Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie คู่มือทำวัตรเช้า เย็น แปลไทย (20)
Mehr von Sarod Paichayonrittha (20)
คู่มือทำวัตรเช้า เย็น แปลไทย
- 2. คู่มือทําวัตรเช้า-เย็น เมตตาพรหมวิหารภาวนา
ประธานกิตติมศักดิ์ : พระครูวุฒิวชิรสาร
รวบรวมเรียบเรียง : พระสายัณห ติกฺขปฺโ
ถ่ายภาพ : ธีรวุฒิ รุจิมตริ
ออกแบบปก : พระสายัณห ติกฺขปฺโ, ธีรวุฒิ รุจิมิตร
ออกแบบรูปเล่ม : พระสายัณห ติกฺขปฺโ, อรรถนิติ ลาภากรณ,
ปริญญา หิรณยฐิติมา, เพียรพร พรหมโชติ
ั
กราฟฟิก : ธีรวุฒิ รุจิมตร, อรรถนิติ ลาภากรณ, ปริญญา หิรัณยฐิติมา
ิ
จัดรูปเล่ม : เพียรพร พรหมโชติ, วุฒิพงษ อัชฌากรลักษณ
พิมพ์ครั้งที่ ๑ : กุมภาพันธ ๒๕๕๓ จํานวน ๒,๐๐๐ เลม
ผู้จัดพิมพ์ : พระสายัณห ติกฺขปฺโ
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสํานักหอสมุดแห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data.
วัดศรีโยธิน.
คู่มือทําวัตรเช้า-เย็น วัดศรีโยธิน.-- กําแพงเพชร : วัดศรีโยธิน, 2553.
208 หน้า.
1. บทสวดมนต์. 2. วัดศรีโยธิน. I. ชื่อเรื่อง.
294.313
ISBN : 978-974-401- 392-7
กองบรรณาธิการ : พระสายัณห ติกฺขปฺโ
พิมพ์ท่ี : อุษาการพิมพ กรุงเทพฯ โทร. ๐๒-๖๕๖-๓๔๗๐
- 3. หนังสือสวดมนตทําวัตรแปลเลมนี้ ไดรับความอนุเคราะหจากทานพระอาจารย
สายัณห ติกฺขปฺโญ เปนผูตรวจสอบทุกขั้นตอนมาโดยตลอด จึงเปนหนังสือเลมหนึ่งที่
ถูกตองสมบูรณ
ในการสวดมนตทําวัตรเปนหนาที่ของชาวพุทธผูนับถือพระพุทธศาสนาทุก ๆ คน พึง
มีไวเพื่อเปนบรรทัดฐาน ทานพระอาจารยฯ จึงมาปรึกษากับอาตมา อาตมาเห็นชอบดวย
จึงมอบ ภาระใหทานจัดการหาทุนทรัพยในการจัดพิมพในครั้งนี้และอาตมาไดอาราธนา
นิมนตทาน ฯ มาอบรมสอนวิปสสนากัมมัฏฐานดวย เพื่อเผยแผพระพุทธศาสนานําคําสอน
ของพระพุทธเจามา แนะแนวใหญาติโยมไดเขาใจ
พรอมกันนี้ ญาติโยมก็ไดบริจาคทรัพย เพื่อสมทบทุนในการจัดพิมพครั้งนี้เปนธรรม
ทาน ดังคําพุทธภาษิตที่วา “ธรรมะทานัง ชินาติ” การใหธรรมะเปนทาน จึงมีอานิสงส
มากกวาการใหทานทั้งปวง
อาตมาขอขอบคุณและขออนุโมทนาในสวนธรรมทานนี้โดยทั่วกัน ขอใหญาติโยมจง
มีความสุขความเจริญ ดวยจตุรพิธพรชัย อันมีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสาร
สมบัตตลอดกาลนาน...เทอญฯ
ิ
ขอเจริ ญ พร
พระครูวฒวชิรสาร
ุ ิ
(หลวงพอทํานอง คุณงฺกโร)
เจาอาวาสวัดศรีโยธิน
- 4. ส า ร บั ญ
เกี่ยวกับวัดศรีโยธิน ๑
ประวัติ วัดศรีโยธิน ๒
ประวัติ หลวงปู่ศรีสรรเพชญ์ ๕
ระเบียบปฏิบัติสําหรับผู้ปฏิบัติธรรม ๑๑
ระเบียบปฏิบัติของผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ณ วัดศรีโยธิน ๑๒
กําหนดเวลาการปฏิบติธรรม ๑๔
ั
การอาราธนาศีล และสมาทานศีล ๑๕
คําบูชาพระรัตนตรัย ๑๖
คําอาราธนาศีลห้า ๑๗
คําอาราธนาศีลแปด ๑๗
ไตรสรณคมน์ ๑๘
คําสมาทานศีล ๑๙
พิธีรักษาอุโบสถศีล ๒๐
พิธีสมาทานกรรมฐาน ๒๗
- 5. บทสวดมนต์ทําวัตรเช้า (แปล) ๓๑
คําบูชาพระรัตนตรัย ๓๒
ปุพพะภาคะนะมะการ ๓๓
พุทธาภิถุติง ๓๔
ธัมมาภิถุติง ๓๖
สังฆาภิถุติง ๓๗
ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา ๓๙
สังเวคะปริกิตตะนะปาฐะ ๔๐
ทวัตติงสาการะปาฐะ ๔๖
บทพิจารณาสังขาร ๔๘
สัจจะกิรยะคาถา ๕๐
ิ
นมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศ ๕๑
ตังขณิกปัจจะเวกขณปาฐะ ๕๒
ธาตุปฏิกูลปัจจเวกขณปาฐะ ๕๕
วันทามิ ๕๙
กรวดน้ําตอนเช้า ๖๐
สัพพปัตติทานคาถา ๖๐
ปัตติทานคาถา ๖๑
กราบพระ ๖๔
- 6. บทสวดมนต์ทําวัตรเย็น (แปล) ๖๕
คําบูชาพระรัตนตรัย ๖๖
ปุพพะภาคะนะมะการ ๖๗
พุทธานุสสติ ๖๘
พุทธาภิคีติง ๖๙
ธัมมานุสสติ ๗๒
ธัมมาภิคีติง ๗๓
สังฆานุสสติ ๗๕
สังฆาภิคีติง ๗๖
บทสวดมนต์พิเศษ ๗๙
ปุพพะภาคะนะมะการ ๘๐
สรณคมนปาฐะ ๘๐
อัฏฐสิกขาปทปาฐะ ๘๑
เขมาเขมสรณทีปิกคาถา ๘๓
อริยธนคาถา ๘๔
ติลักขณาทิคาถา ๘๔
ภารสุตคาถา ๘๖
ภัทเทกรัตตคาถา ๘๗
ธัมมคารวาทิคาถา ๘๘
โอวาทปาฏิโมกขคาถา ๘๙
ปฐมพุทธภาสิตคาถา ๙๑
ปัจฉิมพุทโธวาทปาฐะ ๙๒
- 7. อภิณหะปัจจะเวกขะณะปาฐะ ๙๓
ปราภวสุตตปาฐะ ๙๕
สีลุทเทสปาฐะ ๙๘
อริยมรรคมีองค์แปด ๑๐๐
อตีตปัจจเวกขณปาฐะ ๑๐๙
กรวดน้ําตอนเย็น ๑๑๒
อุททิสสนาธิฏฐานคาถา ๑๑๒
กราบพระ ๑๑๔
บทสวดมนต์วันพระ ๑๑๕
บทถวายพรพระ ๑๑๖
สวดพระพุทธคุณ ๑๐๘ จบ ๑๒๐
เมตตาพรหมะวิหารภาวนา (มหาเมตตาใหญ่) ๑๒๐
บารมี ๓๐ ทัศน์ ๑๓๖
คําถวายกุศลแด่พระธรรมสิงหบุราจารย์ ๑๓๙
คําถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ๑๓๙
บทแผ่เมตตา ๑๔๐
บทอุทิศส่วนกุศล ๑๔๐
กรวดน้ําตอนเย็น ๑๔๒
อุททิสสนาธิฏฐานคาถา ๑๔๒
กราบพระ ๑๔๔
- 8. บทสวดมนต์วันอาทิตย์ ๑๔๕
ชุมนุมเทวดา ๑๔๖
บทขัดธัมมะจักกัปปะวัตตนะสูตร ๑๕๑
บทธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสุตตัง ๑๕๑
คาถาโพธิบาท ๑๕๙
คาถาสวดนพเคราะห์ ๑๖๐
คาถาบูชาดวงชาตา ๑๖๑
คาถามงคลจักรวาฬแปดทิศ ๑๖๑
อุณหิสสะวิชะยะคาถา ๑๖๒
พระคาถาชินบัญชร ๑๖๓
เทวะตาอุยโยชะนะคาถา ๑๖๖
บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (ทํานองสรภัญญะ) ๑๖๗
คําไหว้พระบรมสารีริกธาตุ ๑๗๐
คําอธิษฐานสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ๑๗๐
คําบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ๑๗๑
กราบพระ ๕ ครั้ง ๑๗๒
- 9. พิธีลากรรมฐาน ๑๗๓
คําอาราธนาพระปริตร ๑๗๖
คําอาราธนาธรรม ๑๗๗
คําถวายสังฆทาน (ประเภทสามัญ) ๑๗๗
คําถวายสังฆทาน (ประเภทอุทิศให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว) ๑๗๘
คําอปโลกน์สังฆทาน ๑๗๙
คําถวายข้าวพระพุทธ ๑๘๐
คําลาข้าวพระพุทธ ๑๘๐
คําถวายผ้าป่า (ผ้าบังสุกุลจีวร) ๑๘๑
คําถวายพระพุทธรูป ๑๘๒
คําถวายเทียนพรรษา ๑๘๒
คําถวายผ้าอาบน้ําฝน ๑๘๓
คําถวายทานทั่วไป ๑๘๓
คําสาธุการเมื่อพระเทศน์จบ ๑๘๔
คําแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ๑๘๖
คําลาพระกลับบ้าน ๑๘๗
รายนามผู้ร่วมบริจาคพิมพ์หนังสือสวดมนต์ ท้ายเล่ม
- 10. วิธีอานภาษาบาลี
ทุกแหงที่มเครื่องหมาย ๎ อักษรตัวนั้นตองวาใหเร็ว เพราะอักษรตัวนั้น เปนตัวสะกดกึ่งเสียง
ี
ตัวอยาง คําวา “สุตวา” อักษร ต ออกเสียง ตะ กึ่งหนึ่ง ฉะนั้น ตองออกเสียงเร็วประมาณ
๎
ครึ่งเสียง ถาวาชา จะออกเสียงเปน ต สองตัว เปนการอานผิด
- 12. ประวัตวัดศรีโยธิน
ิ
ที่ตั้งของวัด ตั้งอยูที่หมูที่ ๗ ตําบลหนองปลิง อําเภอเมือง จังหวัดกําแพงเพชร
ตั้งอยูหางจากศาลากลางจังหวัดหลังเกาหรือสี่แยกตนโพธิ์ประมาณ ๓ กิโลเมตร สภาพ
พื้นดินเปนดินลูกรัง มีปาไมขึ้นอยูเปนสภาพปาโปรง
บางพื้ น ที่ เ ป น พื้ น ที่ ทํ า ไร เ ลื่ อ นลอยไม ถ าวร เนื่ อ งจากสภาพดิ น เป น ดิ น ลู ก รั ง
ผลผลิตไมไดผล การคมนาคมเดิมเปนถนนลูกรังจากกําแพงเพชรผานไปอําเภอพราน
กระตาย จังหวัดกําแพงเพชร การคมนาคมยังไมสะดวกประชาชนยังไมนิยมเขาไป
ประกอบอาชีพ เนื่องจากสภาพพื้นดินไมอํานวยตอการประกอบการเกษตร ประชาชน
สวนใหญพักอาศัยอยูในเมือง ยังไมมีหมูบานอยูอาศัยเปนหลักแหลง และยังมีโจร
ผูรายสรางความเดือดรอนอยูเนืองๆ จึงทําใหเปนพื้นที่รกรางและวางเปลา
ต อ มา ร.อ.ทํ า นอง โยธิ น ธนสมบั ติ เป นผู ม องเห็ น การณ ไ กล เนื่ อ งจากเป น
ขาราชการรับราชการมานาน
เห็ น ว า ต อ ไปในอนาคตข า งหน า จะต อ งมี ค วามเจริ ญ จึ ง ได ซื้ อ ที่ ดิ น จากเจ า
ของเดิม ทําการปลูกมะมวง มะขามหวาน เพื่อเปนตัวอยางแกชาวไร แลวทําการตัด
ถนนแยกจากถนนสายกําแพงเพชร-พรานกระตาย ไปทางทิศตะวันออก จัดสรรที่ดิน
เปนแปลงสําหรับที่อยูอาศัยแบงขายในราคาถูก ผูใดยากจนไมมีเงิน ก็ยกใหอยูอาศัย
โดยไม คิ ด มู ล ค า ก็ มี ทั้ ง นี้ เพื่ อ ต อ งการให ป ระชาชนเข า มาอยู อ าศั ย และขอจั ด ตั้ ง
หมูบานขึ้น โดยตั้งชื่อหมูบานวา “หมูบานศรีโยธิน” โดยใชชื่อนามสกุลตัวหนาของตน
เปนชื่อหมูบานจึงถึงปจจุบันนี้
พ.ศ. ๒๕๒๐ ร.อ.ทํ า นอง เห็ นว า มี ป ระชากรเข า มาอยู อ าศั ย พอสมควรแล ว
จึงคิดที่จะสรางวัดใหประชาชนไดทําบุญสรางกุศล ประกอบกับที่ตนเองมีจิตศรัทธา
เลื่ อ มใสในพระพุ ท ธศาสนาและเคยสร า งวั ด มาก อ นจึ ง ได ย กที่ ดิ น ของตนเอง
จํานวน ๓๐ ไร เพื่อทําการสรางวัดขึ้น พอที่คณะสงฆพาประชาชาชนประกอบศาสนกิจ
ไดและนิมนตพระมาจําพรรษาและเปลี่ยนหมุนเวียนไป
พ.ศ. ๒๕๓๐ เริ่มดําเนินการกอสรางวิหารหลวงปูพระศรีสรรเพชญ ฯ ซึ่งเปน
๒
- 13. พระพุทธรูปเกาแก เปนเนื้อศิลาแลง สรางขึ้นในสมัยสุโขทัยตอนตน อายุประมาณ
๑,๐๐๐ ป โดย ร.อ.ทํานอง เปนผูสละทรัพยของตนเอง เพื่อสรางจนหมดถึงขนาดตอง
เอาหลักฐานที่ดินเปนหลักทรัพยค้ําประกันเงินกูเพื่อมาสรางวัด ตอมาไดญาติ พี่นอง
และผูมีจิตศรัทธารวมสรางทั้งจากกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี กําแพงเพชร และ
จั ง หวั ด อื่ น ๆ มากมายที่ จ ะกล า วถึ ง ได ม าร ว มกั น บริ จ าคทรั พ ย ส มทบทุ น สร า ง
โดยจํ าลองแบบใหค ลา ยกับวัดพระพุทธชิ นราชที่ จั งหวัด พิษณุโลก เพื่อให เกิด ขึ้นใน
จังหวัดกําแพงเพชรจนสําเร็จ ดังที่ปรากฏอยูในปจจุบัน
พ.ศ. ๒๕๓๘ ร.อ.ทํานอง ผูไดลงทุนลงแรงและตั้งใจอยางแรงกลาที่จะสรางวัด
ให สํ า เร็ จ จงได เห็ น ว า การพั ฒ นาวั ด ดํ า เนิ น ไปอย า งล า ช า จึ ง ตั ด สิ น ใจอุ ป สมบท
(หลวงพอทํานอง คุณงฺกโร) เพื่อสะดวกในการสรางวัดและเผยแผพระศาสนาอยางเต็ม
กําลังและไดนําทรัพยสินสวนตัวมาพัฒนาวัด พรอมกันนี้ก็มุงเผยแผหลักธรรมคําสอน
ของพระพุทธเจาสูประชาชน เพื่อใหรูจักการดําเนินชีวิตที่ดี รูจักใชหลักธรรมในการ
แกปญหาชีวิต
ปจจุบัน วัดศรีโยธิน ตั้งอยูกึ่งกลางระหวางศูนยราชการจังหวัดกําแพงเพชรกับ
หมูบานศรีโยธิน ในอนาคตประชาชนและชุมชนจะสรางบานเรือนหนาแนนเพิ่มขึ้นอยาง
แน น อน มี ถ นนลาดยางสายกํ า แพงเพชร-สุ โ ขทั ย แยกเข า วั ด ศรี โ ยธิ น ได ส ะดวก
จึงมีความจําเปนที่จะตองพัฒนาวัดใหทันตอความเจริญที่กําลังเกิดขึ้นอยางรวดเร็ว ทาง
คณะสงฆจังหวัดกําแพงเพชรจึงแตงตั้งให วัดศรีโยธิน เปนวัดวิปสสนากรรมฐานประจํา
จังหวัด
แตทั้งนี้ ทางวัดยังขาดศาสนสถานที่จําเปนหลายอยาง ไดแก ศาลาการเปรียญ
จํานวน ๑ หลัง เพื่อประกอบศาสนกิจและการประชุมอบรมของสวนราชการตางๆ และ
การปฏิบัติธรรม เพื่อรองรับการบวชศีลจารินี ปฏิบัติกรรมฐานและวิปสสนากรรมฐาน
เมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดบวชศีลจารินีเปนรุนที่ ๑ และบังเกิดผลดีมีประชาชนใหความ
สนใจบวชปฏิบัติธรรมเปนจํานวนมาก แตยังมีขอบกพรองและปญหาเรื่องที่พักอาศัยยัง
ไมพอเพียง ทางวัดจึงไดสรางศาลาปฏิบัติธรรมขึ้นอีก ๑ หลัง เพื่อสนองความตองการ
และอํ า นวยความสะดวก ให แ ก ท า นที่ ม าปฏิ บั ติ ธ รรม เพื่ อ ให เ กิ ด ประโยชน แ ก
พุทธศาสนิกชนสืบไป
๓
- 15. ประวัตหลวงปูพระศรีสรรเพชญ์
ิ ่
พระประธานในอุโบสถ วัดศรีโยธิน อ.เมือง จ.กําแพงเพชร
หลวงปูพระศรีสรรเพชญ เปนพระพุทธรูปโบราณปางมารวิชัย เนื้อศิลาแลง
สรางสมัยใดนั้นไมปรากฏ แตสันนิษฐานวา เปนสมัยสุโขทัยยุคตน อายุประมาณ
๑,๐๐๐ ป ขนาดหนาตักกวาง ๖ ศอก
เมื่อวันเพ็ญเดือน ๑๑ พ.ศ.๒๕๒๕ เปนวันออกพรรษา มีผูใจบุญไดมาทําบุญ
ตักบาตรที่วัดฯ บางทานก็มาถือศีลอุโบสถ ในจํานวนนี้มี ร.อ.ทํานอง ไดมารักษา
ศีลและนอนคางที่วัดดวย ตอนเย็นหลังจากทําวัตรเย็น สวดมนตเรียบรอยแลว ก็มี
การพูดคุยสนทนาธรรมกันวา วันนี้เปนวันออกพรรษา พรุงนี้พระที่จําพรรษาอยูนี้ก็จะ
กลั บ ภู มิ ลํ า เนาเดิ ม กั น หมด จะไปหาพระที่ ไ หนมาเฝ า วั ด ได เพราะวั ด ของเรา
สรางใหมอยูในปา พระที่ไหนจะมาอยูให เมื่อพูดคุยกันแลว ก็ไมมีใครคิดอะไร
แยกยายหลับนอนในที่ของตน
ปรากฏวา ในคืนนั้นเอง ร.อ.ทํานอง ก็นิมิตฝนวา “มีพระภิกษุสงฆรูปหนึ่ง
แกชรามาก หนังยน ผิวคล้ํา มานั่งที่ศาลาที่ญาติโยมมารักษาศีลนอนอยู โดยที่ผูฝน
ไมรูวาทานมาจากไหนอยางไร?...”
เมื่อทานมานั่งแลว ก็ยกมือขึ้นแลวก็บอกวา “โยมไมตองวิตก ฉันจะมาเฝาวัด
มาชวยกอสรางวัดสรางบานเมืองใหเจริญ” ในฝน ร.อ.ทํานองก็ไมคอยจะเชื่อถือไม
เลื่อมใส เพราะเคยหาพระมาเฝาวัดมากตอมากแลว ไมไดดีสักหน แตก็จําใจพูดไป
วา “หลวงพอแกแลวมาสรางวัดไหวหรือ อยางดีก็พอเฝาวัดไดเทานั้น” พระภิกษุ
ชรารูปนั้นจึงพูดขึ้นวา “ไหวซิ ถามาแลวก็จะหนุมขึ้น” ผูฝนจึงตอบไปวา “คนแกแลว
จะใหหนุมไดอยางไร? หลวงพอมียาดีหรือ” ทานบอกวา “มี” ผูฝนก็รบเราทานให
บอกสูตรยา ทานก็บอกให และบอกวา “ยานี้เมื่อกินเขาไปแลว มันไมหนุมเหมือน
คนหนุมทั้งหลายนะ แตแข็งแรงทํางานไหว”
ในตอนที่ไดพูดคุยกันในฝนนั้น ผูฝนสนใจมาก อยากจะไดทานมาอยูดวย จึง
๕
- 16. ถามทานวา “หลวงพออยูที่ไหน? ชื่ออะไร? ผมจะไดไปรับทานมา” ทานก็บอกใหวา
“ทานชื่อพระศรีสรรเพชญ อยูองคเดียวมานานแลวทางทิศตะวันออกเมืองกําแพง”
พอถึงตี ๕ ตางคนตางลุกจากที่นอนเพื่อเตรียมตัวที่จะไปทําวัตรเชา เมื่อพระ
มารวมกันที่ศาลาครบแลว กอนทําวัตรเชา ผูฝนก็ไดเลานิมิตใหพระภิกษุสงฆและทุก
คนไดฟงกัน เมื่อทุกคนไดฟงแลวก็บอกวา “ฝนดีจะมีโชค”
เมื่อทําวัตรสวดมตแลว ก็ทําบุญตักบาตรตามประเพณี เสร็จแลว พระทุกรูป
ต า งก็ ก ลั บ ภู มิ ลํ า เนาเดิ ม กั น หมด เนื่ อ งจากที่ วั ด ไม มี ผู ใ ดเป น เจ า ภาพทอดกฐิ น
เมื่อพระตางกลับภูมิลําเนากันหมด ที่วัดก็เลยไมมีผูใดอยูเฝาวัด ร.อ.ทํานองจึงจาง
คนมานอนเฝาวัดตอไป
ขณะที่จางคนมาเฝาวัดนั้น ผู ฝนก็คิดถึ งคํา พูดที่ พูดกั น และใบหนาของทา น
เสมอ จึงอยากจะไปพบทานตามที่ไดนิมิตฝนแตก็สุดความสามารถที่จะไปติดตามหา
ทานได เพราะไมวาจะไปถามใคร ก็ไมมีใครรูจักชื่อเสียงเรียงนามของทานเลย
ผูฝน คือ ร.อ.ทํานอง ก็ไมวายที่จะนึกถึงทาน จึงเดินทางเขาบานที่กรุงเทพฯ
เพื่อพบพระครูรูปหนึ่งที่ชอบพอกัน ทานอยูที่บุคคโล เมื่อไปถึงก็เลาความฝนใหทาน
ฟงทั้งหมด ทานฟงแลว ก็บอกวา “โยม ฉันทํานายฝนไมเปน ฝนแปลกดี ฉันจะพา
ไปพบอาจารยของฉัน ทานทํานายฝนแมนมาก” ทานจึงพาผูฝนไปหาอาจารยทานที่
วัดสามปลื้ม ไปพบสมเด็จ ฯ วัดสามปลื้ม เลาความฝนใหทานฟง เมื่อทานฟงแลวก็
บอกวา “โชคดีมาก ฝนดี ที่วัดและบานเมืองแถวถิ่นนั้นจะเจริญรุงเรือง กลับไปให
ไปรับทานตามที่ฝนนะ” แลวผูฝนก็กลับบานที่กําแพงเพชรดวยความมืดมน ไมรูจะไป
ทางไหน? ไมไดถามใครอีก เพราะไมรูจะถามใคร แตจิตใจก็ยงพะวงคิดอยูเสมอ ั
อยู ม าวั น หนึ่ ง จึ ง ได ช วนนายไฉน ไปเที ย วในเมื อ งเพื่ อ หาอาหารทานกั น
ขณะนั้นที่วัดคูยางกําลังสรางเมรุ แตแปลกเมรุที่สรางขึ้นเปนเมรุแฝด คือในปลอง
เดียวกันมีเตาเผาคู คือ มีสองเตา จึ งเขาไปดู เมื่อ ดูเสร็จแลวก็เตรียมจะกลับบา น
เผอิญสายตามอไปพบตนไมใหญตนหนึ่ง ไมทราบวาเปนตนอะไร? แตตรงยอด
ตนไมนั้นแกวงไปรอบ ๆ สวนกิ่งอื่น ๆ นั้นไมไหวติงแมแตนอย
ขณะนั้น เวลา ๕ โมงเช า ไม มี ล มเลย จึ งได ช วนนายไฉนเข าไปดู นายไฉน
บอกว า “น า แปลก ! ทํ า ไมจึ ง หมุ น อยู ก่ิ ง เดี ย ว กิ่ ง อื่ น ๆ ทํ า ไมไม ห มุ น ด ว ย”
๖
- 17. เมื่อชวนนายไฉนไปดู นายไฉนบอกวา “แกแลว เดินไมไหวเพราะปารกมาก มีกอ
ไผหนามทุกชนิด รวมทั้งตนหมามุยก็มากดวย” แตดวยความอยากรูอยากเห็น
จึงไดบอกลุงไฉนไปวา “ตามผมมา ผมจะเปนผูแหวกปาเขาไปเอง ใหตามมา โชคดี
อาจจะจับชะนีได เพราะตองเปนชะนีหรือลิงแน”
แตพอเขาไปถึงใกล ๆ กิ่งไมก็เงียบไมไหวติงแตอยางใด เมื่อเดินออมไปก็พบ
เนินดินใหญมีปารกมาก เมื่อขึ้นไปถึงเนินดินแลวก็ไปสะดุดเหยียบตรงไหลของทานเขา
พอดี จึงกมลงแหวกกอหญาดู พบเศียรและไหลของทานอยูในทานอนตะแคงเอียง
เล็กนอย โผลขึ้นมาจากดินไมมากนัก เมื่อแรกพบเห็นองคทานเหมือนกับใจถูกไฟฟา
ช็อตวูบรอนผาวไปทั้งตัว และดีใจเหมือนไดพบกันตอนที่ฝน พรอมกับกําชับนายไฉน
วา อยาไปบอกใครเปนอันขาด ใหปดไวกอน แลวคิดวาทําอยางไร? จึงจะนําทานมา
ได
ตอมา ไดพยายามหาบุคคลอื่นที่แข็งแรงไปชวยกันขุดอยู ๓ วัน จึงสําเร็จ
มีนายเสา หมอมา และบุคคลอื่นรวม ๘ คน แตกอนจะลงมือขุดก็จุดธูปเทียนบอก
นิมนตทาน พอจะลงมือขุดครั้งแรกก็ไมมีใครลงมือขุดกอน เพราะกลัวจะมีอันเปนไป
คณะขุดจึงยกใหผูกองทํานองเปนผูลงมือขุดกอน เพราะเปนผูฝน ตกลงผูฝนจึงตองขุด
เปนคนแรก
เปนที่นาอัศจรรยอยางยิ่ง ขณะยกจอบขึ้นจะลงดินนั้น ไดมีแมงปองชางตัว
เทาปูนาโผลมายกกามชูหางขึ้น (แมในขณะที่ยกองคทานขึ้นสูบัลลังกประดิษฐานที่วัด
ศรีโยธิน ซึ่งในขณะนั้นเปนที่พักสงฆ ก็มองเห็นแมงปองชางตัวใหญสีขาวจํานวน ๓ ตัว
อยูใตที่ ๆ องคทานนั่งอยู) ผูขดจึงหยุดจอบ แลวบอกวา “ไป ๆ หลวงพอทานบอกให
ุ
มารับทานไปที่วัด ขอใหหลีกไป” แมงปองชางตัวใหญสีขาวนั้นจึงเดินหายเขาไปในปา
จึงทําการขุดกันไดโดยสะดวก ขณะที่ขุดเอาทานขึ้นมานั้นลักษณะองคทานสมบูรณ
๘๐% แตพวกเราก็ขุดจอบ ทําชะแลงไปถูกองคทาน ทําใหเกิดแตกบิ่นผุพังไปก็มาก
เพราะลักษณะศิลาแลงเมื่อจมอยูในดินอยูนาน ๆ จะเกิดการออนตัวผุยุย จึงใหชาง
ซอมแซมดังที่เห็นอยูจนถึงปจจุบนนี้ ั
๗
- 18. ทําวัตร ในที่นี้หมายถึง การกระทําโดยตอเนื่องเปนกิจวัตร ซึ่งเปนการ
ฝกหัด อันจะมีผลตอการเปลี่ยนแปลงทางจริตนิสัย และเปนหนทางใหเกิด
คุณธรรมที่จําเปนตอการดําเนินชีวิตเชนความขยัน ความอดทน ความสํารวม
ระมัดระวัง ความตั้งมั่นแหงจิตและความรูแจงในสัจธรรม เปนตน
สวดมนต หมายถึง "การศึกษาเลาเรียน" คําวา "ศึกษา" ในทาง
พระพุทธศาสนาครอบคลุมไปถึงการปฏิบัติดวย คือ เมือยังไมรู ก็เรียนใหรู
่
ฟงใหมาก ทองจํา พิจารณาไตรตรองสิ่งที่เรียน ลงความเห็นวาสิงใดถูกตอง
่
สิ่งใดดีงาม แลวก็ตั้งใจปฎิบติตามนั้นไป
ั
การทําวัตรสวดมนต ที่จะใหผลดีแกผูทํานั้น ตองระลึกใหถกตองวา
ู
ไมใชเปนการบรวงสรวงออนวอน หรือไปคิดแตงตั้งใหพระพุทธองค ตลอดจน
พระธรรม และพระสงฆเปนผูรับรู และเปนผูท่จะดลบันดาลสิ่งทีตนปรารถนา
ี ่
ซึ่งจะกลายเปนการกระทําทีใกลตอความงมงายไรเหตุผล อันมิใชวิสัยทีแทจริง
่ ่
ของชาวพุทธ การทําวัตรสวดมนต ควรกระทําในลักษณะของการศึกษาเรือง ่
ศีล สมาธิ ปญญา
๘
- 19. การทําวัตรสวดมนต เมือทําดวยความเคารพสํารวมระวัง บังคับกาย
่
กิริยามารยาทใหเรียบรอยเปนปกติ วาจากลาวในสิ่งที่ถูกตองดีงามสวนนี้
จัดเปน "ศีล"
ขณะสวดมนต ตังจิตจดจออยูในเนื้อหา และความหมายของบทธรรม
้
ทําใหจิตทิงอารมณตางๆ มาสูอารมณเดียวที่แนวแน ขณะนั้นจัดเปน "สมาธิ"
้
การมีความรูสึกตัวทัวพรอม มีสติสัมปชัญญะซาบซึ้งอยูในบทธรรม และเกิด
่
ความเขาใจแจมแจงสวนนี้คือ "ปญญา"
ขณะทําวัตรสวดมนต เมือตั้งใจศึกษา แกใขปรับปรุง เปลียนความคิด
่ ่
ความเห็นใหเปนไปตามธรรมะที่ทองบนอยู จนในขณะนั้น จิตใจเกิดความ
ผองใส สงบ เยือกเย็น เปนสภาวะของธรรมปรากฏขึ้นในใจของเรา ปรากฏ
ขึ้นในใจของเรา ปรากฏการณเชนนี้ก็จะคลายกับวาเราไดพบกับพระพุทธองคที่
แทจริง คือธรรมะ ดังที่ทานตรัสไววา "ผูใดเห็นธรรมผูนนเห็นเรา"
้ั
ดังนั้น การศึกษาธรรมะในขณะทําวัตรสวดมนต หากไมทําดวยใจที่เลื่อน
ลอยหรือจําใจทําแลว หากกระทําดวยสติปญญา ตั้งใจเรียนรู ไตรตรองตาม
เหตุผลแลวนําไปปฏิบัติอยางจริงจัง ยอมเปนบอเกิดแหงการเปลี่ยนแปลงทาง
จิตใจ จากใจทีสกปรกไปสูใจที่สะอาด จากใจทีมดมัวไปสูใจที่สวาง และจาก
่ ่ ื
ใจที่เรารอนไปสูใจทีสงบในทีสด อันเปนสภาวะจิตใจทีพนทุกข ดังเชนที่
่ ่ ุ ่
พระพุทธองคไดทรงกระทําใหเราไดเห็นเปนตัวอยางแลว
(คัดลอกจากหนังสือ ทําวัตรสวดมนต วัดหนองปาพง จ.อุบลราชธานี)
๙
- 20. สอบถามกําหนดการปฏิบตธรรม ณ วัดศรีโยธิน โทรศัพท ๐๕๕-๗๑๐-๒๘๐
ั ิ
การเตรียมตัว จัดเตรียมขาวของเครื่องใชสวนตัวเทาที่จําเปน ไมควรนําของมีคาติดตัวไป
การแตงกาย บุรษแตงชุดขาวสุภาพ สุภาพสตรีแตงชุดขาว นุงผาถุง หมสไบ
๑๐
- 22. ระเบียบปฏิบัติของผู้ท่เข้ามาปฏิบัติธรรม ณ วัดศรีโยธิน
ี
๑. ใหยนดีในเสนาสนะทีจดให และใหทําความสะอาดเก็บกวาดที่พัก
ิ ่ั
ถนนทางเขาออกใหสะอาด
๒. เมื่อกิจของผูปฏิบัตธรรมเกิดขึน เชน ทําวัตรเชา – เย็น ฯลฯ
ิ ้
ใหพรอมกันทํา เมือเลิกใหพรอมกันเลิก อยาทําตนใหเปนทีรงเกียจของ
่ ่ั
หมูคณะ คือ เปนผูมายาสาไถย หลีกเลี่ยง แกตว
ั
๓. เวลารับประทานอาหาร ลางภาชนะ ทําความสะอาดใหเรียบรอย
ใหทําดวยความมีสติ
๔. ใหทําตนเปนผูมักนอยในการพูด กิน นอน ราเริง จงเปนผูตื่นอยูดวย -
ความเพียร
๕. หามคุยกันเปนกลุมกอนทั้งกลางวันและกลางคืนในที่ทั่วไป หรือทีพัก ่
เวนแตมีเหตุจําเปน ถึงกระนันก็อยาเปนผูคลุกคลีและเอิกเกริกเฮฮา
้
๖. หามสูบบุหรี่ กินหมาก และสิงเสพติดทุกชนิด
่
๗. หามเรียไร บอกบุญตาง ๆ โดยเด็ดขาด
่
๘. ใหตั้งใจในการประพฤติปฏิบัติ
๙. ไมมกจจําเปน หามเขาไปคลุกคลีในกุฏิกบภิกษุและสามเณร โดยเด็ดขาด
ีิ ั
๑๐. หามเปดวิทยุ และ การละเลนตางๆ ภายในบริเวณวัด
๑๑. เมื่อจะทําอะไรนอกเหนือจากหนาที่ใหปรึกษาสงฆ หรือ ผูเปนประธานใน
สงฆเสียกอน เมือเห็นวาเปนธรรม เปนวินัย และจึงทํา อยาทําตามใจ -
่
ของตัวเองฯ
๑๒
- 23. ขอกติกาทังหมดนี้ เปนไปเพื่อความเปนระเบียบเรียบรอยของหมูคณะ
้
ขอใหผูปฏิบัติธรรม พึงสังวรไววา เรามาปฏิบตธรรมเพือขัดเกลาจิตใจ และ
ั ิ ่
เพื่อสรางจริตนิสยทีดีงามใหเกิดขึ้นแกตน มิใชมาเพื่อทําตามใจตนเอง แตมา
ั ่
ทําใจตนเองใหถกตองดวยการประพฤติปฏิบติเจริญสติ เพราะฉะนั้น หากทาน
ู ั
ผูใดไมสามารถทําตามขอกติกาที่กําหนดไว หรือทําตนเปนคนมีปญหา เรื่อง
มากในการกินการอยู ไมปฏิบติตามกฎกติกานี้ คณะสงฆมอํานาจเต็มที่ใน
ั ี
การบริหารเพื่อใหเกิดความเรียบรอยแกหมูคณะตอไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๕๒
๑๓
- 24. กํา หนดเวลาการปฏิ บั ติ ธ รรม
เวลา การปฏิบติ ั
๐๓.๓๐ น. ตื่นนอนทํากิจสวนตัว
๐๔.๐๐ น. สวดมนตทําวัตรเชา – ปฏิบัตธรรม
ิ
๐๗.๐๐ น. รับประทานอาหารเชา
๐๗.๓๐ น. พักผอนดวยความมีสติ
๐๘.๓๐ น. ปฏิบติธรรม
ั
๑๑.๐๐ น. รับประทานอาหารเที่ยง
๑๒.๓๐ น. ปฏิบติธรรม
ั
๑๕.๓๐ น. ทําความสะอาด กวาดลานวัด
ทําสรีรกิจสวนตัว
๑๗.๐๐ น. สวดมนตทาวัตรเย็น – ปฏิบติธรรม
ํ ั
๑๙.๐๐ น. พักดืมน้ําปานะ
่
๑๙.๓๐ น. สอบอารมณ – ปฏิบติธรรมั
๒๑.๐๐ น. พักผอนดวยความมีสติ
*** ตารางอาจเปลี่ยนแปลงไดตามความเหมาะสม ***
๑๔
- 26. เมื่อพระคุณเจามาถึง ผูปฏิบตธรรมพึงนั่งคุกเขาประนมมือกราบ ๓ ครัง
ั ิ ้
เสร็จแลว กลาวคําบูชาพระ กราบพระ วาดังนี้...
คําบูชาพระรัตนตรัย
อิมนา สักกาเรนะ, พุทธัง อะภิปชะยามิ,
ิ ู
อิมนา สักกาเรนะ, ธัมมัง อะภิปชะยามิ,
ิ ู
อิมนา สักกาเรนะ, สังฆัง อะภิปชะยามิ,
ิ ู
กราบพระรัตนตรัย วาพรอมกันดังนี้
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ,
(กราบ)
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
ธัมมัง นะมัสสามิ,
(กราบ)
สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สังฆัง นะมามิ.
(กราบ)
๑๖
- 27. ตอไปกลาวคําอาราธนาศีล วาพรอมกันดังนี้
คําอาราธนาศีล ๕
มะยัง ภันเต, วิสง วิสุง รักขะนัตถายะ,
ุ
ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะ สีลานิ ยาจามะ,
ทุติยมป มะยัง ภันเต, วิสง วิสุง รักขะนัตถายะ,
ั ุ
ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะ สีลานิ ยาจามะ,
ตะติยมป มะยัง ภันเต, วิสง วิสง รักขะนัตถายะ,
ั ุ ุ
ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะ สีลานิ ยาจามะ,
คําอาราธนาศีล ๘
มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ,
อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ,
ทุติยมป มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ,
ั
อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ,
ตะติยมป มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ,
ั
อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ,
เสร็จแลวกราบ ๑ ครั้ง นั่งพับเพียบพนมมือ
(ถาคนเดียววา อะหัง ภันเต แทน มะยัง ภันเต, ยาจามิ แทน ยาจามะ.)
๑๗
- 28. ลําดับนั้น พระคุณเจากลาวคํานมัสการ ฯ นําผูปฏิบติ ใหวาตาม ดังนี้
ั
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(วา ๓ ครัง)
้
ครั้นแลวพระคุณเจานําเปลงวาจาวาไตรสรณคมนตามไปทีละพากยวา ดังนี้
ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
ทุติยมป ั พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
ทุติยมป
ั ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
ทุติยมป ั สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยมป ั พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยมป
ั ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยมป ั สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
เมื่อจบแลว พระคุณเจาบอกวา “ ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง ”
ผูปฏิบัตพงรับวา “ อามะ ภันเต ”
ิ ึ
ลําดับนั้นพึงสมาทานสิกขาบท ๕ ประการ หรือ ๘ ประการ
วาตามพระคุณเจาดังนี้
๑๘
- 29. คําสมาทานศีล
๑. ปาณาติปาตา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๒. อะทินนาทานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๓. อะพ๎รหมะจะริยา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
ั ๎
๔. มุสาวาทา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๖. วิกาละโภชะนา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๗. นัจจะคีตะวาทิตะ วิสกะทัสสะนะ, มาลาคันธะ วิเลปะนะ, ธาระณะ
ู
มัณฑะนะ วิภสะนัฏฐานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
ู
๘. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
สําหรับผูทสมาทานศีล ๕ ใหสมาทานศีล ถึงขอที่ ๕
่ี
และเปลี่ยนขอที่ ๓ วาดังนี้
กาเมสุมจฉาจารา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
ิ
ลําดับตอจากนั้น พระคุณเจาจะกลาววา
อิมานิ อัฏฐะ (ปญจะ*) สิกขาปะทานิ, สีเลนะ สุคะติง ยันติ,
สีเลนะ โภคะสัมปะทา, สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ตัสมา สีลง วิโสทะเย.
๎ ั
ผูสมาทานศีลพึงรับวา “สาธุ” เสร็จแลวนั่งคุกเขา กราบ ๓ ครั้ง
หมายเหตุ: * ใชสาหรับสมาทานศีล ๕
ํ
๑๙
- 30. พิธีรกษาอุโบสถศีล
ั
เมื่อพระสงฆสามเณรทําวัตรเชาเสร็จแลวอุบาสก-อุบาสิกา
พึงทําวัตรเชา โดยเริ่มคําบูชาพระ วา
ยะมะหัง สัมมาสัมพุทธัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะโต, (หญิงวา คะตา)
พระผูมพระภาค, พระองคตรัสรูดีแลวโดยชอบพระองคใด, ขาพเจาถึงแลววา
ี
เปนที่พึ่งกําจัดภัยจริง, อิมินา สักกาเรนะ, ตัง ภะคะวันตัง, อะภิปูชะยามิ,
ขาพเจาบูชา, ซึ่งพระผูมีพระภาคนั้น, ดวยเครื่องสักการะอันนี้.
ยะมะหัง ส๎วากขาตัง, ธัมมัง สะระณัง คะโต, (หญิงวา คะตา)
พระธรรมที่พระผูมพระภาค, พระองคตรัสไวดีแลวสิ่งใด, ขาพเจาถึงแลววา
ี
เปนที่พึงกําจัดภัยจริง, อิมินา สักกาเรนะ, ตัง ธัมมัง, อะภิปูชะยามิ,
ขาพเจาบูชา, ซึ่งพระธรรมนัน, ดวยเครื่องสักการะอันนี้.
้
ยะมะหัง สุปะฏิบันนัง, สังฆัง สะระณัง คะโต (หญิงวา คะตา)
พระสงฆททานเปนผูปฏิบติดีแลวหมูใด, ขาพเจาถึงแลววา เปนที่พึ่งกําจัดภัยจริง,
่ี ั
อิมินา สักกาเรนะ, ตัง สังฆัง, อะภิปูชะยามิ, ขาพเจาบูชา, ซึ่งพระสงฆหมูนั้น,
ดวยเครื่องสักการะอันนี้.
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ (กราบ)
๒๐
- 31. (ต อ จากนี้ ทํ า วั ต รเช า จบแล ว หั ว หน า อุ บ าสกหรื อ อุ บ าสิ ก าพึ ง คุ ก เข า
ประนมมือประกาศองคอุโบสถ ทั้งคําบาลีและคําไทย ดังนี้)
อัชชะ โภนโต ปกขัสสะ อัฏฐะมีทวะโส (ถาวันพระ ๑๕ ค่ํา วา
ิ
ปณณะระสีทวะโส ถา ๑๔ ค่ําวา จาตุททะสีทวะโส) เอวะรูโป โข โภนโต
ิ ิ
ทิวะโส พุทเธนะ ภะคะวะตา ปญญัตตัสสะ ธัมมัสสะวะนัสสะ เจวะ
ตะทัตถายะ อุปาสะกะอุปาสิกานัง อุโปสะถัสสะ จะ กาโล โหติ หันทะ
มะยัง โภนโต สัพเพ อิธะ สะมาคะตา ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมานุธัมมะ
ปะฏิปตติยา ปูชะนัตถายะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง อัฏฐังคะ
สะมันนาคะตัง อุโปสะถัง อุปะวะสิสสามาติ กาละปะริจเฉทัง กัต๎วา
ตัง ตัง เวระมะณิง อารัมมะณัง กะริต๎วา อะวิกขิตตะจิตตา หุตวา ๎
สักกัจจัง อุโปสะถัง สะมาทิเยยยามะ อีทสง หิ อุโปสะถัง สัมปตตานัง
ิ ั
อัมหากัง ชีวิตง มา นิรัตถะกัง โหตุ ฯ
ั
คําแปล
ขอประกาศเริ่มเรืองความที่จะสมาทานรักษาอุโบสถ อันพรอมไปดวย
่
องคแปดประการ ใหสาธุชนทีไดตั้งจิตสมาทานทราบทั่วกันกอน แตสมาทาน
่
ณ บัดนี้ ดวยวันนี้ เปนวันอัฏฐะมีดถทแปด (ถาวันพระ ๑๕ ค่ําวา วันปณณะ
ิ ี ี่
ระสีดถทสบหา ถา ๑๔ ค่ําวา วันจาตุททะสีดถทสบสี) แหงปกษมาถึงแลว
ิ ี ี่ ิ ิ ี ี่ ิ ่
ก็แหละวันเชนนี้ เปนกาลทีสมเด็จพระผูมีพระภาคเจาทรงบัญญัตแตงตั้งไวให
่ ิ
ประชุมกันฟงธรรม และเปนกาลที่จะรักษาอุโบสถของอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย
เพื่อประโยชนแกการฟงธรรมนั้นดวย เชิญเถิดเราทั้งหลายทั้งปวง ที่ไดมา
ประชุมพรอมกัน ณ ที่นี้ พึงกําหนดกาลวาจะรักษาอุโบสถตลอดวันหนึ่งกับคืน
หนึ่งนี้ แลวพึงทําความเวนโทษนั้นๆเปนอารมณ คือ
๒๑
- 32. o เวนจากการฆาสัตว ๑
o เวนจากลักฉอ, ถือเอาสิ่งของที่เจาของเขาไมให ๑
o เวนจากประพฤติกรรมที่เปนขาศึกแกพรหมจรรย ๑
o เวนจากเจรจาคําเท็จลอลวงผูอื่น ๑
o เวนจากดื่มสุราเมรัยอันเปนเหตุท่ตั้งแหงความประมาท ๑
ี
o เวนจากบริโภคอาหาร ตั้งแตเวลาพระอาทิตยเที่ยงแลวไปจนถึงเวลา
อรุณขึ้นมาใหม ๑
o เวนจากฟอนรําขับรองและประโคมเครื่องดนตรีตางๆ แตบรรดาที่
เปนขาศึกแกบุญกุศลทั้งสิ้น และทัดทรงประดับตกแตงรางกายดวย
ดอกไมของหอม เครื่องประดับ เครื่องทาเครื่องยอม ผัดผิวทํากาย
ใหวิจิตรงดงามตางๆ อันเปนเหตุที่ตั้งแหงความกําหนัดยินดี ๑
o เวน จากการนั่ ง นอนเหนือ เตียงตั่ ง มา ที่มี เทา สูง เกิน ประมาณและ
ที่นั่งที่นอนใหญ ภายในมีนุนและสําลี และเครื่องปูลาดที่วิจิตรดวย
เงินและทองตางๆ ๑
อยาใหมีจิตฟุงซานสงไปทีอื่น พึงสมาทานเอาองคอุโบสถทั้งแปดประการ
่
โดยเคารพ เพื่อจะบูชาสมเด็จพระผูมีพระภาค พระพุทธเจานั้นดวยธรรมมานุ-
ธรรมะปฏิบติ อนึ่ง ชีวิตของเราทั้งหลาย ที่ไดเปนอยูรอดมาถึงวันอุโบสถเชนนี้
ั
จงอยาไดลวงไปเสียเปลาจากประโยชนเลย
(เมื่อหัวหนาประกาศจบแลว พระสงฆผแสดงธรรมขึ้นนั่งบนธรรมาสน
ู
อุบาสก อุบาสิกา พึงนั่งคุกเขากราบพรอมกัน ๓ ครั้ง
แลวกลาวคําอาราธนาอุโบสถศีลพรอมกัน วาดังนี้)
๒๒
- 33. มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ,
อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามะ
(วา ๓ จบ)
ตอนี้ คอยตั้งใจรับสรณคมนและศีลโดยเคารพ
คือ ประนมมือวาตามคําที่พระสงฆบอกเปนตอนๆ วา
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
ทุติยมป พุทธัง
ั สะระณัง คัจฉามิ,
ทุติยมป ธัมมัง
ั สะระณัง คัจฉามิ,
ทุติยมป สังฆัง
ั สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยมป พุทธัง
ั สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยมป ธัมมัง
ั สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยมป สังฆังั สะระณัง คัจฉามิ,
เมื่อพระสงฆวา ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตง
ั
พึงรับพรอมกันวา อามะ ภันเต
๑. ปาณาติปาตา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๒. อะทินนาทานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๓. อะพ๎รหมะจะริยา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
ั ๎
๔. มุสาวาทา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๖. วิกาละโภชะนา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
๒๓
- 34. ๗. นัจจะคีตะวาทิตะ วิสกะทัสสะนะ, มาลาคันธะ วิเลปะนะ, ธาระณะ
ู
มัณฑะนะ วิภสะนัฏฐานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
ู
๘. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
อิมง, อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง, พุทธะปญญัตตัง, อุโปสะถัง,
ั
อิมญจะ รัตติง, อิมญจะ ทิวะสัง, สัมมะเทวะ, อะภิรกขิตุง, สะมาทิยามิ.
ั ั ั
ขาพเจาขอสมาทาน, ซึ่งอุโบสถศีล, อันประกอบไปดวยองคแปดประการ,
เพื่อจะรักษาไวใหด, มิใหขาด, มิใหทําลาย, มิใหดางพรอย,
ี
ตลอดวันหนึ่งและคืนหนึ่ง, ในเวลานี้
(หยุดรับเพียงเทานี)
้
ตอนนี้ พระสงฆจะวา
อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ อุโปสะถะวะเสนะ
มะนะสิกะริตวา สาธุกง อัปปะมาเทนะ รักขิตพพานิ
๎ ั ั
(พึงรับพรอมกันวา)
อามะ ภันเต
(พระสงฆวาตอ)
สีเลนะ สุคะติง ยันติ, สีเลนะ โภคะสัมปะทา,
สีเลนะ นิพพุตง ยันติ,
ิ ตัสมา สีลง วิโสธะเย.
๎ ั
พึงกราบพรอมกัน ๓ ครั้ง ตอนี้นั่งราบพับเพียบ ประนมมือฟงธรรม
เมื่อจบแลวพึงใหสาธุการและสวดประกาศตนพรอมกัน ดังนี้
สาธุ สาธุ สาธุ
๒๔
- 35. อะหัง พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต (หญิงวา คะตา)
อุปาสะกัตตัง (หญิงวา อุปาสิกตตัง) เทเสสิง ภิกขุสงฆัสสะ สัมมุขา
ั ั
เอตัง เม สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะมัง
เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะเย
ยะถาพะลัง จะเรยยาหัง สัมมาสัมพุทธะสาสะนัง
ทุกขะนิสสะระณัสเสวะ ภาคี อัสสัง (หญิงวา ภาคินสสัง) อะนาคะเตฯ
ิ
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
พุทเธ กุกมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
ั
พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ ฯ
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
ธัมเม กุกมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
ั
ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม ฯ
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
สังเฆ กุกมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
ั
สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ ฯ
๒๕
- 38. เมื่อพระคุณเจาผูเปนประธานฝายสงฆมาถึง ผูปฏิบัติธรรมนั่งคุกเขา
ประนมมือ ผูเปนประธาน ฯ กราบพระนั่งลง ผูปฏิบัติธรรมกราบ ๓ ครั้ง
พรอมเพรียงกัน
ตั ว แทนผู ป ฏิ บั ติ ธ รรมจุ ด เที ย นธู ป ผู ป ฏิ บั ติ ธ รรมกล า วคํ า บู ช าพระ
กราบพระ อาราธนาศีล สมาทานศีล เมื่อสมาทานศีลเสร็จแลว ตอไปพึง
ตั้งใจสมาทานพระกรรมฐาน
สมาทานพระกรรมฐาน
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(วา ๓ จบ) พรอมกัน
ตอไปพึงวาตามผูนํา ดังนี้
อิมาหัง ภะคะวา, อัตตะภาวัง, ตุม๎หากัง, ปะริจจะชามิ,
ขาแตองคสมเด็จพระผูมีพระภาคเจา, ขาพเจาขอมอบกายถวายชีวิต,
ตอพระรัตนตรัย, คือพระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆ
อิมาหัง อาจะริยะ, อัตตะภาวัง, ตุม๎หากัง, ปะริจจะชามิ,
ขาแตพระอาจารยผูเจริญ, ขาพเจาขอมอบกายถวายตัว,
ตอครูบาอาจารย, เพื่อเจริญวิปสสนากรรมฐาน
นิพพานัสสะ, เม ภันเต, สัจฉิกะระณัตถายะ, กัมมัฏฐานังเทหิ,
ขาแตทานผูเจริญ, ขอทานจงใหกรรมฐานแกขาพเจา,
เพื่อทําใหแจง, ซึ่งมรรคผลนิพพานตอไป
๒๘
- 39. อะหัง สุขโต โหมิ,
ิ
ขอใหขาพเจาถึงสุข, ปราศจากทุกข, ไมมีเวร, ไมมภัย, ไมมีความ-
ี
ลําบาก, ไมมีความเดือดรอน, ขอใหมความสุข, รักษาตนอยูเถิด
ี
สัพเพ สัตตา, สุขิตา โหนตุ,
ขอใหสัตวทั้งหลายทุกตัวตน, ตลอดเทพบุตร, เทพธิดาทุกพระองค,
พระภิกษุ, สามเณร, และผูปฏิบติธรรมทุกทาน,
ั
ขอทานจงมีความสุข, รักษาตนอยูเถิด
อัทธุวัง เม ชีวิตตัง,
ชีวิตของเราไมแนนอน, ความตายของเราแนนอน, เราตองตายแน,
เพราะชีวิตของเรา, มีความตายเปนที่สุด, นับวาเปนโชคอันดีแลว,
ที่เราไดเขามาปฏิบติ, วิปสสนากรรมฐาน, ณ โอกาสบัดนี,
ั ้
ไมเสียทีทไดเกิดมา, พบพระพุทธศาสนา
ี่
เยเนวะ ยันติ, นิพพานัง,
พระพุทธเจา, และพระอรหันตสาวก, ไดดําเนินไปสูพระนิพพาน,
ดวยหนทางเสนนี้, ขาพเจาขอตั้งสัจจะอธิษฐาน, ปฏิญาณตน,
ตอพระรัตนตรัย, และครูบาอาจารยวา, ตั้งแตนตอไป,
ี้
ขาพเจาจะตั้งอกตั้งใจ, ประพฤติและปฏิบัต, เพือใหบรรลุมรรคผล,
ิ ่
ดําเนินรอยตามพระองคทาน
อิมายะ, ธัมมานุธมมะ, ปะฏิปตติยา, ระตะนัตตะยัง, ปูเชมิ,
ั
ขาพเจาขอบูชาพระรัตนตรัย, ดวยการปฏิบติธรรม,
ั
สมควรแกมรรคผลนิพพานนี้, ดวยสัจจะวาจา, ที่กลาวอางมานี้,
ขอใหขาพเจาไดบรรลุ, มรรคผลนิพพานดวยเทอญ ฯ
สวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
(จบแลวกราบ ๓ ครั้ง)
๒๙
- 42. เมื่อประธานจุดเทียน ธูป พึงพรอมกันนั่งคุกเขาประนมมือ
คําบูชาพระรัตนตรัย
(นํา) โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
(รับ) พระผูมพระภาคเจา พระองคใด, เปนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ,
ี
ส๎วากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม.
พระธรรมอันพระผูมพระภาคเจา พระองคใด, ตรัสสอนดีแลว,
ี
สุปะฏิปนโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
พระสงฆสาวกของพระผูมพระภาคเจา พระองคใด, ปฏิบัติดีแลว
ี
ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง,
ขาพเจาทั้งหลาย, ขอบูชาอยางยิ่ง, ซึ่งพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น,
พรอมดวยพระธรรม, พรอมดวยพระสงฆ,
อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปเตหิ อะภิปูชะยามะ,
ดวยเครื่องสักการะเหลานี, ที่ยกขึ้นแลวตามสมควร,
้
สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตป,
พระผูมพระภาคเจา, แมปรินพพานนานแลว, ขอไดทรงกรุณาโปรดเถิด,
ี ิ
ปจฉิมา ชะนะตานุกัมปะมานะสา,
ขอไดมน้ําพระทัย, อนุเคราะหแกหมูชนที่เกิดมาในภายหลัง,
ี
อิเม สักกาเร ทุคคะตะปณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ,
ขอจงทรงรับเครืองสักการะทั้งหลายเหลานี, อันเปนบรรณาการของคนยาก,
่ ้
อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ,
เพื่อประโยชนและความสุข, แกพวกขาพเจาทั้งหลาย, สิ้นกาลนานเทอญฯ
๓๒
- 43. อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา,
พระผูมีพระภาคเจา, เปนพระอรหันต, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกขสิ้นเชิง,
ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง,
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ,
ขาพเจาอภิวาทพระผูมพระภาคเจา, ผูร, ผูตื่น, ผูเบิกบาน (กราบ)
ี ู
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรมเปนธรรมที่พระผูมพระภาคเจา, ตรัสไวดีแลว,
ี
ธัมมัง นะมัสสามิ,
ขาพเจานมัสการพระธรรม (กราบ)
สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
พระสงฆสาวกของพระผูมพระภาคเจา, ปฏิบัติดแลว,
ี ี
สังฆัง นะมามิ,
ขาพเจานอบนอมพระสงฆ (กราบ)
ปุพพะภาคะนะมะการ
(หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส.)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจา, พระองคนั้น,
อะระหะโต, เปนผูไกลจากกิเลส,
สัมมาสัมพุทธัสสะ, ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง,
(วา ๓ ครั้ง)
๓๓
- 44. พุทธาภิถุติง
(หันทะ มะยัง พุทธาภิถุตง กะโรมะ เส.)
ิ
โย โส ตะถาคะโต, พระตถาคตเจานั้นพระองคใด,
อะระหัง, เปนผูไกลจากกิเลส,
สัมมาสัมพุทโธ, เปนผูตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง,
วิชชาจะระณะสัมปนโน, เปนผูถึงพรอมดวยวิชชาและจรณะ,
สุคะโต, เปนผูไปแลวดวยดี,
โลกะวิท,ู เปนผูรูโลกอยางแจมแจง,
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
เปนผูสามารถฝกบุรุษที่สมควรฝกได, อยางไมมีใครยิ่งกวา,
สัตถา เทวะมะนุสสานัง,
เปนครูผูสอนของเทวดาและมนุษยทั้งหลาย,
พุทโธ, เปนผูรู, ผูตื่น, ผูเบิกบานดวยธรรม,
ภะคะวา, เปนผูมีความจําเริญ, จําแนกธรรมสั่งสอนสัตว,
โย อิมง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพ๎รัห๎มะกัง, สัสสะมะณะพ๎ราห๎มะณิง
ั
ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัต๎วา ปะเวเทสิ,
พระผูมีพระภาคเจาพระองคใด, ไดทรงทําความดับทุกขใหแจง,
ดวยพระปญญาอันยิ่งเองแลว, ทรงสอนโลกนี้, พรอมทั้งเทวดา,
มาร, พรหม, และหมูสตว, พรอมทั้งสมณะพราหมณ,
ั
พรอมทั้งเทวดาและมนุษยใหรูตาม
๓๔