More Related Content Similar to #7 net app (15) More from Saran Yuwanna (20) #7 net app1. NetApp
เน็ตแอพ ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมสตอเรจแบบยูนิไฟน์สามารถรองรับการเชื่อมต่อได้ทุกแบบและผู้นาโซลูชั่นการบริหาร
ข้อมูลแบบล้ายุค ช่วยผลักดันธุรกิจของท่านพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพการทางานในด้านการลดต้นทุน
อย่างโดดเด่น ท่านสามารถค้นหาพลังที่อยู่เบื้องหลังความสาเร็จของเน็ตแอพ ในการช่วยบริษัททั่วโลกให้ก้าวหน้าได้
อย่างรวดเร็วที่ www.netapp.com
หากพูดถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหรือสตอเรจแล้ว แนวโน้มการนาเอาโซลูชั่นเครือข่ายมาผสานกันเข้าด้วยกันกาลังเป็น
เรื่องที่น่าสนใจ เพราะจะทาให้องค์กรและผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว และ เป็นการใช้ทรัพยากรไอทีแบบมี
ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น NAS: Network Attached Storage หรือ SAN: Storage Area Network เพราะแนวโน้มของ
องค์กรต่างๆ นับวันจะเปิดให้พนักงานสามารถ ทางานจากภายนอกบริษัท หรือที่บ้านได้มากขึ้น เพราะช่วยให้องค์กร
ลดค่าใช้จ่าย ในสภาวะที่ราคาน้ามันแพง ทาให้ค่าเดินทางต่างๆ สูงขึ้น
และเมื่อพูดถึงระบบ NAS ชื่อของบริษัท เน็ตแอพ ก็คงเป็นที่รู้จักของบรรดาคนไอทีอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ด้วยความที่
เป็นบริษัทที่โดดเด่น ในเรื่องของเทคโนโลยีการจะเก็บข้อมูล และเครือข่าย
จุดแข็งของเน็ตแอพ
เน็ตแอพเป็นบริษัทที่มีความพร้อมในเรื่องผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเพื่อการนาเสนอให้แก่ลูกค้า ในรูปแบบโซลู
ชันเพื่อการจัดการเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานให้เหมาะสมกับองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก
ไปจนถึงขนาดใหญ่
เน็ตแอพมีความพร้อมทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่มีการนาเสนอถึงลูกค้าในรูปแบบโซลูชั่น ทาให้
การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานได้เหมาะสมกับทุกๆ องค์กร
“ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ลูกค้าของเน็ตแอพจะได้รับฟีเจอร์ที่เหมือนกัน ทาให้ลูกค้าสามารถ
ค่อยๆ ขยายการลงทุนสตอเรจได้ตามความต้องการ ไม่จาเป็นต้องลงทุนระบบเผื่อเอาไว้ ทาให้การลงทุนมีความ
คุ้มค่ามากที่สุด”
กลยุทธ์
เน็ตแอพใช้กลยุทธ์นวัตกรรมสตอเรจที่ไม่เหมือนใครในตลาด กิจกรรมการตลาด รวมถึงการขยายพาร์ตเนอร์
สามารถมัดใจองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ได้อยู่หมัด
สาหรับตลาดสตอเรจในประเทศไทย เน็ตแอพใช้โซลูชั่นคุ้มค่าบุกตลาด
2. เทคโนโลยีของเน็ตแอพ
ใช้ระบบการทางานแบบเสมือน Virtualization ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ด้วยคุณสมบัติของมาตรฐานเทคโนโลยี 4
องค์ประกอบหลัก เช่น
1. Thin Provisioning— ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานสตอเรจด้วย NetApp FlexVol? ด้วยการรวมความจุ
ของสตอเรจที่มีอยู่แต่ไม่ได้ใช้งานทั้งหมดเข้าด้วยกันและแบ่งปันการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในกลุ่ม
แอพพลิเคชั่นทั้งหลายเมื่อต้องการ
2. Deduplication— กาจัดความซ้าซ้อนของข้อมูลในระดับ Primary การทา Archive และการ backup ได้
อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพื่อให้การลงทุนด้านสตอเรจมีประโยชน์สูงสุด และสามารถใช้งานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพสูงสุด
3. RAID-DP— การ์ดป้องกันข้อมูลจากความเสียหายของดิสก์สองตัวด้วย RAID-DP ซึ่งการติดตั้ง RAID 6
ของเน็ตแอพ (NetApp) ที่ช่วยปกป้องข้อมูลโดยไม่ทาให้ประสิทธิภาพลดลง แม้จะเป็นแอพพลิเคชั่นที่ทางาน
หนักที่สุดก็ตาม ทั้งนี้ RAID-DP มีคุณสมบัติที่ปกป้องข้อมูลด้วยประสิทธิภาพการทางานที่สูงกว่า RAID 10 โดย
ไม่ได้สร้างภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
4. Snapshot—กูคืนข้อมูลอย่างรวดเร็ว โดยการทาสาเนาเพียงเสี้ยวนาที และการป้องกันข้อมูลที่ดีกว่า โดยไม่มี
้
ผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทางานของระบบ นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้พื้นที่บนสตอเรจ
3. มีนวัตกรรมแบบยูนิฟายสามารถรองรับการเชื่อมต่อได้ทุกแบบ และมีโซลูชันการบริหารข้อมูลมาให้ด้วย ทาให้ NetApp มี
ความแตกต่างจากบริษัทสตอเรจที่มีอยู่ในตลาด (Net App มีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์)
ปัจจัยที่ทาให้ NetApp เป็นที่นาร่วมงานด้วย อันดับ 1
่
แนวทางการบริหาร
ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัท
ให้ความสาคัญกับพนักงาน
จุดแข็งในวัฒนธรรมระดับโลกของบริษัท
เรื่องของทีมเวิร์ค
ประสิทธิภาพในการทางาน
ความเป็นผู้นา และนวัตกรรม
ดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ
นาเสนอผลตอบแทนที่เหนือกว่าให้แก่ผู้ถือหุ้น
Company growth
มีมืออาชีพเข้ามาบริหาร
สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เสมอภาค
การสื่อสารไปยังพนักงานทุกระดับ
ให้ความสาคัญกับการใช้ชีวิตของพนักงาน
สนับสนุนให้บริษัทในแต่ละประเทศทาเรื่อง Social Responsibility
ให้ความสาคัญกับการอบรมพนักงาน
Value ของเน็ตแอพนันมีด้วยกัน 6 ข้อ
้
1. ความซื่อสัตย์ เชื่อถือได้
2. มีความเป็นผู้นาในการทางานทีมเวิร์ค
3. ทาทุกสิ่งให้ง่าย เช่น การจะพูดคุยกับ CEO สามารถอีเมล์หาได้เลย
4. มีความเป็นทีมเวิร์ค
5. ทาอะไรก็แล้วแต่ให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุด
6. ทาทุกอย่างให้สาเร็จ
4. ผลการสารวจทีทาให้ NetApp เป็นอันดับ 1
่
100%
95%
90%
85%
80%
75%
ความรู้ ความสุข เปิดกว้างทาง
วัฒนธรรม สมาชิก น่าทางาน
อยากมาทางาน ความคิด
NetApp 95% 91% 93% 92% 93%
Other 90% 82% 91% 86% 90%
ลูกค้าของ NetApp
คู่แข่งของ NetApp
5. เพราะอะไรบริษัท NetApp จึงเป็นนายจ้างที่ดีทสุด
ี่
“NetApp เป็นบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ
การจัดการและการเก็บข้อมูล รายได้ในปี
2009 เท่ากับ 3.5 พันล้านดอลลาร์ มี
พนักงานทั้งหมด 8,000 คน”
ผู้บริหารสูงสุดได้กล่าวไว้ว่า “ผมเชื่อว่าผม
ต้องการทาบริษัทที่เป็นสถานที่ทางานที่ดี”
และด้วยความที่เป็นผู้ที่เชื่อในความศรัทธา
เขาจะเริ่มจาก เราจะลงทุนในเรื่องอะไร เรา
จะให้เวลาในเรื่องใดเป็นสิ่งสาคัญ และเขา
เชื่อว่าสิ่งนี้จะตอบแทนกลับมาในแง่บวกเชิงเศรษฐกิจ และความเป็นบวกในเรื่องของการจ้างงานในสถานที่ทางานไม่ใช่
เรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า “เมื่อคุณทาหลายๆอย่างเวลาจ้างใครสักคนแล้ว จะให้ผลผลิตที่มากขึ้น 10%” คุณแค่ต้องเชื่อว่า
สิ่งที่คุณทาทั้งหมดจะได้รับการตอบรับในเชิงบวก สาหรับผมนั้นรากฐานคือเชื่อมั่นในศรัทธามากกว่าการบังคับ พวกเขา
บอกว่า “มันดูมีเหตุผลที่จะพยายามทาให้บริษัทเป็นแบบนั้น”
บางอย่างที่คุณเห็นเมื่อคุณเดินไปรอบๆ คุณจะพบโรงยิมเนื่องจากเราพบความต้องการที่จะออกกาลังกายของผู้คน ชั้น
เรียนโยคะ เล่นเรือบังคับในสระน้า วอลเล่ย์บอล พวกนี้เป็นบางสิ่งที่คุณจะพบเห็นเมื่อพวกเขาอยากออกกาลังกาย คุณ
ยังคงเห็นสภาพแวดล้อมหลายๆอย่าง ผู้คนขี่รถจักรยานมาทางาน คุณจะเห็นรถพลังงานไฟฟ้าที่เรามี สถานีเติมพลังงาน
ให้รถไฟฟ้า ตู้เก็บของส่วนตัว จักรยาน เหตุผลหนึ่งที่เราเลือกสถานที่ที่สามารถเดินข้ามถนนจากทางรถไฟได้อาจเป็น
เหตุผลที่ผู้คนเลือกมาทางานที่นี่ (ที่ทางานอยู่ติดสถานีรถไฟ)
ผมเชื่อว่าเมื่อคุณกระตุ้นผู้คนที่สนุกกับสิ่งที่เขากาลังทาอยู่ และภูมิใจในสิ่งที่เขาทา เขาจะทาอีกมากกว่า 10 ครั้ง ผมไม่
ทราบว่าคุณเคยมีประสบการณ์แบบนี้รึเปล่า ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม มันไม่มีอะไรสาเร็จสักอย่าง ผมเคยทาที่นั่นและ
ทาทั้งวัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กับอีกกลุ่มหนึ่งมีเรื่องน่าประหลาดใจเกิดขึ้น อะไรคือสิ่งที่แตกต่างกัน สิ่งที่แตกต่างกันคือ
พวกเขารู้สึกดีและรุ้สึกมีแรงบันดาลใจ มันคือเวทมนต์ คุณรู้ไหม เมื่อคุณคิดว่าคุณเคยอยู่ในกลุ่มแบบนั้น อะไรที่ทาให้กลุ่ม
รู้สึกอย่างนั้น หัวหน้าเข้าใจคุณ คุณเข้าใจเป้าหมายของบริษัท สิ่งเหล่านี้กระตุ้นผู้คนไปยังสิ่งที่ซับซ้อน นี่เป็น
สภาพแวดล้อมที่พวกเรากาลังพยายามจะสร้างขึ้นมา ”
ผมเชื่อว่าทางหนึ่งที่คุณจะสร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกดีเกี่ยวกับการทางาน จะช่วยพวกเขาจากความต้องการของ
เขาได้ หนึ่งในโปรแกรมได้แก่อาสาสมัครหยุดงาน เราอนุญาตให้หยุดงาน 5 วัน สาหรับงานที่ต้องใช้สมอง ไม่ว่าคุณจะใส่
ใจในเรื่องอะไรเพื่อที่จะทามันให้สาเร็จ และมันน่าสนใจเพราะว่า บางเวลาคนเราทาอะไรคนเดียวแต่พนักงานส่วนมากจะ
6. เริ่มจับกลุ่มกันและบอกว่านี่คือกลุ่มคนที่ใส่ใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ตัวอย่างในเรื่องนี้เช่น เรามี 65 คนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม
เพื่อร่วมกันทาในเรื่องของกองทุนอาหารและบางครั้งก็นาไปสู่สิ่งอื่น พื้นที่หนึ่งเรามีคนที่ว่างงานที่เป็นลูกชายของคนที่เป็น
ออทิสติกและใช้เวลาส่วนมากไปกับโปรแกรมการพัฒนาส่วนบุคคลและนั่นกลายมาเป็นพื้นที่ที่บริษัทจะใช้สร้าง
ผลประโยชน์
ท้ายที่สุดเราต้องการที่จะสร้างบางอย่าง เราต้องการจะสร้างบางสิ่งที่จะอยู่กับบริษัทไปนานๆ และผมคิดว่าเมื่อคุณสร้าง
ตัวเลือกนี้ขึ้นมา สิ่งอื่นจะเกิดขึ้นมากมายคุณไม่สามารถเพียงแค่เน้นไปที่ส่วนหนึ่งหรืออะไรก็ตามที่เป็นกาลังผลิตของ
บริษัท คุณต้องเน้นไปที่คน จะดึงดูดพวกเขาอย่างไร จะสร้างสถานที่อย่างไรให้พวกเขาอยากอยู่ ผมคิดว่าความสัมพันธ์
ของสิ่งต่างๆ มันปรากฏออกมาจากตาแหน่งหนึ่งที่คุณสร้างบางสิ่งขึ้นมาสาหรับการทาธุรกิจระยะยาว
7. เน็ตแอพ (NetApp) การันตีลูกค้าลดการใช้สตอเรจถึง 50%
เน็ตแอพ (NetApp) การันตีลูกค้าทั่วโลก โดยลูกค้าที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ของเน็ตแอพ (NetApp) สาหรับระบบเวอร์ชวล
ระดับเดสก์ทอปและเซิร์ฟเวอร์จะได้รับสิทธิประโยชน์จากโปรแกรมดังกล่าว ซึ่งหากลูกค้าประหยัดเนื้อที่ไม่ถึง 50%
หลังจากดาเนินการตามขั้นตอนของเน็ตแอพ (NetApp) แล้วเน็ตแอพ (NetApp) ยินดีชดเชยความจุสตอเรจให้เพิ่ม
เทียบเท่ากับส่วนที่เกิน 50% โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้จากการประเมินของอุตสาหกรรม การใช้งานสตอเรจโดยเฉลี่ยมีประมาณ 25-40% ซึ่งหมายความว่าหน่วยงานด้านไอ
ทีใช้พื้นที่สตอเรจไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากของที่ซื้อมา นอกจากนี้ข้อมูลที่บันทึกบนดิสก์ส่วนใหญ่ก็มักจะซ้า ๆกัน โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในโลกของเวอร์ชวลเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งมีระบบปฏิบัตการและแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ตัวเดียวกันก็มักจะจัดเก็บซ้า ๆกันใน
ิ
เครื่องแต่ละเครื่องนั่นไม่เพียงแต่เป็นการสูญเสียสตอเรจเท่านั้นยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและพื้นที่ติดตั้งสตอเรจอีก
ด้วย ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่ทาให้ค่าใช้จ่ายด้านไอทีสูงขึ้น
เน็ตแอพ (NetApp) มีความเชี่ยวชาญมายาวนานในเรื่องการขจัดความไร้ประสิทธิภาพของดาต้าเซ็นเตอร์ของลูกค้าให้
หมดไป ด้วยความเชี่ยวชาญและการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง พิสูจน์แล้วว่าลูกค้าเน็ตแอพ (NetApp) สามารถลด
เนื้อที่สตอเรจได้ถึง 50% แม้จะเป็นระบบสตอเรจแบบเดิมที่
8. Gartner Magic Quadrant for Midrange Enterprise
เน็ตแอพได้รับการจัดอันดับจากการ์ทเนอร์ อิงค์ (Gartner, Inc.) ให้อยู่ในกลุ่มผู้นา (Leaders) สาหรับผลิตภัณฑ์ดิสก์
อาเรย์ระดับองค์กรเอ็นเตอร์ไพส์ขนาดกลาง Magic Quadrant for Midrange Enterprise Disk Arrays
“ผู้ผลิตที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้นาจากการจัดอันดับ เมจิก ควอแดรนท์ ได้รับคะแนนสูงสุดสาหรับความสามารถในการดาเนินงาน
และความสมบูรณ์ของวิสัยทัศน์ ผู้ผลิตดิสก์อาเรย์สตอเรจขนาดกลางที่จั ดอยู่ในกลุ่มผู้นานี้มีส่วนแบ่งตลาด ความ
น่าเชื่อถือ และความสามารถด้านการขายและการตลาดที่จาเป็นสาหรับการผลักดันการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ โดยผู้ผลิต
เหล่านี้มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการของตลาด ทั้งยังสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นผู้ นาทาง
ความคิด และมีแผนงานที่ชัดเจนซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้อ้างอิงในการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและกลยุทธ์สาหรับ
การจัดเก็บข้อมูลภายในองค์กร นอกจากนี้ ผู้ผลิตที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้นายังเปิดดาเนินงานในภูมิภาคหลักๆ ทั้งห้าภูมิภาค มี
ผลประกอบการที่เสมอต้นเสมอปลาย และสนับสนุนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย”
9. IT as a Service (ITaaS)
ผลิตภัณฑ์ของเน็ตแอพ ได้ผนวกรวมเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Thin Provisioning, Deduplication, RAID-DP®,
Snapshot, ซึ่งล้วนเป็นคุณสมบัติมาตรฐานของเน็ตแอพทั้งสิ้น ที่สามารถทาให้การบริหารจัดการข้อมูลในองค์กรเป็นไป
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อเร็วนี้ๆ เน็ตแอพ ได้แนะนา Data ONTAP® 8 พร้อมด้วยเทคโนโลยีและโซลูชั่นใหม่ๆ
รองรับโครงสร้างพื้นฐานสาหรับระบบคลาวด์ (Cloud) สาหรับปัจจุบันและอนาคต โดยจะช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนา
ปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์และเปลี่ยนย้ายไปสู่ การนาเสนอไอทีในรูปแบบของบริการ IT delivered as a service (ITaaS)
ถือเป็นผู้นาในการนาเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความคุ้มค่าต่อการ ลงทุนและตอบสนองแนวโน้มการ
เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการบริหารจัดการข้อมูลได้ อย่างลงตัว
10. SaaS (Software as a Service)
SaaS ก็มาจาก Software as a Service หรือบางทีก็เรียกว่า ODS ย่อมาจาก
“On Demand Software” ก็คือ ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชันบนเว็บที่ผู้ใช้
สามารถเรียกใช้บริการได้ โดยแอพพลิเคชันพวกนี้จะไม่ถูกจัดเก็บเข้าไปใน
เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ มันไม่ได้ใช้พื้นที่บนฮาร์ดดิสก์
ของเรา
ในปัจจุบัน SaaS ในปัจจุบันนั้นมีทั้ง Project management software, CRM software, Human Resources
software หรือแม้แต่ Office suite สาเหตุ SaaS เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Web 2.0 นั่นเอง เพราะว่า
Web 2.0 application นั้นทาให้ applicationบนเว็บมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเยอะ แล ด้วย User interface ที่
ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน Web application ได้ดีเหมือนกับที่ใช้บน Desktop อีกทั้งด้วยเทคโนโลยี AJAX ยังทาให้
application นั้นยิ่งเร็วมากขึ้นอีก
คุณสมบัติหลักๆของ SaaS
ใช้งาน Software ผ่านระบบ network (ไม่ว่าจะเป็น LAN หรือ internet ก็แล้วแต่) ส่วนมากจะทางานผ่าน
Web browser
ระบบหลักของ SaaS จะถูกควบคุมจากผู้ให้บริการ SaaS เอง โดยผู้ใช้บริการเพียงแค่ access เข้ามาให้
Software ผ่านทางเว็บ
SaaS ส่วนมากจะคิดค่าบริการตามจานวน user account ที่ลูกค้าต้องการใช้งาน และไม่มีการเก็บค่า
Support, Bug fix เพิ่มเติม
การ Update version ของ software ทาโดยอัตโนมัติผ่านผู้ให้บริการ โดยที่ผู้ใช้บริการไม่จาเป็นต้องไป
download software มาติดตั้งเองแต่อย่างใด
11. ข้อดีของ SaaS เมื่อเปรียบเทียบกับซอร์ฟแวร์แบบเดิมๆ
ลูกค้าจะได้รับบริการด้าน Software และ Hardware ที่ดีที่สุดอยู่เสมอ โดยไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด เช่น
ถ้าเป็นสมัยก่อนเราต้องซื้อ Software ตัวนึงมาใช้งานในองค์กร และยังต้องซืออุปกรณ์ Hardware ต่างๆ
้
เช่น Server, Hard disk รวมทั้งจ้าง Admin มาดูแลระบบ อีกทั้งยังมีค่าทาระบบ Backup ข้อมูลอะไร
ต่างๆอีก ซึ่งทาให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการนา Software มาใช้ โดย SaaS ลูกค้าเพียงแค่จ่ายค่าบริการ
เป็นราย user เท่านั้น โดยทางผู้ให้บริการจะเป็นดูแลทางด้าน Hardware หรือ ระบบ Admin ให้เอง
ทั้งหมด
ช่วยให้ลูกค้าสามารถคานวณค่าใช้จ่ายทางด้าน Software ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทาให้สามารถคานวณ ROI
หรือวางแผนการดาเนินงานได้ดียิ่งขึ้น เพราะ SaaS จะคิดค่าบริการเป็นอัตราที่แน่นอน ถ้าหากเทียบกับ
สมัยก่อน เราอาจจะต้องเสียค่า Support ค่อนข้างสูง
การ Update software ทาได้ง่ายและใช้ระยะเวลาสั้น ปัญหาที่พบในสมัยก่อนก็คือ การ update
software ทาได้ยุ่งยากและเสียเวลามาก เช่น ต้อง download software และจัดการ install software
บนคอมพิวเตอร์ ลองคิดดูว่าถ้าหากมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานสัก 1000 เครื่อง ก็คงจะเสียเวลามาก
สรุป SaaS ก็เป็น model ใหม่ในการขาย software แบบใหม่ โดยสามารถลดปัญหาที่เกิดขึ้นใน
software model แบบเก่าๆ ซึ่งจริงๆแล้วผมว่าลูกค้าที่ใช้บริการจะได้ประโยชน์มากขึ้นอย่างมากเลย
ตัวอย่าง SaaS Company
Netsuite ให้บริการ ERP + CRM software
Salesforce ให้บริการ On demand CRM
software ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ
Thinkfree ให้บริการ Word, Spreadsheets
แบบ online เหมือนกันครับ
Zimbra ให้บริการ Web based groupware ที่
มีผู้ใช้กว่า 8 ล้าน users
Zoho ให้บริการ Office suite software
หลายๆอย่างเลยครับ เช่น Word,
Spreadsheets, Presentation ฯลฯ