11. การหาค่าประจุของอิเล็กตรอน Robert Millikan, 1909
ศึกษาการเคลื่อนที่ของหยดนามันในสนามไฟฟาภายใต้ แรงโน้ ม
้ ้
ถ่ วง ใช้ วิธีเม็ดนามัน( Oil- Drop experiment)
้
แผนภาพและเครื่องมือวัดประจุบนหยดนามัน
้
12. 14
ประจุของอิเล็กตรอน (e) = 1.60 x 10-19 คูลอมบ์
1.60 x 10-19 C
มวลของอิเล็กตรอน (m) = 1.76 x 108 C/g
= 9.11 x 10 -28 g
13. ได้ อะไรจากผลการทดลอง?
ประจุของอิเลกตรอน = 1.60 x 10-19 C
ประจุตอมวลของอิเลกตรอน = 1.76 x 108 C/g
มวลของอิเลกตรอน = 9.11x10-31 kg
หรือ = 9.11x10-28 g
14. ได้ อะไรจากผลการทดลอง?
ประจุของอิเลกตรอน = -1.60 x 10-19 C
ประจุต อมวลของอิเลกตรอน = -1.76 x 108 C/g
มวลของอิเลกตรอน = 9.11x10-31 kg
30. การเขียนสัญลักษณ์ของอะตอม
เลขมวล (Mass number)
ใช้สัญลักษณ์เป็น A หมายถึง ผลรวมของจานวนโปรตอน และ
จานวนนิวตรอนในนิวเคลียส
เลขมวล = เลขอะตอม + จานวนนิวตรอน
A = Z + n
จานวนนิวตรอน = เลขมวล - เลขอะตอม
n =A + z
34. สัญลักษณ์นวเคลียร์
ิ จานวนอิเล็กตรอน จานวนโปรตอน จานวนนิวตรอน เลขมวล
C 6 6 6 12
6 6 7 13
6 6 8 14
ไอโซโทปของธาตุบางชนิดอาจจะมีชอเรียกโดยเฉพาะ
ื่
เช่น ธาตุไฮโดรเจนมี 3 ไอโซโทป และมีชอเฉพาะดังนี้
ื่
1
1
H H เรียกว่ า โปรเทียม ใช้ สัญลักษณ์ H แทน
2 H H เรียกว่ า ดิวทีเรียม ใช้ สัญลักษณ์ D แทน
1
3 H H เรียกว่ า ทริเทียม ใช้ สัญลักษณ์ T แทน
1
35. ไอโซโทน ( Isotone ) หมายถึง ธาตุต่างชนิดกันทีมจานวนนิวตรอนเท่ากัน
่ ี
แต่มีเลขมวลและเลขอะตอมไม่เท่ากัน เช่น
18 O 19
F เป็นไอโซโทนกัน มีนวตรอนเท่ากันคือ
ิ
9
8 n = 10
A Z n
ธาตุ
8 O 18 8 10
18
9F 19 9 10
19
จะเห็นได้ว่าเฉพาะ n เท่านั้นที่เท่ากัน
แต่ A และ Z ไม่เท่ากัน จึงเป็นไอโซโทน
36. ไอโซบาร์ (Isobar) หมายถึง ธาตุต่างชนิดกันที่มีเลขมวลเท่ากัน
แต่มีมวลอะตอมและจานวนนิวตรอนไม่เท่ากัน เช่น
30 30
15 P 14 Si P กับ Si มีเลขมวลเท่ากันคือ 30
A Z n
ธาตุ
30
15
P 30 15 15
14 Si 30 14 16
30
จะเห็นได้ว่าเฉพาะ A เท่านันที่เท่ากัน
้
แต่ Z และ n ไม่เท่ากัน จึงเป็นไอโซบาร์
51. Particle-Wave Duality
Planck - Einstein : Energy possesses Mass
E=hυ Light: Wave or Particle ?
E = mc2
h υ = mc2 wave
hc/λ = mc2 particle
h c / c 2λ = m
m = hc/c2λ
photons
Light has Mass
66. hc
E photon h
E E f Ei
1 1
E photon Rhc[ 2 2 ]
1 1 n f ni
E Rhc[ 2 2 ]
n f ni
1 1 1
R[ 2 2 ]
E E photon n f ni
1 1
R[ 2 2 ]
n f ni
i =initial, n2***สภาวะเริมต้น
่
f =final, n1***สภาวะสุดท้าย
77. ความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัม (p) และความเร็ว (c) ของแสงกับพลังงาน
E mc 2
mc . c pc
ความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับความถี่ของโฟตอน
c
E h h
สาหรับอนุภาคใด ๆ
h
mc
เรียกว่า ความยาวคลื่นเดอบรอยล์
78. Very Important person
ไฮเซนเบิรก(Heisenberg)
์
วิธีทาการทดลอง
ไฮเซนเบิรก ทาการทดลองในหัวสมอง (thought experiment)
์
เพื่อวัดตาแหน่งของอิเล็กตรอน
สรุปผลการทดลอง
"เราไม่สามารถระบุตาแหน่งของคลืนได้" ดังนั้น การที่จะบอก
่
ตาแหน่งที่แน่นอนของอิเล็กตรอนเป็นไปได้ยาก เขาจึงได้เสนอหลักความไม่
แน่นอน(uncertainty principle) ซึ่งกล่าวว่า
"เราไม่สามารถระบุตาแหน่งและโมเมนตัมที่แน่นอนของอิเล็กตรอนได้อย่างเที่ยงตรง
พร้อมๆ กันได้"
83. Schrodinger Wave Equation
Properties of the Schrodinger equation provides information
about the electronic arrangement of each atom.
HΨ = EΨ
E-Eigen Value
H-Hamiltonian Operator Total energy of the atom
(Math function) Sum of P.E. and
i.e. ex, ln, yx, !, Ε K.E. of moving e-.
86. เลขควอนตัม (Quantum Numbers)
Ψ = fn(n, l, ml, ms)
จากกฏเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ในการแก้สมการชโรดิงเจอร์ เพื่อหาพลังงาน และ
บริเวณที่จะพบอิเล็กตรอนในสามมิติ จะมีตัวเลขจานวนต็ม 3 ชนิดเข้ามา
เกี่ยวข้องคือ n ,l, ml และต่อมาก็พบเลขควอมตัมอีกชนิดหนึ่ง คือ mS
อิเล็กตรอนแตละตัว ประกอบดวยเลขควอนตัม 4 ตัว
Principal quantum number n
Angular momentum quantum number l
Magnetic quantum number ml
Spin quantum number ms
87. เลขควอนตัมหลัก
Principal Quantum Number( n)
n = ระดับชั้นของพลังงาน shell (energy level)
ที่อิเล็กตรอนอยู่(ระดับพลังงานหลัก)
n เป็นเลขจานวนเต็มมีคาตั้งแต่ = 1, 2, 3, 4, ….
่
เราอาจใช้สญลักษณ์ K , L , M , N, ….
ั
Number of electrons
that can fit in a shell : 2n2
n กาหนดระยะหางของ e- จากนิวเคลียส
89. เลขควอนตัมโมเมนตัมเชิงมุม
Angular Momentum Quantum Number( l )
l จะมีคาเทากับ 0, 1, 2, 3, … (n-1)
l จะตัวบอกระดับพลังงานย่อย (ชั้นย่อยๆ Subshells ของ n)
l = 0 ,s ออรบิทัล
n = 1, l = 0 l = 1 ,p ออรบิทัล
n = 2, l = 0, 1 l = 2 ,d ออรบิทัล
n = 3, l = 0, 1, 2 l = 3, f ออรบิทลั
คา l ใช้บอกจานวนชั้นย่อยและ กาหนดรูปรางของออรบิทัล
90. ระดับพลังงานย่อย (Subshells)
-ระดับพลังงานย่อย S ( sharp) 1 ออร์บิทัล
-ระดับพลังงานย่อย P ( principal) 3 ออร์บิทัล
-ระดับพลังงานย่อย d ( diffuse) 5 ออร์บิทัล
-ระดับพลังงานย่อย f ( fundamental) 7 ออร์บิทัล