Internet

อินเตอร์เน็ต
Internet

ประวัติความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต

Internet เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 กาเนิดจาก
องค์การทางทหารของสหรัฐอเมริกาต้องการสร้าง
เครือข่ายที่เชื่อถือได้ จึงได้จัดตั้งระบบ Network
ภายใต้ชื่อว่า ARPAnet (Advance Research
Project Agency)

ความหมายของอินเตอร์เน็ต

Internet หมายถึง Network หรือ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์มาตรฐานที่รวม
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกไว้ภายใต้
มาตรฐานเดียวกัน

โปรโตคอล (Protocal)
TCP/ IP เป็นโปรโตคอลมาตรฐาน เกิดจากมาตรฐาน
2 แบบ คือ
1. IP เป็นระบบแบบ Low - level ใช้เคลื่อนย้าย
ข้อมูล
2. IP เป็นระบบแบบ High – level ใช้แปลข้อมูลที่
ส่งไปให้อ่านรู้เรื่อง

โปรโตคอล (Protocal)
การที่อินเตอร์เน็ตสามารถเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ที่มีความ
แตกต่างกันให้สามารถทางานร่วมกันได้ เนื่องจากใช้โปรโตคอล
เดียวกันในการสื่อสารที่เรียกว่า TCP/ IP (Transmission Control
Protocol / Internet Protocol)
ส่วนโปรโตคอล HTTP (Hypertext Transfer Protocol) ใช้
เข้าถึงบริการเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) เช่น ข้อมูล ภาพ
เคลื่อนไหว ข้อมูลเสียงต่างๆ

IP Address :หมายเลขประจาเครื่อง
“IP Address” เป็นหมายเลขเครื่องคอมพิวเตอร์
แต่ละเครื่องเช่น 136.72.2.21 “Domain
Name System” เป็นการระบุชื่อเครื่องโดยใช้
ตัวอักษรแทนเพื่อสามารถจาได้ง่ายและโอกาสที่จะ
ผิดพลาดมีน้อย เช่น WWW.YAHOO.COM
แทน 204.71.177.75

IP Address :หมายเลขประจาเครื่อง

Internet Protocol Address เป็นหมายเลขสาหรับอ้างอิง
อุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อในโครงข่าย ที่ไม่ซากัน และไม่
ผูกติดกับ Hardware ประกอบด้วย
- ค่าของหมายเลขอุปกรณ์ในเครือข่าย (Host
Address)
- ค่าของหมายเลขเครือข่าย (Network Address)
มีขนาด 32 bit แบ่งเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วน มีค่าตังแต่
0- 255 เครื่องแต่ละเครื่องจะมี IP Address ไม่ซากัน
www.themegallery.com Company Logo

รูปแบบ IP Address
28=256 (0-255)

ตัวอย่าง 203.151.95.120

- แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ๆละ 8 Bit รวม 32 Bit
- เครื่องที่ต่อบนเครือข่ายมีได้ถึง 4 พันล้าน
- ในแต่ละส่วนจะคั่นด้วยจุด (Dot)

Domain Name
เป็นชื่อที่ใช้แทน IP Address เพื่อให้จาง่าย
มีรูปแบบ 2 รูปแบบ
 แบบ 2 ระดับ เช่น yahoo.com
hotmail.com
 แบบ 3 ระดับ เช่น riy.ac.th
yala.go.th

รูปแบบของ Domain Name
ชื่อองค์กร ประเภทองค์กร ประเทศ
yahoo com
sanook com
thaiall net
riy ac th
yala go th


ตัวย่อประเภทองค์กร

com หรือ co : Commercial organization
edu หรือ ac : Education organization
gov หรือ go : Government organization
mil หรือ mi : Milliary organization
net : Network organization
org หรือ or : Non-commercial organizatin

ชื่อย่อประเทศ

au : ออสเตรเลีย ca : แคนาดา
dk : เดนมาร์ค ru : รัสเซีย
it : อิตาลี jp : ญี่ปุ่น
th : ไทย tw : ไต้หวัน
in : อินเดีย uk : อังกฤษ
fr : ฝรั่งเศส us : สหรัฐ
สาหรับประเทศ USA ไม่ต้องใส่ส่วนขยายนี้ก็ได้

บริการบนอินเตอร์เน็ต
 World Wide Web :บริการข้อมูลมัลติมีเดีย
 E-mail :จดหมายอีเล็กทรอนิกส์
 FTP : บริการรับส่งไฟล์
(FTP : File Transfer Protocol)
 Telnet : บริการสื่อสารระหว่างเครื่อง
 บริการค้นหาข้อมูล


Electronics Mail (E-mail) หรือไปรษณีย์
อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล เป็นบริการรับส่งจดหมายใน
รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยสามารถส่งได้ทั้งข้อความ และ
ไฟล์ต่างๆ ซึ่งผู้รับและผู้ส่งต้องมีที่อยู่อีเมล (E-mail
Address) เช่น ds2476@hotmail.com
เป็นต้น


การสื่อสารในเวลาจริง (real-time
communication)
เป็นการสื่อสารโต้ตอบกลับได้ทันทีผ่านเครือข่ายการ
สื่อสาร สามารถส่งเป็นข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว
เสียง ไปยังผู้รับ ในการสื่อสารนี้ผู้ใช้จะต้องเข้าใช้ระบบ
ในเวลาเดียวกัน และข้อความจะถูกส่งจากผู้ใช้คนหนึ่ง
ไปยังผู้ใช้ทุกคนในกลุ่มได้ เช่น การแชท ห้องคุย และ
วอยซ์โอเวอร์ไอพี

เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม (social
networking Web sites)
เป็นชุมชนออนไลน์ที่สมาชิกในชุมชนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน โดย
มีเป้าหมายในการเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้ โดยอาจเชื่อมโยงผ่าน
กิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่ผู้ใช้มีความสนใจร่วมกัน เช่น การ
แบ่งปันวีดิทัศน์ การเล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ที่ได้รับ การแสดง
ความรู้สึกความคิดเห็น ฯลฯ เช่น Facebook, myspace,
Linkedin, hi5 และ GotoKnow เป็นต้น


พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (electronic
commerce หรือ e-commerce) เป็น
การทาธุรกรรมซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้าและ
บริการบนอินเตอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์เป็นสื่อในการ
นาเสนอสินค้าและบริการต่างๆ รวมถึงการติดต่อกัน
ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทาให้ผู้เข้าใช้บริการจากทุกที่ทุก
ประเทศ หรือทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงร้านค้าได้ง่าย
และตลอด 24 ชั่วโมง

URL : Uniform Resource Locator
 โปรโตคอล://ชื่อโฮสต์.ชื่อโดเมน/ชื่อไฟล์
 โปรโตคอล http ใช้กับบริการ www
ftp ใช้กับบริการ FTP
 ชื่อ Host คือชื่อเครื่องที่ให้บริการ (Server)
 ชื่อ Domain เป็นชื่อที่ใช้แทน IP Address
 ชื่อ File เป็นระบุชื่อและตาแหน่งไฟล์

ตัวอย่าง URL
 http://www.riy.ac.th
 http://raman.riy.ac.th
 http://wangpaya.riy.ac.th
 http://www.hotmail.com
 http://www.thaiall.net
 ftp://ftp.riy.ac.th

อะไรเป็นอะไรใน WWW (1)
ภาษา HTML (HyperText Markup Lauguage)
 เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ เขียนเพื่อเสนอข้อมูลบน web

 เป็นภาษาที่เขียนง่ายเพราะมีเครื่องมือช่วยมาก

 ทา Link เชื่อมโยงได้ง่าย

 สามารถเสนอข้อมูลแบบ Multimedia

ภาษาที่ใช้เขียนเว็ป ได้แก่ ภาษา HTML, Perl, CGI, Asp, Php,
Java script
โปรแกรมสาเร็จรูปที่ใช้ในการเขียนเว็ป ได้แก่ Dreamweaver,
Frontpage, Namo, Notepad


Web page
 หมายถึงเอกสารที่เขียนขึ้นด้วยภาษา HTML

 ข้อมูลแต่ละเรื่องอาจจะประกอบด้วย web page

หลายหน้า
 เอกสารข้อมูลแต่ละหน้า อาจมีทั้ง ตัวอักษร ภาพนิ่ง

ภาพเคลื่อนไหว และเสียง

Home page
 หมายถึงเอกสารหน้าแรกของ web page
แต่ละเรื่อง (เหมือนปกหนังสือ)
 อาจมีรายละเอียด ว่าข้อมูลนั้นเป็นเรื่องใด

 อาจมีเมนูหรือหัวข้อต่างๆ ให้เลือก

(เหมือนสารบัญ)

Web site
 เป็นที่เก็บ web page อาจเรียกว่า web server หรือ
web site
 เป็นตัวเครื่องที่เก็บข้อมูลที่เป็น web page ขององค์กร

และต่ออยู่ในระบบเพื่อให้บริการ
 มักจะตั้งชื่อเป็นชื่อขององค์กร เช่น สานักงงานสภา
สถาบันราชภัฏ จะชื่อว่า rajabhat.ac.th

Web Browser
 คือโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่กับเครื่องของ User
 ใช้สาหรับอ่านและแสดงผล web page ที่เขียนขึ้นจาก

ภาษา HTML
 ตัวอย่างโปรแกรม Netscape Navigator,

Internet Explorer (IE), Mozilla Firefox, Opera,
Google Chome, Apple Safari เป็นต้น


Web Hosting
 เป็นการให้บริการพื้นที่สาหรับสร้าง และจัดเก็บ
เว็บไซต์ของหน่วยงาน หรือบุคคลทั่วไป เพื่อให้
บุคคลอื่นเข้าถึงได้ผ่านอินเตอร์เน็ต


การติดต่อขอใช้บริการอินเตอร์เน็ต

ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อขอใช้บริการ
อินเตอร์เน็ตได้จาก ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต
ที่เรียกว่า ISP (Internet Service Provider)


บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับ Internet

(1) เว็บมาสเตอร์ (webmaster) =ผู้จัดการเว็บไซต์
(2) เว็บโปรแกรมเมอร์ (web programmer) =ผู้เขียนโปรแกรมบน
อินเตอร์เน็ต
(3) เว็บดีไซเนอร์ (web designer) =ผู้ออกแบบ home page / web page
(4) เจ้าหน้าที่ Document Operator =เจ้าหน้าจัดเตรียมข้อความ และ
รูปภาพ สาหรับออกแบบหน้าเว็บ
(5) ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ต (User)
(6) ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP: Internet Service Provider)
(7) ผู้รับจดทะเบียนชื่อโดเมน (Domain name)


โปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์
ขณะใช้งานอินเตอร์เน็ตมักมีโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์แฝงมากับ
ข้อมูลที่อยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โปรแกรมลักษณะนี้เรียกว่า “มัลแวร์”
(malware) เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทาลาย หรือรบกวนระบบ
คอมพิวเตอร์ โดยแบ่งออกได้หลายชนิด
ไวรัส (virus) เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนขึ้นเพื่อสร้างความ
ราคาญให้กับผู้ใช้งาน และอาจร้ายแรงถึงขั้นทาลายระบบคอมพิวเตอร์ให้
เสียหายทั้งระบบ โดยจะทาการแนบโปรแกรมแปลกปลอมเข้าไปกับ
โปรแกรมอื่น แล้วแพร่กระจายตัวเองจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่อง
อื่นๆ โดยผ่านการบันทึกข้อมูล เช่น แฟลชไดร์ฟ หรือผ่านเครือข่าย
คอมพิวเตอร์

เวิร์ม (worm) หรือหนอนคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมแปลกปลอมที่
สามารถคัดลอกตัวเองแล้วส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทันที โดยอาศัย
การเจาะผ่านช่องโหว่ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรืออินเตอร์เน็ตที่ไม่มีการ
ป้องกันที่ดีพอ โดยจะเข้าไปกีดขวางการทางานของระบบปฏิบัติการของ
เครื่องคอมพิวเตอร์ให้ช้าลง หรือหยุดทางาน
ม้าโทรจัน (trojan horse) เป็นโปรแกรมแปลกปลอมที่ผ่านเข้าสู่
ระบบคอมพิวเตอร์โดยการแอบแฝงตัวเองว่าเป็นโปรแกรมอื่น เช่น หลอกให้
ผู้ใช้เข้าใจว่าเป็นโปรแกรมเกม หรือโปรแกรมสกรีนเซิร์ฟเวอร์ ที่ให้ผู้ใช้
ดาวน์โหลดฟรีจากอินเตอร์เน็ต เมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดโปรแกรมนี้เข้าสู่
เครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว อาจจะมีไวรัสซึ่งติดมากับม้าโทรจันนี้เข้าไปทาความ
เสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์ได้


สปายแวร์ (spyware) เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาให้
คอยติดตาม บันทึกข้อมูลส่วนบุคคล รายงานข้อมูลการใช้งานของ
ผู้ใช้แต่ละคนบนอินเตอร์เน็ต หรือทาการเปลี่ยนการตั้งค่าของ
โปรแกรมเบราว์เซอร์ใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดความราคาญ และทาให้
ประสิทธิภาพการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ช้าลง
แอดแวร์ (adware) เป็นโปรแกรมแอบแฝงที่เมื่อโปรแกรม
ได้รับการดาวน์โหลดหรือมีการติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์
เรียบร้อยแล้ว จะแสดงหน้าต่างป๊อบอัพ (pop-up) ที่มีการ
โฆษณาสินค้าออกมาเป็นระยะๆ โดยอัตโนมัติ



สแปม (spam) เป็นการใช้ระบบส่งอีเมลในการส่ง
ข้อความที่ไม่พึงประสงค์ ให้กับผู้ใช้เป็นจานวนมา สแปม
ที่พบบ่อย คือ การส่งข้อความโฆษณาขายสินค้า บริการ
ท่องเที่ยว ชักชวนประกอบอาชีพที่มีรายได้สูง ผ่านระบบ
อีเมลที่เรียกว่า เมลขยะ (junk mail)


ผลกระทบจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต
1. ปัญหาสุขภาพและความสัมพันธ์ทางสังคม
2. ปัญหาอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มีผู้ใช้
อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางในการก่ออาชญากรรมหลาย
รูปแบบ เช่น เจาะระบบรักษาความปลอดภัย ขโมย
ข้อมูลส่วนบุคคล เผยแพร่ภาพอนาจาร เป็นต้น
3. ปัญหาการล่อลวงในสังคม


ประโยชน์ของ Internet
1. สามารถค้นหาข้อมูลข่าวสารได้ทั่วโลก
2. สามารถใช้ Internet ในการส่งจดหมาย E-mail ได้ทั่วโลก
3. สามารถสนทนากับผู้ใช้ Internet ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
4. สามารถทาธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตได้โดยการทา E-Commerce ได้
5. สามารถทาการ Download ข่าวสารหรือรูปภาพต่าง ๆ ได้
6. สามารถเล่นเกมในรูปแบบความจริงเสมือนได้
7. ประหยัดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการติดต่อสื่อสาร
8. สร้างภาพพจน์ให้กับองค์กรทางด้าน IT


บัญญัติ 10 ประการในการใช้งานคอมพิวเตอร์
1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทาร้ายผู้อื่น เช่น ไม่ควรโพสต์ข้อความกล่าวหาบุคคลอื่น
ในเว็บบอร์ด ให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ไม่ควรโพสต์รูปภาพอนาจาร
2. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์รบกวนผู้อื่น เช่น เปิดฟังเพลงด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ
เล่นเกมรบกวนผู้อื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
3. ต้องไม่เปิดดูไฟล์ของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาต เช่น แอบเปิดอ่านอีเมลของเพื่อน
4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการโจรกรรมข้อมูล ข่าวสาร เช่น การแอบเจาะระบบ
เพื่อขโมยข้อมูลการค้างของบริษัท ขโมยรหัสบัตรเครดิต
5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานเท็จ เช่น การแอบเจาะระบบเพื่อเปลี่ยนแปลง
คะแนน
6. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการคัดลอกหรือใช้โปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับ
อนุญาต เช่น ดาวน์โหลดโปรแกรมลิขสิทธิ์มาใช้ โดยมีโปรแกรมแก้ไขเพื่อให้
ใช้งานได้

บัญญัติ 10 ประการในการใช้งานคอมพิวเตอร์
7. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเอง
ไม่มีสิทธิ์ เช่น ไม่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือไม่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับ
สิทธิ์ในการเข้าใช้
8. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อนาเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
9. ต้องคานึงถึงผลกระทบที่เกิดจากโปรแกรมที่ตัวเองพัฒนาขึ้น
10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์ โดยเคารพกฎ ระเบียบ กติกา และมารยาทของสังคมนั้น


Internet

Empfohlen

Empfohlen

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

Was ist angesagt? (20)

Ähnlich wie Internet

Ähnlich wie Internet (20)

Mehr von Supatra Thomya

Mehr von Supatra Thomya (8)

Internet