SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 50
Downloaden Sie, um offline zu lesen
และ
สิงแวดล้อม
และสิงแวดล้อม

ระบบนิเวศ (ecosystem) หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่าง
สิงมีชวิตกับสิงแวดล้อม
      ี
สิงแวดล้อม (environment) หมายถึง สิงทีอยู่รอบ ๆ ตัวเรา
ได้แก่ สิงแวดล้อมทีมีชวิต และสิงแวดล้อมทีไม่มชวิต
                      ี                      ีี
โครงสร้างของระบบนิเวศ
  กลมสิงมีชีวิต (community) หมายถึง สิงมีชวิตทีมีหลากหลาย
       ุ่                                      ี
  ชนิด ไม่ว่าจะเป็ นพืช สัตว์ อยู่ในบริเวณภายในระบบนิเวศเดียวกัน
  อาจมีหนึงชนิดหรือมากกว่าหนึงชนิดขึนไปก็ได้
                                          0
                habitat
  แหล่งทีอยู่ (habitat) หมายถึง สถานที หรือบริเวณทีกลุมสิงมีชวิต
                                                         ่      ี
  อาศัยอยู่
  สิงแวดล้อม (environment) หมายถึง องค์ประกอบทีมีชวิต และไม่
                                                           ี
  มีชวิต ซึงมีความสัมพันธ์และเกียวข้องกับระบบนิเวศ เช่น
     ี
  อากาศ แสง นํา แร่ธาตุ ดิน หิน ป่ าไม้
                    0
ประเภทของระบบนิเวศ มี 2 ประเภท คือ
1.ระบบนิเวศบนบก               -ระบบนิเวศขอนไม้
                                 -ระบบนิเวศป่ าไม้
                          -ระบบนิเวศป่ าชายเลน

2.ระบบนิเวศในนํ#า                      -สระนํา
                                             0
                                       -หนองนํา0
                                   -ลําคลอง
                          หรือแหล่งนําต่างๆ
                                     0
องค์ ประกอบของระบบนิเวศ แบ่ งเป็ น 2 ประเภท คือ
 1.องค์ ประกอบทางกายภาพ ได้แก่ แสงแดด อุณหภูมิ บรรยากาศ
   สภาพดิน สภาพนํ)า
 2.องค์ ประกอบทางชีวภาพ ได้แก่ คน พืช สัตว์
1.องค์ ประกอบทางกายภาพ ได้แก่ แสงแดด อุณหภูมิ บรรยากาศ
สภาพดิน สภาพนํ)า
2.องค์ ประกอบทางชีวภาพ ได้แก่ คน พืช สัตว์
ประชากรในระบบนิเวศ
   ประชากร (population) หมายถึง กลุ่มของสิ5 งมีชีวตที5เป็ นชนิด
                                                        ิ
                      ่
  เดียวกัน อาศัยอยูในบริ เวณเดียวกัน ในช่วงเวลาหนึ5ง ซึ5 งในแต่ละ
  บริ เวณ จะมีจานวนประชากรที5แตกต่างกัน
                 ํ
   ขนาดของประชากร
       ในแหล่งที5อยูแต่ละแห่ งจะมีจานวนกลุ่มสิ5 งมีชีวต หรื อจํานวน
                    ่                 ํ               ิ
  ประชากรแตกต่างกันไป
        การศึกษาขนาด หรื อลักษณะ ความหนาแน่นของประชากรใน
           ่
แหล่งที5อยูหนึ5งๆ มีปัจจัยดังนี) ได้แก่ การเกิด การตาย การอพยพเข้ า
  การอพยพออก
ปัจจัยทีมผลต่ อขนาดของประชากร
        . ี
ประชากรคงที.
อัตราการเกิด + อัตราการอพยพเข้ า = อัตราการตาย + อัตราการอพยพออก

ประชากรเพิมขึน
          . 6
อัตราการเกิด + อัตราการอพยพเข้ า   > อัตราการตาย + อัตราการอพยพออก

ประชากรลดลง
อัตราการเกิด + อัตราการอพยพเข้ า < อัตราการตาย + อัตราการอพยพออก
ความหนาแน่ นของประชากร




  สู ตร ในการคํานวณหาความหนาแน่นของประชากร

ความหนาแน่ นของประชากร =              จํานวนหรือมวลของประชากร
               พืนทีหรือปริมาตรทีสิ.งมีชีวตอาศัยอยู่ในช่ วงเวลาหนึ.ง
                 6 .             .        ิ
ตัวอย่ าง จากการสํารวจ ในป่ าแห่ งหนึ5งมีประชากรนก 1,000 ตัว พบว่า
   ประชากรนกอยูกนเป็ นกลุ่ม ในพื)นที5เพียง 5 ตารางกิโลเมตร
                   ่ ั                                               จงหา
   ความหนาแน่นของประชากรนก
ความหนาแน่ นของประชากร = จํานวนหรือมวลของประชากร
               พืนทีหรือปริมาตรทีสิ.งมีชีวตอาศัยอยู่ในช่ วงเวลาหนึ.ง
                 6 .               .      ิ
                               = 1,000 / 5
                                 = 200 ตัว/ตารางกิโลเมตร
บทบาทของสิ. งมีชีวตในระบบนิเวศ
                  ิ
1.ผู้ผลิต (producer) หมายถึง สิ5 งมีชีวตที5สามารถสร้างอาหารเองได้
                                       ิ
ได้แก่ พืช
2.ผู้บริโภค (consumer) หมายถึง สิ5 งมีชีวตที5ไม่สามารถสร้างอาหารเอง
                                           ิ
ได้ แบ่งเป็ น 4 ประเภท ได้แก่ ผูบริ โภคพืช ผูบริ โภคสัตว์ ผูบริ โภคทั)ง
                                 ้            ้             ้
พืชและสัตว์ และผูบริ โภคซากสิ5 งมีชีวต
                    ้                    ิ
3.ผู้ย่อยสลาย (decomposer) หมายถึง กลุ่มสิ5 งมีชีวตที5ไม่สามารถสร้าง
                                                   ิ
                               ่
อาหารเองได้ และดํารงชีวิตอยูได้โดยการย่อยสลายซากสิ5 งมีชีวิตต่างๆ
ให้กลายเป็ นสารอินทรี ยที5จาเป็ นต่อการดํารงชีวต เช่น จุลินทรี ย ์ เห็ด รา
                        ์ ํ                     ิ
ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ. งมีชีวตกับสิ. งมีชีวต
                                 ิ             ิ

ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ. งมีชีวตกับสิ. งมีชีวต 3 ลักษณะ คือ
                                ิ             ิ
  1.ความสั มพันธ์ แบบได้ รับประโยชน์ (+)
  2.ความสั มพันธ์ แบบเสี ยประโยชน์ (-)
  3.ความสั มพันธ์ แบบไม่ ได้ และไม่ เสี ยประโยชน์ (0)
1. ภาวะการได้ รับประโยชน์ ร่วมกัน (protocooperation; +/+)
                เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวตที5อาศัยอยูร่วมกัน โดย
                                              ิ           ่
  สิ5 งมีชีวตทั)งสองฝ่ ายได้รับประโยชน์ท) งคู่ เป็ นการอยูร่วมกัน
            ิ                               ั               ่
  หรื อแยกกันอยู่ ก็ยงสามารถดํารงชีพได้ตามปกติ เช่น นกเอี)ยง
                        ั
  บนหลังควาย ปลาการ์ ตูนกับดอกไม้ทะเล                  มดกับเพลี)ย
  จระเข้กบนก  ั
2. ภาวะพึงพากัน (mutualism; +/+)
               .
           เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวิตโดยที5ส5ิ งมีชีวิตทั)งสองฝ่ ายได้รับ
ประโยชน์ท) งคู่ แต่การอยูร่วมกันลักษณะนี) ต้องอยูร่วมกันตลอดไป ไม่
             ั            ่                           ่
สามารถแยกจากกันได้ เช่น ไลเคน (lichen) อาศัยระหว่างรากับสาหร่ าย พบได้
ตามบริ เวณก้อนหิ นหรื อเปลือกไม้ที5มีความชื)น (โดยสาหร่ ายจะอาศัยเส้นใยของ
ราช่วยยึดเกาะพรางแสง และอุมนํ)าให้เกิดความชื)น ในขณะที5ราจะอาศัยอาหาร
                              ้
ที5ได้จากการสังเคราะห์ดวยแสงของสาหร่ ายเพื5อการดํารงชีวิต)
                        ้
แบคทีเรี ยในปมรากถัว(ไรโซเบียม) แบคทีเรี ยในลําไส้คน(พวก E.coli)
                     5
โปรโตซัวในลําไส้ปลวก(ไตรโคนิมฟา)
ปมรากพืชตระกูลถั.ว




โปรโตซัวในลําไส้ ปลวก(ไตรโคนิมฟา) ไลเคน(รากับสาหร่ าย)

มีแบคทีเรีย E.coli ในลําไส้ ใหญ่
3. ภาวะอิงอาศัย (commensalism; +/0)
         เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวิตที5อาศัยอยูร่วมกันโดยมีฝ่ายหนึ5ง
                                                    ่
ได้รับประโยชน์เพียงฝ่ ายเดียว ส่ วนอีกฝ่ ายจะไม่ได้และไม่เสี ยประโยชน์
                                      ั
เช่น ปลาฉลามกับเหาฉลาม กล้วยไม้กบต้นไม้ใหญ่
4. ภาวะการล่ าเหยือ (predation;+/-)
                             .
              เป็ นความสัมพันธ์ที5มีฝ่ายหนึ5งเป็ นผูได้รับประโยชน์เพียงฝ่ าย
                                                     ้
                                                   ่
เดียว เรี ยกสิ5 งมีชีวิตที5เป็ นผูได้รับประโยชน์วาผู้ล่า (predator) และเรี ยก
                                   ้
                                             ่
สิ5 งมีชีวิตอีกชนิดที5เป็ นผูเ้ สี ยประโยชน์วา ผู้ถูกล่ า หรือ เหยือ (prey) โดย
                                                                   .
ความสัมพันธ์แบบล่าเหยือนี) ส่ วนใหญ่ผล่าจะกินผูถกล่าเป็ นอาหารเพื5อใช้
                                5              ู้          ู้
ในการดํารงชีวิต เช่น นกกินแมลง ปลาฉลามกินแมวนํ)า และเสื อกินกวาง
5. ภาวะการแข่ งขัน (coompetition; -/-)
               เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวิตที5อาศัยอยูร่วมกันในพื)นที5
                                                          ่
เดียวกัน อาจเป็ นสิ5 งมีชีวิตชนิดเดียวกันหรื อต่างชนิดกันโดยสิ5 งมีชีวิต ทั)ง
สองมีความต้องการใช้ปัจจัยในการดํารงชีวิตที5เหมือนกัน
                                    ่
         ดังนั)นหากระบบนิเวศอยูในสภาวะที5ขาดแคลนปั จจัยในการดํารงชีวิต
นั)น สิ5 งมีชีวิตทั)งสองชนิดก็ตองแก่งแย่งหรื อแข่งขันกัน ซึ5งในการแข่งขันก็
                                  ้
จะทําให้ส5ิ งมีชีวิตทั)งคู่เสี ยประโยชน์จากการแข่งขัน และหากเป็ นการ
แข่งขันของสิ5 งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ก็จะก่อให้เกิดผลเสี ยจากการแข่งขัน
มากกว่าการแข่งขันระหว่างสิ5 งมีชีวิตต่างชนิดกัน เช่น การแย่งตําแหน่งจ่า
ฝูงของหมาป่ า การแย่งกันล่าเหยือของสุ นขจิ)งจอกกับเสื อ
                                      5        ั
To help protect y our priv acy , PowerPoint prev ented this external picture from being automatically downloaded. To download and display this picture, click Options in the Message Bar, and then click Enable external content.




                                                                                                                                                                                                                                    ภาวะการแข่ งขัน
6. ภาวะปรสิ ต (paratism; +/-)
              เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างสิ5 งมีชีวิตสองชนิดที5มีขนาด
  แตกต่างกัน โดยสิ5 งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่า เรี ยกว่า ผูถูกอาศัยหรื อเจ้าบ้าน
                                                     ้
                        ่
  (host) จะเป็ นที5อยูอาศัยของสิ5 งมีชีวิตอีกชนิดที5ขนาดเล็กกว่า เรี ยกว่า
  ผูอาศัย หรื อ ปรสิ ต (parasite) โดยฝ่ ายเจ้าบ้านจะเป็ นฝ่ ายเสี ย
    ้
  ประโยชน์จากการถูกแย่งอาหาร หรื อถูกใช้ส่วนหนึ5งของร่ างกายเป็ น
  อาหารของปรสิ ต ซึ5 งอาจส่ งผลให้เกิดอาการเจ็บป่ วยในเจ้าบ้านได้

           ภาวะปรสิ ต สามารถแบ่ งได้ เป็ น 2 ลักษณะ คือ
                                                        ่
   ภาวะปรสิ ตภายใน (endo-parasite) ปรสิ ตอาศัยอยูใน ตัวเจ้า
   บ้านได้แก่ พยาธิชนิดต่าง ๆ ในร่ างกายของสัตว์
   ภาวะปรสิ ตภายนอก (ecto-parasite) ปรสิ ตอาศัยอยูภายนอก  ่
   ตัวเจ้าบ้าน ได้แก่ เห็บ เหา หมัด
ต้ นฝอยทองกับต้ นไม้ ใหญ่   กาฝากกับต้ นมะม่ วง
ห่ วงโซ่ อาหารและสายใยอาหาร
  ห่ วงโซ่ อาหาร (Food Chain) เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวต
                                                            ิ
  ชนิดต่าง ๆ ในระบบนิเวศที5มีการกินต่อกันเป็ นทอด ๆ
  มักเริ5 มต้นด้วยผูผลิตเสมอ
                    ้
To help protect y our priv acy , PowerPoint prev ented this external picture from being automatically downloaded. To download and display this picture, click Options in the Message Bar, and then click Enable external content.




                                                                                                                            สายใยอาหาร (Food Web) เป็ นความสัมพันธ์ที5เกิดขึ)นใน
                                                                                                                            ระบบนิเวศที5ประกอบด้วย ห่วงโซ่อาหารหลาย ๆ ห่วงโซ่
                                                                                                                                                         ั
                                                                                                                            แต่ละห่วงโซ่มีความสัมพันธ์กน หรื อเป็ นความสัมพันธ์ของ
                                                                                                                            สิ5 งมีชีวตในระบบนิเวศหนึ5ง ๆ ที5มีการถ่ายทอดพลังงาน
                                                                                                                                      ิ
                                                                                                                            ประกอบด้วยหลาย ๆ ห่ วงโซ่อาหาร
พลังงานในสิ. งมีชีวต
                   ิ




            พีระมิดจํานวน            พีระมิดมวล




                            พีระมิดพลังงาน
วัฏจักรของสาร (วัฏจักรของนํา)
                           6
วัฏจักรของสาร (วัฏจักรของคาร์ บอน)
วัฏจักรของสาร (วัฏจักรของไนโตรเจน)
วัฏจักรของสาร (วัฏจักรของไนโตรเจน)
1.การตรึงไนโตรเจน (Nitrogen Fixation) เป็ นการตรึ งไนโตรเจนอิสระในบรรยากาศ
โดยอาศัยแบคทีเรี ยและสาหร่ ายบางชนิ ด เช่น แบคทีเรี ยไรโซเบียมที5ปมรากพืชตระกูลถัว   5
หรื อเกิดจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เช่น ฟ้ าแลบ แล้วเปลี5ยนเป็ นกรดอะมิโน
2. การสร้ างแอมโมเนีย (Ammonification) เป็ นการเปลี5ยนรู ปโปรตีนของพืชและ
สัตว์ ตลอดจนสารประกอบไนโตรเจนที5เป็ นสิ5 งขับถ่ายให้กลายเป็ นก๊าซแอมโมเนีย โดย
อาศัยจุลินทรี ยที5เรี ยกว่า แอมโมนิไฟอิงแบคทีเรี ย (Ammonifying Bacteria)
               ์
3. การสร้ างไนโตรเจน (Nitrification) เป็ นการเปลี5ยนแปลงแอมโมเนียให้กลายเป็ นไนไตรต์
และไนเตรต โดยอาศัยแบคทีเรี ยบางชนิ ดที5เรี ยกว่า ไนตริ ไฟอิงแบคทีเรี ย (Nitrifying
Bacteria) สารประกอบไนเตรตเป็ นสารที5ละลายนํ)าได้ดีมาก พืชจึงดูดซึ มเอาไปใช้ประโยชน์
ได้ทนที ส่ วนไนตริ ไฟอิงแบคทีเรี ยเป็ นแบคทีเรี ยที5ตองการออกซิ เจน หากเกษตรกรทําการ
     ั                                               ้
ไถพรวนดินจะทําให้แบคทีเรี ยเจริ ญดีข) ึน
4. การสร้ างไนโตรเจนกลับสู่ บรรยากาศ (Denitrification) เป็ นการละลายไนเตรตเป็ นไนไตรต์
และก๊าซไนโตรเจนอิสระสู่บรรยากาศโดยแบคทีเรี ยที5ไม่ใช้ออกซิ เจน ที5เรี ยกว่า ดีไนตริ ไฟอิง
แบคทีเรี ย (Denitrifying Bacteria)
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ. งแวดล้ อม
                                                             ่
ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resources) หมายถึง สิ5 งที5ปรากฏอยูตามธรรมชาติหรื อ
สิ5 งที5ข) ึนเอง อํานวยประโยชน์แก่มนุษย์และธรรมชาติดวยกันเอง
                                                    ้
                                         ่
สิ. งแวดล้ อม หมายถึง สิ5 งต่าง ๆ ที5อยูรอบตัวเรา ทั)งสิ5 งที5มีชีวิต สิ5 งไม่มีชีวิต เห็นได้
ด้วยตาเปล่า และไม่สามารถเห็นได้ดวยตาเปล่า รวมทั)งสิ5 งที5เกิดขึ)นโดยธรรมชาติ
                                           ้
                                                       ่
และสิ5 งที5มนุษย์เป็ นผูสร้างขึ)น หรื ออาจจะกล่าวได้วา สิ5 งแวดล้อมจะประกอบด้วย
                             ้
ทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรที5มนุษย์สร้างขึ)นในช่วงเวลาหนึ5งเพื5อสนองความ
ต้องการของมนุษย์นนเอง     5ั
         - สิ5 งแวดล้อมที5เกิดขึ)นโดยธรรมชาติ ได้แก่บรรยากาศ นํ)า ดิน แร่ ธาตุ และ
                        ่
สิ5 งมีชีวิตที5 อาศัยอยูบนโลก (พืช และสัตว์) ฯลฯ
         - สิ5 งแวดล้อมที5มนุษย์สร้างขึ)น ได้แก่ สาธารณูปการต่าง ๆ เช่น ถนน เขื5อนกั)น
นํ)า หรื อระบบของสถาบันสังคมมนุษย์ที5ดาเนินชีวิตอยู่
                                               ํ
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ
1.   ทรัพยากรนํา6
2.   ทรัพยากรดิน
3.   ทรัพยากรป่ าไม้
4.   ทรัพยากรแร่ ธาตุ
5.   ทรัพยากรสั ตว์ ป่า
ประเภทของสั ตว์ ป่า
เพื5อเป็ นการปกป้ องรักษาสัตว์ป่าให้มีชีวิตสื บต่อไปถึงอนุชนรุ่ นหลังจึงมีการออก
พระราชบัญญัติสงวนและคุมครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ภูมิพลอดุลเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที5
                            ้
19 กุมภาพันธ์ 2535 เป็ นปี ที5 47 ในรัชกาลปั จจุบน แบ่งสัตว์ป่าออกเป็ น 2 ประเภท คือ
                                                  ั
1. สั ตว์ ป่าสงวน เป็ นสัตว์ป่าที5หายากและปั จจุบนมีจานวนน้อยมากบางชนิดสู ญพันธุ์ไป
                                                 ั ํ
แล้วมีอยู่ 15 ชนิ ด คือ นกเจ้าฟ้ าหญิงสิ รินธร แรด กระซู่ กูปรี หรื อโคไพร ควายป่ า ละอง
หรื อละมัง สมันหรื อ เนื)อสมัน เลียงผา นกแต้วแล้วท้องดํา นกกระเรี ยน แมวลายหิ นอ่อน
            5
สมเสร็ จ เก้งหม้อ และพะยูนหรื อหมูน) า      ํ
2. สั ตว์ ป่าคุ้มครอง เป็ นสัตว์ท) งที5ปกติไม่นิยมใช้เป็ นอาหารและใช้เป็ นอาหารทั)งที5ไม่ใช่ล่า
                                   ั
                                                                           ํ
เพื5อการกีฬาและล่าเพื5อการกีฬา ตามที5กฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กาหนดไว้ มากกว่า
200 ชนิ ด เช่น ค่าง ชะนี อีเห็น ไก่ฟ้า เหยียว ช้างป่ า แร้ง กระทิง กวาง หมีควาย อีเก้ง
                                              5
นกเป็ ดนํ)า เป็ นต้น
บทลงโทษ ทั)งสัตว์ป่าสงวนสัตว์ป่าคุมครองและซากของสัตว์ป่าสงวนหรื อซากของสัตว์ป่า
                                      ้
คุมครอง ห้ามมิให้ผใดทําการล่ามีไว้ในครอบครอง ค้าขายและนําเข้าหรื อส่ งออก หากผูใด
   ้               ู้                                                                   ้
ฝ่ าฝื นต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสี5 ปีหรื อปรับไม่เกินสี5 หมื5นบาทหรื อทั)งจําทั)งปรับ
มลพิษในสิ. งแวดล้ อม
  มลพิษทางนํา
            6
  มลพิษทางดิน
  มลพิษทางอากาศ
การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่ างยังยืน
                               .
  เสนอแนวคิดในการอนุรักษ์ ในการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่ าง
  ยังยืน
    .
สารเคมีกบสิ. งแวดล้ อม
        ั
Ecology
Ecology
Ecology
Ecology
Ecology
Ecology
Ecology
Ecology
Ecology

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

ความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาweerabong
 
Biome and Biodiversity
Biome and BiodiversityBiome and Biodiversity
Biome and BiodiversityWan Kanlayarat
 
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3kkrunuch
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศcrunui
 
นิเวศวิทยา
นิเวศวิทยานิเวศวิทยา
นิเวศวิทยาheroohm
 
นิเวศวิทยา
นิเวศวิทยานิเวศวิทยา
นิเวศวิทยาThanyamon Chat.
 
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศSaran Srimee
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4Tatthep Deesukon
 
ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001suttidakamsing
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศN'apple Naja
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศSupaluk Juntap
 
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)พัน พัน
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมWichai Likitponrak
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมPinutchaya Nakchumroon
 
ประชากร Population
ประชากร Populationประชากร Population
ประชากร PopulationPat Sn
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศKru NoOk
 

Was ist angesagt? (19)

ความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยา
 
Biome and Biodiversity
Biome and BiodiversityBiome and Biodiversity
Biome and Biodiversity
 
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
 
File[1]
File[1]File[1]
File[1]
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
 
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
 
นิเวศวิทยา
นิเวศวิทยานิเวศวิทยา
นิเวศวิทยา
 
นิเวศวิทยา
นิเวศวิทยานิเวศวิทยา
นิเวศวิทยา
 
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม4
 
ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
 
Pw ecosystem
Pw ecosystemPw ecosystem
Pw ecosystem
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
 
ประชากร Population
ประชากร Populationประชากร Population
ประชากร Population
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 

Ähnlich wie Ecology

ระบบนิเวศน์
 ระบบนิเวศน์ ระบบนิเวศน์
ระบบนิเวศน์Tin Savastham
 
Random 100704050224-phpapp01 2
Random 100704050224-phpapp01 2Random 100704050224-phpapp01 2
Random 100704050224-phpapp01 2Khaojaoba Apple
 
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพSubaidah Yunuh
 
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตBiobiome
 
ความหลากหลายนิเวศ190957
ความหลากหลายนิเวศ190957ความหลากหลายนิเวศ190957
ความหลากหลายนิเวศ190957Myundo
 
Biology lernning 1
Biology lernning 1Biology lernning 1
Biology lernning 1paifon
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพSupaluk Juntap
 
งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2chirapa
 
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืชหน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืชvarut
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพLPRU
 
Bio is all around us
Bio is all around usBio is all around us
Bio is all around usAlisaYamba
 

Ähnlich wie Ecology (20)

ระบบนิเวศน์
 ระบบนิเวศน์ ระบบนิเวศน์
ระบบนิเวศน์
 
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม
 
Random 100704050224-phpapp01 2
Random 100704050224-phpapp01 2Random 100704050224-phpapp01 2
Random 100704050224-phpapp01 2
 
Ecosystem ii
Ecosystem iiEcosystem ii
Ecosystem ii
 
Ecosystem ii
Ecosystem iiEcosystem ii
Ecosystem ii
 
Taxonomy
TaxonomyTaxonomy
Taxonomy
 
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
Taxonomy 2
Taxonomy 2Taxonomy 2
Taxonomy 2
 
สิ่งแวดล้อมจากเน็ท
สิ่งแวดล้อมจากเน็ทสิ่งแวดล้อมจากเน็ท
สิ่งแวดล้อมจากเน็ท
 
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
 
ความหลากหลายนิเวศ190957
ความหลากหลายนิเวศ190957ความหลากหลายนิเวศ190957
ความหลากหลายนิเวศ190957
 
Biology lernning 1
Biology lernning 1Biology lernning 1
Biology lernning 1
 
File
FileFile
File
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2
 
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืชหน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
Bio physics period1
Bio physics period1Bio physics period1
Bio physics period1
 
1
11
1
 
Bio is all around us
Bio is all around usBio is all around us
Bio is all around us
 

Mehr von krudararad

Mehr von krudararad (6)

Ecology
EcologyEcology
Ecology
 
Elect
ElectElect
Elect
 
Elect
ElectElect
Elect
 
Manybio
ManybioManybio
Manybio
 
pantugam
pantugampantugam
pantugam
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
 

Ecology

  • 2. และสิงแวดล้อม ระบบนิเวศ (ecosystem) หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่าง สิงมีชวิตกับสิงแวดล้อม ี สิงแวดล้อม (environment) หมายถึง สิงทีอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ได้แก่ สิงแวดล้อมทีมีชวิต และสิงแวดล้อมทีไม่มชวิต ี ีี
  • 3. โครงสร้างของระบบนิเวศ กลมสิงมีชีวิต (community) หมายถึง สิงมีชวิตทีมีหลากหลาย ุ่ ี ชนิด ไม่ว่าจะเป็ นพืช สัตว์ อยู่ในบริเวณภายในระบบนิเวศเดียวกัน อาจมีหนึงชนิดหรือมากกว่าหนึงชนิดขึนไปก็ได้ 0 habitat แหล่งทีอยู่ (habitat) หมายถึง สถานที หรือบริเวณทีกลุมสิงมีชวิต ่ ี อาศัยอยู่ สิงแวดล้อม (environment) หมายถึง องค์ประกอบทีมีชวิต และไม่ ี มีชวิต ซึงมีความสัมพันธ์และเกียวข้องกับระบบนิเวศ เช่น ี อากาศ แสง นํา แร่ธาตุ ดิน หิน ป่ าไม้ 0
  • 4. ประเภทของระบบนิเวศ มี 2 ประเภท คือ 1.ระบบนิเวศบนบก -ระบบนิเวศขอนไม้ -ระบบนิเวศป่ าไม้ -ระบบนิเวศป่ าชายเลน 2.ระบบนิเวศในนํ#า -สระนํา 0 -หนองนํา0 -ลําคลอง หรือแหล่งนําต่างๆ 0
  • 5. องค์ ประกอบของระบบนิเวศ แบ่ งเป็ น 2 ประเภท คือ 1.องค์ ประกอบทางกายภาพ ได้แก่ แสงแดด อุณหภูมิ บรรยากาศ สภาพดิน สภาพนํ)า 2.องค์ ประกอบทางชีวภาพ ได้แก่ คน พืช สัตว์
  • 6. 1.องค์ ประกอบทางกายภาพ ได้แก่ แสงแดด อุณหภูมิ บรรยากาศ สภาพดิน สภาพนํ)า
  • 8. ประชากรในระบบนิเวศ ประชากร (population) หมายถึง กลุ่มของสิ5 งมีชีวตที5เป็ นชนิด ิ ่ เดียวกัน อาศัยอยูในบริ เวณเดียวกัน ในช่วงเวลาหนึ5ง ซึ5 งในแต่ละ บริ เวณ จะมีจานวนประชากรที5แตกต่างกัน ํ ขนาดของประชากร ในแหล่งที5อยูแต่ละแห่ งจะมีจานวนกลุ่มสิ5 งมีชีวต หรื อจํานวน ่ ํ ิ ประชากรแตกต่างกันไป การศึกษาขนาด หรื อลักษณะ ความหนาแน่นของประชากรใน ่ แหล่งที5อยูหนึ5งๆ มีปัจจัยดังนี) ได้แก่ การเกิด การตาย การอพยพเข้ า การอพยพออก
  • 10. ประชากรคงที. อัตราการเกิด + อัตราการอพยพเข้ า = อัตราการตาย + อัตราการอพยพออก ประชากรเพิมขึน . 6 อัตราการเกิด + อัตราการอพยพเข้ า > อัตราการตาย + อัตราการอพยพออก ประชากรลดลง อัตราการเกิด + อัตราการอพยพเข้ า < อัตราการตาย + อัตราการอพยพออก
  • 11. ความหนาแน่ นของประชากร สู ตร ในการคํานวณหาความหนาแน่นของประชากร ความหนาแน่ นของประชากร = จํานวนหรือมวลของประชากร พืนทีหรือปริมาตรทีสิ.งมีชีวตอาศัยอยู่ในช่ วงเวลาหนึ.ง 6 . . ิ
  • 12. ตัวอย่ าง จากการสํารวจ ในป่ าแห่ งหนึ5งมีประชากรนก 1,000 ตัว พบว่า ประชากรนกอยูกนเป็ นกลุ่ม ในพื)นที5เพียง 5 ตารางกิโลเมตร ่ ั จงหา ความหนาแน่นของประชากรนก ความหนาแน่ นของประชากร = จํานวนหรือมวลของประชากร พืนทีหรือปริมาตรทีสิ.งมีชีวตอาศัยอยู่ในช่ วงเวลาหนึ.ง 6 . . ิ = 1,000 / 5 = 200 ตัว/ตารางกิโลเมตร
  • 13. บทบาทของสิ. งมีชีวตในระบบนิเวศ ิ 1.ผู้ผลิต (producer) หมายถึง สิ5 งมีชีวตที5สามารถสร้างอาหารเองได้ ิ ได้แก่ พืช 2.ผู้บริโภค (consumer) หมายถึง สิ5 งมีชีวตที5ไม่สามารถสร้างอาหารเอง ิ ได้ แบ่งเป็ น 4 ประเภท ได้แก่ ผูบริ โภคพืช ผูบริ โภคสัตว์ ผูบริ โภคทั)ง ้ ้ ้ พืชและสัตว์ และผูบริ โภคซากสิ5 งมีชีวต ้ ิ 3.ผู้ย่อยสลาย (decomposer) หมายถึง กลุ่มสิ5 งมีชีวตที5ไม่สามารถสร้าง ิ ่ อาหารเองได้ และดํารงชีวิตอยูได้โดยการย่อยสลายซากสิ5 งมีชีวิตต่างๆ ให้กลายเป็ นสารอินทรี ยที5จาเป็ นต่อการดํารงชีวต เช่น จุลินทรี ย ์ เห็ด รา ์ ํ ิ
  • 14.
  • 15. ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ. งมีชีวตกับสิ. งมีชีวต ิ ิ ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ. งมีชีวตกับสิ. งมีชีวต 3 ลักษณะ คือ ิ ิ 1.ความสั มพันธ์ แบบได้ รับประโยชน์ (+) 2.ความสั มพันธ์ แบบเสี ยประโยชน์ (-) 3.ความสั มพันธ์ แบบไม่ ได้ และไม่ เสี ยประโยชน์ (0)
  • 16. 1. ภาวะการได้ รับประโยชน์ ร่วมกัน (protocooperation; +/+) เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวตที5อาศัยอยูร่วมกัน โดย ิ ่ สิ5 งมีชีวตทั)งสองฝ่ ายได้รับประโยชน์ท) งคู่ เป็ นการอยูร่วมกัน ิ ั ่ หรื อแยกกันอยู่ ก็ยงสามารถดํารงชีพได้ตามปกติ เช่น นกเอี)ยง ั บนหลังควาย ปลาการ์ ตูนกับดอกไม้ทะเล มดกับเพลี)ย จระเข้กบนก ั
  • 17.
  • 18. 2. ภาวะพึงพากัน (mutualism; +/+) . เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวิตโดยที5ส5ิ งมีชีวิตทั)งสองฝ่ ายได้รับ ประโยชน์ท) งคู่ แต่การอยูร่วมกันลักษณะนี) ต้องอยูร่วมกันตลอดไป ไม่ ั ่ ่ สามารถแยกจากกันได้ เช่น ไลเคน (lichen) อาศัยระหว่างรากับสาหร่ าย พบได้ ตามบริ เวณก้อนหิ นหรื อเปลือกไม้ที5มีความชื)น (โดยสาหร่ ายจะอาศัยเส้นใยของ ราช่วยยึดเกาะพรางแสง และอุมนํ)าให้เกิดความชื)น ในขณะที5ราจะอาศัยอาหาร ้ ที5ได้จากการสังเคราะห์ดวยแสงของสาหร่ ายเพื5อการดํารงชีวิต) ้ แบคทีเรี ยในปมรากถัว(ไรโซเบียม) แบคทีเรี ยในลําไส้คน(พวก E.coli) 5 โปรโตซัวในลําไส้ปลวก(ไตรโคนิมฟา)
  • 20. 3. ภาวะอิงอาศัย (commensalism; +/0) เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวิตที5อาศัยอยูร่วมกันโดยมีฝ่ายหนึ5ง ่ ได้รับประโยชน์เพียงฝ่ ายเดียว ส่ วนอีกฝ่ ายจะไม่ได้และไม่เสี ยประโยชน์ ั เช่น ปลาฉลามกับเหาฉลาม กล้วยไม้กบต้นไม้ใหญ่
  • 21. 4. ภาวะการล่ าเหยือ (predation;+/-) . เป็ นความสัมพันธ์ที5มีฝ่ายหนึ5งเป็ นผูได้รับประโยชน์เพียงฝ่ าย ้ ่ เดียว เรี ยกสิ5 งมีชีวิตที5เป็ นผูได้รับประโยชน์วาผู้ล่า (predator) และเรี ยก ้ ่ สิ5 งมีชีวิตอีกชนิดที5เป็ นผูเ้ สี ยประโยชน์วา ผู้ถูกล่ า หรือ เหยือ (prey) โดย . ความสัมพันธ์แบบล่าเหยือนี) ส่ วนใหญ่ผล่าจะกินผูถกล่าเป็ นอาหารเพื5อใช้ 5 ู้ ู้ ในการดํารงชีวิต เช่น นกกินแมลง ปลาฉลามกินแมวนํ)า และเสื อกินกวาง
  • 22. 5. ภาวะการแข่ งขัน (coompetition; -/-) เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวิตที5อาศัยอยูร่วมกันในพื)นที5 ่ เดียวกัน อาจเป็ นสิ5 งมีชีวิตชนิดเดียวกันหรื อต่างชนิดกันโดยสิ5 งมีชีวิต ทั)ง สองมีความต้องการใช้ปัจจัยในการดํารงชีวิตที5เหมือนกัน ่ ดังนั)นหากระบบนิเวศอยูในสภาวะที5ขาดแคลนปั จจัยในการดํารงชีวิต นั)น สิ5 งมีชีวิตทั)งสองชนิดก็ตองแก่งแย่งหรื อแข่งขันกัน ซึ5งในการแข่งขันก็ ้ จะทําให้ส5ิ งมีชีวิตทั)งคู่เสี ยประโยชน์จากการแข่งขัน และหากเป็ นการ แข่งขันของสิ5 งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ก็จะก่อให้เกิดผลเสี ยจากการแข่งขัน มากกว่าการแข่งขันระหว่างสิ5 งมีชีวิตต่างชนิดกัน เช่น การแย่งตําแหน่งจ่า ฝูงของหมาป่ า การแย่งกันล่าเหยือของสุ นขจิ)งจอกกับเสื อ 5 ั
  • 23. To help protect y our priv acy , PowerPoint prev ented this external picture from being automatically downloaded. To download and display this picture, click Options in the Message Bar, and then click Enable external content. ภาวะการแข่ งขัน
  • 24. 6. ภาวะปรสิ ต (paratism; +/-) เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างสิ5 งมีชีวิตสองชนิดที5มีขนาด แตกต่างกัน โดยสิ5 งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่า เรี ยกว่า ผูถูกอาศัยหรื อเจ้าบ้าน ้ ่ (host) จะเป็ นที5อยูอาศัยของสิ5 งมีชีวิตอีกชนิดที5ขนาดเล็กกว่า เรี ยกว่า ผูอาศัย หรื อ ปรสิ ต (parasite) โดยฝ่ ายเจ้าบ้านจะเป็ นฝ่ ายเสี ย ้ ประโยชน์จากการถูกแย่งอาหาร หรื อถูกใช้ส่วนหนึ5งของร่ างกายเป็ น อาหารของปรสิ ต ซึ5 งอาจส่ งผลให้เกิดอาการเจ็บป่ วยในเจ้าบ้านได้ ภาวะปรสิ ต สามารถแบ่ งได้ เป็ น 2 ลักษณะ คือ ่ ภาวะปรสิ ตภายใน (endo-parasite) ปรสิ ตอาศัยอยูใน ตัวเจ้า บ้านได้แก่ พยาธิชนิดต่าง ๆ ในร่ างกายของสัตว์ ภาวะปรสิ ตภายนอก (ecto-parasite) ปรสิ ตอาศัยอยูภายนอก ่ ตัวเจ้าบ้าน ได้แก่ เห็บ เหา หมัด
  • 25. ต้ นฝอยทองกับต้ นไม้ ใหญ่ กาฝากกับต้ นมะม่ วง
  • 26. ห่ วงโซ่ อาหารและสายใยอาหาร ห่ วงโซ่ อาหาร (Food Chain) เป็ นความสัมพันธ์ของสิ5 งมีชีวต ิ ชนิดต่าง ๆ ในระบบนิเวศที5มีการกินต่อกันเป็ นทอด ๆ มักเริ5 มต้นด้วยผูผลิตเสมอ ้
  • 27.
  • 28. To help protect y our priv acy , PowerPoint prev ented this external picture from being automatically downloaded. To download and display this picture, click Options in the Message Bar, and then click Enable external content. สายใยอาหาร (Food Web) เป็ นความสัมพันธ์ที5เกิดขึ)นใน ระบบนิเวศที5ประกอบด้วย ห่วงโซ่อาหารหลาย ๆ ห่วงโซ่ ั แต่ละห่วงโซ่มีความสัมพันธ์กน หรื อเป็ นความสัมพันธ์ของ สิ5 งมีชีวตในระบบนิเวศหนึ5ง ๆ ที5มีการถ่ายทอดพลังงาน ิ ประกอบด้วยหลาย ๆ ห่ วงโซ่อาหาร
  • 29.
  • 30. พลังงานในสิ. งมีชีวต ิ พีระมิดจํานวน พีระมิดมวล พีระมิดพลังงาน
  • 35. 1.การตรึงไนโตรเจน (Nitrogen Fixation) เป็ นการตรึ งไนโตรเจนอิสระในบรรยากาศ โดยอาศัยแบคทีเรี ยและสาหร่ ายบางชนิ ด เช่น แบคทีเรี ยไรโซเบียมที5ปมรากพืชตระกูลถัว 5 หรื อเกิดจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เช่น ฟ้ าแลบ แล้วเปลี5ยนเป็ นกรดอะมิโน 2. การสร้ างแอมโมเนีย (Ammonification) เป็ นการเปลี5ยนรู ปโปรตีนของพืชและ สัตว์ ตลอดจนสารประกอบไนโตรเจนที5เป็ นสิ5 งขับถ่ายให้กลายเป็ นก๊าซแอมโมเนีย โดย อาศัยจุลินทรี ยที5เรี ยกว่า แอมโมนิไฟอิงแบคทีเรี ย (Ammonifying Bacteria) ์ 3. การสร้ างไนโตรเจน (Nitrification) เป็ นการเปลี5ยนแปลงแอมโมเนียให้กลายเป็ นไนไตรต์ และไนเตรต โดยอาศัยแบคทีเรี ยบางชนิ ดที5เรี ยกว่า ไนตริ ไฟอิงแบคทีเรี ย (Nitrifying Bacteria) สารประกอบไนเตรตเป็ นสารที5ละลายนํ)าได้ดีมาก พืชจึงดูดซึ มเอาไปใช้ประโยชน์ ได้ทนที ส่ วนไนตริ ไฟอิงแบคทีเรี ยเป็ นแบคทีเรี ยที5ตองการออกซิ เจน หากเกษตรกรทําการ ั ้ ไถพรวนดินจะทําให้แบคทีเรี ยเจริ ญดีข) ึน 4. การสร้ างไนโตรเจนกลับสู่ บรรยากาศ (Denitrification) เป็ นการละลายไนเตรตเป็ นไนไตรต์ และก๊าซไนโตรเจนอิสระสู่บรรยากาศโดยแบคทีเรี ยที5ไม่ใช้ออกซิ เจน ที5เรี ยกว่า ดีไนตริ ไฟอิง แบคทีเรี ย (Denitrifying Bacteria)
  • 36. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ. งแวดล้ อม ่ ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resources) หมายถึง สิ5 งที5ปรากฏอยูตามธรรมชาติหรื อ สิ5 งที5ข) ึนเอง อํานวยประโยชน์แก่มนุษย์และธรรมชาติดวยกันเอง ้ ่ สิ. งแวดล้ อม หมายถึง สิ5 งต่าง ๆ ที5อยูรอบตัวเรา ทั)งสิ5 งที5มีชีวิต สิ5 งไม่มีชีวิต เห็นได้ ด้วยตาเปล่า และไม่สามารถเห็นได้ดวยตาเปล่า รวมทั)งสิ5 งที5เกิดขึ)นโดยธรรมชาติ ้ ่ และสิ5 งที5มนุษย์เป็ นผูสร้างขึ)น หรื ออาจจะกล่าวได้วา สิ5 งแวดล้อมจะประกอบด้วย ้ ทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรที5มนุษย์สร้างขึ)นในช่วงเวลาหนึ5งเพื5อสนองความ ต้องการของมนุษย์นนเอง 5ั - สิ5 งแวดล้อมที5เกิดขึ)นโดยธรรมชาติ ได้แก่บรรยากาศ นํ)า ดิน แร่ ธาตุ และ ่ สิ5 งมีชีวิตที5 อาศัยอยูบนโลก (พืช และสัตว์) ฯลฯ - สิ5 งแวดล้อมที5มนุษย์สร้างขึ)น ได้แก่ สาธารณูปการต่าง ๆ เช่น ถนน เขื5อนกั)น นํ)า หรื อระบบของสถาบันสังคมมนุษย์ที5ดาเนินชีวิตอยู่ ํ
  • 37. ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ 1. ทรัพยากรนํา6 2. ทรัพยากรดิน 3. ทรัพยากรป่ าไม้ 4. ทรัพยากรแร่ ธาตุ 5. ทรัพยากรสั ตว์ ป่า
  • 38. ประเภทของสั ตว์ ป่า เพื5อเป็ นการปกป้ องรักษาสัตว์ป่าให้มีชีวิตสื บต่อไปถึงอนุชนรุ่ นหลังจึงมีการออก พระราชบัญญัติสงวนและคุมครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ภูมิพลอดุลเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที5 ้ 19 กุมภาพันธ์ 2535 เป็ นปี ที5 47 ในรัชกาลปั จจุบน แบ่งสัตว์ป่าออกเป็ น 2 ประเภท คือ ั 1. สั ตว์ ป่าสงวน เป็ นสัตว์ป่าที5หายากและปั จจุบนมีจานวนน้อยมากบางชนิดสู ญพันธุ์ไป ั ํ แล้วมีอยู่ 15 ชนิ ด คือ นกเจ้าฟ้ าหญิงสิ รินธร แรด กระซู่ กูปรี หรื อโคไพร ควายป่ า ละอง หรื อละมัง สมันหรื อ เนื)อสมัน เลียงผา นกแต้วแล้วท้องดํา นกกระเรี ยน แมวลายหิ นอ่อน 5 สมเสร็ จ เก้งหม้อ และพะยูนหรื อหมูน) า ํ 2. สั ตว์ ป่าคุ้มครอง เป็ นสัตว์ท) งที5ปกติไม่นิยมใช้เป็ นอาหารและใช้เป็ นอาหารทั)งที5ไม่ใช่ล่า ั ํ เพื5อการกีฬาและล่าเพื5อการกีฬา ตามที5กฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กาหนดไว้ มากกว่า 200 ชนิ ด เช่น ค่าง ชะนี อีเห็น ไก่ฟ้า เหยียว ช้างป่ า แร้ง กระทิง กวาง หมีควาย อีเก้ง 5 นกเป็ ดนํ)า เป็ นต้น บทลงโทษ ทั)งสัตว์ป่าสงวนสัตว์ป่าคุมครองและซากของสัตว์ป่าสงวนหรื อซากของสัตว์ป่า ้ คุมครอง ห้ามมิให้ผใดทําการล่ามีไว้ในครอบครอง ค้าขายและนําเข้าหรื อส่ งออก หากผูใด ้ ู้ ้ ฝ่ าฝื นต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสี5 ปีหรื อปรับไม่เกินสี5 หมื5นบาทหรื อทั)งจําทั)งปรับ
  • 39. มลพิษในสิ. งแวดล้ อม มลพิษทางนํา 6 มลพิษทางดิน มลพิษทางอากาศ
  • 40. การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่ างยังยืน . เสนอแนวคิดในการอนุรักษ์ ในการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่ าง ยังยืน .