SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 47
สัปดาห์ที่  5-6 เอกสารประกอบการสอน  วิชา  427-303 Sociological Theories ภาคเรียนที่  1/2553 เรื่อง ทฤษฎีสังคมวิทยา  :  แนวคิด
ลักษณะของทฤษฎีวิทยาศาสตร์ โดยทั่วไป ทฤษฎีวิทยาศาสตร์เป็นทฤษฎีขนาดกลาง  (middle range theory)  มีลักษณะสำคัญ
ลักษณะของทฤษฎีวิทยาศาสตร์ 1. มีสังกัปจำนวนจำกัด  2.  คำอธิบายเป็นไปตามหลักเหตุผล  (logic)  3.  แต่ละทฤษฎีเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ  ( สังกัปผล )
ทฤษฎีสังคมศาสตร์   ทฤษฎีสังคมศาสตร์  (social science theories)  เป็นทฤษฎีวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง มีลักษณะทั่วไปเช่นเดียวกับทฤษฎีวิทยาศาสตร์
ทฤษฎีสังคมวิทยา   ทฤษฎีสังคมวิทยา  ( sociological theories)  เป็นทฤษฎีวิทยาศาสตร์และทฤษฎีสังคมศาสตร์สาขาหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความสัมพันธ์ทางสังคมหรือความสัมพันธ์ระหว่างคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างความสัมพันธ์ทางสังคมกับสิ่งภายนอก
ประเภทของทฤษฎีสังคมวิทยา   1.  ทฤษฎีมหภาค  (grand theories)   2.  ทฤษฎีขนาดกลาง  (middle range theories)  3.  หลักทั่วไปเชิงประจักษ์  (empirical generalization)
1.  ทฤษฎีมหภาค  (grand theories) เป็นทฤษฎีขนาดใหญ่ มีสังกัปแต่ละทฤษฎีเป็นจำนวนมาก มีลักษณะเป็นคำบรรยาย  (discursive)  เรื่องราวหรือความรู้เรื่องต่างๆ เช่น เรื่องสังคมมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ชนชั้นทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม ปัญหาสังคม เป็นต้น
ทฤษฎีมหภาคทางสังคมวิทยา มี  5  ทฤษฎี  ,[object Object],[object Object],[object Object],[object Object],[object Object]
2.  ทฤษฎีขนาดกลาง  (middle range theories) เป็นทฤษฎีขนาดย่อม มีสังกัปจำนวนจำกัด โดยทั่วไปจะมีสังกัปผลหนึ่งตัว สังกัปเหตุหลายตัว เพราะนักสังคมศาสตร์เชื่อว่า ผลอย่างหนึ่งมาจากเหตุหลายอย่าง จึงสร้างทฤษฎีขนาดกลางขึ้นให้มีตัวผลหนึ่งตัว ตัวเหตุหลายตัว
3.  หลักทั่วไปเชิงประจักษ์  (empirical generalization) ทฤษฎีประเภทนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป็นแต่เพียงประพจน์หนึ่งของทฤษฎีขนาดกลางเท่านั้น  (proposition)  แต่เป็นประพจน์ที่ยังไม่มีทฤษฎีสังกัด มีฐานะเป็นสมมติฐานการวิจัยที่ได้รับการพิสูจน์ความถูกต้องมาแล้วชั้นหนึ่ง จึงมีชื่อว่าหลักทั่วไปเชิงประจักษ์
3.  หลักทั่วไปเชิงประจักษ์  (empirical generalization) ตัวอย่างของทฤษฎีประเภทนี้ดูได้จากประพจน์ในทฤษฎีขนาดกลาง เช่น 3.1  การรับนวัตกรรมขึ้นอยู่กับความรู้จักนวัตกรรมนั้น 3.2  การรับนวัตกรรมขึ้นอยู่กับความสามารถรับนวัตกรรมนั้น 3.3  การรับนวัตกรรมขึ้นอยู่กับความเต็มใจรับนวัตกรรมนั้น
ทฤษฎีกับการวิจัย Data Analysis Hypothesis Abstract theoretical structure Formulation of concepts and proposition High-level proposition Generalization of empirical data Low-level proposition Data transformation Measurement Instrumentation Observation Inductive Deductive
1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม 1.1  เนื้อหาและประพจน์ 1.2  ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 1.3  นักทฤษฎีสำคัญ 1.4  สังกัปสำคัญ 1.5  ระเบียบวิธีวิจัย
1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม มีฐานคติสำคัญ  (Basic Assumptions)  ว่า สังคมเป็นเสมือนสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง สิ่งมีชีวิตนี้จะมีส่วนประกอบหลายอย่าง แต่ละอย่างมีหน้าที่เฉพาะจะต้องปฏิบัติเพื่อการคงอยู่ของส่วนสังคมมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นของสังคมรวมกันเข้าก็เป็นโครงสร้างของสังคม
1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา Utilitarianism  อรรถประโยชน์นิยม สิ่งใดๆ ที่ปรากฎอยู่แปลว่า มันมีประโยชน์ในที่นี้ใช้ในความหมายเดียวกับ หน้าที่นิยม  (functionalism) Positivism ปฏิฐานนิยม ลัทธิที่เชื่อว่าความเป็นจริงมีเท่าที่ทดลองได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ความจริงเป็นสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวมองเห็น จับต้องได้ Realism  สัจนิยม สิ่งสากลมีอยู่จริง การรับรู้ของมนุษย์มีเป้าหมายตรงกับความเป็นจริง ตรงข้ามกับอุดมคติเชิงจิตวิสัย  (subjective idealism)  ซึ่งเชื่อว่า สรรพสิ่งมีอยู่ที่จิต โลกเป็นเพียงมโนภาพในจิต
1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม สาระสำคัญ 1. สังคมทุกสังคมจะต้องมีโครงสร้างซึ่งประกอบด้วยหน่วยต่างๆ 2. แต่ละหน่วยต่างทำหน้าที่ประสานกัน 3. แต่ละหน่วยต่างปฏิบัติหน้าที่เพื่อความคงอยู่ของสังคม 4. แต่ละหน่วยต่างยึดระบบค่านิยมเป็นแนวในการปฏิบัติหน้าที่
1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม นักทฤษฎีสำคัญ ออกัสต์ ก๊องต์  ( August Comte) เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์  ( Herbert Spencer) อีมิล เดอร์ไคว์ม  ( Emile Durkheim) บรอนนิสลอส มาสลินนอฟสกิ  ( Bronislow Maslinowski) เอ . อาร์ . เรดคริฟฟีบราวน์  ( A.R. Radcliffee-Brown) ทาลคอต พาร์สัน  ( Talcott Parsons) อามิไต เอทซิโอนิ  ( Amitai Etzioni)
1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม ระเบียบวิธีวิจัย ระเบียบวิธีวิจัยที่เหมาะกับทฤษฎีนี้ คือ การทดลอง  (experiment)  และการวิจัยเชิงสำรวจ  (survey research)
ทฤษฎีภาวะทันสมัย  (Modernization)   1. ทฤษฎีภาวะทันสมัยและทฤษฎีระบบราชการของ  Max Weber  และทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่และทฤษฎีภาวะทันสมัยของ  Talcott Parsons    2. ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่และทฤษฎีภาวะทันสมัยของ  Gabriel Almond   3. ทฤษฎีภาวะทันสมัยของ  Samuel Huntingtun   4. ทฤษฎีการวิเคราะห์ระบบของ  David E.Apter   5. ทฤษฎีการวิเคราะห์การเข้าระดมทางสังคมกับการพัฒนาทางการเมืองของ  Karl Deutsch
2.  ทฤษฎีขัดแย้ง   2.1  เนื้อหาและประพจน์ 2.2  ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 2.3  นักทฤษฎีสำคัญ 2.4  สังกัปสำคัญ 2.5  ระเบียบวิธีวิจัย
2.  ทฤษฎีขัดแย้ง   มีฐานคติสำคัญว่า สังคมมนุษย์เป็นสังคมที่มีการขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนในสังคม ส่วนกลุ่ม เรียกว่า กลุ่ม  “ มี ”  กับกลุ่ม  “ ไม่มี ”  กลุ่มมีเป็นกลุ่มเล็กแต่มีเงิน มีอำนาจหรือเกียรติยศสูงในสังคม จึงสามารถควบคุมหรือบีบบังคับ บางครั้งเอารัดเอาเปรียบกลุ่มไม่มี ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่แต่ไม่มีเงินหรืออำนาจมาต่อรอง สังคมมีระเบียบ ยึดเหนี่ยวกันเป็นสังคมอยู่ได้ก็เพราะการควบคุมบีบบังคับเช่นนี้
2.  ทฤษฎีขัดแย้ง   ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา   Dialectic วิภาษวิธี สิ่งใด ๆ ประกอบด้วยสามส่วน  Thesis- antithesis synthesis  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งนั้นๆ  อยู่เสมอ Structuralism โครงสร้างนิยม สิ่งใดๆ ประกอบขึ้นด้วยส่วนต่างๆ  แต่ละส่วนมีอิทธิพลต่อกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงในส่วนหนึ่ง ย่อมก่อผลกระทบไปยังอีกส่วนหนึ่ง Realism สัจนิยม สิ่งสากลมีอยู่จริง Materialism วัตถุนิยม วัดค่าสิ่งใดด้วยวัตถุหรือเงิน
2.  ทฤษฎีขัดแย้ง   สาระสำคัญ   1. ทุกหน่วยของสังคมอาจเปลี่ยนแปลงได้ 2. ทุกหน่วยของสังคมเป็นบ่อเกิดของการขัดแย้ง 3. ทุกหน่วยของสังคมมีส่วนส่งเสริมความไม่เป็นปึกแผ่นและการเปลี่ยนแปลง 4. ทุกสังคมจะมีคนกลุ่มหนึ่งควบคุมบังคับคนอีกกลุ่มหนึ่งให้เกิดความเป็นระเบียบในสังคม
2.  ทฤษฎีขัดแย้ง   นักทฤษฎีสำคัญ จอร์จ เฮเกล   (George Hegel) คาร์ล มากซ์   (Karl Mark) เอฟ .  เอ็นเจลส์   (F. Engels) ราฟ ดาห์เรนดอฟ   (Ralf Dahrendor) เดวิด ล๊อควูด   (David Lockwood)
2.  ทฤษฎีขัดแย้ง   ระเบียบวิธีวิจัย ระเบียบวิธีวิจัยสังคมของทฤษฎีขัดแย้งวิธีหลักก็คือ การวิจัยเอกสาร  (documentary research)  ผสมผสานกับการวิจัยวิธีอื่น เช่น การสังเกตการณ์โดยไม่มีส่วนร่วม  (non-participant observation)  รวมทั้งการวิจัยโดยไม่เปิดเผยตัว  (unobtrusive research)   การวิจัยสังคมของทฤษฎีนี้ต้องอิงทฤษฎีค่อนข้างมาก คือ การมองสังคมในฐานะเป็นปรากฏการณ์ของการขัดแย้งที่ก่อทั้งผลกระทบทางบวก เช่น ทำให้กลุ่มขัดแย้งแต่ละกลุ่มรวมตัวกันเหนียวแน่นขึ้น เพื่อต่อสู้กันอีกกลุ่มหนึ่ง ส่วนผลเสียก็ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองได้ การวิจัยก็จะต้องเก็บข้อมูลมาสนับสนุนทฤษฎี
ทฤษฎีพึ่งพิง  (Dependency) 1. ทฤษฎีพึ่งพิงของ  Guner Frank 2. ทฤษฎีพึ่งพิงของ  Fernado Cordoso 3. ทฤษฎีพึ่งพิงของ  Gabriel Palma 4. ทฤษฎีพึ่งพิงของ  Dos Santos
3.  ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน 3.1  เนื้อหาและประพจน์ 3.2  ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 3.3  นักทฤษฎีสำคัญ 3.4  สังกัปสำคัญ 3.5  ระเบียบวิธีวิจัย
3.  ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน มีฐานคติสำคัญว่า มนุษย์แต่ละคนมีความต้องการอะไรหลายอย่างในชีวิต แต่ตัวเองไม่สามารถจะสนองความต้องการของตนเองด้วยตนเองทั้งหมดได้ จะต้องอาศัยผู้อื่นมาช่วยสนองความต้องการเหล่านั้นด้วยจึงจะครบ นอกจากนั้นมนุษย์แต่ละคนยังต้องการผลตอบแทนจากการแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ระหว่างกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
3.  ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน ดังนั้น เนื่องจากมนุษย์ต้องการสิ่งต่าง ๆ จากผู้อื่น จึงต้องเข้าสู่สัมพันธ์หรือติดต่อกับผู้อื่นและเนื่องจากแต่ละคนต้องการผลประโยชน์ตอบแทนมากที่สุดจากสิ่งที่ตนนำไปแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น จึงจำต้องสร้างกฏเกณฑ์หรือระเบียบแบบแผนในการแลกเปลี่ยนที่ดีมีความยุติธรรมขึ้น ความต้องการกันและกันจึงทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกัน กฎ ระเบียบที่ร่วมกันสร้างขึ้นจะควบคุมความประพฤติของกันและกัน กฎ ระเบียบนี้อำนวยประโยชน์สูงสุดจะช่วยรักษาสัมพันธ์ภาพให้ดำรงอยู่ได้นานและมั่นคง
3.  ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา   Utilitarianism อรรถประโยชน์นิยม ผ่านมาทางสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ Functionalism การหน้าที่นิยม ผ่านมาทางสาขาวิชามานุษยวิทยา Voluntarism เจตจำนงนิยม สมัครใจนิยม  ผ่านมาทางสาขาวิชาจิตวิทยาพฤติกรรม
3.  ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน สาระสำคัญ 1. มนุษย์แต่ละคนมีความต้องการจำเป็น (needs)  หลายอย่างในการดำรงชีวิต 2. มนุษย์ติดต่อสัมพันธ์กันเพื่อสนองความต้องการจำเป็นของตน 3. ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน แต่ละคนต้องการมูลค่าสูงสุดสำหรับสิ่งของของตน 4. ความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนจะดำรงอยู่ตราบที่คู่สัมพันธ์คิดว่าตนได้กำไรหรือคิดว่าการแลกเปลี่ยนมีความยุติธรรม
3.  ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน นักทฤษฎีสำคัญ   บี . มาลินอปสกี้  ( B. Malinowski) จี . โฮมานส์  ( G. Homans) เอ็ม .  มอสส์  ( M. Mauss) ซี . เลวี สตรวสส์  ( C. Levi-Strauss) พี . เบลา  ( P. Blau)
3.  ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน ระเบียบวิธีวิจัย วิธีการเก็บข้อมูลมาพิสูจน์สมมุติฐานของทฤษฎีการแลกเปลี่ยนเป็นได้ตั้งแต่การวิจัยเอกสาร การวิจัยเชิงสำรวจหรือการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพในรูปของการสังเกตทั้งการสังเกตุโดยมีส่วนร่วม  (participant observation)  และการสังเกตโดยไม่มีส่วนร่วม  (non-participant observation)
4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์   4.1  เนื้อหาและประพจน์ 4.2  ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 4.3  นักทฤษฎีสำคัญ 4.4  สังกัปสำคัญ 4.5  ระเบียบวิธีวิจัย
4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์   ฐานคติสำคัญว่า มนุษย์ติดต่อกัน  ( หรือเรียกว่ามีการกระทำระหว่างกันก็ได้ )  โดยอาศัยสัญลักษณ์เป็นสื่อที่ทำให้เกิดความเข้าใจ สัญลักษณ์ต่างกับสัญญาณ  (signal)  ซึ่งมีความหมายอย่างเดียว เช่น สัญญาณไฟจราจร สิ่งคง - ห้ามไป แต่สัญลักษณ์แต่ละอันจะมีความหมายได้หลายอย่าง
4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์   ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา Symbolism สัญลักษณ์นิยม สัญลักษณ์ คือ สิ่งที่ใช้แทนสิ่งอื่นได้หลายอย่าง การเข้าใจสัญลักษณ์อย่างหนึ่งต้องอาศัยการตีคามจากความหมายที่ตกลงกันทั่วไป และบริบทขณะนั้น Voluntarism เจตจำนงนิยม มนุษย์มีเสรีที่จะทำหรือไม่ทำสิ่งใดได้ Realism สัจนิยมสิ่งกังวลมีอยู่จริงในโลก
4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์   สาระสำคัญ   1. มนุษย์เป็นสัตว์ที่รู้จักใช้สัญลักษณ์ 2. มนุษย์ใช้สัญลักษณ์สร้างบำรุงรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ทางสังคม 3. มนุษย์ใช้สัญลักษณ์ สร้าง บำรุงรักษาและพัฒนาวัฒนธรรม 4. มนุษย์ใช้สัญลักษณ์ ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้มนุษย์รุ่นหลัง
4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์   นักทฤษฎีสำคัญ   จี . เอส . มีด  ( G.H. Mead) จี . ซิมเมจ  ( G. Simmel) ดับบลิว . เจมส์  ( W. James) ซี . เอส . คูลเลย์  ( C.H. Cooley) เจ . เอ็ม บาลวิน  ( J.M. Balwin) เจ . ดิววี  ( J. Dewey) ดับบลิว . ไอ . โทมัส  ( W.I. Thomas)
4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์   ระเบียบวิธีวิจัย แม้ว่า ทฤษฎีการกระทำระหว่างกันด้วยสัญลักษณ์จะถูกจัดเป็นทฤษฎีสังคมระดับจุลภาค  (micro level)  แต่เนื้อหาของทฤษฎีก็สามารถขยายไปใช้กับสังคมมนุษย์ดังที่ทราบ การวิจัยสังคมของทฤษฎีนี้จึงนิยมมีสมมติฐานไว้ล่วงหน้าก่อนออกภาคสนามแล้วเก็บข้อมูลมาพิสูจน์สมมุติฐาน เช่นเดียวกับทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยม
4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์   ระเบียบวิธีวิจัย วิธีการเก็บข้อมูลของทฤษฎีนี้คือ การสังเกตการณ์ทั้งที่มีส่วนร่วม  (participant observation)  และไม่มีส่วนร่วม  (non-participant observation)  รวมทั้งการสังเกตโดยไม่เผยตัว  (unobtrusive research)  ซึ่งวิธีต่างๆเหล่านี้อาจรวมเรียกว่าวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ [1] [1]   ดู  งามพิศ  สัตยสงวน  การวิจัยเชิงคุณภาพทางมานุษยวิทยา
5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา   5.1 เนื้อหาและประพจน์ 5.2  ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 5.3  นักทฤษฎีสำคัญ 5.4  สังกัปสำคัญ 5.5  ระเบียบวิธีวิจัย
5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา  มีฐานคติสำคัญว่า มนุษย์เป็นผู้สร้างความหมายต่าง ๆ ในสังคม สร้างความแท้จริงในสังคม นั่นคือ กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในสังคมแล้วทำความเข้าใจร่วมกันและยึดถือเป็นแนวปฏิบัติในการกระทำระหว่างกัน หรือดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันตามแนวความคิดนี้ มนุษย์จึงเป็นตัวสำคัญ เป็นตัวการให้เกิดสิ่งที่ เรียกว่า โครงสร้างสังคม แต่โครงสร้างสังคมที่มนุษย์เองเป็นคนสร้างขึ้นนั้นภายหลังที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้ว ก็อาจมีผลเป็นตัวบังคับเป็นตัวแบบให้มนุษย์ต้องปฏิบัติตามได้ โครงสร้างสังคมจึงไม่ใช่เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมาก่อนอย่างทฤษฎีอื่น แต่เป็นสิ่งที่ตามมาทีหลัง มนุษย์เป็นผลผลิตของมนุษย์
5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา  ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา Phenomenology ปรากฎการณ์นิยม ปรากฎการณ์หนึ่งใดจะมีความหมายอย่างใดย่อมแล้วแต่คนจะมอง คนแต่ละชุมชนหรือเผ่าชน หรือสังคมจะสร้างโลก  ( ความหมาย ความจริง )  ของตนขึ้นมาแล้วดำเนินชีวิตตามแนวที่ตนสร้างขึ้น ดังนั้นจะรู้ว่าสังคมใดมีลักษณะอย่างไร หรือจะเข้าใจสังคมใด จะต้องไปมองสังคมนั้นด้วยสายตามของคนในสังคมนั้น
5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา  เนื้อหาสาระ   สังคมมีลักษณะอย่างไร มีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง ส่วนไหนสำคัญ หรือไม่สำคัญ สำคัญอย่างไร ส่วนไหนสำคัญกว่าส่วนไหน ย่อมขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของคนที่อยู่ในสังคมนั้น
5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา  นักทฤษฎีสำคัญ อัลเฟรด ซุทส์  ( Alfred Schutz) ปีเตอร์ เบอร์เกอร์  ( Peter Berger) ฮาร์โรลว์ กาฟิงเกล  ( Harold Garfinkel) โทมัส ลักซ์มานด์  ( Thomas Luckmann) เอ็ดมันด์ ฮัสเซิร์ล  ( Edmund Husserl)
5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา  ระเบียบวิธีวิจัย   ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยาเป็นทฤษฎีระดับจุลภาค  (micro level)  การเก็บข้อมูลวิจัยจึงเป็นการสังเกตการณ์ ชีวิตของคน ชุมชน หรือองค์การที่เขาศึกษา ทฤษฎีมีวิธีการวิจัยโดยเฉพาะของทฤษฎีเรียกว่า มานุษยวิธี  (ethno methodology)  ซึ่งเป็นวิธีการสังกตุการณ์ชุมชนที่ศึกษาโดยทั่วไปนั่นเอง แต่มีวิธีการเฉพาะที่ทำในมานุษยวิธี คือ การทำให้ชีวิตปกติหยุดชะงักลงชั่วขณะ เพื่อให้คนในชุมชนได้คิดว่า ชีวิตปกติของเขาเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้น นักวิจัยก็จะได้เรียนรู้จากชาวบ้านที่ตนศึกษาว่า สิ่งต่างๆในชีวิตของเขามีอะไรบ้าง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แล้วทำเป็นดรรชนีของเรื่องต่างๆ หรืออีกวิธีหนึ่ง คื อการวิเคราะห์การสนทนาของผู้คนที่ตนศึกษาว่ามีความหมายว่าอะไร เป็นอย่างไร  แล้วจับมาประมวลเป็นเรื่องราวชีวิตสังคมของชุมชนที่ศึกษา รายงานวิจัยถือเป็นกรณีศึกษา ไม่ต้องการสร้างหลักทั่วไป  ( empirical generalization)  เหมือนทฤษฎีอื่น
5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา  ระเบียบวิธีวิจัย   ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยาเป็นทฤษฎีระดับจุลภาค  (micro level)  การเก็บข้อมูลวิจัยจึงเป็นการสังเกตการณ์ ชีวิตของคน ชุมชน หรือองค์การที่เขาศึกษา ทฤษฎีมีวิธีการวิจัยโดยเฉพาะของทฤษฎีเรียกว่า มานุษยวิธี  (ethno methodology)  ซึ่งเป็นวิธีการสังกตุการณ์ชุมชนที่ศึกษาโดยทั่วไปนั่นเอง แต่มีวิธีการเฉพาะที่ทำในมานุษยวิธี คือ การทำให้ชีวิตปกติหยุดชะงักลงชั่วขณะ เพื่อให้คนในชุมชนได้คิดว่า ชีวิตปกติของเขาเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้น นักวิจัยก็จะได้เรียนรู้จากชาวบ้านที่ตนศึกษาว่า สิ่งต่างๆในชีวิตของเขามีอะไรบ้าง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แล้วทำเป็นดรรชนีของเรื่องต่างๆ หรืออีกวิธีหนึ่ง คือการวิเคราะห์การสนทนาของผู้คนที่ตนศึกษาว่ามีความหมายว่าอะไร เป็นอย่างไร  แล้วจับมาประมวลเป็นเรื่องราวชีวิตสังคมของชุมชนที่ศึกษา รายงานวิจัยถือเป็นกรณีศึกษา ไม่ต้องการสร้างหลักทั่วไป  ( empirical generalization)  เหมือนทฤษฎีอื่น

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

การออมและการลงทุน ม.2
การออมและการลงทุน ม.2การออมและการลงทุน ม.2
การออมและการลงทุน ม.2พัน พัน
 
1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ PPT เเก้ไขได้ ล่าสุด.pptx
1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์  PPT เเก้ไขได้ ล่าสุด.pptx1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์  PPT เเก้ไขได้ ล่าสุด.pptx
1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ PPT เเก้ไขได้ ล่าสุด.pptxTinnakritWarisson
 
ใบงานที่ 1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
ใบงานที่ 1  เรื่อง  ตลาดในระบบเศรษฐกิจใบงานที่ 1  เรื่อง  ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
ใบงานที่ 1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจไพบููลย์ หัดรัดชัย
 
ทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารguest6b6fea3
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ กระติบข้าวเก็บความร้อน 17 ก.ย 57
โครงงานวิทยาศาสตร์ กระติบข้าวเก็บความร้อน 17 ก.ย  57โครงงานวิทยาศาสตร์ กระติบข้าวเก็บความร้อน 17 ก.ย  57
โครงงานวิทยาศาสตร์ กระติบข้าวเก็บความร้อน 17 ก.ย 57Chok Ke
 
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้Sutthiluck Kaewboonrurn
 
โครงการปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารโรงเรียนบ้านโคกกลางแก้งน้อยฯ
โครงการปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารโรงเรียนบ้านโคกกลางแก้งน้อยฯโครงการปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารโรงเรียนบ้านโคกกลางแก้งน้อยฯ
โครงการปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารโรงเรียนบ้านโคกกลางแก้งน้อยฯศิริพัฒน์ ธงยศ
 
ตัวอย่าง ปกรายงาน
ตัวอย่าง ปกรายงานตัวอย่าง ปกรายงาน
ตัวอย่าง ปกรายงานSamorn Tara
 
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาบริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาjuriporn chuchanakij
 
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจPannatut Pakphichai
 
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรมการเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรมSupaporn Khiewwan
 
สัปดาห์ที่ 4 โครงสร้างทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 4 โครงสร้างทฤษฎีสังคมวิทยาสัปดาห์ที่ 4 โครงสร้างทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 4 โครงสร้างทฤษฎีสังคมวิทยาSani Satjachaliao
 
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์dnavaroj
 
1 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น copy
1 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น   copy1 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น   copy
1 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น copyKunlaya Kamwut
 
การนำเสนอผลการวิจัย
การนำเสนอผลการวิจัยการนำเสนอผลการวิจัย
การนำเสนอผลการวิจัยNU
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์สมศรี หอมเนียม
 
เรียงความ Is1
เรียงความ Is1เรียงความ Is1
เรียงความ Is1panisra
 
ข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะKodchaporn Siriket
 
หน่วยที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
หน่วยที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยหน่วยที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
หน่วยที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยPaew Tongpanya
 

Was ist angesagt? (20)

แผนการจัดการเรียนรู้ที่๗
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๗แผนการจัดการเรียนรู้ที่๗
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๗
 
การออมและการลงทุน ม.2
การออมและการลงทุน ม.2การออมและการลงทุน ม.2
การออมและการลงทุน ม.2
 
1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ PPT เเก้ไขได้ ล่าสุด.pptx
1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์  PPT เเก้ไขได้ ล่าสุด.pptx1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์  PPT เเก้ไขได้ ล่าสุด.pptx
1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ PPT เเก้ไขได้ ล่าสุด.pptx
 
ใบงานที่ 1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
ใบงานที่ 1  เรื่อง  ตลาดในระบบเศรษฐกิจใบงานที่ 1  เรื่อง  ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
ใบงานที่ 1 เรื่อง ตลาดในระบบเศรษฐกิจ
 
ทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหารทฤษฏีการบริหาร
ทฤษฏีการบริหาร
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ กระติบข้าวเก็บความร้อน 17 ก.ย 57
โครงงานวิทยาศาสตร์ กระติบข้าวเก็บความร้อน 17 ก.ย  57โครงงานวิทยาศาสตร์ กระติบข้าวเก็บความร้อน 17 ก.ย  57
โครงงานวิทยาศาสตร์ กระติบข้าวเก็บความร้อน 17 ก.ย 57
 
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
 
โครงการปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารโรงเรียนบ้านโคกกลางแก้งน้อยฯ
โครงการปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารโรงเรียนบ้านโคกกลางแก้งน้อยฯโครงการปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารโรงเรียนบ้านโคกกลางแก้งน้อยฯ
โครงการปรับปรุงซ่อมแซมโรงอาหารโรงเรียนบ้านโคกกลางแก้งน้อยฯ
 
ตัวอย่าง ปกรายงาน
ตัวอย่าง ปกรายงานตัวอย่าง ปกรายงาน
ตัวอย่าง ปกรายงาน
 
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาบริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
 
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เครื่องชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
 
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรมการเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
 
สัปดาห์ที่ 4 โครงสร้างทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 4 โครงสร้างทฤษฎีสังคมวิทยาสัปดาห์ที่ 4 โครงสร้างทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 4 โครงสร้างทฤษฎีสังคมวิทยา
 
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
 
1 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น copy
1 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น   copy1 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น   copy
1 เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น copy
 
การนำเสนอผลการวิจัย
การนำเสนอผลการวิจัยการนำเสนอผลการวิจัย
การนำเสนอผลการวิจัย
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
 
เรียงความ Is1
เรียงความ Is1เรียงความ Is1
เรียงความ Is1
 
ข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะ
 
หน่วยที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
หน่วยที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทยหน่วยที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
หน่วยที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
 

Andere mochten auch

รายงานการสัมมนาทางสังคมวิทยา กรณีอั้มเนโกะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 53
รายงานการสัมมนาทางสังคมวิทยา กรณีอั้มเนโกะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 53รายงานการสัมมนาทางสังคมวิทยา กรณีอั้มเนโกะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 53
รายงานการสัมมนาทางสังคมวิทยา กรณีอั้มเนโกะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 53rubtumproject.com
 
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยาสัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยาSani Satjachaliao
 
Slide 008
Slide 008Slide 008
Slide 008al-pari
 
งานกลุ่ม Struc Conflict Paradigm
งานกลุ่ม Struc Conflict Paradigmงานกลุ่ม Struc Conflict Paradigm
งานกลุ่ม Struc Conflict ParadigmAuerkarn Benjakoom
 
Quantitive Research 1
Quantitive Research 1Quantitive Research 1
Quantitive Research 1Ultraman Taro
 
โครงการ การออม
โครงการ การออมโครงการ การออม
โครงการ การออมzeenwine
 
ปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ (Friedrich nietzsche)
ปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ (Friedrich nietzsche)ปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ (Friedrich nietzsche)
ปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ (Friedrich nietzsche)Padvee Academy
 
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออกปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออกรมณ รมณ
 
ปรัชญาตะวันตก บทที่ ๕ ปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรื่อง
ปรัชญาตะวันตก บทที่ ๕ ปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรื่องปรัชญาตะวันตก บทที่ ๕ ปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรื่อง
ปรัชญาตะวันตก บทที่ ๕ ปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรื่องPadvee Academy
 
ทฤษฏีไวก็อตสกี้
ทฤษฏีไวก็อตสกี้ทฤษฏีไวก็อตสกี้
ทฤษฏีไวก็อตสกี้Proud N. Boonrak
 

Andere mochten auch (13)

รายงานการสัมมนาทางสังคมวิทยา กรณีอั้มเนโกะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 53
รายงานการสัมมนาทางสังคมวิทยา กรณีอั้มเนโกะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 53รายงานการสัมมนาทางสังคมวิทยา กรณีอั้มเนโกะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 53
รายงานการสัมมนาทางสังคมวิทยา กรณีอั้มเนโกะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 53
 
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยาสัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
สัปดาห์ที่ 1 การเรียนทฤษฎีสังคมวิทยา
 
Research1
Research1Research1
Research1
 
Slide 008
Slide 008Slide 008
Slide 008
 
งานกลุ่ม Struc Conflict Paradigm
งานกลุ่ม Struc Conflict Paradigmงานกลุ่ม Struc Conflict Paradigm
งานกลุ่ม Struc Conflict Paradigm
 
Quantitive Research 1
Quantitive Research 1Quantitive Research 1
Quantitive Research 1
 
โครงการ การออม
โครงการ การออมโครงการ การออม
โครงการ การออม
 
ปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ (Friedrich nietzsche)
ปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ (Friedrich nietzsche)ปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ (Friedrich nietzsche)
ปรัชญาอัตถิภาวนิยมของนิทเช่ (Friedrich nietzsche)
 
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออกปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
ปรัชญาตะวันตก ตะวันออก
 
ทฤษฎีระบบ
ทฤษฎีระบบทฤษฎีระบบ
ทฤษฎีระบบ
 
ปรัชญาตะวันตก บทที่ ๕ ปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรื่อง
ปรัชญาตะวันตก บทที่ ๕ ปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรื่องปรัชญาตะวันตก บทที่ ๕ ปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรื่อง
ปรัชญาตะวันตก บทที่ ๕ ปรัชญากรีกสมัยรุ่งเรื่อง
 
ทฤษฏีไวก็อตสกี้
ทฤษฏีไวก็อตสกี้ทฤษฏีไวก็อตสกี้
ทฤษฏีไวก็อตสกี้
 
แนวข้อสอบ 100 ข้อ
แนวข้อสอบ  100  ข้อแนวข้อสอบ  100  ข้อ
แนวข้อสอบ 100 ข้อ
 

Ähnlich wie สัปดาห์ที่ 5 6 ทฤษฎีสังคมวิทยา แนวคิด

9789740330592
97897403305929789740330592
9789740330592CUPress
 
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่T Ton Ton
 
9789740335146
97897403351469789740335146
9789740335146CUPress
 
สัปดาห์ที่ 7 auguste comte
สัปดาห์ที่ 7 auguste comteสัปดาห์ที่ 7 auguste comte
สัปดาห์ที่ 7 auguste comteSani Satjachaliao
 
9789740329817
97897403298179789740329817
9789740329817CUPress
 
ทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาruttanaphareenoon
 
ทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาruttanaphareenoon
 
ทฤษฏีสนามของรัตนา ภารีนนท์
ทฤษฏีสนามของรัตนา ภารีนนท์ทฤษฏีสนามของรัตนา ภารีนนท์
ทฤษฏีสนามของรัตนา ภารีนนท์ruttanaphareenoon
 
ทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาruttanaphareenoon
 
9789740330660
97897403306609789740330660
9789740330660CUPress
 
Ethics, morality
Ethics, moralityEthics, morality
Ethics, moralityMum Mumum
 
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยการกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยอรุณศรี
 
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยการกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยอรุณศรี
 

Ähnlich wie สัปดาห์ที่ 5 6 ทฤษฎีสังคมวิทยา แนวคิด (20)

9789740330592
97897403305929789740330592
9789740330592
 
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่
 
9789740335146
97897403351469789740335146
9789740335146
 
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษาปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
 
สัปดาห์ที่ 7 auguste comte
สัปดาห์ที่ 7 auguste comteสัปดาห์ที่ 7 auguste comte
สัปดาห์ที่ 7 auguste comte
 
9789740329817
97897403298179789740329817
9789740329817
 
Intro sciproject
Intro sciprojectIntro sciproject
Intro sciproject
 
ทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนา
 
ทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนา
 
ทฤษฏีสนามของรัตนา ภารีนนท์
ทฤษฏีสนามของรัตนา ภารีนนท์ทฤษฏีสนามของรัตนา ภารีนนท์
ทฤษฏีสนามของรัตนา ภารีนนท์
 
ทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนาทฤษฏีสนามของรัตนา
ทฤษฏีสนามของรัตนา
 
โครงสร้างสังคม
โครงสร้างสังคมโครงสร้างสังคม
โครงสร้างสังคม
 
9789740330660
97897403306609789740330660
9789740330660
 
Ethics, morality
Ethics, moralityEthics, morality
Ethics, morality
 
เนื้อหาสรุป Comprehensive หมวด c
เนื้อหาสรุป Comprehensive หมวด cเนื้อหาสรุป Comprehensive หมวด c
เนื้อหาสรุป Comprehensive หมวด c
 
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยการกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
 
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัยการกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
การกำหนดประเด็นปัญหาในการวิจัย
 
งานนำเสนอ Thinking
งานนำเสนอ Thinkingงานนำเสนอ Thinking
งานนำเสนอ Thinking
 
Thinking
 Thinking Thinking
Thinking
 
งานนำเสนอ Thinking
งานนำเสนอ Thinkingงานนำเสนอ Thinking
งานนำเสนอ Thinking
 

Mehr von Sani Satjachaliao

สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)
สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)
สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)Sani Satjachaliao
 
สัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spss
สัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spssสัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spss
สัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spssSani Satjachaliao
 
การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10
การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10
การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10Sani Satjachaliao
 
T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11
T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11
T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11Sani Satjachaliao
 
Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14
Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14
Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14Sani Satjachaliao
 
427 305 week17 relational analysis
427 305 week17 relational analysis427 305 week17 relational analysis
427 305 week17 relational analysisSani Satjachaliao
 
427 305 สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis
427 305  สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis427 305  สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis
427 305 สัปดาห์ที่ 16 correlational analysisSani Satjachaliao
 
สัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลา
สัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลาสัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลา
สัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลาSani Satjachaliao
 
Week 5 scale_and_measurement
Week 5 scale_and_measurementWeek 5 scale_and_measurement
Week 5 scale_and_measurementSani Satjachaliao
 
Research11 conceptual framework
Research11 conceptual frameworkResearch11 conceptual framework
Research11 conceptual frameworkSani Satjachaliao
 
Research9 writing research_report
Research9 writing research_reportResearch9 writing research_report
Research9 writing research_reportSani Satjachaliao
 
Research8 research concept_1_2553
Research8 research concept_1_2553Research8 research concept_1_2553
Research8 research concept_1_2553Sani Satjachaliao
 
Research6 qualitative research_methods
Research6 qualitative research_methodsResearch6 qualitative research_methods
Research6 qualitative research_methodsSani Satjachaliao
 

Mehr von Sani Satjachaliao (20)

สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)
สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)
สัปดาห์ที่ 7 8 (2 dec 2010)
 
สัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spss
สัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spssสัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spss
สัปดาห์ที่ 1 กลุ่ม 2 ทำความรู้จัก spss
 
การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10
การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10
การทดสอบสมมติฐาน สัปดาห์ที่ 10
 
T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11
T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11
T test 8 10 สีปดาห์ ที่ 11
 
Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14
Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14
Elaboration analysis สัปดาห์ที่ 14
 
427 305 week17 relational analysis
427 305 week17 relational analysis427 305 week17 relational analysis
427 305 week17 relational analysis
 
427 305 สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis
427 305  สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis427 305  สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis
427 305 สัปดาห์ที่ 16 correlational analysis
 
สัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลา
สัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลาสัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลา
สัปดาห์ที่ 3 4 5 6 ทำความรู้จัก spss ยะลา
 
Week 9 research_design
Week 9 research_designWeek 9 research_design
Week 9 research_design
 
Week 8 conceptual_framework
Week 8 conceptual_frameworkWeek 8 conceptual_framework
Week 8 conceptual_framework
 
Week 7 conceptual_framework
Week 7 conceptual_frameworkWeek 7 conceptual_framework
Week 7 conceptual_framework
 
Week 6 hypothesis
Week 6 hypothesisWeek 6 hypothesis
Week 6 hypothesis
 
Week 5 scale_and_measurement
Week 5 scale_and_measurementWeek 5 scale_and_measurement
Week 5 scale_and_measurement
 
Week 4 variable
Week 4 variableWeek 4 variable
Week 4 variable
 
Research11 conceptual framework
Research11 conceptual frameworkResearch11 conceptual framework
Research11 conceptual framework
 
Research10 sample selection
Research10 sample selectionResearch10 sample selection
Research10 sample selection
 
Research9 writing research_report
Research9 writing research_reportResearch9 writing research_report
Research9 writing research_report
 
Research8 research concept_1_2553
Research8 research concept_1_2553Research8 research concept_1_2553
Research8 research concept_1_2553
 
Research6 qualitative research_methods
Research6 qualitative research_methodsResearch6 qualitative research_methods
Research6 qualitative research_methods
 
Research4
Research4Research4
Research4
 

สัปดาห์ที่ 5 6 ทฤษฎีสังคมวิทยา แนวคิด

  • 1. สัปดาห์ที่ 5-6 เอกสารประกอบการสอน วิชา 427-303 Sociological Theories ภาคเรียนที่ 1/2553 เรื่อง ทฤษฎีสังคมวิทยา : แนวคิด
  • 3. ลักษณะของทฤษฎีวิทยาศาสตร์ 1. มีสังกัปจำนวนจำกัด 2. คำอธิบายเป็นไปตามหลักเหตุผล (logic) 3. แต่ละทฤษฎีเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ( สังกัปผล )
  • 4. ทฤษฎีสังคมศาสตร์ ทฤษฎีสังคมศาสตร์ (social science theories) เป็นทฤษฎีวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง มีลักษณะทั่วไปเช่นเดียวกับทฤษฎีวิทยาศาสตร์
  • 5. ทฤษฎีสังคมวิทยา ทฤษฎีสังคมวิทยา ( sociological theories) เป็นทฤษฎีวิทยาศาสตร์และทฤษฎีสังคมศาสตร์สาขาหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความสัมพันธ์ทางสังคมหรือความสัมพันธ์ระหว่างคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างความสัมพันธ์ทางสังคมกับสิ่งภายนอก
  • 6. ประเภทของทฤษฎีสังคมวิทยา 1. ทฤษฎีมหภาค (grand theories) 2. ทฤษฎีขนาดกลาง (middle range theories) 3. หลักทั่วไปเชิงประจักษ์ (empirical generalization)
  • 7. 1. ทฤษฎีมหภาค (grand theories) เป็นทฤษฎีขนาดใหญ่ มีสังกัปแต่ละทฤษฎีเป็นจำนวนมาก มีลักษณะเป็นคำบรรยาย (discursive) เรื่องราวหรือความรู้เรื่องต่างๆ เช่น เรื่องสังคมมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ชนชั้นทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม ปัญหาสังคม เป็นต้น
  • 8.
  • 9. 2. ทฤษฎีขนาดกลาง (middle range theories) เป็นทฤษฎีขนาดย่อม มีสังกัปจำนวนจำกัด โดยทั่วไปจะมีสังกัปผลหนึ่งตัว สังกัปเหตุหลายตัว เพราะนักสังคมศาสตร์เชื่อว่า ผลอย่างหนึ่งมาจากเหตุหลายอย่าง จึงสร้างทฤษฎีขนาดกลางขึ้นให้มีตัวผลหนึ่งตัว ตัวเหตุหลายตัว
  • 10. 3. หลักทั่วไปเชิงประจักษ์ (empirical generalization) ทฤษฎีประเภทนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป็นแต่เพียงประพจน์หนึ่งของทฤษฎีขนาดกลางเท่านั้น (proposition) แต่เป็นประพจน์ที่ยังไม่มีทฤษฎีสังกัด มีฐานะเป็นสมมติฐานการวิจัยที่ได้รับการพิสูจน์ความถูกต้องมาแล้วชั้นหนึ่ง จึงมีชื่อว่าหลักทั่วไปเชิงประจักษ์
  • 11. 3. หลักทั่วไปเชิงประจักษ์ (empirical generalization) ตัวอย่างของทฤษฎีประเภทนี้ดูได้จากประพจน์ในทฤษฎีขนาดกลาง เช่น 3.1 การรับนวัตกรรมขึ้นอยู่กับความรู้จักนวัตกรรมนั้น 3.2 การรับนวัตกรรมขึ้นอยู่กับความสามารถรับนวัตกรรมนั้น 3.3 การรับนวัตกรรมขึ้นอยู่กับความเต็มใจรับนวัตกรรมนั้น
  • 12. ทฤษฎีกับการวิจัย Data Analysis Hypothesis Abstract theoretical structure Formulation of concepts and proposition High-level proposition Generalization of empirical data Low-level proposition Data transformation Measurement Instrumentation Observation Inductive Deductive
  • 13. 1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม 1.1 เนื้อหาและประพจน์ 1.2 ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 1.3 นักทฤษฎีสำคัญ 1.4 สังกัปสำคัญ 1.5 ระเบียบวิธีวิจัย
  • 14. 1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม มีฐานคติสำคัญ (Basic Assumptions) ว่า สังคมเป็นเสมือนสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง สิ่งมีชีวิตนี้จะมีส่วนประกอบหลายอย่าง แต่ละอย่างมีหน้าที่เฉพาะจะต้องปฏิบัติเพื่อการคงอยู่ของส่วนสังคมมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นของสังคมรวมกันเข้าก็เป็นโครงสร้างของสังคม
  • 15. 1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา Utilitarianism อรรถประโยชน์นิยม สิ่งใดๆ ที่ปรากฎอยู่แปลว่า มันมีประโยชน์ในที่นี้ใช้ในความหมายเดียวกับ หน้าที่นิยม (functionalism) Positivism ปฏิฐานนิยม ลัทธิที่เชื่อว่าความเป็นจริงมีเท่าที่ทดลองได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ความจริงเป็นสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวมองเห็น จับต้องได้ Realism สัจนิยม สิ่งสากลมีอยู่จริง การรับรู้ของมนุษย์มีเป้าหมายตรงกับความเป็นจริง ตรงข้ามกับอุดมคติเชิงจิตวิสัย (subjective idealism) ซึ่งเชื่อว่า สรรพสิ่งมีอยู่ที่จิต โลกเป็นเพียงมโนภาพในจิต
  • 16. 1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม สาระสำคัญ 1. สังคมทุกสังคมจะต้องมีโครงสร้างซึ่งประกอบด้วยหน่วยต่างๆ 2. แต่ละหน่วยต่างทำหน้าที่ประสานกัน 3. แต่ละหน่วยต่างปฏิบัติหน้าที่เพื่อความคงอยู่ของสังคม 4. แต่ละหน่วยต่างยึดระบบค่านิยมเป็นแนวในการปฏิบัติหน้าที่
  • 17. 1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม นักทฤษฎีสำคัญ ออกัสต์ ก๊องต์ ( August Comte) เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์ ( Herbert Spencer) อีมิล เดอร์ไคว์ม ( Emile Durkheim) บรอนนิสลอส มาสลินนอฟสกิ ( Bronislow Maslinowski) เอ . อาร์ . เรดคริฟฟีบราวน์ ( A.R. Radcliffee-Brown) ทาลคอต พาร์สัน ( Talcott Parsons) อามิไต เอทซิโอนิ ( Amitai Etzioni)
  • 18. 1. ทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่นิยม ระเบียบวิธีวิจัย ระเบียบวิธีวิจัยที่เหมาะกับทฤษฎีนี้ คือ การทดลอง (experiment) และการวิจัยเชิงสำรวจ (survey research)
  • 19. ทฤษฎีภาวะทันสมัย (Modernization) 1. ทฤษฎีภาวะทันสมัยและทฤษฎีระบบราชการของ Max Weber และทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่และทฤษฎีภาวะทันสมัยของ Talcott Parsons 2. ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่และทฤษฎีภาวะทันสมัยของ Gabriel Almond 3. ทฤษฎีภาวะทันสมัยของ Samuel Huntingtun 4. ทฤษฎีการวิเคราะห์ระบบของ David E.Apter 5. ทฤษฎีการวิเคราะห์การเข้าระดมทางสังคมกับการพัฒนาทางการเมืองของ Karl Deutsch
  • 20. 2. ทฤษฎีขัดแย้ง 2.1 เนื้อหาและประพจน์ 2.2 ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 2.3 นักทฤษฎีสำคัญ 2.4 สังกัปสำคัญ 2.5 ระเบียบวิธีวิจัย
  • 21. 2. ทฤษฎีขัดแย้ง มีฐานคติสำคัญว่า สังคมมนุษย์เป็นสังคมที่มีการขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนในสังคม ส่วนกลุ่ม เรียกว่า กลุ่ม “ มี ” กับกลุ่ม “ ไม่มี ” กลุ่มมีเป็นกลุ่มเล็กแต่มีเงิน มีอำนาจหรือเกียรติยศสูงในสังคม จึงสามารถควบคุมหรือบีบบังคับ บางครั้งเอารัดเอาเปรียบกลุ่มไม่มี ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่แต่ไม่มีเงินหรืออำนาจมาต่อรอง สังคมมีระเบียบ ยึดเหนี่ยวกันเป็นสังคมอยู่ได้ก็เพราะการควบคุมบีบบังคับเช่นนี้
  • 22. 2. ทฤษฎีขัดแย้ง ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา Dialectic วิภาษวิธี สิ่งใด ๆ ประกอบด้วยสามส่วน Thesis- antithesis synthesis ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งนั้นๆ อยู่เสมอ Structuralism โครงสร้างนิยม สิ่งใดๆ ประกอบขึ้นด้วยส่วนต่างๆ แต่ละส่วนมีอิทธิพลต่อกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงในส่วนหนึ่ง ย่อมก่อผลกระทบไปยังอีกส่วนหนึ่ง Realism สัจนิยม สิ่งสากลมีอยู่จริง Materialism วัตถุนิยม วัดค่าสิ่งใดด้วยวัตถุหรือเงิน
  • 23. 2. ทฤษฎีขัดแย้ง สาระสำคัญ 1. ทุกหน่วยของสังคมอาจเปลี่ยนแปลงได้ 2. ทุกหน่วยของสังคมเป็นบ่อเกิดของการขัดแย้ง 3. ทุกหน่วยของสังคมมีส่วนส่งเสริมความไม่เป็นปึกแผ่นและการเปลี่ยนแปลง 4. ทุกสังคมจะมีคนกลุ่มหนึ่งควบคุมบังคับคนอีกกลุ่มหนึ่งให้เกิดความเป็นระเบียบในสังคม
  • 24. 2. ทฤษฎีขัดแย้ง นักทฤษฎีสำคัญ จอร์จ เฮเกล (George Hegel) คาร์ล มากซ์ (Karl Mark) เอฟ . เอ็นเจลส์ (F. Engels) ราฟ ดาห์เรนดอฟ (Ralf Dahrendor) เดวิด ล๊อควูด (David Lockwood)
  • 25. 2. ทฤษฎีขัดแย้ง ระเบียบวิธีวิจัย ระเบียบวิธีวิจัยสังคมของทฤษฎีขัดแย้งวิธีหลักก็คือ การวิจัยเอกสาร (documentary research) ผสมผสานกับการวิจัยวิธีอื่น เช่น การสังเกตการณ์โดยไม่มีส่วนร่วม (non-participant observation) รวมทั้งการวิจัยโดยไม่เปิดเผยตัว (unobtrusive research) การวิจัยสังคมของทฤษฎีนี้ต้องอิงทฤษฎีค่อนข้างมาก คือ การมองสังคมในฐานะเป็นปรากฏการณ์ของการขัดแย้งที่ก่อทั้งผลกระทบทางบวก เช่น ทำให้กลุ่มขัดแย้งแต่ละกลุ่มรวมตัวกันเหนียวแน่นขึ้น เพื่อต่อสู้กันอีกกลุ่มหนึ่ง ส่วนผลเสียก็ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองได้ การวิจัยก็จะต้องเก็บข้อมูลมาสนับสนุนทฤษฎี
  • 26. ทฤษฎีพึ่งพิง (Dependency) 1. ทฤษฎีพึ่งพิงของ Guner Frank 2. ทฤษฎีพึ่งพิงของ Fernado Cordoso 3. ทฤษฎีพึ่งพิงของ Gabriel Palma 4. ทฤษฎีพึ่งพิงของ Dos Santos
  • 27. 3. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน 3.1 เนื้อหาและประพจน์ 3.2 ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 3.3 นักทฤษฎีสำคัญ 3.4 สังกัปสำคัญ 3.5 ระเบียบวิธีวิจัย
  • 28. 3. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน มีฐานคติสำคัญว่า มนุษย์แต่ละคนมีความต้องการอะไรหลายอย่างในชีวิต แต่ตัวเองไม่สามารถจะสนองความต้องการของตนเองด้วยตนเองทั้งหมดได้ จะต้องอาศัยผู้อื่นมาช่วยสนองความต้องการเหล่านั้นด้วยจึงจะครบ นอกจากนั้นมนุษย์แต่ละคนยังต้องการผลตอบแทนจากการแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ระหว่างกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
  • 29. 3. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน ดังนั้น เนื่องจากมนุษย์ต้องการสิ่งต่าง ๆ จากผู้อื่น จึงต้องเข้าสู่สัมพันธ์หรือติดต่อกับผู้อื่นและเนื่องจากแต่ละคนต้องการผลประโยชน์ตอบแทนมากที่สุดจากสิ่งที่ตนนำไปแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น จึงจำต้องสร้างกฏเกณฑ์หรือระเบียบแบบแผนในการแลกเปลี่ยนที่ดีมีความยุติธรรมขึ้น ความต้องการกันและกันจึงทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกัน กฎ ระเบียบที่ร่วมกันสร้างขึ้นจะควบคุมความประพฤติของกันและกัน กฎ ระเบียบนี้อำนวยประโยชน์สูงสุดจะช่วยรักษาสัมพันธ์ภาพให้ดำรงอยู่ได้นานและมั่นคง
  • 30. 3. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา Utilitarianism อรรถประโยชน์นิยม ผ่านมาทางสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ Functionalism การหน้าที่นิยม ผ่านมาทางสาขาวิชามานุษยวิทยา Voluntarism เจตจำนงนิยม สมัครใจนิยม ผ่านมาทางสาขาวิชาจิตวิทยาพฤติกรรม
  • 31. 3. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน สาระสำคัญ 1. มนุษย์แต่ละคนมีความต้องการจำเป็น (needs) หลายอย่างในการดำรงชีวิต 2. มนุษย์ติดต่อสัมพันธ์กันเพื่อสนองความต้องการจำเป็นของตน 3. ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน แต่ละคนต้องการมูลค่าสูงสุดสำหรับสิ่งของของตน 4. ความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนจะดำรงอยู่ตราบที่คู่สัมพันธ์คิดว่าตนได้กำไรหรือคิดว่าการแลกเปลี่ยนมีความยุติธรรม
  • 32. 3. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน นักทฤษฎีสำคัญ บี . มาลินอปสกี้ ( B. Malinowski) จี . โฮมานส์ ( G. Homans) เอ็ม . มอสส์ ( M. Mauss) ซี . เลวี สตรวสส์ ( C. Levi-Strauss) พี . เบลา ( P. Blau)
  • 33. 3. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน ระเบียบวิธีวิจัย วิธีการเก็บข้อมูลมาพิสูจน์สมมุติฐานของทฤษฎีการแลกเปลี่ยนเป็นได้ตั้งแต่การวิจัยเอกสาร การวิจัยเชิงสำรวจหรือการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพในรูปของการสังเกตทั้งการสังเกตุโดยมีส่วนร่วม (participant observation) และการสังเกตโดยไม่มีส่วนร่วม (non-participant observation)
  • 34. 4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์ 4.1 เนื้อหาและประพจน์ 4.2 ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 4.3 นักทฤษฎีสำคัญ 4.4 สังกัปสำคัญ 4.5 ระเบียบวิธีวิจัย
  • 35. 4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์ ฐานคติสำคัญว่า มนุษย์ติดต่อกัน ( หรือเรียกว่ามีการกระทำระหว่างกันก็ได้ ) โดยอาศัยสัญลักษณ์เป็นสื่อที่ทำให้เกิดความเข้าใจ สัญลักษณ์ต่างกับสัญญาณ (signal) ซึ่งมีความหมายอย่างเดียว เช่น สัญญาณไฟจราจร สิ่งคง - ห้ามไป แต่สัญลักษณ์แต่ละอันจะมีความหมายได้หลายอย่าง
  • 36. 4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์ ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา Symbolism สัญลักษณ์นิยม สัญลักษณ์ คือ สิ่งที่ใช้แทนสิ่งอื่นได้หลายอย่าง การเข้าใจสัญลักษณ์อย่างหนึ่งต้องอาศัยการตีคามจากความหมายที่ตกลงกันทั่วไป และบริบทขณะนั้น Voluntarism เจตจำนงนิยม มนุษย์มีเสรีที่จะทำหรือไม่ทำสิ่งใดได้ Realism สัจนิยมสิ่งกังวลมีอยู่จริงในโลก
  • 37. 4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์ สาระสำคัญ 1. มนุษย์เป็นสัตว์ที่รู้จักใช้สัญลักษณ์ 2. มนุษย์ใช้สัญลักษณ์สร้างบำรุงรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ทางสังคม 3. มนุษย์ใช้สัญลักษณ์ สร้าง บำรุงรักษาและพัฒนาวัฒนธรรม 4. มนุษย์ใช้สัญลักษณ์ ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้มนุษย์รุ่นหลัง
  • 38. 4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์ นักทฤษฎีสำคัญ จี . เอส . มีด ( G.H. Mead) จี . ซิมเมจ ( G. Simmel) ดับบลิว . เจมส์ ( W. James) ซี . เอส . คูลเลย์ ( C.H. Cooley) เจ . เอ็ม บาลวิน ( J.M. Balwin) เจ . ดิววี ( J. Dewey) ดับบลิว . ไอ . โทมัส ( W.I. Thomas)
  • 39. 4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์ ระเบียบวิธีวิจัย แม้ว่า ทฤษฎีการกระทำระหว่างกันด้วยสัญลักษณ์จะถูกจัดเป็นทฤษฎีสังคมระดับจุลภาค (micro level) แต่เนื้อหาของทฤษฎีก็สามารถขยายไปใช้กับสังคมมนุษย์ดังที่ทราบ การวิจัยสังคมของทฤษฎีนี้จึงนิยมมีสมมติฐานไว้ล่วงหน้าก่อนออกภาคสนามแล้วเก็บข้อมูลมาพิสูจน์สมมุติฐาน เช่นเดียวกับทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยม
  • 40. 4. ทฤษฎีการกระทำด้วยสัญลักษณ์ ระเบียบวิธีวิจัย วิธีการเก็บข้อมูลของทฤษฎีนี้คือ การสังเกตการณ์ทั้งที่มีส่วนร่วม (participant observation) และไม่มีส่วนร่วม (non-participant observation) รวมทั้งการสังเกตโดยไม่เผยตัว (unobtrusive research) ซึ่งวิธีต่างๆเหล่านี้อาจรวมเรียกว่าวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ [1] [1] ดู งามพิศ สัตยสงวน การวิจัยเชิงคุณภาพทางมานุษยวิทยา
  • 41. 5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา 5.1 เนื้อหาและประพจน์ 5.2 ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา 5.3 นักทฤษฎีสำคัญ 5.4 สังกัปสำคัญ 5.5 ระเบียบวิธีวิจัย
  • 42. 5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา มีฐานคติสำคัญว่า มนุษย์เป็นผู้สร้างความหมายต่าง ๆ ในสังคม สร้างความแท้จริงในสังคม นั่นคือ กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในสังคมแล้วทำความเข้าใจร่วมกันและยึดถือเป็นแนวปฏิบัติในการกระทำระหว่างกัน หรือดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันตามแนวความคิดนี้ มนุษย์จึงเป็นตัวสำคัญ เป็นตัวการให้เกิดสิ่งที่ เรียกว่า โครงสร้างสังคม แต่โครงสร้างสังคมที่มนุษย์เองเป็นคนสร้างขึ้นนั้นภายหลังที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้ว ก็อาจมีผลเป็นตัวบังคับเป็นตัวแบบให้มนุษย์ต้องปฏิบัติตามได้ โครงสร้างสังคมจึงไม่ใช่เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมาก่อนอย่างทฤษฎีอื่น แต่เป็นสิ่งที่ตามมาทีหลัง มนุษย์เป็นผลผลิตของมนุษย์
  • 43. 5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา ความคิดพื้นฐานทางปรัชญา Phenomenology ปรากฎการณ์นิยม ปรากฎการณ์หนึ่งใดจะมีความหมายอย่างใดย่อมแล้วแต่คนจะมอง คนแต่ละชุมชนหรือเผ่าชน หรือสังคมจะสร้างโลก ( ความหมาย ความจริง ) ของตนขึ้นมาแล้วดำเนินชีวิตตามแนวที่ตนสร้างขึ้น ดังนั้นจะรู้ว่าสังคมใดมีลักษณะอย่างไร หรือจะเข้าใจสังคมใด จะต้องไปมองสังคมนั้นด้วยสายตามของคนในสังคมนั้น
  • 44. 5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา เนื้อหาสาระ สังคมมีลักษณะอย่างไร มีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง ส่วนไหนสำคัญ หรือไม่สำคัญ สำคัญอย่างไร ส่วนไหนสำคัญกว่าส่วนไหน ย่อมขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของคนที่อยู่ในสังคมนั้น
  • 45. 5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา นักทฤษฎีสำคัญ อัลเฟรด ซุทส์ ( Alfred Schutz) ปีเตอร์ เบอร์เกอร์ ( Peter Berger) ฮาร์โรลว์ กาฟิงเกล ( Harold Garfinkel) โทมัส ลักซ์มานด์ ( Thomas Luckmann) เอ็ดมันด์ ฮัสเซิร์ล ( Edmund Husserl)
  • 46. 5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา ระเบียบวิธีวิจัย ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยาเป็นทฤษฎีระดับจุลภาค (micro level) การเก็บข้อมูลวิจัยจึงเป็นการสังเกตการณ์ ชีวิตของคน ชุมชน หรือองค์การที่เขาศึกษา ทฤษฎีมีวิธีการวิจัยโดยเฉพาะของทฤษฎีเรียกว่า มานุษยวิธี (ethno methodology) ซึ่งเป็นวิธีการสังกตุการณ์ชุมชนที่ศึกษาโดยทั่วไปนั่นเอง แต่มีวิธีการเฉพาะที่ทำในมานุษยวิธี คือ การทำให้ชีวิตปกติหยุดชะงักลงชั่วขณะ เพื่อให้คนในชุมชนได้คิดว่า ชีวิตปกติของเขาเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้น นักวิจัยก็จะได้เรียนรู้จากชาวบ้านที่ตนศึกษาว่า สิ่งต่างๆในชีวิตของเขามีอะไรบ้าง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แล้วทำเป็นดรรชนีของเรื่องต่างๆ หรืออีกวิธีหนึ่ง คื อการวิเคราะห์การสนทนาของผู้คนที่ตนศึกษาว่ามีความหมายว่าอะไร เป็นอย่างไร แล้วจับมาประมวลเป็นเรื่องราวชีวิตสังคมของชุมชนที่ศึกษา รายงานวิจัยถือเป็นกรณีศึกษา ไม่ต้องการสร้างหลักทั่วไป ( empirical generalization) เหมือนทฤษฎีอื่น
  • 47. 5. ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยา ระเบียบวิธีวิจัย ทฤษฎีปรากฎการณ์วิทยาเป็นทฤษฎีระดับจุลภาค (micro level) การเก็บข้อมูลวิจัยจึงเป็นการสังเกตการณ์ ชีวิตของคน ชุมชน หรือองค์การที่เขาศึกษา ทฤษฎีมีวิธีการวิจัยโดยเฉพาะของทฤษฎีเรียกว่า มานุษยวิธี (ethno methodology) ซึ่งเป็นวิธีการสังกตุการณ์ชุมชนที่ศึกษาโดยทั่วไปนั่นเอง แต่มีวิธีการเฉพาะที่ทำในมานุษยวิธี คือ การทำให้ชีวิตปกติหยุดชะงักลงชั่วขณะ เพื่อให้คนในชุมชนได้คิดว่า ชีวิตปกติของเขาเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้น นักวิจัยก็จะได้เรียนรู้จากชาวบ้านที่ตนศึกษาว่า สิ่งต่างๆในชีวิตของเขามีอะไรบ้าง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แล้วทำเป็นดรรชนีของเรื่องต่างๆ หรืออีกวิธีหนึ่ง คือการวิเคราะห์การสนทนาของผู้คนที่ตนศึกษาว่ามีความหมายว่าอะไร เป็นอย่างไร แล้วจับมาประมวลเป็นเรื่องราวชีวิตสังคมของชุมชนที่ศึกษา รายงานวิจัยถือเป็นกรณีศึกษา ไม่ต้องการสร้างหลักทั่วไป ( empirical generalization) เหมือนทฤษฎีอื่น