่น ลมพิษ หน้ าตาบวม

                    ถ้ าสิงกระตุ้นเข้ ามาทางผิวหนัง จะทาให้ เกิดผืนคัน น ้าเหลืองเสีย
                           ่                                       ่

             ถ้าสิงกระตุ้นภูมิแพ้ มาสัมผัสที่ตา จะทาให้ เกิดอาการแสบตา คันตา หนังตาบวม น ้าตาไหล
                   ่




   โรคหอบหืด
   Anaphylaxis
   Eczema,
   contact dermatitis,
   ลมพิษ urticaria
   allergic conjuntivitis
   แพ้ยา แพ้แมลง แพ้ยาง
   แพ้อาหาร
   โรคภูมิแพ้หรื ออาการคัดจมูก
   การรักษาโรคภูมิแพ้
   ยาแก้แพ้
 ยา ยาที่ทาให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อยๆ นั้นได้แก่ ยาแก้อกเสบ ยาปฎิชีวนะ พวกเพนนิซฺลิน เตตราไวคลิน นอกจากนั้นยังมีพวกซัลฟา ยาลด
                                                             ั
       ไข้แก้ปวดพวกแอสไพริ น ไดไพโรน ยาระงับปวดข้อปวดกระดูก อาจทาให้เกิดลมพิษผื่นคันจองผิวหน้า พวกเซรุ่ มหรื อวัคซีนเป็ นกัน
       โรคโดยเฉพาะวัคซีนสกัดจากเลือดม้า เช่น เซรุ่ มต้านพิษงู แพ้พิษสุนขบ้า เป็ นต้น
                                                                           ั
      เชื้อรา มักปะปนอยูในบรรยากาศ ตามห้องที่มีลกษณะอับชื้น
                                ่                      ั
      ไรฝุ่ น มักปะปนอยูในฝุ่ นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 มม. มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
                              ่
      ยางพารา
      เรณูหรือเกสรดอกไม้ และหญ้ า เกสรดอกหญ้ า ตอกข้ าว วัชพืช สิ่ งเหล่านี้มกปลิวอยูในอากาศตามกระแสลม ซึ่งสามารถพัดลอยไปได้
                                                                                    ั     ่
       ไกลๆ หรื ออาจเป็ นลักษณะขุยๆ ติดตามมุงลวดหน้าต่าง เกสรดอกหญ้าที่ปลิวมาตามสายลม
                                                 ้
      สะเก็ดรังแคของสัตว์ (แมว สุนข ม้า) ขนสัตว์ ขนของสัตว์เลี้ยงเป็ นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ เช่น ขนแมว ขนสุนข ขนนก ขนเป็ ด ขนไก่ ขน
                                          ั                                                                    ั
       กระต่าง ขนนกหรื อขนเป็ ด ขนไก่ที่ตากแห้งใช้ยดที่นอนและหมอน สาหรับนุ่น ฟองน้ า ยางพารา ใยมะพร้าว เมื่อใช้ไปเป็ นระยะ
                                                           ั
       เวลานานก็จะสามารถเป็ นสารก่อภูมิแพ้ได้เช่นกัน
      อาหาร(ไข่ขาว นม แป้ งสาลี ถัวเหลือง อาหารทะเล ถัว) อาหารบางอย่างจะเป็ นตัวการของโรคภูมแพ้ได้โดยเฉพาะอย่างยิงอาหารจาพวก
                                        ่                      ่                                     ิ                    ่
       อาหารทะเล เช่น กุง หอย ปู ปลา อาหารอีกจาพวกที่พบได้บ่อยคือ แมงดาทะเล ปลาหมึก อาจทาให้เกิดลมพิษผื่นคันได้บ่อยๆ เด็กบางคน
                            ้
       อาจแพ้ไข่แมงดาทะเลอย่างรุ นแรง ซึ่งอาจทาให้มีอาการบวมตามตัว หายใจไม่ออกเป็ นต้น อาหารประเภทหมักดอง เช่น ผักกาดดอง
       เต้าเจี้ยว น้ าปลา เป็ นต้น เด็กบางคนอาจแพ้เห็ดซึ่งจัดว่าเป็ นราขนาดใหญ่ เด็กบางคนแพ้ไข่ขาว อาจทาให้เกิดอาการผื่นคันบนใบหน้าได้
       บางคนอาจจะแพ้ผลไม้จาพวกที่มีรสเปรี้ ยวจัด กลิ่นฉุนจัด เช่น ทุเรี ยน ลาใจ สตรอเบอรี่ กล้วยหอม และอื่นๆ
      แมลงต่ างๆ เหล็กไนของผึ้งและตัวต่อ แมลงที่มกอาศัยอยูภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ แมงมุม มด ยุง ปลวก และแมลงที่อาศัยอยูนอกบ้าน
                                                         ั       ่                                                            ่
       เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มดนานาชนิด เป็ นต้น




         โรคภูมิแพ้สามารถถ่ ายทอดทางกรรมพันธุ์ ถ้าพ่อหรื อแม่เป็ นโรคภูมิแพ้ ลูกจะมีโอกาสเป็ นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น เมื่อได้รับสาร
แปลกปลอม ซึ่งเป็ นสารก่อภูมิแพ้ เข้ามาในร่ างกายต่อเนื่องกันเป็ นเวลานานๆ จนกระทังร่ างกายเกิดปฏิกิริยา มีการสร้างภูมิคุมกันต่อสารชนิดนั้น
                                                                                       ่                                   ้
เมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้น้ นเข้าไปอีก ก็จะเกิดปฎิกิริยาภูมิแพ้ เด็กชายเป็ นโรคภูมิแพ้มากกว่าเด็กหญิงหากพ่อหรื อแม่เป็ นโรคภูมิแพ้เด็กจะเป็ น
                              ั
ภูมิแพ้ได้ร้อยละ 30 แต่หากทั้งพ่อและแม่เป็ นภูมิแพ้เด็กจะมีโอกาศเป็ นโรคภูมิแพ้ร้อยละ 50-60

         การติดเชื้อซ้าซากยาวนาน ทั้งที่เกิดจากแบคทีเรี ย ไวรัส ยีสต์ หรื อพยาธิ หรื อปั จจัยภายนอกใดๆ ที่คงอยูในตัวเรา หรื อสัมผัสกับ
                                                                                                               ่
ร่ างกายเรา โดยที่ร่างกายไม่สามารถกาจัดออกได้หมด เป็ นเวลาต่อเนื่องกันนาน จะกระตุนปฏิกิริยาภูมิคุมกัน ให้ผลิตภูมิคุมกันชนิดกว้างและมี
                                                                                         ้              ้                    ้
ความเจาะจงน้อย ซึ่งจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ตอสารต่างๆ มากขึ้นเรื่ อยๆ กลายเป็ นคนแพ้สิ่งต่างๆได้ง่ายและบางครั้งมีภูมิคุมกันที่ต่อต้านเนื้อเยือ
                                                ่                                                                          ้                     ่
ของตนเองเกิดขึ้น กลายเป็ นโรคภูมิคุมกันทาลายตนเอง การติดเชื้อไวรัสในวัยเด็ก การที่มีเชื้อ lactobacillus ในลาไส้
                                   ้

         อาการภูมิแพ้ ที่เป็ นเฉพาะเวลา ร่ างกายประสบกับภาวะเครี ยดทั้งทางร่ างกายหรื อทางจิตใจก็ตาม เนื่องจากความเครี ยดจะเผาผลาญ
พลังงานในร่ างกายด้วยการกระตุนต่อมไร้ท่อต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป ระบบป้ องกันตนเองของร่ างกายจะค่อยๆ อ่อนแอลงไป ร่ างกายเกิดการ
                                ้
ตอบสนองต่อสิ่ งกระตุน ด้วยการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ตอฝุ่ นละออง และสารต่างๆ ในชีวตประจาวัน ทาให้เกิดอาการอ่อนเพลีย มีเสมหะแห้งๆ ในคอ
                     ้                            ่                            ิ
ตลอดเวลา น้ ามูก มึนงง ไม่สดชื่น ฯลฯ
สิ่ งแวดล้อม โดยเฉพาะของเด็กในขวบปี แรกสาคัญมาก การสัมผัสควันบุหรี่ ไรฝุ่ น เกสรดอกไม้ อาศัยใกล้ฟาร์มสัตว์ สะเก็ดรังแคสัตว์
การใช้ยาปฏิชีวนะ การรับประทานอาหารสาเร็ จรู ป เหล่านี้จะทาให้เกิดโรคภูมิแพ้




            ภูมิแพ้ รักษาได้ดวยการล้างจมูกด้วยน้ าเกลืออุ่นๆ
                                 ้
            ภูมิแพ้ รักษาได้ดวยการดื่มน้ าร้อนครั้งละ10-15 นาทีวนละ 2-4 ครั้ง
                                   ้                                                ั
            พื้นห้องควรเป็ นพื้นขัดมัน เพราะกาจัดฝุ่ นได้ง่าย
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการจัดบ้านให้อากาศถ่ายเทได้ดี และแสงแดดส่องถึง ไม่มีฝน
                                         ้                                                        ุ่
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการอย่าไปใกล้บริ เวณที่มีควันบุหรี่ ควันไฟ และบริ เวณที่มีฝนมาก
                                           ้                                                           ุ่
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการไม่ปลูกต้นไม้ในบ้าน กระถางดอกไม้ที่อบชื้นจะเป็ นแหล่งเพาะเชื้อราได้
                                             ้                                            ั
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการพยายามกันสัตว์เลี้ยงไว้ขางนอกเท่าที่เป็ นไปได้ ห้ามนาสัตว์เลี้ยงเข้าไปในห้องนอน
                                               ้                                  ้
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการล้างมือทุกครั้งที่คุณสัมผัสสัตว์เลี้ยง และพยายามให้มนอยูห่าง ๆ จากใบหน้าของคุณ
                                                 ้                                             ั ่
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการทาความสะอาดที่นอนหมอน มุง ควรได้รับการตากแดดจัด ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อฆ่าตัวไร
                                                   ้                                  ้
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการใช้ผาห่มประเภทขนสัตว์ ผ้าสักหลาด ผ้าสาลี ควรใช้ผาห่มที่ทาจากใยสังเคราะห์
                                                     ้               ้                          ้
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการระวังไม่ให้บาน ห้องน้ า อับชื้น และไม่ควรปลูกต้นไม้ในบ้านเพราะทาให้เชื้อราเติบโต
                                                       ้                 ้
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ผป่วยมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น
                                                         ้                                                     ู้
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการทาความสะอาดเครื่ องปรับอากาศบ่อยๆ และใช้แบบที่มีเครื่ องกรองอากาศชนิด HEPA filter
                                                           ้
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการกาจัดเศษอาหาร และขยะต่างๆ รวมทั้งปิ ดฝาท่อระบายน้ าเพื่อไม่ให้เป็ นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงสาบ
                                                             ้
            ภูมิแพ้ รักษาได้ดวยการใช้ยาตามที่แพทย์สงเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เพราะบางชนิดถ้าใช้ต่อเนื่องนานอาจมีอนตรายได้
                                     ้                                       ั่                                                ั
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการมีสิ่งของเครื่ องเรื อนให้นอยที่สุดเฉพาะที่จาเป็ นเท่านั้น เพื่อที่จะได้ทาความสะอาด และกาจัดฝุ่ นได้ง่าย
                                                               ้                ้
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการซักผ้าปูที่นอน เครื่ องนอน และผ้าม่านอย่างสม่าเสมอโดยใช้น้ าร้อน (อย่างน้อย 60 C) สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะ
                                                                 ้
             ฆ่าไรฝุ่ นได้
            ในกรณี แพ้ไรฝุ่ น ควรทาความสะอาดเครื่ องนอน (ที่นอน,หมอน,ผ้าห่ม) โดยซักด้วย น้ าร้อน 600C นาน 15-20 นาที อย่างน้อยทุก 2
             สัปดาห์
            ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการใช้เครื่ องนอนทั้งหมดควรเป็ นใยสังเคราะห์ ไม่ใช้ฟก ที่นอน หมอน หรื อหมอนข้างที่ยดไส้ดวยนุ่น เพราะ
                                                                   ้                        ู                                ั     ้
             นุ่นเป็ นทีอยูของไรฝุ่ น ควรใช้ชนิดที่ทาจากยาง หรื อฟองน้ า หากต้องใช้ที่นอนที่ยดไส้ดวยนุ่น ก็ควรหุมด้วยพลาสติก หรื อผ้าร่ มก่อน
                           ่                                                                         ั    ้          ้
            เครื่ องปรับอากาศช่วยให้ละอองฝุ่ น เกสร และเชื้อราจากภายนอกบ้านเข้ามาในห้องนอนน้อยลง โดยเฉพาะในรุ่ นที่มีระบบกรอง
             อากาศ
            พัดลม ไม่ควรเปิ ดแรง หรื อเป่ าตรงตัวผูป่วย และไม่ควรเป่ าลงพื้น เพราะจะเป็ นการเป่ าฝุ่ นให้เข้าจมูกมากขึ้น อาการภูมิแพ้จะกาเริ บ
                                                                           ้
             ได้ง่าย
            ไม่เลี้ยงสัตว์ที่มีขนในบ้าน เช่น สุนข แมว นก ไว้ในบ้าน ถ้าอยากเลี้ยงจริ ง ๆ แนะนาให้เลี้ยงปลาเท่านั้น การอาบน้ าให้สตว์สปดาห์
                                                                       ั                                                               ั ั
             ละ 1 ครั้ง จะช่วยละสารภูมิแพ้ลงได้มาก
            ภูมิแพ้ รักษาได้ดวยการหลีกเลี่ยงสารที่ทาให้เกิดโรคภูมิแพ้ ผูป่วยควรพยายามหลีกเลี่ยงสารที่ทราบว่าตนเองแพ้ เพื่อที่จะให้อาการ
                                       ้                                                ้
             เกิดน้อยลง และใช้ยาน้อยลงด้วย
 ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการถ่ายน้ าออกจากบริ เวณที่มีน้ าขังในสนามหญ้า เก็บกวาดเศษใบไม้ และวัชพืชก่อนที่จะเริ่ มเน่า เก็บของหมัก
                           ้
      ใด ๆ ให้ห่างจากตัวบ้าน
     ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการทาความสะอาดฝักบัวในห้องน้ า หรื ออ่างน้ าอย่างสม่าเสมอด้วยน้ ายาทาความสะอาด และตรวจดูวามีเชื้อรา
                             ้                                                                                               ่
      ขึ้นที่ม่านห้องน้ าหรื อไม่
     ควรหาทางกาจัดแมลงภายในบ้าน โดยเฉพาะแมลงสาบ เพราะซาก และอุจจาระของแมลงสาบเป็ นสารก่อภูมิแพ้ที่สาคัญ การทา
      ความสะอาด ทาความสะอาดห้องนอนด้วยผ้าชุบน้ าเปี ยก ๆ ไม่ควรกวาด ถ้าใช้เครื่ องดูดฝุ่ น ตัวผูป่วยโรคภูมิแพ้ไม่ควรทาเอง และ
                                                                                                ้
      ควรเช็ดด้วยผ้าเปี ยกซ้ าอีกครั้งหนึ่ง หากจาเป็ นต้องทาความสะอาดเอง ควรทานยาก่อนที่คุณจะทาความสะอาด หรื อใช้ฟ้าชุบน้ าบิด
      ให้หมาด ๆ ปิ ดปาก และจมูก




   วิตามิน B 3 ยับยั้งการหลังฮิสทามีนและลดการอักเสบ
                             ่
   วิตามิน B 6 ควบคุมอาการแพ้
   วิตามิน B 12 ช่วยให้หายใจคล่อง
   วิตามิน C ต้านฮิสทามีน
   วิตามิน D ควบคุมการดูดซึมแคลเซียม




   แคลเซียม ลดความรุ นแรงของอาการแพ้
   แมกนีซียม เสริ มสร้างภูมิคุมกัน
                               ้
   โมลิบดีนม ลดอาการหายใจขัด
              ั
   ซีลีเนียม ต้านอนุมูลอิสระ
   สังกะสี ขจัดสารพิษออกจากร่ างกาย




   โอเมกา 6 แหล่งกรดไขมันจาเป็ นลดอาการภูมิแพ้
   ไบโอฟลาโวนอยด์ ทางานร่ วมกับวิตามินซี ลดอาการแพ้
   กรดแพนโทเทนิก ลดเความเครี ยดและต้านฮิสทามีน
   คอลีนและอิโนซิทอล ลดความเครี ยด




 น้ าผึ้ง(หลีกเลี่ยงหากแพ้ละอองเกสร)
 ผักผลไม้สด
   จมูกข้าวสาลี
   ปลาซาร์ดีนทั้งตัว
   หอมและกระทียม
   เมล็ดทานตะวัน




   นมและผลิตภัณฑ์นม เพราะเพิ่มเสมหะและน้ ามูก
   สตรอว์เบอร์รี
   อาหารทะเล
   มะเขือเทศ
   ช็อกโกแลต
   ข้าวสาลี
   ถัว
      ่
   ไข่




       หลีกเลี่ยงหรื อป้ องกันสารที่ก่อภูมิแพ้การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ได้กล่าวในหัวข้อของการแพ้สารก่อภูมิแต่ละชนิด สาหรับเครื่ องฟอก
อากาศก็มีประโยชน์ บางชนิดใช้ไฟฟ้ า บางชนิดใช้ fiberglass ซึ่งก็สามารถลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศลง และอาจจะใช้เสริ มกับระบบ
เครื่ องปรับอากาศ ก่อนที่ท่านจะซื้อจะต้องเช่า 1-2 เดือนลองใช้กบห้องที่ค่อนข้างมิดชิดแล้วดูวาอาการภูมิแพ้ลดลงหรื อไม่ และต้องคานึงอีกข้อ
                                                                   ั                         ่
หนึ่งคืออัตราการไหลของอากาศต้องมากพอที่จะฟอกอากาศ ถ้าอัตราการไหลต่าก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ควรใช้โอโซนเพราะจะระคายเคืองเยือ                ่
จมูก




    การผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติ ที่ทาให้มีอาการแพ้มากขึ้น เช่น ตัดเนื้องอกในจมูก ขูดต่อมแอดีนอยด์ (Adenoid) หลังโพรงจมูกออก ขยาย
โพรงจมูก (Functional nasal surgery) ให้กว้างขึ้น แก้ไขภาวะอุดตันของโพรงไซนัส (Osteomeatal complex) และโพรงจมูก เพื่อให้หายใจสูด
และสังน้ ามูกได้สะดวก สามารถใช้โพรงจมูกและโพรงไซนัสกรองอากาศให้สะอาด ปรับอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม ก่อนหายใจผ่าน
     ่
ช่องคอและกล่องเสี ยงเข้าสู่ปอด
ทานยา ฉี ดยา ยาพ่นจมูก ยาพ่นปอด ยาหยอดตา ยาทาผิวหนัง เป็ นประจาการใช้ควรยาอย่างเหมาะสม ภายใต้คาแนะนาของแพทย์ เพื่อลด
    อาการ หรื อป้ องกันอาการ ยาที่ใช้รักษาโรคภูมิแพ้มีดงนี้
                                                       ั

              • Steroid
              • Decongestant
              • ยาแก้แพ้ Antihistamine
              • Antihistamine-Decongestant
              • Mast cell stabilizer
              • Anticholinergic
         ยาต้านฮีสตามีนกลุ่มเก่า มีขอควรระวัง คือ มักจะทาให้เกิดอาการง่วงซึม และมีอาการข้างเคียง เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่ า ใจสัน ยาต้าน
                                    ้                                                                                            ่
         ฮีสตามีนกลุมใหม่ มีขอดี คือ ไม่ทาให้ง่วง อาการข้างเคียงน้อยลงไม่ต่างจากการให้เม็ดแป้ ง ออกฤทธิ์ไดนานกว่าซึ่งทาให้ไม่ตองกินยา
                     ่        ้                                                                                               ้
         บ่อย ๆ ส่วนมากวันละ 1-2 ครั้ง รักษาโรคติดเชื้อแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อของทางเดินหายใจ ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิล
         อักเสบ หูอกเสบ หลอดลมอักเสบ
                   ั



           การรักษาโดยการฉี ดวัคซีนภูมิแพ้ Immunotherapy ผูป่วยจะได้รับสารก่อภูมิแพ้เพื่อให้ร่างการสร้างภูมิชนิด IgG การฉี ดวัคซีนจะเลือกฉี ด
                                                           ้
                                                                                                                            ่
    เฉพาะสารก่อภูมิแพ้ที่ได้ทดสอบทางผิวหนังแล้วว่าแพ้ และจะค่อยเพิ่มขนาดยาตามตารางเวลา หลังจากฉี ดแต่ละครั้งควรอยูในสถานพยาบาล
    ครึ่ งชัวโมง และระหว่างการรักษาไม่ควรรับประทานยา beta-block และยา monoamine oxidase
            ่
                                                                                  ่
    inhibitors (MAOIs) ผลข้างเคียงจากการฉี ดวัคซีนก็มีผื่นเฉพาะที่แดง คันผื่นจะอยูนาน 4-8 ชัวโมง ส่วนอาการข้างเคียงอีกชนิดหนึ่งคืออาการ
                                                                                              ่
    คัดจมูก แน่นหน้าอก คัดจมูกและน้ ามูกไหล อาการเหล่านี้มกจะเกิดภายใน 30 นาทีหลังฉีดวัคซีน
                                                             ั

          การทดสอบทางผิวหนัง (Skin Test) โดยสุ่มทดสอบว่าผูป่วยแพ้อะไรบ้างแล้วฉี ดสารก่อภูมิแพ้ในปริ มาณน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่ อยๆ
                                                                    ้
    เพื่อกระตุนภูมิคุมกันให้คุนเคยกับสารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้น จึงสามารถป้ องกันการเกิดภูมิแพ้ได้ การรักษาชนิดนี้ตองใช้ระยะเวลานาน คือฉี ด
              ้      ้         ้                                                                                 ้
    ติดต่อกัน 9-12 เดือน หลังจากนั้นต้องฉี ดกระตุนไปอีกเป็ นระยะ เช่น เดือนละครั้ง อาจนาน 3-5 ปี อย่างไรก็ตาม ผลการรักษาไม่สูจะดีนก เมื่อ
                                                   ้                                                                         ้    ั
    เทียบกับเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะไม่อาจรับประกันได้วาจะสามารถหายจากโรคภูมิแพ้แน่นอน และผูป่วยโรคภูมิแพ้มกจะแพ้สาร
                                                                        ่                                      ้               ั
    หลายตัว วิธีการนี้จึงเรี ยกได้วาค่อนข้างยุงยาก สิ้นเปลืองเสี ยเวลานาน และไม่ค่อยได้ผล
                                   ่          ่

        การรักษาโรคภูมิแพ้น้ น แพทย์จะเป็ นผูพิจารณาว่าควรใช้วธีใดหรื อหลายๆ วิธีร่วมกัน เพื่อป้ องกันและรักษาไม่ให้ผป่วยมีอาการแพ้หรื อ
                             ั                  ้                  ิ                                                 ู้
เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ความสาเร็ จที่เกิดขึ้นนั้นขึ้นกับว่าผูป่วยจะสามารถปฏิบติตนตามคาแนะนาของแพทย์ได้สม่าเสมอหรื อไม่
                                                           ้               ั

          ในปัจจุบนยังไม่มีวธีรักษาโรคภูมิแพ้ให้หายขาดได้ วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้ของแพทย์ หวังผลเพียงให้ผป่วยภูมิแพ้ไม่มีอาการ เพื่อป้ องกัน
                  ั         ิ                                                                              ู้
ไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้มีอาการแพ้เรื้ อรังนานเกินไป ไม่รักษา อาจเกิดหูอ้ือจนการได้ยนสูญเสี ยไปอย่างถาวร (Serous-
                                                                                                              ิ
Adhesive otitis media) หรื อมีเนื้องอกในจมูก (Nasal polyp) เกิดขึ้น หรื อเป็ นไซนัสอักเสบได้ (ไซนัสอักเสบอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผนังกั้น
โพรงจมูกคด มีเนื้องอก มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก รากฟันบนอักเสบ ฯลฯ) ผูป่วยภูมิแพ้อาจมีอาการหอบหื ดอย่างรุ นแรงจนเป็ นอันตรายได้
                                                                          ้
เป็ นวิธีการปรับภูมิตานทานผูป่วย หรื อ “หนามยอกเอาหนามบ่ง” คือ เมื่อพบว่าภูมิแพ้เกิดขึ้นแล้วล่องลอยในกระแสเลือด ก็ใช้เลือดของตนเอง
                          ้      ้
มาช่วยในการรักษาโดยเจาะเลือดของผูป่วยภูมิแพ้ขณะที่มีปฏิกิริยาภูมิแพ้ เอาเฉพาะซีรั่ม ซึ่งในซีรั่มนั้น จะมีภูมิคุมกันไวเกินที่ทาให้เกิดโรคภูมิแพ้
                                      ้                                                                        ้
อยู่ นาซีรั่มมาแยกเซลล์ที่ตกค้างออก ให้เหลือเฉพาะโปรตีน แล้วใช้ตวกระตุนซีรั่ม (Serum activator) เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างบางประการของ
                                                                        ั       ้
ภูมิคุมกันไวเกิน (Antibody) ให้มีสภาพเป็ น Antigen แล้วฉี ด Antigen ที่ได้เข้าใต้ผิวหนัง
      ้

โดยจะให้ผป่วยภูมิแพ้ได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่เฉพาะเจาะจงสาหรับคนไข้ภูมิแพ้แต่ละรายครั้งละน้อยๆเป็ นเวลาต่อกันระยะหนึ่ง วิธีน้ ีสามารถใช้ได้แม้
              ู้
ในกรณี ที่ผป่วยภูมิแพ้มีอาการแพ้มากที่สุด ซึ่งร่ างกายจะรับสารก่อภูมิแพ้ในขนาดน้อยๆ นี้ได้โดยไม่ปรากฏอาการใดๆจากนั้นระบบภูมิตานทาน
           ู้                                                                                                                           ้
ของร่ างกายจะมีการปรับโดยลดการสร้างภูมิคุมกันไวเกินลง หรื อหลังสารที่จะไปต้านการสร้างภูมิคุมกันไวเกินบางชนิดลงได้อย่างมีนยสาคัญ นัน
                                            ้                      ่                               ้                              ั           ่
คือ แม้วาผูป่วยจะได้รับสารก่อภูมิแพ้ภมิแพ้ แต่เมื่อร่ างกายลดการสร้างภูมิคุมกันไวเกินที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ลง จึงไม่สามารถก่อปฏิกิริยาภูมิแพ้
        ่ ้                          ู                                     ้
กับสารก่อภูมิแพ้น้ นได้ ผูป่วยก็จะปลอดจากโรคภูมิแพ้โดยปริ ยาย
                   ั      ้
ส่งผลให้ปฏิกิริยาภูมิแพ้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงสามารถรักษาหรื อทุเลาอาการของโรคภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ การรักษาโรคภูมิแพ้ดวยวิธีน้ ี
                                                                                                                                  ้
ให้ผลการรักษาได้ผลดีร้อยละ 60 – 80 และไม่มีผลข้างเคียงใดๆเนื่องจากเป็ นสารที่สกัดมาจากตัวของผูป่วยภูมิแพ้เอง จึงปลอดภัย ไม่มีอาการต้าน
                                                                                                  ้
ยา แพ้ยา หรื อมีสารตกค้างภายในร่ างกาย


          สอบถามเพิมเติมเกียวกับรายละเอียดการรักษาโรคภูมแพ ้โดยตรงที่ Wholly Medical Center
                   ่       ่                             ิ
                                             ั้
                                    ตึก 253 ชน 21 อโศก ซอยสุขมวิท 21
                                                               ุ
                          ตรงข ้าม มศว. ประสานมิตร ติดรถไฟฟ้ าใต ้ดินสถานีเพชรบุร ี

                             โทร.02-664-3027 9.00 - 19.00 น. ทุกวันไม่เว ้นวันหยุดราชการ
                                  Email:crm@whollymedical.com ตลอด 24 ชวโมง    ั่


                                                               ข้ อมูลอ้ างอิง

       whollymedical.com, siamhealth.net, goface.in.th, doctor.or.th, pharm.chula.ac.th, Oknation.net blog ลุงแจ่ม

Weitere ähnliche Inhalte

Empfohlen

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by HubspotMarius Sescu
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTExpeed Software
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsPixeldarts
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfmarketingartwork
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsKurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summarySpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentLily Ray
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best PracticesVit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementMindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...RachelPearson36
 

Empfohlen (20)

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 

อาการของโรคภูมิแพ้

  • 1. โรคภูมิแพ้ หมายถึง โรคที่เกิดขึ้นกับผูที่มีอาการไวผิดปกติต่อสิ่ งใดสิ่ งหนึ่ง ้ จนแสดงอาการโรคภูมิแพ้ แต่โดยทัวไปสารเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ่ กับคนปกติทวไป คนในเมืองจะมีโอกาสเป็ นโรคภูมิแพ้มากขึ้น เนื่องจาก ั่ มลภาวะและภูมิแพ้ เมื่อร่ างกายได้รับสารชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ทางผิวหนัง ทางรับประทาน ทางลมหายใจ หรื อจากการฉี ดยา หากร่ างกายรับสารนั้นได้ ก็ไม่เกิดผลเสี ยต่อร่ างกาย แต่หากสารนั้นเป็ นสารที่ทาให้เกิดอาการโรค ภูมิแพ้ก็จะทาให้เกิดผลเสี ยต่อร่ างกาย อาจจะรุ นแรงมาก ถึงขั้นเสี ยชีวต ิ กระทันหันเรี ยกว่ายังไม่ได้ถอนเข็มก็เกิดอาการแล้ว หรื อบางกรณี อาจจะ เกิดปฏิกิริยาภูมิมาในภายหลัง โดยที่ตวคนไข้ไม่รู้ดวยซ้ าว่าไปรับสารใดมา ั ้ บ้าง ระบบภูมิคุมกันของคนเรามีหน้าที่ที่จะจดจาสิ่ งแปลกปลอมที่จะทาร้ายร่ างกาย เช่น เชื้อแบคทีเรี ย เชื้อไวรัสโดยการสร้างภูมิคุมกันขึ้นต่อสูกบ ้ ้ ้ ั เชื้อโรค ปฏิกิริยานี้เริ่ มเมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดการสร้างภูมิที่เรี ยกว่า IgE antibody ตัว antibody นี้จะกระตุน Mast cell ให้มีการหลังสาร ้ ่ Histamine ขึ้นที่เนื้อเยือต่าง เช่น ผิวหนัง ปอด จมูก ลาไส้ ทาให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ อาการแสดงจะเกิดตามอวัยวะต่างๆ เช่น ลมพิษที่ ่ ผิวหนัง คัดจมูก แน่นหน้าอกเนื่องจากหอบหื ด บางรายอาจจะรุ นแรงถึงกับเสี ยชีวตได้ ความรุ นแรงและความรวดเร็ วของการเกิดภูมิแพ้ข้ ึนอยูกบ ิ ่ ั ชนิดของภูมิแพ้ เมื่อร่ างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ ร่ างกายจะสร้างภูมิคุมกันชนิด IgE ขึ้นเพื่อกาจัดสิ่ งแปลกปลอมเหล่านั้น การทางานของ IgE คือ ้ IgE จะจับกับโปรตีนของสารภูมแพ้และเกาะกับผิวของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรี ยกว่า Mast cell หลังจากนั้นจะเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ตามมาทาให้เกิดการ หลังของสารเคมอีกหลายชนิด histamine heparin Protease Eosinophil chemotactic factor Neutrophil chemotactic factor , Leucotriene ,prostaglandin สารต่างๆ เหล่านี้จะทาให้เกิดปฏิกิริยาภูมแพ้เฉี ยบพลันที่เรี ยกว่า Anaphylaxis ซึ่งมีอาการ  คัน
  • 2. ลมพิษ  ความดันโลหิ ตต่า  Angioedema ตัวอย่างสิ่ งที่ทาให้เกิดภูมิแพ้ชนิดนี้  ยาโดยเฉพาะกลุ่ม pennicillin  การให้เลือด  วัคซีน  ฮอร์โมน ร่ างกายจะสร้างภูมิชนิด IgG,iGm ,Complement มาจับกับโปรตีนของสารก่อภูมิแพ้ทาให้มีการทาลายของเซลล์โดยเฉพาะเซลล์ของ เม็ดเลือดทาให้ เกิดการแตกของเม็ดเลือดแดง( Immune hemolytic anemia) เกล็ดเลือดต่า(Thromobocytopenia) เม็ดเลือดขาวต่า (Granulocytopenia) ตัวอย่างยาที่ทา ให้เกิดปฏิกิริยาชนิดนี้  pennicillin  quinidine  sulfonamide  methyldopa ภูมิของร่ างกายจะรวมกับโปรตีนของสารภูมิแพ้เกิดสารที่ เรี ยกว่า immune complex ซึ่งจะไหลเวียนไปในกระแสเลือด เมื่อimmune complex นี้ไป เกาะที่เส้นเลือดก็จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาดังนี้  เกร็ ดเลือดจะมาเกาะรวมกลุ่ม plattlet aggregation  มีการกระตุนเซลล์ Mast cell activation ้  มีการกระตุน ทาให้เกิด การรั่วของผนังหลอดเลือด{permiability} การหลังสารที่ทาให้เกิดการอักเสบ(ทาให้เกิดปวด บวม แดง ร้อน) ้ ่ อาการของภูมิแพ้ชนิดนี้ได้แก่  ไข้  ผื่นที่ผิวหนัง  ต่อมน้ าเหลืองโต  ปวดข้อ  ไตอักเสบ  ตับอักเสบ
  • 3. ยาที่ทาให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดนี้ได้แก่  hydralazine ยาลดความดันโลหิ ต  procanamide  isoniazid ยารักษาวัณโรค  phenyltoin ยากันชัก ปฏิกิริยาภูมิแพ้เกิดจากเซลลT-cell lymphocyte ถูกกระตุนเมื่อได้รับสารภูมิแพ้ อาการที่สาคัญของการเกิดภูมิแพ้ชนิดนี้คือพวกผื่นแพ้ที่เกิดจากการ ้ สัมผัส  Th 1 เป็ นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สร้างสารต่อต้านเชื้อโรค เช่น สารอินเตอเฟอรอนแกมม่า  Th 2 2 เป็ นเซลล์ที่สร้างสารเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ เช่น อินเตอร์ลิวคีน 5 ร่ างกายของคนเราต้องใช้เซลล์ท้ ง 2 ชนิดอย่างสมดุลจึงจะมีสุขภาพที่สมดุลแข็งแรง แต่สภาพการเลี้ยงดูบุตรหลานในยุคปั จจุบนไม่ค่อยได้อยูตาม ั ั ่ ธรรมชาติ เช่น  สูบบุหรี่  อาบแต่น้ าอุ่น  นอนแต่ในห้องแอร์  เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน  มลภาวะจากอุตสาหกรรม และการจราจร  ไม่ได้สมผัสธรรมชาติที่เป็ นของจริ ง เช่น ธาตุดิน ธาตุน้ า ธาตุลม ธาตุไฟ ั  การตกแต่งบ้าน ติดตั้งพรมและติดเครื่ องปรับอากาศทาให้อากาศถ่ายเทไม่ดี เชื้อไรฝุ่ นเจริ ญได้ดี  คนในเมืองอยูบานมาก ติดเครื่ องปรับอากาศ ไม่ออกกาลังกายทาให้ร่างกายอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ่ ้  เด็กกินนมแม่นอยลง คนรับประธานอาหารจานด่วนมาก ทาให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน และได้รับสิ่ งแปลกปลอมเข้ามามาก เช่น สี ้ สารกันบูด เด็กจึงไม่มีโอกาสสัมผัสเชื้อแบคทีเรี ยหรื อเชื้อไวรัสตามธรรมชาติ พอเป็ นไข้ไม่สบายก็รีบพาลูกไปหาหมอกินยาปฏิชีวนะ ยาลดน้ ามูก ยาลดไข้ ไว้ ตลอดโดยที่ภูมิตานทานที่แท้จริ งของตนเองไม่เคยได้ใช้งานต่อสูเ้ ชื้อโรคเลย ทาให้ร่างกายขาดเซลล์ Th 1 มีแต่เซลล์ Th 2 ซึ่งเป็ นตัวการคอยกระตุน ้ ้ ให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวชื่อ อีโอซิโนฟิ ลล์ สาร IgE ที่เมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดการหลังสารฮีสตามีนซึ่งทาให้เกิดอาการผิดปกติ ่ ต่างๆ โรคภูมิแพ้เกิดได้ทุกเพศทุกวัย เด็กอายุ 5 ถึง 15 ปี มักพบว่าเป็ นบ่อยกว่าช่วงอายุอื่นๆ เนื่องจากเป็ นช่วงเวลาที่โรคแสดงออกหลังจากได้รับ "สิ่ ง กระตุน" มานานเพียงพอ อย่างไรก็บางคนอาจเริ่ มเป็ นโรคภูมิแพ้ตอนเป็ นผูใหญ่แล้วก็ได้ โรคภูมิแพ้น้ นมิใช่โรคติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดทาง ้ ้ ั พันธุกรรม จากรุ่ นคุณปู่ คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ มาสู่ลูกหลานได้ อาจพบว่าในครอบครัวนั้นมีสมาชิกป่ วยเป็ นโรคภูมิแพ้หลายคน ตัวการ ที่ทาให้เกิดอาการแพ้ เรี ยกว่า สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) หรื อ สิ่ งกระตุน ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายทางระบบหายใจ การรับประทานอาหาร การสัมผัสทาง ้ ่ ผิวหนัง ทางตา ทางหู ทางจมูก หรื อโดยการฉี ดหรื อถูกกัดต่อยผ่านผิวหนัง ตัวการที่ทาให้เกิดโรคภูมิแพ้มีอยูรอบตัว สามารถกระตุนอวัยวะต่างๆ ้ จนก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
  • 4. ถ้ าสิงกระตุ้นผ่านเข้ ามาทางลมหายใจ ตังแต่รูจมูกลงไปยังปอด ก็จะทาให้ เป็ นหวัด คัดจมูก จาม น ้ามูกไหล คัน ่ ้ คอ เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ เสียงแหบแห้ ง และลงไปยังหลอดลม ทาให้ หลอดลมตีบตัน เป็ นหอบหืด  ถ้ าสิงกระตุ้นเข้ ามาทางอาหาร จะทาให้ ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายเป็ นเลือด เสียไข่ขาวในเลือด อาจทาให้ เกิดอาการ ่ ทางระบบอื่นๆ ได้ เช่น ลมพิษ หน้ าตาบวม  ถ้ าสิงกระตุ้นเข้ ามาทางผิวหนัง จะทาให้ เกิดผืนคัน น ้าเหลืองเสีย ่ ่  ถ้าสิงกระตุ้นภูมิแพ้ มาสัมผัสที่ตา จะทาให้ เกิดอาการแสบตา คันตา หนังตาบวม น ้าตาไหล ่  โรคหอบหืด  Anaphylaxis  Eczema,  contact dermatitis,  ลมพิษ urticaria  allergic conjuntivitis  แพ้ยา แพ้แมลง แพ้ยาง  แพ้อาหาร  โรคภูมิแพ้หรื ออาการคัดจมูก  การรักษาโรคภูมิแพ้  ยาแก้แพ้
  • 5.  ยา ยาที่ทาให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อยๆ นั้นได้แก่ ยาแก้อกเสบ ยาปฎิชีวนะ พวกเพนนิซฺลิน เตตราไวคลิน นอกจากนั้นยังมีพวกซัลฟา ยาลด ั ไข้แก้ปวดพวกแอสไพริ น ไดไพโรน ยาระงับปวดข้อปวดกระดูก อาจทาให้เกิดลมพิษผื่นคันจองผิวหน้า พวกเซรุ่ มหรื อวัคซีนเป็ นกัน โรคโดยเฉพาะวัคซีนสกัดจากเลือดม้า เช่น เซรุ่ มต้านพิษงู แพ้พิษสุนขบ้า เป็ นต้น ั  เชื้อรา มักปะปนอยูในบรรยากาศ ตามห้องที่มีลกษณะอับชื้น ่ ั  ไรฝุ่ น มักปะปนอยูในฝุ่ นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 มม. มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ่  ยางพารา  เรณูหรือเกสรดอกไม้ และหญ้ า เกสรดอกหญ้ า ตอกข้ าว วัชพืช สิ่ งเหล่านี้มกปลิวอยูในอากาศตามกระแสลม ซึ่งสามารถพัดลอยไปได้ ั ่ ไกลๆ หรื ออาจเป็ นลักษณะขุยๆ ติดตามมุงลวดหน้าต่าง เกสรดอกหญ้าที่ปลิวมาตามสายลม ้  สะเก็ดรังแคของสัตว์ (แมว สุนข ม้า) ขนสัตว์ ขนของสัตว์เลี้ยงเป็ นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ เช่น ขนแมว ขนสุนข ขนนก ขนเป็ ด ขนไก่ ขน ั ั กระต่าง ขนนกหรื อขนเป็ ด ขนไก่ที่ตากแห้งใช้ยดที่นอนและหมอน สาหรับนุ่น ฟองน้ า ยางพารา ใยมะพร้าว เมื่อใช้ไปเป็ นระยะ ั เวลานานก็จะสามารถเป็ นสารก่อภูมิแพ้ได้เช่นกัน  อาหาร(ไข่ขาว นม แป้ งสาลี ถัวเหลือง อาหารทะเล ถัว) อาหารบางอย่างจะเป็ นตัวการของโรคภูมแพ้ได้โดยเฉพาะอย่างยิงอาหารจาพวก ่ ่ ิ ่ อาหารทะเล เช่น กุง หอย ปู ปลา อาหารอีกจาพวกที่พบได้บ่อยคือ แมงดาทะเล ปลาหมึก อาจทาให้เกิดลมพิษผื่นคันได้บ่อยๆ เด็กบางคน ้ อาจแพ้ไข่แมงดาทะเลอย่างรุ นแรง ซึ่งอาจทาให้มีอาการบวมตามตัว หายใจไม่ออกเป็ นต้น อาหารประเภทหมักดอง เช่น ผักกาดดอง เต้าเจี้ยว น้ าปลา เป็ นต้น เด็กบางคนอาจแพ้เห็ดซึ่งจัดว่าเป็ นราขนาดใหญ่ เด็กบางคนแพ้ไข่ขาว อาจทาให้เกิดอาการผื่นคันบนใบหน้าได้ บางคนอาจจะแพ้ผลไม้จาพวกที่มีรสเปรี้ ยวจัด กลิ่นฉุนจัด เช่น ทุเรี ยน ลาใจ สตรอเบอรี่ กล้วยหอม และอื่นๆ  แมลงต่ างๆ เหล็กไนของผึ้งและตัวต่อ แมลงที่มกอาศัยอยูภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ แมงมุม มด ยุง ปลวก และแมลงที่อาศัยอยูนอกบ้าน ั ่ ่ เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มดนานาชนิด เป็ นต้น โรคภูมิแพ้สามารถถ่ ายทอดทางกรรมพันธุ์ ถ้าพ่อหรื อแม่เป็ นโรคภูมิแพ้ ลูกจะมีโอกาสเป็ นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น เมื่อได้รับสาร แปลกปลอม ซึ่งเป็ นสารก่อภูมิแพ้ เข้ามาในร่ างกายต่อเนื่องกันเป็ นเวลานานๆ จนกระทังร่ างกายเกิดปฏิกิริยา มีการสร้างภูมิคุมกันต่อสารชนิดนั้น ่ ้ เมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้น้ นเข้าไปอีก ก็จะเกิดปฎิกิริยาภูมิแพ้ เด็กชายเป็ นโรคภูมิแพ้มากกว่าเด็กหญิงหากพ่อหรื อแม่เป็ นโรคภูมิแพ้เด็กจะเป็ น ั ภูมิแพ้ได้ร้อยละ 30 แต่หากทั้งพ่อและแม่เป็ นภูมิแพ้เด็กจะมีโอกาศเป็ นโรคภูมิแพ้ร้อยละ 50-60 การติดเชื้อซ้าซากยาวนาน ทั้งที่เกิดจากแบคทีเรี ย ไวรัส ยีสต์ หรื อพยาธิ หรื อปั จจัยภายนอกใดๆ ที่คงอยูในตัวเรา หรื อสัมผัสกับ ่ ร่ างกายเรา โดยที่ร่างกายไม่สามารถกาจัดออกได้หมด เป็ นเวลาต่อเนื่องกันนาน จะกระตุนปฏิกิริยาภูมิคุมกัน ให้ผลิตภูมิคุมกันชนิดกว้างและมี ้ ้ ้ ความเจาะจงน้อย ซึ่งจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ตอสารต่างๆ มากขึ้นเรื่ อยๆ กลายเป็ นคนแพ้สิ่งต่างๆได้ง่ายและบางครั้งมีภูมิคุมกันที่ต่อต้านเนื้อเยือ ่ ้ ่ ของตนเองเกิดขึ้น กลายเป็ นโรคภูมิคุมกันทาลายตนเอง การติดเชื้อไวรัสในวัยเด็ก การที่มีเชื้อ lactobacillus ในลาไส้ ้ อาการภูมิแพ้ ที่เป็ นเฉพาะเวลา ร่ างกายประสบกับภาวะเครี ยดทั้งทางร่ างกายหรื อทางจิตใจก็ตาม เนื่องจากความเครี ยดจะเผาผลาญ พลังงานในร่ างกายด้วยการกระตุนต่อมไร้ท่อต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป ระบบป้ องกันตนเองของร่ างกายจะค่อยๆ อ่อนแอลงไป ร่ างกายเกิดการ ้ ตอบสนองต่อสิ่ งกระตุน ด้วยการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ตอฝุ่ นละออง และสารต่างๆ ในชีวตประจาวัน ทาให้เกิดอาการอ่อนเพลีย มีเสมหะแห้งๆ ในคอ ้ ่ ิ ตลอดเวลา น้ ามูก มึนงง ไม่สดชื่น ฯลฯ
  • 6. สิ่ งแวดล้อม โดยเฉพาะของเด็กในขวบปี แรกสาคัญมาก การสัมผัสควันบุหรี่ ไรฝุ่ น เกสรดอกไม้ อาศัยใกล้ฟาร์มสัตว์ สะเก็ดรังแคสัตว์ การใช้ยาปฏิชีวนะ การรับประทานอาหารสาเร็ จรู ป เหล่านี้จะทาให้เกิดโรคภูมิแพ้  ภูมิแพ้ รักษาได้ดวยการล้างจมูกด้วยน้ าเกลืออุ่นๆ ้  ภูมิแพ้ รักษาได้ดวยการดื่มน้ าร้อนครั้งละ10-15 นาทีวนละ 2-4 ครั้ง ้ ั  พื้นห้องควรเป็ นพื้นขัดมัน เพราะกาจัดฝุ่ นได้ง่าย  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการจัดบ้านให้อากาศถ่ายเทได้ดี และแสงแดดส่องถึง ไม่มีฝน ้ ุ่  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการอย่าไปใกล้บริ เวณที่มีควันบุหรี่ ควันไฟ และบริ เวณที่มีฝนมาก ้ ุ่  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการไม่ปลูกต้นไม้ในบ้าน กระถางดอกไม้ที่อบชื้นจะเป็ นแหล่งเพาะเชื้อราได้ ้ ั  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการพยายามกันสัตว์เลี้ยงไว้ขางนอกเท่าที่เป็ นไปได้ ห้ามนาสัตว์เลี้ยงเข้าไปในห้องนอน ้ ้  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการล้างมือทุกครั้งที่คุณสัมผัสสัตว์เลี้ยง และพยายามให้มนอยูห่าง ๆ จากใบหน้าของคุณ ้ ั ่  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการทาความสะอาดที่นอนหมอน มุง ควรได้รับการตากแดดจัด ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อฆ่าตัวไร ้ ้  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการใช้ผาห่มประเภทขนสัตว์ ผ้าสักหลาด ผ้าสาลี ควรใช้ผาห่มที่ทาจากใยสังเคราะห์ ้ ้ ้  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการระวังไม่ให้บาน ห้องน้ า อับชื้น และไม่ควรปลูกต้นไม้ในบ้านเพราะทาให้เชื้อราเติบโต ้ ้  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ผป่วยมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น ้ ู้  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการทาความสะอาดเครื่ องปรับอากาศบ่อยๆ และใช้แบบที่มีเครื่ องกรองอากาศชนิด HEPA filter ้  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการกาจัดเศษอาหาร และขยะต่างๆ รวมทั้งปิ ดฝาท่อระบายน้ าเพื่อไม่ให้เป็ นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงสาบ ้  ภูมิแพ้ รักษาได้ดวยการใช้ยาตามที่แพทย์สงเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เพราะบางชนิดถ้าใช้ต่อเนื่องนานอาจมีอนตรายได้ ้ ั่ ั  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการมีสิ่งของเครื่ องเรื อนให้นอยที่สุดเฉพาะที่จาเป็ นเท่านั้น เพื่อที่จะได้ทาความสะอาด และกาจัดฝุ่ นได้ง่าย ้ ้  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการซักผ้าปูที่นอน เครื่ องนอน และผ้าม่านอย่างสม่าเสมอโดยใช้น้ าร้อน (อย่างน้อย 60 C) สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะ ้ ฆ่าไรฝุ่ นได้  ในกรณี แพ้ไรฝุ่ น ควรทาความสะอาดเครื่ องนอน (ที่นอน,หมอน,ผ้าห่ม) โดยซักด้วย น้ าร้อน 600C นาน 15-20 นาที อย่างน้อยทุก 2 สัปดาห์  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการใช้เครื่ องนอนทั้งหมดควรเป็ นใยสังเคราะห์ ไม่ใช้ฟก ที่นอน หมอน หรื อหมอนข้างที่ยดไส้ดวยนุ่น เพราะ ้ ู ั ้ นุ่นเป็ นทีอยูของไรฝุ่ น ควรใช้ชนิดที่ทาจากยาง หรื อฟองน้ า หากต้องใช้ที่นอนที่ยดไส้ดวยนุ่น ก็ควรหุมด้วยพลาสติก หรื อผ้าร่ มก่อน ่ ั ้ ้  เครื่ องปรับอากาศช่วยให้ละอองฝุ่ น เกสร และเชื้อราจากภายนอกบ้านเข้ามาในห้องนอนน้อยลง โดยเฉพาะในรุ่ นที่มีระบบกรอง อากาศ  พัดลม ไม่ควรเปิ ดแรง หรื อเป่ าตรงตัวผูป่วย และไม่ควรเป่ าลงพื้น เพราะจะเป็ นการเป่ าฝุ่ นให้เข้าจมูกมากขึ้น อาการภูมิแพ้จะกาเริ บ ้ ได้ง่าย  ไม่เลี้ยงสัตว์ที่มีขนในบ้าน เช่น สุนข แมว นก ไว้ในบ้าน ถ้าอยากเลี้ยงจริ ง ๆ แนะนาให้เลี้ยงปลาเท่านั้น การอาบน้ าให้สตว์สปดาห์ ั ั ั ละ 1 ครั้ง จะช่วยละสารภูมิแพ้ลงได้มาก  ภูมิแพ้ รักษาได้ดวยการหลีกเลี่ยงสารที่ทาให้เกิดโรคภูมิแพ้ ผูป่วยควรพยายามหลีกเลี่ยงสารที่ทราบว่าตนเองแพ้ เพื่อที่จะให้อาการ ้ ้ เกิดน้อยลง และใช้ยาน้อยลงด้วย
  • 7.  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการถ่ายน้ าออกจากบริ เวณที่มีน้ าขังในสนามหญ้า เก็บกวาดเศษใบไม้ และวัชพืชก่อนที่จะเริ่ มเน่า เก็บของหมัก ้ ใด ๆ ให้ห่างจากตัวบ้าน  ภูมิแพ้ ป้ องกันได้ดวยการทาความสะอาดฝักบัวในห้องน้ า หรื ออ่างน้ าอย่างสม่าเสมอด้วยน้ ายาทาความสะอาด และตรวจดูวามีเชื้อรา ้ ่ ขึ้นที่ม่านห้องน้ าหรื อไม่  ควรหาทางกาจัดแมลงภายในบ้าน โดยเฉพาะแมลงสาบ เพราะซาก และอุจจาระของแมลงสาบเป็ นสารก่อภูมิแพ้ที่สาคัญ การทา ความสะอาด ทาความสะอาดห้องนอนด้วยผ้าชุบน้ าเปี ยก ๆ ไม่ควรกวาด ถ้าใช้เครื่ องดูดฝุ่ น ตัวผูป่วยโรคภูมิแพ้ไม่ควรทาเอง และ ้ ควรเช็ดด้วยผ้าเปี ยกซ้ าอีกครั้งหนึ่ง หากจาเป็ นต้องทาความสะอาดเอง ควรทานยาก่อนที่คุณจะทาความสะอาด หรื อใช้ฟ้าชุบน้ าบิด ให้หมาด ๆ ปิ ดปาก และจมูก  วิตามิน B 3 ยับยั้งการหลังฮิสทามีนและลดการอักเสบ ่  วิตามิน B 6 ควบคุมอาการแพ้  วิตามิน B 12 ช่วยให้หายใจคล่อง  วิตามิน C ต้านฮิสทามีน  วิตามิน D ควบคุมการดูดซึมแคลเซียม  แคลเซียม ลดความรุ นแรงของอาการแพ้  แมกนีซียม เสริ มสร้างภูมิคุมกัน ้  โมลิบดีนม ลดอาการหายใจขัด ั  ซีลีเนียม ต้านอนุมูลอิสระ  สังกะสี ขจัดสารพิษออกจากร่ างกาย  โอเมกา 6 แหล่งกรดไขมันจาเป็ นลดอาการภูมิแพ้  ไบโอฟลาโวนอยด์ ทางานร่ วมกับวิตามินซี ลดอาการแพ้  กรดแพนโทเทนิก ลดเความเครี ยดและต้านฮิสทามีน  คอลีนและอิโนซิทอล ลดความเครี ยด  น้ าผึ้ง(หลีกเลี่ยงหากแพ้ละอองเกสร)  ผักผลไม้สด
  • 8. จมูกข้าวสาลี  ปลาซาร์ดีนทั้งตัว  หอมและกระทียม  เมล็ดทานตะวัน  นมและผลิตภัณฑ์นม เพราะเพิ่มเสมหะและน้ ามูก  สตรอว์เบอร์รี  อาหารทะเล  มะเขือเทศ  ช็อกโกแลต  ข้าวสาลี  ถัว ่  ไข่ หลีกเลี่ยงหรื อป้ องกันสารที่ก่อภูมิแพ้การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ได้กล่าวในหัวข้อของการแพ้สารก่อภูมิแต่ละชนิด สาหรับเครื่ องฟอก อากาศก็มีประโยชน์ บางชนิดใช้ไฟฟ้ า บางชนิดใช้ fiberglass ซึ่งก็สามารถลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศลง และอาจจะใช้เสริ มกับระบบ เครื่ องปรับอากาศ ก่อนที่ท่านจะซื้อจะต้องเช่า 1-2 เดือนลองใช้กบห้องที่ค่อนข้างมิดชิดแล้วดูวาอาการภูมิแพ้ลดลงหรื อไม่ และต้องคานึงอีกข้อ ั ่ หนึ่งคืออัตราการไหลของอากาศต้องมากพอที่จะฟอกอากาศ ถ้าอัตราการไหลต่าก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ควรใช้โอโซนเพราะจะระคายเคืองเยือ ่ จมูก การผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติ ที่ทาให้มีอาการแพ้มากขึ้น เช่น ตัดเนื้องอกในจมูก ขูดต่อมแอดีนอยด์ (Adenoid) หลังโพรงจมูกออก ขยาย โพรงจมูก (Functional nasal surgery) ให้กว้างขึ้น แก้ไขภาวะอุดตันของโพรงไซนัส (Osteomeatal complex) และโพรงจมูก เพื่อให้หายใจสูด และสังน้ ามูกได้สะดวก สามารถใช้โพรงจมูกและโพรงไซนัสกรองอากาศให้สะอาด ปรับอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม ก่อนหายใจผ่าน ่ ช่องคอและกล่องเสี ยงเข้าสู่ปอด
  • 9. ทานยา ฉี ดยา ยาพ่นจมูก ยาพ่นปอด ยาหยอดตา ยาทาผิวหนัง เป็ นประจาการใช้ควรยาอย่างเหมาะสม ภายใต้คาแนะนาของแพทย์ เพื่อลด อาการ หรื อป้ องกันอาการ ยาที่ใช้รักษาโรคภูมิแพ้มีดงนี้ ั • Steroid • Decongestant • ยาแก้แพ้ Antihistamine • Antihistamine-Decongestant • Mast cell stabilizer • Anticholinergic ยาต้านฮีสตามีนกลุ่มเก่า มีขอควรระวัง คือ มักจะทาให้เกิดอาการง่วงซึม และมีอาการข้างเคียง เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่ า ใจสัน ยาต้าน ้ ่ ฮีสตามีนกลุมใหม่ มีขอดี คือ ไม่ทาให้ง่วง อาการข้างเคียงน้อยลงไม่ต่างจากการให้เม็ดแป้ ง ออกฤทธิ์ไดนานกว่าซึ่งทาให้ไม่ตองกินยา ่ ้ ้ บ่อย ๆ ส่วนมากวันละ 1-2 ครั้ง รักษาโรคติดเชื้อแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อของทางเดินหายใจ ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิล อักเสบ หูอกเสบ หลอดลมอักเสบ ั การรักษาโดยการฉี ดวัคซีนภูมิแพ้ Immunotherapy ผูป่วยจะได้รับสารก่อภูมิแพ้เพื่อให้ร่างการสร้างภูมิชนิด IgG การฉี ดวัคซีนจะเลือกฉี ด ้ ่ เฉพาะสารก่อภูมิแพ้ที่ได้ทดสอบทางผิวหนังแล้วว่าแพ้ และจะค่อยเพิ่มขนาดยาตามตารางเวลา หลังจากฉี ดแต่ละครั้งควรอยูในสถานพยาบาล ครึ่ งชัวโมง และระหว่างการรักษาไม่ควรรับประทานยา beta-block และยา monoamine oxidase ่ ่ inhibitors (MAOIs) ผลข้างเคียงจากการฉี ดวัคซีนก็มีผื่นเฉพาะที่แดง คันผื่นจะอยูนาน 4-8 ชัวโมง ส่วนอาการข้างเคียงอีกชนิดหนึ่งคืออาการ ่ คัดจมูก แน่นหน้าอก คัดจมูกและน้ ามูกไหล อาการเหล่านี้มกจะเกิดภายใน 30 นาทีหลังฉีดวัคซีน ั การทดสอบทางผิวหนัง (Skin Test) โดยสุ่มทดสอบว่าผูป่วยแพ้อะไรบ้างแล้วฉี ดสารก่อภูมิแพ้ในปริ มาณน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่ อยๆ ้ เพื่อกระตุนภูมิคุมกันให้คุนเคยกับสารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้น จึงสามารถป้ องกันการเกิดภูมิแพ้ได้ การรักษาชนิดนี้ตองใช้ระยะเวลานาน คือฉี ด ้ ้ ้ ้ ติดต่อกัน 9-12 เดือน หลังจากนั้นต้องฉี ดกระตุนไปอีกเป็ นระยะ เช่น เดือนละครั้ง อาจนาน 3-5 ปี อย่างไรก็ตาม ผลการรักษาไม่สูจะดีนก เมื่อ ้ ้ ั เทียบกับเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะไม่อาจรับประกันได้วาจะสามารถหายจากโรคภูมิแพ้แน่นอน และผูป่วยโรคภูมิแพ้มกจะแพ้สาร ่ ้ ั หลายตัว วิธีการนี้จึงเรี ยกได้วาค่อนข้างยุงยาก สิ้นเปลืองเสี ยเวลานาน และไม่ค่อยได้ผล ่ ่ การรักษาโรคภูมิแพ้น้ น แพทย์จะเป็ นผูพิจารณาว่าควรใช้วธีใดหรื อหลายๆ วิธีร่วมกัน เพื่อป้ องกันและรักษาไม่ให้ผป่วยมีอาการแพ้หรื อ ั ้ ิ ู้ เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ความสาเร็ จที่เกิดขึ้นนั้นขึ้นกับว่าผูป่วยจะสามารถปฏิบติตนตามคาแนะนาของแพทย์ได้สม่าเสมอหรื อไม่ ้ ั ในปัจจุบนยังไม่มีวธีรักษาโรคภูมิแพ้ให้หายขาดได้ วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้ของแพทย์ หวังผลเพียงให้ผป่วยภูมิแพ้ไม่มีอาการ เพื่อป้ องกัน ั ิ ู้ ไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้มีอาการแพ้เรื้ อรังนานเกินไป ไม่รักษา อาจเกิดหูอ้ือจนการได้ยนสูญเสี ยไปอย่างถาวร (Serous- ิ Adhesive otitis media) หรื อมีเนื้องอกในจมูก (Nasal polyp) เกิดขึ้น หรื อเป็ นไซนัสอักเสบได้ (ไซนัสอักเสบอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผนังกั้น โพรงจมูกคด มีเนื้องอก มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก รากฟันบนอักเสบ ฯลฯ) ผูป่วยภูมิแพ้อาจมีอาการหอบหื ดอย่างรุ นแรงจนเป็ นอันตรายได้ ้
  • 10. เป็ นวิธีการปรับภูมิตานทานผูป่วย หรื อ “หนามยอกเอาหนามบ่ง” คือ เมื่อพบว่าภูมิแพ้เกิดขึ้นแล้วล่องลอยในกระแสเลือด ก็ใช้เลือดของตนเอง ้ ้ มาช่วยในการรักษาโดยเจาะเลือดของผูป่วยภูมิแพ้ขณะที่มีปฏิกิริยาภูมิแพ้ เอาเฉพาะซีรั่ม ซึ่งในซีรั่มนั้น จะมีภูมิคุมกันไวเกินที่ทาให้เกิดโรคภูมิแพ้ ้ ้ อยู่ นาซีรั่มมาแยกเซลล์ที่ตกค้างออก ให้เหลือเฉพาะโปรตีน แล้วใช้ตวกระตุนซีรั่ม (Serum activator) เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างบางประการของ ั ้ ภูมิคุมกันไวเกิน (Antibody) ให้มีสภาพเป็ น Antigen แล้วฉี ด Antigen ที่ได้เข้าใต้ผิวหนัง ้ โดยจะให้ผป่วยภูมิแพ้ได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่เฉพาะเจาะจงสาหรับคนไข้ภูมิแพ้แต่ละรายครั้งละน้อยๆเป็ นเวลาต่อกันระยะหนึ่ง วิธีน้ ีสามารถใช้ได้แม้ ู้ ในกรณี ที่ผป่วยภูมิแพ้มีอาการแพ้มากที่สุด ซึ่งร่ างกายจะรับสารก่อภูมิแพ้ในขนาดน้อยๆ นี้ได้โดยไม่ปรากฏอาการใดๆจากนั้นระบบภูมิตานทาน ู้ ้ ของร่ างกายจะมีการปรับโดยลดการสร้างภูมิคุมกันไวเกินลง หรื อหลังสารที่จะไปต้านการสร้างภูมิคุมกันไวเกินบางชนิดลงได้อย่างมีนยสาคัญ นัน ้ ่ ้ ั ่ คือ แม้วาผูป่วยจะได้รับสารก่อภูมิแพ้ภมิแพ้ แต่เมื่อร่ างกายลดการสร้างภูมิคุมกันไวเกินที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ลง จึงไม่สามารถก่อปฏิกิริยาภูมิแพ้ ่ ้ ู ้ กับสารก่อภูมิแพ้น้ นได้ ผูป่วยก็จะปลอดจากโรคภูมิแพ้โดยปริ ยาย ั ้
  • 11. ส่งผลให้ปฏิกิริยาภูมิแพ้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงสามารถรักษาหรื อทุเลาอาการของโรคภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ การรักษาโรคภูมิแพ้ดวยวิธีน้ ี ้ ให้ผลการรักษาได้ผลดีร้อยละ 60 – 80 และไม่มีผลข้างเคียงใดๆเนื่องจากเป็ นสารที่สกัดมาจากตัวของผูป่วยภูมิแพ้เอง จึงปลอดภัย ไม่มีอาการต้าน ้ ยา แพ้ยา หรื อมีสารตกค้างภายในร่ างกาย สอบถามเพิมเติมเกียวกับรายละเอียดการรักษาโรคภูมแพ ้โดยตรงที่ Wholly Medical Center ่ ่ ิ ั้ ตึก 253 ชน 21 อโศก ซอยสุขมวิท 21 ุ ตรงข ้าม มศว. ประสานมิตร ติดรถไฟฟ้ าใต ้ดินสถานีเพชรบุร ี โทร.02-664-3027 9.00 - 19.00 น. ทุกวันไม่เว ้นวันหยุดราชการ Email:crm@whollymedical.com ตลอด 24 ชวโมง ั่ ข้ อมูลอ้ างอิง whollymedical.com, siamhealth.net, goface.in.th, doctor.or.th, pharm.chula.ac.th, Oknation.net blog ลุงแจ่ม