135. 135
2. วิธีของ Scree Test Criterion โดย
(1) นำาค่า eigen มา Plot Graph
(2) ลากเส้นโยงระหว่างค่า eigen
โดยมีหลักการให้
นับจำานวน eigen ที่มีอยู่ก่อนที่
เส้นโยงระหว่าง
ค่า eigen จะเป็นเส้นตรง 2-3
ค่า
(3) ค่า eigen สูงสุด ที่แตกต่างจาก
ค่า eigen อื่น
143. 143
การคำานวณด้วยวิธี
Kuder & Richardson
สูตร 1 r = n Σpq
n-1 S
เมื่อ r = สัมประสิทธิ์ความเที่ยง
ของแบบทดสอบ
n = จำานวนข้อในแบบทดสอบ
p = สัดส่วนของผู้ตอบถูกใน
แต่ละข้อ
q = สัดส่วนของผู้ตอบผิดใน
1 -
t
2
t
2
144. 144
สูตร 2 r = n m(1-m/n
n-1 S
เมื่อ r = สัมประสิทธิ์ความเที่ยง
ของเครื่องมือ
n = จำานวนข้อในเครื่องมือ
m = ค่าเฉลี่ยของคะแนนรวม
ของผู้ตอบ
ทั้งหมดที่ทำาได้
S = ความแปรปรวนของ
คะแนนรวมของ
1 -
t
2
t
2
157. 157
ค่า Z จากตารางที่ระดับความ
เชื่อมั่นกำาหนด
1. ค่า Z = 1.96 เมื่อ = 0.5 มีระดับ
ความเชื่อมั่น
ประมาณ 95%
2. ค่า Z = 1.96 เมื่อ = 0.5 มีระดับ
ความเชื่อมั่น
ประมาณ 95%
(2) เมื่อไม่ทราบขนาดของ
x Z
2 2
2
x
158. 158
2. เมื่อ Parameter เป็นสัดส่วน (π)
(1) เมื่อทราบขนาดประชากร
n = N π(1- π)
NE + π(1- π)
เมื่อ n = ขนาดกลุ่มตัวอย่าง
π = ค่าสัดส่วนของประชากร
(2) เมื่อไม่ทราบขนาด
ประชากร
n = π(1- π)
E
p Z
2
Z
22
p
p Z
2
2
186. การวิเคราะห์ (Percentile :
P)
เป็นค่าที่ให้ทราบว่า เมื่อจัดข้อมูลเป็น
100 ส่วนที่ตำาแหน่ง P
ซึ่งมีค่าคะแนนเท่ากับ x มีข้อมูลที่ค่า
น้อยกว่าคะแนนที่ตำาแหน่ง
นั้นอยู่ร้อยละเท่าไร เช่น 30 P = 300
แสดงว่ามีข้อมูลที่มี
ค่าตำ่ากว่า 300 เท่ากับ 30 เป็นต้น
สูตร P = R - 0.5
x
x
x
x 1- X 100i
i
186
187. การวิเคราะห์ Decile :
D
เป็นค่าที่ให้ทราบว่า เมื่อจัดข้อมูล
เป็น 10 ส่วน ค่าคะแนน x ที่
ตำาแหน่ง D มีข้อมูลที่มีค่าตำ่ากว่าอยู่
เท่าไร เช่น ข้อมูลที่
ตำาแหน่ง D ที่ 4 = 120 แสดงว่ามีข้อมูล
ที่ตำ่ากว่า 120
อยู่ 4 ใน 10 ส่วน เป็นต้น
สูตร D = R - 0.5
x
x
1- X 10ix
i
187
188. การวิเคราะห์ Quartile
: Q
เป็นค่าที่ให้ทราบว่า เมื่อจัดข้อมูล
เป็น 4 ส่วน ค่าคะแนน x ที่
ตำาแหน่ง Q มีข้อมูลที่มีค่าตำ่ากว่าอยู่
เท่าไร เช่น ข้อมูลที่
ตำาแหน่ง Q ที่ 3 = 125 แสดงว่ามีข้อมูล
ที่มีค่าตำ่ากว่า
125 อยู่ 3 ใน 4 ส่วน เป็นต้น
สูตร D = R - 0.5
x
x
1- X 4ix
i
188
192. การวิเคราะห์
มัธยฐาน
(Medium : M )
เป็นตำาแหน่งของคะแนนที่มีคะแนน
จำานวนครึ่งหนึ่งมีค่าสูงกว่า
และอีกจำานวนหนึ่งมีค่าตำ่ากว่า
สูตร M = L +
เมื่อ L = ขีดจำากัดล่างที่แท้จริงของ
d
d
N
2
- F
f
i
192
193. การวิเคราะห์ฐานนิยม
(Mode : M )
เป็นคะแนนที่มีความถี่สูงสุดในข้อมูล
ที่มีอยู่ทั้งหมด นิยมใช้กับ
ข้อมูลมาตรอันดับ และมาตรนาม
บัญญัติคำานวณ
สูตร Mo = 3M + 2 x
เมื่อ M = ฐานนิยม
M = มัธยฐาน
o
d
o
d
193
199. ความเบ้ (Skewness: S )
เป็นค่าที่แสดงถึงลักษณะของ
ข้อมูลว่ามีลักษณะการ
แจกแจงความถี่สมมาตรหรือไม่
สมมาตร
สูตร S = ∑(x – x)
n
S
(1) ถ้ามีค่าเป็น - จะมีการแจกแจงแบบ
3
k
k
3
199
200. ความโด่ง (Kurtosis : K
)
เป็นค่าที่แสดงถึงลักษณะสมมาตร 3
แบบ คือ โด่งมาก
(Leptokurtic) ปานกลาง (Mesokurtic)
โด่งน้อยหรือค่อนข้างแบน
(Platykurtic)
สูตร K = ∑(x – x)
n
S
4
u
u
4 - 3
200