Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie ทดลองส่ง 538144213 (20)
ทดลองส่ง 538144213
- 1. 1. จงอธิบายความหมายของคําวา จิตวิทยา และ
การเรียนรู้
ตอบ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลอย่างค่อนข้างถาวร
อันเป็นผลมาจากการฝึกฝนหรือการมีประสบการณ์ พฤติกรรม
เปลี่ยนแปลงที่ไม่จัดว่าเกิดจากการเรียนรู้ ได้แก่ ฤติกรรมที่
เป็นการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่
เนื่องมาจากวุฒิภาวะ
2. ทฤษฎีการเรียนรูแบงเปนกี่กลุม จงอธิบายราย
ละเอียด
ตอบ มี 4 กลุ่ม
1.ทฤษฎี พ ฤติ ก รรมนิ ย ม (Behaviorism)
นักจิตวิทยาในกลุ่มนี้ ได้ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เห็นชัด
สามารถวัดได้ สังเกตได้และทดสอบได้ แนวความคิดของกลุ่มนี้
ถือว่าสิ่งแวดล้อมหรือประสบการณ์จะเป็นตัวกําหนดพฤติกรรมและ
การเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบ
สนอง การแสดงพฤติกรรมจะมีความถี่มากขึ้นถ้าหากได้รับการ
เสริมแรง แต่นักจิตวิทยาบางคนในกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วย และได้เสนอ
ความคิดเห็นว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นถ้าหากได้รับการเสริมแรง แต่
นักจิตวิทยาบางคนในกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วย และได้เสนอความคิดเห็น
ว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ถ้ามีความใกล้ชิดระหว่างสิ่งเร้า และการ
ตอบสนอง
2. ทฤษฎี ค วามรู ้ ค วามเข้ า ใจหรื อ ทฤษฎี ป ั ญ ญา
(Cognitive Theories)
ในด้านการจัดการเรียนการสอนนักจิตวิทยากลุ่มนี้ ได้เสนอให้ใช้
เทคนิคของ Discovery ซึ่งหมายถึง การที่ให้เด็กได้คนพบวิธีแก้
ปัญญาด้วยตนเอง ซึ่งจาการที่เด็กทําได้ด้วยตนเองเช่นนั้น จะช่วย
พัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง และทําให้เด็กคุ้นเคยกับทักษะของ
การแก้ปัญหา นอกจากนั้นยังมีการใช้เทคนิคของการให้ข้อมูลที่
ไม่ตรงกับความเป็นจริง การเปิดโอกาสให้เด็กทําผิดพลาดและการ
คิดผิด เพื่อที่จะได้ทราบความคิดของเด็ก ตลอดจนการใช้เทคนิค
การสอบถาม (Inquiry) เพื่อฝึกให้เด็กรู้จักการตั้งคําถาม
3. ทฤษฎี ข องกลุ ่ ม มนุ ษ ยนิ ย ม (Humanisticism)
แนวความคิดของกลุ่มมนุษย์นิยมที่เกี่ยวกับการศึกษา คือ นักเรียนควรจะ
ได้รับความช่วยเหลือให้มีความเข้าใจในตนเอง มีจดยืนเป็นของตนเอง
ุ
อย่างชัดเจนว่า ตนเองมีความต้องการสิ่งใดแน่และมีจดมุ่งหมายในชีวิต
ุ
อย่างไร เพราะในปัจจุบนมีสิ่งที่เด็กจะต้องตัดสินใจเลือกมากมาย คนที่มี
ั
- 2. จุดยืนที่แน่นอนเท่านั้นจึงจะสามารถเลือกสิ่งที่มีความหมายและก่อให้เกิด
ความพึงพอใจให้กับตนเองให้ดีที่สุด นักจิตวิทยาในกลุ่มนี้มีความเห็น
ตรงกันว่า เด็กควรได้รับความช่วย เหลือจากครูในทุกด้านไม่ใช่เฉพาะ
การได้รับความรู้ หรือการมีความเฉลียวฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ควรได้
รับความช่วยเหลือให้รู้จักศึกษาและสํารวจเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึก และ
ทําความเข้าใจเกี่ยว กับความรู้สึกนึกคิด เจตคติ และจุดมุ่งหมายความ
ต้องการของตนเอง
4. ทฤษฎี ผ สมผสาน ( Integrated Theory )
ได้ผสมผสานทฤษฎีพฤติกรรมนิยมกับทฤษฏีความรู้ความเข้าใจ แล้ว
สรุปเป็น 8 ขันตอนในการเรียนรู้
้
1. การเรียนรู้สัญญาณ ( Sign Learning )
2. การเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง ( Sti
mulus Response Learning )
3. การเรียนรู้การเชื่อมโยง ( Chaining )
4. การเชื่อมโยงทางภาษา ( Verbal Association )
5. การแยกประเภท ( Multiple Discrimination Learning )
6. การเรียนรู้ความคิดรวบยอด ( Concept Learning )
7. การเรียนรู้หลักการ ( Principle Learning )
8. การเรียนรู้การแก้ปัญหา ( Problem - Solving )
3.จงอธิ บ ายทฤษฎี ก ารเรี ย นรู เ กี ่ ย วกั บ ประวั ต ิ
นั ก จิ ต วิ ท ยา สาระสํ า คั ญ ของทฤษฎี และการ
ประยุ ก ต ใ ช ดั ง นี
ต อ บ 3.1 ทฤษฎี การเรี ย นรู การวางเงื่ อนไขแบบคลาสสิ ก
ของอีวาน พาฟลอฟ
ทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกของ อีวานเพโท
รวิ ช พาพลอฟ (Ivan Petrovich Pavlop ) นั ก สรี ร ะวิ ท ยาชาว
รัสเซีย เชื่อว่า พฤติกรรมที่จะเกิดการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกได้
มั ก เป็ น พฤติ กรรม หรื อการตอบสนองที่ เ กิ ดจากปฏิ ก ริ ย าสะท้ อ น
อั น มี พื้น ฐานมาจากการทำา งานของระบบประสาทอั ต โนมั ติ เช่ น
การที่เห็นมะม่วงแล้วนำ้า ลายไหล, การทำา งานของต่อมต่าง ๆ ใน
ร่างกาย, การทำางานของระบบกล้ามเนื้อต่าง ๆ พฤติกรรมการตอบ
สนองในการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเอง
ตาม ธรรมชาติ เมื่ อ มี สิ่ ง เร้ า มากระตุ้ น พฤติ ก รรมที่ เ กิ ด ขึ้ น ตาม
- 3. ธรรมชาติเหล่านี้ เรียกว่า พฤติกรรมตอบสนอง หรือ พฤติกรรมที่
เป็นไปโดยไม่ตั้งใจ
พาร์ พลอฟ เชื่ อ ว่ า การเรี ย นรู้ ข องสิ่ ง มี ชีวิ ตจำา นวน
มากเกิดจากการวางเงื่อนไข (Conditioning) กล่าวคือ การตอบ
สนอง หรื อ การเรี ย นรู้ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ต่ อ สิ่ ง เร้ า หนึ่ ง มั ก มี เ งื่ อ นไขหรื อ
สถานการณ์ เ กิ ด ขึ้ น ซึ่ ง ในสภาพปกติ ห รื อ ในชี วิ ต ประจำา วั น การ
ตอบสนองเช่นนั้นอาจไม่มี เช่น กรณีสุนัขได้ยินเสียงกระดิ่งและ
นำ้า ลายไหล เสี ย งกระดิ่ ง เป็ น สิ่ ง เร้ า ที่ ต้ อ งการให้ เ กิ ดการเรี ย นรู้
จากการวางเงื่อนไข (เพราะโดยปกติเสียงกระดิ่งมิได้ทำา ให้สุนัข
นำ้าลายไหล แต่คนต้องการให้สุนัขนำ้าลายไหลเมื่อได้ยินเสียง
กระดิ่ง) พาร์พลอฟ เรียกว่า สิ่งเร้าที่มีเงื่อนไข (conditioned st
imulus) และปฏิกิริยานำ้าลายไหล เป็นการตอบสนองที่เรียกว่าการ
ตอบสนองที่มีเงื่อนไข (conditioned response)
การเรียนรู้โดยมีเงื่อนไขแบบคลาสสิค
ขั้นที่ ١ ก่อนวางเงื่อนไข
เสียงกระดิ่ง ------------ ไม่มีการ
ตอบสนอง
อาหาร ------------- สุ นั ข
นำ้าลายไหล
ขั้นที่ ٢ ระหว่างวางเงื่อนไข
เสี ย งกระดิ่ ง + อาหาร -------------
สุนัขนำ้าลายไหล
ขั้นที่ ٣ ภายหลังการวางเงื่อนไข
เ สี ย ง ก ร ะ ดิ่ ง -------------
สุนัขนำ้าลายไหล
ในการนำา ทฤษฎี การวางเงื่ อ นไขแบบคลาสสิ ก ไปใช้ ใ นการเรี ย น
การสอนทำาได้ดังนี้
١. ครูสร้างบรรยากาศที่ดีในการเรียนการสอน อัน
เป็นการวางเงื่อนไขที่ดี
٢. ครูวางตัวให้ผู้เรียนเกิดความศรัทธา เพื่อผู้เรียน
จะได้รักวิชาที่ครูสอนด้วย
٣. ค รู จั ด บ ท เ รี ย น ใ ห้ น่ า ส น ใ จ แ ล ะ เ กิ ด ค ว า ม
สนุกสนาน ได้ทั้งความรู้
และความสนุกสนาน
- 4. ٤. สร้ า งความเป็ น กั น เองกั บ ผู้ เ รี ย นและให้ ค วาม
อบอุ่นกับผู้เรียน
٥. ครู จั ด สิ่ ง แวดล้ อ มในสถานศึ ก ษาดี เพื่ อ ให้ ผู้
เรียนรักสถานศึกษา
٦. ครูจัดหาและใช้สื่อการสอนที่ดี เพื่อการเรียนรู้ที่
มีประสิทธิภาพ
3.2 ทฤษฎีการเรียนรูการวางเงื่อนไขแบบการกระทำาของสกินเนอร์
การเรียนรู้ตามแนวคิดของสกินเนอร์ เกิดจากการเชื่อมโยง
ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองเช่นเดียวกัน แต่สกินเนอร์ให้ความ
สําคัญต่อการตอบสนองมากกว่าสิ่งเร้า จึงมีคนเรียกว่าเป็นทฤษฎี
การวางเงื่อนไขแบบ Type R นอกจากนี้
สกินเนอร์ให้ความสําคัญต่อการเสริมแรง (Reinforcement) ว่ามี
ผลทําให้เกิดการเรียนรู้ที่คงทนถาวร ยิ่งขึ้นด้วย สกินเนอร์ได้สรุป
ไว้ว่า อัตราการเกิดพฤติกรรมหรือการตอบสนองขึ้นอยู่กับผลของ
การกระทํา คือ การเสริมแรง หรือการลงโทษ ทั้งทางบวกและ
ทางลบ
• ตัวชี้แนะ (Cueing) คือการสร้างสิ่งเร้าให้เกิดประโยชน์ได้
อย่างเหมาะสมเพื่อทําให้เกิดพฤติกรรมที่ต้องการ ภายใน
ระยะเวลาที่ต้องการ ซึ่งบุคคลมักจะลืมอยู่บ่อยๆ เช่น ครูมัก
จะใช้วิธีการสั่งมากกว่าการชี้แนะ เป็นต้น
• ตัวกระตุ้น (Prompting) คือการเพิ่มตัวชี้แนะเพื่อการกระตุ้
นพฤติกรรม ซึ่งมักจะใช้ภายหลังจากการใช้ตัวชี้แนะแล้ว
การนํ า หลั ก การมาประยุ ก ต์ ใ ช้
• การเสริมแรง และ การลงโทษ
• การปรับพฤติกรรม และ การแต่งพฤติกรรม
• การสร้างบทเรียนสําเร็จรูป
- 5. 3.3 ทฤษฎี ก ารเรี ย นรู โ ดยการสั ง เกตหรื อ การเลี ย นแบบ
ของศาสตราจารย บ ั น ดู ร า
การทดลองของบันดูราที่เกี่ยวกับการเรียนรู้โดยการสังเกตหรือ
เลียนแบบมีผนำาไปทำาซำ้า ปรากฏผลการทดลองเหมือนกับบันดูรา
ู้
ได้รับ นอกจากนี้มีนักจิตวิทยาหลายท่านได้ใช้แบบการเรียนรู้ โดย
วิธีการสังเกตในการเรียนการสอนวิชาต่าง ๆ
ความคิดพื้นฐานของทฤษฎีการเรียนรูทางสังคมเชิงพุทธิปัญญา
้
1. บันดูราได้ให้ความสำาคัญของการปฏิสัมพันธ์ของ
อินทรีย์และสิ่งแวดล้อม และถือว่าการเรียนรู้ก็เป็นผลของ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและสิ่งแวดล้อม โดยผู้เรียนและสิ่ง
แวดล้อมมีอิทธิพลต่อกันและกัน บันดูราได้ถือว่าทังบุคคลที่
้
ต้องการจะเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมเป็นสาเหตุของพฤติกรรมและได้
อธิบายการปฏิสัมพันธ์ ดังนี้
B = พฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึงของบุคคล
่
P = บุคคล (ตัวแปรที่เกิดจากผู้เรียน เช่น ความคาดหวัง
ของผู้เรียน ฯลฯ)
E = สิ่งแวดล้อม
4. จงอธิบายความแตกตางระหวางบุคคลในการ
เรียน
ตอบ มนุษย์เรามีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายประการ เช่น ต่าง
ก็มีความต้องการ มีความรู้สึก มีอารมณ์แต่ในขณะเดียวกัน
บุคคลแต่ละคนก็มีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ ได้หลายประการ
เช่น มีรูปร่างต่างกัน มีสีของตา สีของผมต่างกัน บางคนมีความ
ฉลาดบางคนโง่เขลาแม้แต่คู่แฝดยังมี ความแตกต่างกัน เช่น
แตกต่างกันในความคิดและอารมณ์ ฉะนั้นเราอาจกล่าวได้ว่า
- 6. ไม่มีผู้ใดจะมีความเหมือนกันไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง มนุษย์ทุก
คนในโลกนี้จงมีความแตกต่างกันทั้งทางร่างกายและสิ่งแวดล้อม
ึ
ที่ต่างกันและความแตกต่างของมนุษย์จึงเป็นเรื่องทีบุคคลควร
่
เข้าใจและศึกษาเพื่อให้เข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
5. จงอธิบายการวัดและประเมินผลการเรียนรู
ตอบ เป็นกระบวนการที่ให้ผู้สอนใช้พัฒนาคุณภาพผู้เรียน
เพราะจะช่วยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความ
ก้าวหน้า และความสําเร็จทางการเรียนของผู้เรียน รวมทั้งข้อมูลที่
จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียน
รู้อย่างเต็มตามศักยภาพ
6. จงยกตัวอยางการวิจัยทางจิตวิทยาในชั้น
เรียน 1 เรือง
่
ตอบ
งานวิ จ ั ย ชั ้ น เรี ย น
ชื ่ อ นายวีระพันธ์ แก้วรัตน์ ตํ า แหน่ ง อาจารย์ สถาน
ศึ ก ษา มหาวิทยาลัยโยนก
ตํ า บล พระบาท อํ า เภอ เมือง จั ง หวั ด ลําปาง
1. ชื ่ อ เรื ่ อ ง การศึกษาประสิทธิภาพวิธีการสอนโดยระบบ E –
learning
วิชาการประเมินผลการปฏิบัติงาน HRMT 411 ปี
การศึกษาที่ 1/2553 มหาวิทยาลัยโยนก ลําปาง
2. ความเป็ น มาและความสํ า คั ญ ของปั ญ หา
การจั ด กิ จ กรรมการเรี ย นการสอนในระดั บ อุ ด มศึ ก ษา
อาจารย์ ห รื อ ผู้ ส อน พบปั ญ หาหลายด้ า นโดยเฉพาะเนื้ อ หาบาง
- 7. อย่ า งค่ อ นข้ า งยาก วิ ธี ก ารสอนแบบเดิ ม โดยทั่ ว ไปสอนให้
นั ก ศึ ก ษาท่ อ งจํา ตามหนั ง สื อ ทํา ให้ นั ก ศึ ก ษาเบื่ อ และ ไม่ ส นใจ
เรียน นอกจากนี้ยังขาดสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย จากการ
ศึ ก ษาผลสั ม ฤทธิ์ ข องการพั ฒ นาผู้ เ รี ย นด้ ว ยระบบเทคโนโลยี
สารสนเทศ (IT) วิ ช าการประเมิ น ผลการปฏิ บั ติ ง าน HRMT 411
มหาวิทยาลัยโยนก ลําปาง ในปีการศึกษาที่ 1/2552 ที่ผ่านมาพบ
ว่า นักศึกษาบางคนไม่สามารถใช้สื่อได้ สื่อการสอนยังไม่สามารถ
ตอบสนองผู้ เ รี ย นได้ อี ก ทั้ ง ยั ง ไม่ ทั น สมั ย การเข้ า เว็ ป ไซต์ ย าก
ระบบในเว็ปไซต์ยังไม่ดีพอ และ เนื้อหาเยอะเกินไป
ดังนั้น การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความ
สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสําคัญ
ที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องคํานึงถึงความแตกต่างระหว่าง
บุคคล และส่งเสริมให้ผู้สอนจัดสภาพแวดล้อม สื่อการเรียนให้เกิด
การเรียนรู้ขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้และเกิด
การใช้ที่คุ้มค่าเหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ รวมทั้งมีทักษะใน
การใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอย่าง
ต่อเนื่องตลอดชีวิต
ยุ ค ของสั ง คมเศรษฐกิ จ ฐานความรู้ การนํา เทคโนโลยี
สารสนเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย
คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดข้อมูล
และเวลานั้นเป็นสิ่งที่จําเป็นในยุคต้น ๆ ของการประยุกต์ใช้งานมี
การนําระบบการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เข้ามาใช้ใน
การแลกเปลี่ยนข้อมูล และยังมีการนําเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับเว็บมา
เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีเหล่านี้ได้
มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อทํา ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ งในการ
ติดต่อระหว่างกัน เช่น ระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้ ผู้ให้บริการกับผู้รับ
บริ ก าร ตัว อย่ างการประยุ ก ต์ ใช้ ง าน ได้ แ ก่ E-commerce, E-
banking แ ล ะ E-service ใ น ภ า ค เ อ ก ช น ห รื อ ใ น รู ป ข อ ง E-
government ในภาครั ฐ บาล เป็ น ต้ น และในทางจิ ต วิ ท ยาเป็ น ที่
ทราบกันแล้วว่า องค์ประกอบต่าง ๆ ในการเรียนมีอิทธิพลต่อการ
พัฒนาการเรียนของนักศักษาเป็นอย่างมากและผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรี ย นนั้ น ไม่ ไ ด้ ขึ้ น อยู่ กั บ องค์ ป ระกอบทางสติ ปั ญ ญาเพี ย งอย่ า ง
เดีย ว อีกทั้ งหากต้อ งอาศั ยองค์ ป ระกอบอื่ น ที่ ไม่ ใ ช่ ส ติ ปัญ ญา ซึ่ ง
ได้แก่คุณลักษณะอื่นส่วนตัวของผู้เรียนโดยเฉพาะการเรียนด้วย
บทเรียนคอมพิวเตอร์บนเว็บนั้นเป็นคุณลักษณะของผู้เรียนในด้าน
พื้นฐานความรู้ในเนื้อหานั้น ๆ ความชอบเกี่ยวกับรูปแบบการเรียน
ระดับความกระตือรือร้นของนักศึกษาและทักษะทางคอมพิวเตอร์
- 8. เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนประสบความสํา เร็จในการเรียนและการ
ออกแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์บนเว็ บจะต้องมีก ารออกแบบอย่าง
ระมัดระวังเพื่อให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้เรียน (ถนอมพร
เลาหจรัสแสง.2545)
จากผลการประเมิ น การศึ ก ษาจะเห็ น ได้ ว่ า เทคโนโลยี
สารสนเทศ มี บ ทบาท ต่ อ การเรี ย นการสอนและมี แ นวโน้ ม ว่ า
นักศึกษาจะศึกษาหาความรู้จ ากอินเทอร์เ น็ต มากขึ้น การจั ดการ
เรี ย นการสอนผ่ า นเว็ บ จะเป็ น การพั ฒ นาคุ ณ ภาพและลดความ
เหลื่อมลํ้าของโอกาสทางการศึกษา เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ตนั้น
ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถของตนเอง ซึ่งอาจทําให้
ผู้เรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดี จึงทําให้ผู้วิจัยสนใจที่จะการ
ศึกษาหาประสิทธิภาพสื่อระบบ E – Learning วิชาการประเมินผล
การปฏิบัติงาน HRMT 411 มหาวิทยาลัยโยนก ลํา ปาง ว่าวิธีการ
เรี ย นที่ เ รี ย นด้ ว ยสื่ อ บนเครื อ ข่ า ยอิ น เทอร์ เ น็ ต ในรู ป แบบ E-
Learning นั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยเพีงใด เพื่อเป็นแนวทางใน
พัฒนาสื่อบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ในรูปแบบ E-Learning มาใช้
ในกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ เป็นการเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและการสอนต่อไป
3. วั ต ถุ ป ระสงค์ ข องการศึ ก ษาค้ น คว้ า
1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต E-learning วิชาการประเมินผลการปฏิบัติ
งาน ในภาคเรียนที่ 1/2553 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
มาตรฐาน ٨٠/ ٨٠
4. ขอบเขตของการวิ จ ั ย
ประชากร
ประชากรที่ศึกษาเป็นนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชา การประเมิน
ผลการปฏิบัติงาน HRMT 411 ในภาคเรียนที่ 1/2553
มหาวิทยาลัยโยนก ลําปาง
ตัวแปรที่ศึกษา ประกอบด้วย
ตัวแปรต้น ได้แก่ วิธีการสอนด้วยระบบ E – Learning วิชาการ
ประเมินผลการปฏิบัติงาน HRMT 411
ตัวแปรตาม ได้แก่ 1. เจตคติตอวิชาการประเมินผลการ
่
ปฏิบัติงาน
- 9. 5. สมมุ ต ิ ฐ าน
สือการสอนด้วยระบบ E – Learning วิชาการประเมินผล
่
การปฏิบัติงาน HRMT 411 ใช้สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพตาม
เกณ์กําหนด 80/80
6. ข้ อ ตกลงเบื ้ อ งต้ น
1. ความสามารถหรือทักษะในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
ไม่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนเพราะก่อน
เรียนนักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์มา
แล้ว
2. นักเรียนได้ใช้ห้องเรียนที่มีมาตรฐานและตามกําหนด
ชั่วโมงและวันที่จัดให้
7. ทฤษฎี ท ี ่ เ กี ่ ย วข้ อ ง
ศ.ดร. เกรี ย งศั ก ดิ์ เจริ ญ วงศ์ ศั ก ดิ์ ได้ ใ ห้ ค วามหมายของ
การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์รู้หรือ
E-Learning ว่ า หมายถึ ง การเรี ย นรู้ บ นฐานเทคโนโลยี ซึ่ ง
ครอบคลุ ม วิ ธี ก ารเรี ย นรู้ จ ากหลายรู ป แบบ อาทิ การรี ย นรู้ บ น
คอมพิวเตอร์ (Computer-Based Learning ) การเรียนรู้บนเว็บ (
Web-Based Learning ) ห้ อ ง เ รี ย น เ ส มื อ น จ ริ ง ( Virtual
Classrooms ) และความร่ ว มมื อ กั น ผ่ า นระบบดิ จิ ตั ล ( Digital
Collaboration ) เ ป็ น ต้ น ผู้ เ รี ย น ส า ม า ร ถ เ รี ย น รู้ ผ่ า น สื่ อ
อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ทุ ก ป ร ะ เ ภ ท อ า ทิ อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต (Internet)
อินทราเน็ ต (Intranet) เอ็ก ซ์ท ราเน็ ต (Extranet) การถ่ ายทอด
ผ่านดาวเทียม (Satellite Broadcast) ผ่านแถบบันทึกเสียงและวิดี
ทั ศ น์ (audio/video tape) โท ร ทั ศ น์ ที่ ส าม าร ถโต้ ต อ บกั น ได้
(Interactive TV) และซีดีรอม (CD Rom)
รศ.ยืน ภู่วรรณ ได้ให้คํา นิยามสั้ นๆว่า E-Learning คือ การ
เรียนผ่านเทคโนโลย่างอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ต้นทุนถูก เรียนรู้ได้เร็ว
ได้มาก สามารถกระจายได้อย่างทั่วถึงและที่สําคัญคือ ทําให้มีการ
- 10. พัฒนารูป แบบของการศึ ก ษา การเรีย นการสอนในรู ป แบบใหม่ ๆ
ออกมากมาย
รศ. ดร.สฤษดิ์พงษ์ ลิมปิษเฐียร ได้ให้ความหมายของคําว่า
E-Learning ว่าเป็นระบบการเรียนรู้หรือระบบการเรียนการสอนที่
อาศั ย สื่ อ อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ เ ข้ า มาช่ ว ยเพื่ อ ที่ จ ะให้ เ กิ ด การเรี ย นรู้
ปั จ จุ บั น เราต้ อ งการที่ จ ะให้ ก ารเรี ย นรู้ เ กิ ด ขึ้ น อย่ า งกว้ า งขวาง
รวดเร็ว ประหยัด ซึ่งตรงนี้สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือปัจจุบันเรีย กว่า
ICT (Information and Communication Technology) สามารถ
ทําให้การจัดการเรียนการสอนมีต้นทุนตํ่าลง ทําให้กว้างขวางขึ้น
ICT เป็นเทคโนโลยีที่สามารถจะบูรณาการสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นๆที่
เราเคยใช้เข้ามาสู่ระบบเพียงระบบเดียว ด้วยความสามรถของ ICT
รวมทุกสิ่งทุกอย่างมาไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวโดยอาศัยสื่อ
อินเทอร์เน็ต ดังนั้น จึงต้องการเน้นไปที่การบูรณาการมากกว่า คือ
ระบบการเรียนการสอนที่อาศัยสื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยให้เข้า
สู่ระบบเดียว
ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ นิยาม
ว่า E-Learning คือ การเรียน การสอนผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร (ICT) ซึ่งช่วยลดข้อจํากัดด้านเวลาและสถานที่ให้
แก่ผู้เรียนและผู้สอน ด้วยกระบวนการติดต่อสื่อสารผ่านเทคโนโลยี
ที่ เ หมาะสม เป็ น การขยายโอกาสทางการศึ ก ษาและให้ ผู้ เ รี ย นมี
โอกาสเรียนรู้ด้วยตัวเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
8. สถานที ่ ท ํ า การวิ จ ั ย
มหาวิทยาลัยโยนก โดยใช้ห้องเรียนมาตรฐานของ
มหาวิทยาลัยโยนก ได้แก่ห้อง 1204 และ ห้อง 1203
9. ระยะเวลาในการดํ า เนิ น การศึ ก ษา ระยะเวลา 7 เดื อ น
(ภาคเรี ย นที ่ ١ ปี ก ารศึ ก ษา ٢٥٥3)
ปฏิทินแผนการดําเนินการ
- 11. ระยะเวลา ( เดือน )
รายการ พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย.
53 53 53 53 53 53 53
1. วางแผนและ
เขียนโครงร่าง
การวิจัย
2. ศึกษาเอกสาร/
งานวิจัยที่
เกี่ยวข้อง
3. ปฏิบัติการตาม
แผน
4. เก็บรวบรวม
ข้อมูล
5. วิเคราะห์ข้อมูล
6. เขียนรายงาน
7. จัดพิมพ์และ
เผยแพร่
10. ประโยชน์ ท ี ่ ไ ด้ ร ั บ
1. ได้รูปแบบการสอนด้วยบทเรียนบนเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต E-learning ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
มาตรฐาน
11. งบประมาณโครงการ
ค่าดําเนินงานตามโครงการ 2,500 บาท
รายละเอี ย ดงบประมาณ
1. ค่ากระดาษ A4 100 บาท
2. ค่าหมึก Canon iP 1900 สี 760
บาท
3. ค่าหมึก Canon iP 1900 สีดํา 740
บาท
3. ค่าเข้าเล่มอัดกาวเคลือบ 10 เล่ม ๆ ละ 100
1,000 บาท
รวม 2,500 บาท
- 12. ลงชื่อ ผู้
เสนอ
(อาจารย์วีระพันธ์ แก้วรัตน์)
อาจารย์ประจะสาขาวิชาการบริหาร
ทรัพยากรมนุษย์
คณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยโยน
7. จงอธิบายการสงเสริมแรงจูงใจในการเรียน
ตอบ สิ่งซึ่งควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ อันเกิดจากความ
ต้องการ พลังกดดัน หรือ ความปรารถนา ที่จะพยายามดิ้นรนเพื่อ
ให้บรรลุผลสำาเร็จตามวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจจะเกิดมาตามธรรมชาติ
หรือจากการเรียนรู้ก็ได้ แรงจูงใจเกิดจากสิ่งเร้าทั้งภายในและ
ภายนอกตัวบุคคลนั้น ๆ เอง ภายใน ได้แก่ ความรู้สึกต้องการ หรือ
ขาดอะไรบางอย่าง จึงเป็นพลังชักจูง หรือกระตุ้นให้มนุษย์
ประกอบกิจกรรมเพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหรือต้องการนั้น ส่วน
ภายนอกได้แก่ สิ่งใดก็ตามที่มาเร่งเร้า นำาช่องทาง และมาเสริม