Weitere ähnliche Inhalte
Mehr von Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand (20)
การฟื้นฟูเศรษฐกิจในสมัยรัชกาลที่ 1
- 10. ตราครุฑเสี้ยว ใช้กับเงินพดด้วงขนาดสิบสลึง
ตราดอกไม้ ใช้กับเงินพดด้วงขนาด ตั้งแต่หนึ่งบาท จนถึงขนาดหนึ่งไพ
ตราหัวลูกศร ใช้กับเงินพดด้วง ตั้งแต่ขนาดหนึ่งสลึงลงมา
ตราใบมะตูม ใช้กับเงินพดด้วงที่ออกมาเป็นที่ระลึก มีขนาดหนึ่งบาท สองสลึง
หนึ่งสลึง หนึ่งเฟื้อง สองไพ และหนึ่งไพ
ตราเฉลว ใช้กับเงินพดด้วงขนาดหนึ่งบาท ไม่มีตราแผ่นดินไพ และหนึ่งไพ
ตราเฉลว ใช้กับเงินพดด้วงขนาดหนึ่งบาท ไม่มีตราแผ่นดิน
- 18. สนธิสัญญาดังกล่าวทาให้รัฐบาลไทยเสียผลประโยชน์ จึงมีการเพิ่มภาษีอากรให้ชดเชย
รายได้ที่ขาดหายไป โดยมีการเรียกเก็บภาษีอากรใหม่ถึงเกือบ 40 อย่างทั้งนี้ เนื่องจาก
ในสมัยรัชกาลที่ 3 บ้านเมืองกลับมีสงครามมากกว่าสมัยรัชกาลที่ 2 อันทาให้รัฐบาลมี
รายได้มากกว่าสมัยรัชกาลที่ 2 มาก ถึงกับสามารถให้เงินเดือนแก่เจ้านายได้ และเพิ่ม
เบี้ยหวัด (โบนัส) ให้แก่เจ้านายและข้าราชการได้อีกด้วย
แต่เดิมการผูกขาดการค้านั้นมีไว้เพื่อหาเงินสาหรับใช้จ่ายบารุงบ้านเมืองและการ
ศาสนา เมื่อรัฐบาลไม่สามารถผูกขาดสินค้าได้อีกแล้วก็ใช้วิธีโอนสิทธิ์ให้แก่เจ้าภาษี
แทน ทาให้สินค้าแพงขึ้น ราษฎรได้รับความเดือดร้อน สวนทางกับข้าวเปลือกที่ราคา
ตกต่ามาก ในขณะที่รัฐบาลมีรายได้ปีละหลายล้านบาท
- 19. ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาได้มีขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่3 เมื่อ พ.ศ. 2376 โดย
ประธานาธิบดี แอนดรูว์ แจ๊คสัน ได้ส่ง เอ็ดมันด์ โรเบอร์ต Edmund Roberts คนไทยเรียก “เอมินรา
บัด” เป็นทูตเข้ามาทาสัญญาการค้ากับไทย ทานองเดียวกับอังกฤษที่เฮนรี เบอร์นี่ ทาไว้ เนื่องจากสัญญา
ฉบับดังกล่าว ไม่สู้จะเกิดประโยชน์ต่อพ่อค้าชาวอังกฤษและอเมริกันมากนัก ดังนั้นในปี พ.ศ. 2393
อเมริกัน ได้ส่ง โยเซฟ บัลเลสเตียร์ Joseph Balestier เข้ามาขอแก้ไขสนธิสัญญา ที่ทาไว้ เมื่อ ปี พ.ศ.
2375 แต่เนื่องจาก โยเซฟ บัลเลสเตียร์ Joseph Balestierไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมไทย พูดจากร้าวร้าว
จึ่งไม่สามารถแก้ไขสนธิสัญญาได้