SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 37
สรุป การศึก ษาดูง านมูล นิธ ิฉ ือ จี้ ประเทศใต้ห วัน ระหว่า งวัน ที่
30 พฤษภาคม 2551-4 มิถ ุน ายน 2551
รายนามคณะผู้ศ ึก ษาดูง าน
รศ. สุจินต์ วิจิตรกาญจน์      เลขาธิการสภาการพยาบาล และเป็นผู้นำา
โครงการทีม                                       ทัศนศึกษาดูงานของมูลนิธิ
ฉือจี้ ณ ประเทศไต้หวัน
กรรมการสภาการพยาบาล
 รศ. ดร. พูลสุข หิงคานนท์            ประธานกรรมการประจำาสาขาวิชา
พยาบาลศาสตร์ มสธ.
นางกรรณิกา ปัญญาอมรวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาล
ชัยบาดาล
รศ. ดร. ดรุณี รุจกรกานต์             คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
นางอรวรรณ รัตนวิจักขณ์               หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลสมเด็จพระ
ยุพราชเดชอุดม
ผศ. ดร. สุนทราวดี เธียรพิเชฐ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ม.บูรพา
นางอิชยา สุวรรณกุล            กรรมการที่ปรึกษา
ผู้นำาด้านการศึกษาการพยาบาล
นางสาวสุพร พวงวราพันธ์               รองผู้อำานวยการฝ่ายแผนและประกันคุณภาพ
วพบ. พุทธชินราช
นางวราพร วันไชยธนวงศ์                ผู้อำานวยการวิทยาลัยพยาบาล วพบ.
เชียงใหม่
รศ. ดร. จริยาวัตร คมพยัคฆ์           คณบดีคณะพยาบาลสาสตร์ ม.หัวฉียว
เฉลิมพระเกียรติ
นางพิมพรรณ รัตนโกมล                  พยาบาลวิชาชีพ 8 วพบ. ชัยนาท
ดร. ศรินทร์ทิพย์ ชวพันธุ์     รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์
มิค ม.พายัพ
ดร. จิราพร วัฒนศรีสิน         ผู้อำานวยการ วพบ. นครศรีธรรมราช
รศ. ดร. เอื้อมพร ทองกระจาย คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ ม.ขอนแก่น
นางปิยะรัตน์ นิลอัยยกา        คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิต
บริหารธุรกิจ
นางสุรีพร ธนศิลป์             รองศาสตราจารย์ ระดับ 9 คณะพยาบาลศาสตร์
        จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นางเพ็ญจมาศ คำาธนะ            พยาบาลวิชาชีพ 8 วพบ. ราชบุรี
นางสุภาเพ็ญ ปาณะวัฒนพิสุทธิ์ พยาบาลวิชาชีพ 8 วพบ. สวรรค์ประชารักษ์
นครสวรรค์
.ผู้นำาด้านการบริการการพยาบาล
นางปราณี ภาณุภาส              พยาบาลวิชาชีพ 8 วช. สถาบันธัญญารักษ์
นางจรรยาวัฒน์ ทับจันทร์              พยาบาลวิชาชีพ 7 โรงพยาบาลสูงเนิน
จ. นครราชสีมา
นางสาวสุวดี ชูสุวรรณ          หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลตรัง จ.ตรัง
นางรัตนาภรณ์ พงษ์ประจักษ์ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลพระพุทธบาท
จังหวัดสระบุรี
นางสาวสุดารัตน์ สุธราพันธ์            หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลแพร่
 นางมัจฉรี โอสถานนท์           พยาบาลวิชาชีพ 9 วช. สถาบันราชานุกูล
นางพรทิพย์ รัตนวิชัย           พยาบาลวิชาชีพ 9 โรงพยาบาล
พระนครศรีอยุธยา
นางสาวพิมวดี ตรีโรจน์พร               พยาบาลวิชาชีพ 7 ศูนย์มะเร็ง
อุบลราชธานี
นางควรพิศ สายภัทรานุสรณ์              พยาบาลวิชาชีพ 7 โรงพยาบาลส่ง
เสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 3 จ. ชลบุรี
นาวาเอกหญิงวรรณนภา อังสุวัฒน์ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาล
สมเด็จพระปิ่นเกล้า
นางวนิดา อินทรสันติ            หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโป่ง จ.
ราชบุรี
นางสุวคนธ์ แก้วอ่อน            ผู้ช่วยหัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลขอนแก่น
นางวิจิตรา เชาว์พานนท์         รองผู้อำานวยการกลุ่มภารกิจบริการวิชาการ
กองสถาบันประสาทวิทยา
                               บทนำา
             การศึกษาดูงานมูลนิธิพุทธฉือจี้ ประเทศไต้หวัน คณะ
ผูศึกษาดูงานเดินทางออกจากกรุงเทพในเวลา 6.00 น. และถึงสนาม
  ้
บินกรุงไทเปในเวลาประมาณ 9.45 น (เวลาประเทศไทย)ใช้เวลาบิน
ประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที แต่เวลาในประเทศไต้หวันเป็น
เวลา 10.45 น. ทั้งนี้เพราะเวลาในประเทศไต้หวันเร็วกว่าเมืองไทย 1
ชั่วโมง คณะของพวกเราเมื่อถึงสนามบินและผ่านพิธีการตรวจคนเข้า
เมือง กว่า
                       จะออกมาถึงภายนอกได้ก็เกือบ 11.40 น.
                เมื่อออกมาถึงบริเวณที่
                       โดยสารขาเข้าของสนามบิน ไกด์ทัวร์ คือคุณ
                Wendy Tsai หรือที่เรา
                       เรียกกันว่าคุณส้ม ก็แจ้งให้พวกเราเดิน สวยๆ
                ซึ่งพวกเราก็มีความสงสัย
                       ทำาไมต้องเดินสวย ๆ ก็ได้รับคำาชี้แจงต่อว่าการ
                เดินสวยๆนั้นคือการ
                       ดินแถวเรียงสองให้เป็นระเบียบเพราะจะมีคณะ
                ของมูลนิธิพุทธฉือจี้
                       จากนั้นเราก็ได้เห็นพิธีการต้อนรับของอาสา
                สมัครชาวฉือจี้ ทั้งชายและ
หญิง ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยผู้ชายใส่เสื้อชาวกางเกงสีนำาเงินผูก
เนคไท เรียบร้อยมาก ผูหญิง
                        ้
ใส่ชุดกี่เพาสีนำ้าเงิน มาให้การต้อนรับพวกเราประมาณ 8-9 คนโดย
เข้าแถวรอรับพร้อมกับการยกมือไหว้พวกเรา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
แจ่มใส ปรบมือรับพวกเรา ทำาให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นกับการต้อนรับที่
อบอุ่น เมื่อก้าวย่างที่ประเทศไต้หวัน และมิใช่มาต้อนรับอย่างเดียว ทุก
คนไม่ว่าหญิง ชาย เขาช่วยขนกระเป๋า ใส่รถโค้ช ที่เป็นพาหนะใน
การเดินทางของพวกเราอย่างเต็มใจ โดยที่กลุ่มอาสาสมัครที่มา
ให้การต้อนรับเรานั้นมาจากหลายเมืองทั้งที่อาศัยในกรุงไทเปและ
นอกเมืองไทเป โดยสำานักงานของมูลนิธิพุทธฉือจี้เป็น ผู้ประสานไป
ยังอาสาสมัครว่าจะมีคณะจากเมืองไทยมาศึกษาดูงานกิจการของมูล
นิธิพุทธฉือจี้ คณะอาสาสมัครเหล่านี้ต้องใช้ จ่ายเงินส่วนตัวในการ
เดินทางมาร่วมต้อนรับคณะของเราเองทั้งสิ้นซึ่งทำาให้พวกเรารู้สึก
ประทับใจนับตั้งแต่ก้าวแรกของการมาถึงประเทศไต้หวัน และไม่ใช่
เฉพาะการต้อนรับเมื่อ

สถานที่ศึกษาดูงานในประเทศใต้หวัน
    1. สถานีร ีไ ซเคิล เหยีย นผิง
    2. สถานีโ ทรศัน ์ต ้า อ้า ย
    3. โรงพยาบาล ซิน เตี้ย น
    4. ศาลาจิ้ง ซือ ( พิพ ิธ ภัณ ฑ์ฉ ือ จี้)
    5. มหาวิทยาลัยฉือ
    6. จี้ฮวาหลียนวิท ยาลัย เทคโนโลยีฉ ือ จี้
    7. โรงพยาบาลฮวาเหลีย น
    8. สมณารามจิง เซ่อ



                  วัน ที่ 30 พฤษภาคม 2551
  การศึก ษาดูง านที่ส ถานีร ีไ ซเคิล ขยะที่เ หยีย นผิง และสถานี
    โทรทัศ น์ต ้า อ้า ยกรุง ไทเป ประเทศไต้ห วัน

                  สถานีร ีไ ซเคิล ขยะเหยีย นผิง
                     สภาการพยาบาลได้กำาหนดให้มีการศึกษา ดู
งานที่สถานีรีไซเคิล
                     ที่เหยียนผิง ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงไทเป ในวันที่
                30 พฤษภาคม 2551
                     เวลา 14.00 น. คณะผู้ศึกษาดูงานมาถึง
                สถานีรีไซเคิลขยะที่เหยียนผิง
เมื่อลงจากรถ ก็ได้รับการต้อนรับจากอาสา
                   สมัครฉือจี้ 5-6 คน คน
                          ตั้งแถวรอรับพร้อมทักทายด้วยการพนมมือไหว้
                   และเชื้อเชิญ
สถานีรีไซเคิลขยะ เป็นสถานที่ที่นำาขยะมาแยกก่อนนำาไปรีไซเคิล
อาสาสมัครฉือจี้ที่เป็นผู้นำาชมสถานที่              รีไซเคิลขยะเหยียนผิงได้
เล่าว่า ประเทศไต้หวันเป็นประเทศอุตสาหกรรมมีกากอุตสาหกรรม
จากโรงงานมาก สิ่งแวดล้อมตกอยู่ในภาวะอันตราย ท่านธรรมาจารย์
เจิ้งเหยียน จึงเล็งเห็นว่าโลกถูกทำาลายมามาก หากเรายังไม่หยุด
ทำาร้ายโลก มนุษย์จะกลายเป็นผู้ถูกทำาร้ายเสียเองในอนาคต การลด
ขยะและการรีไซเคิลเป็นการลดภาวะโลกร้อน ดังนั้นจึงเกิดการ
รณรงค์การ        ลดขยะ การเก็บขยะ คัดแยกขยะ และนำาขยะมา
รีไซเคิลเพื่อลดการทำาร้ายโลกให้บอบชำ้าน้อยลง และมูลนิธิฉือจี้ได้
บรรจุไว้เป็นหนึ่งในภารกิจของมูลนิธิพุทธฉือจี้ด้วยเพื่อให้เกิด
จิตสำานึกของการร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อน โดยมีการสร้างจิตสำานึก
ของการลดขยะการทั้งขยะตั้งแต่ในวัยเด็กผ่านการปลูกฝังในโรงเรียน
ของมูลนิธิฉือจี้ และจากนั้นแบ่งกลุ่มคณะผู้ศึกษาดูงานเป็น 2 กลุ่มเพื่อ
จะได้หมุนเวียนกันดูงานในแต่ละจุดของการดำาเนินการแยกขยะ
       1 สถานที่ดำาเนินการแยกขยะ
                            สถานที่ที่เป็นที่ดำาเนินการรีไซเคิลขยะ เป็น
โรงเรือนที่ปลูกสร้างง่ายๆ
                      ในที่ดินประมาณหนึ่งไร่เศษ ติดถนน ซึ่งมูลนิธิ
                   พุทธฉือจี้ได้รับบริจาค
                      เป็นสถานที่ที่นำาขยะที่อาสาสมัครฉือจี้ไปเก็บนำามา
                   จากแหล่งที่ทิ้งขยะจาก
                      ชุมชน ต่างในเขตที่สถานีรีไซเคิลเหยียนผิงรับ
             ผิดชอบ มาดำาเนินการแยก
                      ขยะให้เป็น ประเภทต่างๆ และทำาให้ขยะนั้นเกิด
                   มูลค่ามากขึ้น โดยใน
                      ประเทศไต้หวันจะมี           สถานที่รีไซเคิลขยะใน
                   ลักษณะนี้หลายแห่งในกรุง
ไทเป ขยะที่นำามาที่นี้จะเป็นขยะแห้งเท่านั้น เช่นกระดาษ ขวดแก้ว
ขวดพลาสติก เหล็ก อลูมิเนียม ฯลฯ สถานที่ดำาเนินการแยกขยะ จะ
แยกประเภทไว้คือขยะที่เป็นกระดาษ พลาสติก ถุงพลาสติก ขวด
พลาสติก ขวดแก้ว ม้วนเทปคลาสเซ็ท อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำารุด เป็นต้น
ขยะที่เป็นประเภทขวดนำ้า กระป๋อง ถุงพลาสติก ผู้ที่ทิ้งจะมีการล้างมา
ก่อนการทิ้ง จึงเป็นขยะที่ไม่สกปรกหรือมีกลิ่นเหม็น
2. วิธีการแยกขยะ
             อาสาสมัครฉือจี้เล่าให้ฟังว่าในแต่ละวันจะมีอาสาสมัคร
ฉือจี้
ประมาณ 50-100 คนจะออกไปเก็บขยะในชุมชน ทุกชุมชนโดยขอ
ให้ประชาชนทิ้งขยะให้มูลนิธิพุทธฉือจี้ 2-3 วัน/สัปดาห์ จากนั้น รถ
บรรทุกขยะจะนำามาส่งที่สถานีแยกขยะในชุมชน และจะมีอาสาสมัคร
ประมาณวันละ 10-12 คนมาเป็นผู้ดำาเนินการแยกขยะ การมา
ทำางานที่นี้อาสาสมัครจะไม่ค่าใช้จ่ายในการทำางานใด ๆ ส่วนใหญ่จะ
เป็นผู้สูงอายุ มาช่วยกันทำางานแยกขยะ เขาจะมาเกือบทุกวัน
สมำ่าเสมอโดยจ่ายค่ารถกันเอง สถานที่จัดให้อาสาสมัครทำางานจะ
เป็นม้านั่งเตี้ยพลาสติก และมีการนั่งทำางานเป็นสัดส่วน แต่ละแผนก
อาทิแผนกการแยกกระดาษโดยมีอาสาสมัครนั่งทำางานบนม้าพลาสติก
เล็ก เป็นกลุ่ม ๆโดยทำาการฉีกกระดาษออกจากหนังสือ เป็นกระดาษ
แผ่นๆ แล้วแยกกระดาษออกเป็นกระดาษสี กระดาษขาว กระดาษที่มี
หมึก กระดาษที่มีพลาสติกฉาบ ฯลฯ หย่อนในลังไว้เป็นส่วนๆ ทั้งนี้
เนื่องจากราคาของกระดาษที่จะนำาไปขายแตกต่างกัน ดังนั้นใน
กระดาษ 1 แผ่นจะมีทั้งที่เป็นส่วนกระดาษขาว กระดาษสี กระดาษมี
หมึก อาสาสมัครจะพยายามฉีกกระดาษขาวแยกออกมาให้มากที่สุด
เพราะกระดาษขาวราคาแพงกว่าชนิดอื่น การฉีกกระดาษเป็นส่วนๆ
จึงทำาให้ได้กระดาษที่มีราคาขายที่แตกต่างดังนั้นการแยกกระดาษให้
แยกกันแต่ละประเภทละเอียดมากเท่าใด ก็จะเพิ่มมูลค่ากระดาษได้
มากเท่านั้น และการรีไซเคิลกระดาษจะช่วยลดการตัดต้นไม้ลงไปได้
ปีละหลายล้านต้น             ( เพราะการเก็บกระดาษกลับมาใช้ใหม่ 50
กิโลกรัมเท่ากับช่วยต้นไม้ 1 ต้น อายุ20-25 ปีไม่ให้ถูกทำาลายมา
เป็นกระดาษ ) อาสาสมัครอีกกลุ่มกำาลังดำาเนินการเช็ดถุง
พลาสติก(ขายได้กิโลกรัมละ 9 เหรียญไต้หวัน)
                  อีกกลุ่มกำาลังงัดฝาขวด
                   เหยียบขวดพลาสติกให้แบน
                   เพื่อเอาขายและรีไซเคิลเปลี่ยน
                  เป็น polymer นำาไปทอผ้าห่ม
 อาสาสมัครบางคนนั่งแกะม้วนเทป บางคนกำาลังซ่อมวัสดุ ซึ่งสามารถ
ซ่อมแซมได้ที่มีคนทิ้งเช่นพัดลม เตารีด เพื่อนำาไปขายหรือนำาไปใช้
ใหม่ อีกกลุ่มกำาลังขนขยะขึ้นรถไปขาย
อาสาสมัครที่มาทำางานที่นี้ถือว่าเป็นการทำางานที่เป็นประโยชน์ต่อ
สังคม
ได้บุญ ได้ทำาความดี และเป็นการช่วยให้โลกลดภาวะโลกร้อนลง
อาสาสมัครที่มาทำางานร่วมกันก็ได้ออกกำาลังกายได้พบปะพูดคุยกัน
ระหว่างอาสาสมัครด้วยกัน( ทำาให้ไม่อยู่บ้านคนเดียว เนืองจากสังคม
ประเทศไต้หวันเป็นสังคมครอบครัวเดี่ยว ) มีความสุขกับการทำางาน
อายุจะยืน ไม่มีโรค นอกจากนี้อาสาสมัครจะมีความภูมิใจมากที่เขา
สามารถแยกขยะเพื่อนำาไปขายได้เป็นเงินปีละไม่น้อยกว่า 400 ล้าน
เข้ามูลนิธิพุทธฉือจี้เพื่อทำาประโยชน์ต่อไปซึ่งจากการสังเกตจะเห็นว่า
อาสาสมัครทุกคนตั้งใจทำางานอย่างขะมักเขม้น หน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
และไม่ย่อท้อต่อการทำางานแม้ว่าอากาศจะร้อนก็ตามคณะผู้บริหาร
สถานีแยกขยะได้เชิญคณะดูงาน
เราไปรับประทานนำ้าชา บนโต๊ะ ซึ่งไม่สูงนักมีการวางขนมและ นำ้าชา
ไว้                                อย่างสวยงาม ประดับดอกไม้ที่
สวยงามมาก และได้มีการแสดงการร้องเพลง
ชาวฉือจี้ประกอบภาษามือ และ           มีอาสาสมัครฉือจี้มาเล่าชีวิตและ

                      การเข้ามา เป็นอาสาสมัครของฉือจี้ เล่าว่าตัวเขามี
                      อดีตที่เสเพล
                      เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ได้รู้จักกับภรรยา ในรายการ
                      โทรทัศน์ รู้จักกัน 1 สัปดาห์ก็แต่งงานกัน อยู่กันมา
                      7 ปี อาชีพประกอบธุรกิจ ต่อมาโดนโกง
                      หลายสิบล้าน เครียด เริ่มเกเร แทนที่จะไปโกรธคน
               ที่ทำาแต่เขากลับมาลงที่
                      ครอบครัว โทษภรรยาว่าเป็นตัวซวย ประชดชีวิต
               ดืมเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการ
                 ่
พนัน ทะเลาะ ตบตี ภรรยา จนลูกสาวทนไม่ได้ไปเรียนยูโด ได้สาย
ดำา 2 เส้นเพื่อจะได้มาช่วยแม่ และจากการที่ตนเองได้ยืมเงินกลุ่ม
ใต้ดินมามาก และไม่สามารถใช้ หนี้ได้ ได้ถูกตามทวงหนี้ จึงหนีไป
อยู่ประเทศจีน 10 ปี ไปอยู่ที่ประเทศจีนก็ยังคง ใช้ชีวิตเหมือนเดิม
คิดว่าก็ให้ตายไปเลย สุดท้ายไม่ตายแต่กลับเป็นโรคไต ซมซานกลับ
มาหาครอบครัว ภรรยาพาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลซิมเปี้ยน ลำาไส้
ทะลุ ต้องล้างไตเป็นประจำา วันหนึ่งได้ดูโทรทัศน์ ต้าอ้ายเรื่องการ
สอนคุณธรรมและการเสียสละ ในขณะที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลก็
เกิดความประทับใจอาสาสมัครในโรงพยาบาลด้วย จึงเปลี่ยนวิธีคิด
ตนเอง เพื่อเตรียมตัวตาย ให้ภรรยาพามา ฝากเป็นอาสาสมัคร ตั้ง
ปณิธานที่จะใช้ชีวิตที่เหลือให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด ตามคำา
สอนของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียนคือ มีส องสิ่ง ที่อ าจมาถึง ก่อ น
คือ พรุ่ง นี้เ ช้า หรือ ความตาย ทำา ปัจ จุบ ัน ให้ด ีท ี่ส ุด แม้เ ขาไม่ม ี
สิท ธิ์ค รอบครองร่า งกายนี้ แต่จ ะใช้ร ่า งกายนี้ใ ห้เ ป็น
ประโยชน์ใ ห้ม ากที่ส ุด          การเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่เป็น
อันธพาลแล้วกลับใจมาเป็นอาสาสมัครฉือจี้ ในขณะที่เขาต้องล้างไต
ทุก 3 วันดังกล่าว จึงเป็นสิ่งที่เน้นถึงการพัฒนาจิตใจของอาสาสมัคร
ฉือจี้ที่จะร่วมมือกันพัฒนาสังคม
          สรุป
              3.1. การเก็บขยะ และการนำามาแยกขยะเพื่อเป็นการนำา
ขยะไปขายในราคาที่สูงขึ้นนั้น นับเป็นความพยายามความอดทน
ของอาสาสมัครที่มาร่วมงานกัน ซึ่งเป็นความร่วมมือร่วมใจโดยไม่หวัง
ผลตอบแทน
            3.2. การที่อาสาสมัครผู้สูงอายมาทำางานแยกขยะ เป็นการ
สร้างความสุขในการทำาบุญและการออกกำาลังกายในตัวรวมทั้งไม่
เหงาเพราะได้มีเพื่อนคุยในขณะที่มาทำางาน
            3.3 การแยกขยะจะเป็นการบรรเทาปัญหาขยะในเมืองลง
ได้ และสร้างนิสัยการแยกขยะของประชาชนที่ต้องมีการล้าง และแยก
ประเภทก่อนให้มูลนิธิพุทธฉือจี้
            3.4 หลักการสำาคัญของการดำาเนินการ เน้นที่อาสาสมัคร
ทำางานด้วยใจ ไม่มีสิ่งตอบแทนนอกจากความสุขที่ได้ทำาบุญ การสร้าง
เงินจากสิ่งเหลือใช้ และเป็นการอุทิศตน เสียสละเพื่อช่วยมูลนิธิ




                   สถานีโ ทรทัศ น์ต า อ้า ย
                                    ้
                             สถานโทรทัศน์ต้าอ้าย(ต้าอ้าย แปลว่าความ
รักอันยิ่งใหญ่ ) เป็นสถานี
                        โทรทัศน์สีขาวที่ ดำาเนินการโดยมูลนิธิพุทธฉือจี้
                ตั้งอยู่ที่กรุงไทเป
                        ภายในสถานีโทรทัศน์ห้องประชุมใหญ่(ใช้เป็น
                ห้องส่งด้วย) พื้นปูด้วยไม้
ทุกคนที่เข้าชมจะถอดรองเท้าและใส่ถุงเท้าแทน อาคารใหญ่โตใช้งบ
ประมาณในการก่อสร้างหลายร้อยล้านบาทและเป็นสถานีที่มีอุปกรณ์
ห้องส่ง ห้องแพร่ภาพทีทันสมัยมากในไต้หวัน และทั่วโลก
สถานีที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารด้านความรู้ คุณธรรม
จริยธรรม คำาสั่งสอนของพระโพธิสัตว์และการปฏิบัติกิจกรรมที่เป็น
ประโยชน์ของอาสาสมัครของมูลนิธิพุทธฉือจี้ การออกอากาศแพร่
ภาพเพื่อเผยแพร่ข่าวสารของสถานีวันละ 6 ช่วงเวลา โดยไม่มีการ
โฆษณา มูลนิธิจะให้การสนับสนุนงบประมาณดำาเนินการซึ่งใช้
ประมาณปีละ 1200 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยนำามาจากการขายขยะ
ประมาณปีละ 400 ล้านเหรียญไต้หวัน สถานีนี้สามารถแพร่ภาพไป
ได้ทั่วโลก
            การดำาเนินงานมีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถในการทำา
รายการทั้งระดับมืออาชีพและอาสาสมัครที่มีความรู้ความสามารถใน
ด้านโทรทัศน์มาช่วยในดำาเนินการผลิตรายการ รายการของสถานี
โทรทัศน์ต้าอ้ายนั้นจะเน้นการเผยแพร่เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ทาง
เสริมสร้างมากกว่าการทำาลาย ทั้งนี้อาสาสมัครที่เป็นวิทยากรเล่าให้
พวกเราฟังว่า คนส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากสื่อมาก โดยที่สื่อ
โทรทัศน์ส่วนใหญ่จะมอมเมาประชาชนหลงเชื่อในทางที่ไม่ถูกต้อง
เสนอเรื่องที่รุนแรงก้าวร้าว ซึ่งทำาให้เด็กเกิดการเลียนแบบได้ง่าย มี
ผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม สถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายจึงเป็นสถาน
ที่ที่ดำาเนินการตรงข้ามกับสถานีอื่น จะมีแต่รายการที่สร้างสรรค์ นำา
เสนอแต่ตัวอย่างของชีวิตจริงของคนแบบสร้างสรรค์ ไม่เสนอเรื่องที่
รุนแรง หล่อแหลม การมอมเมา การบริโภคนิยม และการนำาเสนอสา
ระใดๆก็ตามจะต้องเป็นเรื่องที่เป็นความจริง ซึ่งพบว่าสถานีโทรทัศน์
ต้าอ้ายมีอิทธิพลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนได้เพราะ
ประชาชนได้เห็นสิ่งที่เป็นตัวอย่างจริงและได้รับฟังธรรมจากท่าน
ธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ซึ่งให้ข้อคิดในการปฏิบัติตนอย่างมีคุณค่า
ทั้งนี้ในโรงเรียน ในโรงพยาบาล ของมูลนิธิพุทธฉือจึ้ จะเปิดให้
นักเรียน ผู้ป่วยรับชมสถานีนี้ และพบว่าคนที่ดูรายการของสถานีนี้
แล้วคลายทุกข์ได้ และสถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายได้รับการโหวตจากคน
ไต้หวันว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตมากที่สุด เพราะมีรายการทั้งที่เป็นสารคดี
การปฏิบัติงานของชาวฉือจี้ รายการนิทานสอนใจ รายการละครชีวิต
รายการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ข่าวความเคลื่อนไหวของโลกที่มูลนิธิ
พุทธฉือจี้เข้าไปช่วยเหลือ รายการกรณีศึกษาที่นำาเอาชีวิตของอาสา
สมัคร ชาวบ้านที่ทำาประโยชน์ในลักษณะพระโพธิสัตว์บำาเพ็ญบุญ ซึ่ง
ส่งผลต่อการเป็นสมาชิกชองมูลนิธิและอาสาสมัครของมูลนิธินี้มากขึ้น
ทั่วโลก
              สถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายไม่เป็นเพียงสถานีที่ให้ข้อมูลเฉพาะ
คนไต้หวัน แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่กว้างขวางให้กับคนทั่วโลก สถานี
โทรทัศน์ต้าอ้ายไม่ใช่โรงเรียน ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่สามารถปรับ
เปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนได้ ทำาให้ผู้ป่วยหายคลายทุกข์ได้ ทั้งนี้
เป็นกลวิธีที่ท่านธรรมาจารย์        เจิ้งเหยียน ใช้เพื่อสื่อสารสิ่งที่ดีไปสู่
สังคมทั่วโลกด้วยการปฏิบัติจริงที่เป็นตัวอย่าง ของหลักของพรหม
วิหารสี่ คือเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา
สาระที่ไ ด้โ ดยสรุป
    1. การนำาเสนอรายการของสถานีโทรทัศน์ โดยที่ผู้ผลิตสือที่ดีอก
                                                         ่
       เผยแพร่จะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนได้
    2. การสร้างสถานีโทรทัศน์ที่มีการผลิตรายการที่ดีจะเป็นการลด
       การมอมเมาประชาชนและสร้างสังคมให้เป็นสุขได้

     วัน ที่ส องของการศึก ษาดูง าน 31 พฤษภาคม 2551
  โรงพยาบาลซิน เตี้ย น (การเป็น อาสาสมัค รในโรงพยาบาล ) และ
                  ศาลาจิ้ง ซือ ( พิพ ิธ ภัณ ฑ์ฉ ือ จี้)

                            โรงพยาบาลซิน เตี้ย น        เป็นโรงพยาบาล
พุทธฉือจี้ที่ไทเป
                        ขนาด 800 เตียง มีแพทย์ประมาณ 200 คน
                  พยาบาล 600 คน
                        ผู้ป่วยนอกวันละประมาณ 1400 คน โรงพยาบาลเป็น
                  อาคาร 15 ชั้น
                        ก่อสร้างด้วยระบบป้องกันแผ่นดินไหว จึงแข็งแรง
                  โอ่อ่า สวยงาม
                        พื้นผิวภายนอกอาคารใช้หินกรวดเล็กๆสีเทาประดับ
                  เพื่อประหยัด
                        งบประมาณในทาสี ด้านนอกของอาคารจะมีพื้นที่จัด
                  สวนหย่อม
จัดตามลักษณะสวนจีน(พื้นปูด้วยไม้กระดาน ประดับด้วยไม้ดัด ไม้ดอกพุ่มเตี้ย
นำ้าตกเล็กๆ ธารนำ้าไหล
และตุ๊กตากระเบื้อง) เจ้าหน้าที่ที่นำาชมสถานที่เล่าว่ามีสวนลักษณะนี้ถึง 6 ชั้น
นอกจากนั้นแล้วภายใต้พื้น
กระดานนั้นจะเป็นที่เก็บนำ้าฝนอีกด้วย      เมื่อคณะเรามาถึงโรงพยาบาล ชาว
อาสาสมัครฉือจี้ทั้งหญิงและ
ชายเข้าแถวร้องเพลงต้อนรับ หลังจากนั้นพระอาจารย์ได้นำาเข้าไป
ในอาคาร รวมกลุ่มเพื่อกราบภาพพระพุทธเจ้าที่กำาลังรักษาคนป่วย ซึ่งเป็น
ภาพสัญลักษณ์ที่ชาวฉือจี้ใช้เป็นต้นแบบในการช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก
คือการทำาหน้าที่พระโพธิสัตว์
          ภายในอาคารโรงพยาบาลมีอาสาสมัครประจำาทุกจุด เช่น ช่วยให้
ข้อมูลที่แผนกผู้ป่วยนอก
ช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วย มีอาสาสมัครเล่นเปียนโน วาดรูปดอกไม้ คัดลอกวา
ทะธรรม แจกให้ผู้ป่วย
และญาติ ทางโรงพยาบาลต้อนรับโดยการร้องเพลงและการใช้ภาษามือแสดง
ท่าทางประกอบบทเพลงซึ่งทราบในภายหลังว่าเพลงชื่อ “รักทั่วฟ้าดิน” เนื้อ
เพลงมีดังนี้
                  ทั่วฟ้าดินนี้      ไม่มีใครที่ฉันไม่รัก       ทั่วฟ้าดินนี้
ไม่มีใครที่ฉันไม่เชื่อใจ
                  ทั่วฟ้าดินนี้       ไม่มีใครที่ฉันไม่ให้อภัย      ในใจกังวล
เศร้าหมอง เสียใจ โยนทิ้งไป
และได้นำาเสนอสไลด์มัลติวิชั่นเกี่ยวกับศักยภาพของโรงพยาบาล เมื่อชมจบ
ได้เชิญใหัอาสาสมัคร 2 ท่าน
เล่าประสบการณ์การปฏิบัติงานในโรงพยาบาล และตอบข้อซักถามคณะ
ศึกษาดูงาน สรุปสาระสำาคัญได้ดังนี้
                                การเป็นอาสาสมัครทำาให้ได้บุญ ภายใต้กรอบ
แนวคิดจากธรรมะ คือ
                                เมตตา หมายถึง การช่วยเหลือผู้ยากไร้
                                กรุณา หมายถึง การดูแลช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย
                                มุทิตา หมายถึง การให้การศึกษาเพื่อสร้าง
                         ปัญญา
                                อุเบกขา หมายถึง การให้โดยไม่หวังผล
                         ตอบแทน
                                และ จากการปฏิบัติงานทำาให้ได้เรียนรู้ถึงความ
                         แตกต่างของ
แต่ละบุคคลแต่ละครอบครัว ต้องรีบสร้างบุญ ทำาบุญ เสริมบุญ ( ต้องสร้าง
บุญสัมพันธ์กับคนอื่นจึง
จะได้บรรลุธรรม) เป็นโชคดีของอาสาสมัครที่ได้พบเห็นชีวิตของคนอื่น
     1) งานหลักของอาสาสมัครคือ การให้กำาลังใจ การพูดคุย รับฟัง ช่วย
        ผ่อนคลายความเครียด
         และ ระมัดระวัง ไม่แทรกแซงการทำางานของแพทย์ พยาบาล
     2) การฝึกอบรมอาสาสมัครใช้วิธีพี่สอนน้อง มีที่ปรึกษาสำาหรับอาสาสมัคร
        มือใหม่

                               ศาลาจิ้ง ซือ
          คณะเดินทางจากกรุงไทเปโดยรถโค้ชไปยังเมืองฮวาเหลียน เส้น
ทางผ่านเทือกเขาคดเคี้ยว
ประมาณ 120 กม. ผ่านหน้าผาที่สูงชัน มองลงไปเห็นชายทะเลอยู่ไกลลิบ
สวยงามแต่น่าหวาดเสียวมาก
ไปถึงประมาณ 16.30 น เยี่ยมชมศาลาจิ้งซือ
                       ศาลาจิ้ง ซือ
                            ตั้งอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยฉือจี้ฮวาหลียน เป็น
                            พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานของมูลนิธิตั้งแต่เริ่มต้น
                       จนปัจจุบัน
                            จัดเป็นภาพขนาดใหญ่ แบ่งเป็นหมวดหมู่ตาม
                       ลักษณะผลงาน
ประกอบด้วย ภาพประวัติท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ผลงานด้านการช่วย
เหลือผู้ยากไร้ ภัยพิบัติ
ในประเทศและนอกประเทศ การดูแลผู้ป่วย การศึกษาทุกระดับตั้งแต่อนุบาล
จนถึงมหาวิทยาลัย ภายในอาคารจัดเป็นทางลาดติดแถบกันลื่นตลอดเส้น
ทาง ทำาให้เดินชมภาพผลงานต่างๆที่ติดฝาผนัง ได้อย่างสบาย




                                  มีนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติการก่อตั้งมูล
                           นิธิฉือจี้
                                  ซึ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อ ปี พ.ศ.. 2509 โดย
                                  ธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน มูลนิธิพุทธฉือจี้ก่อ
                                  ตั้งมาจาก
                                   ศิษย์ของธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ซึ่งเป็น
แม่บ้านประมาณ 30 คนโดยให้แม่บ้านแต่ละคนร่วมกันเก็บเงินคนละ 50
เซนต์ใส่ลงในกระบอก
ไม้ไผ่เพื่อนำาไปสมทบเป็นทุน พร้อมกับหารายได้ด้วยการถักเสื้อกันหนาวและ
เย็บรองเท้าเด็ก
ทำาของที่ระลึกขายเพื่อนำามาเป็นค่าใช้จ่ายสำาหรับมูลนิธิฉือจี้
      จากการเสียสละของมูลนิธิฉือจี้จึงทำาให้ผู้คนมีความศรัทธาร่วมกัน
บริจาคจนมูลนิธิฉือจี้
สามารถดำาเนินการช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้อย่างกว้างขวาง การช่วยเหลือโดย
การเริ่มต้นเก็บเงิน
ทีละเล็กทีละน้อย
2)       ประเด็น การเรีย นรู้
        2.1 บทบาทผู้นำา ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน เป็นต้นแบบที่ดีใน
    การปฏิบัติงานที่มุ่งมั่น จริงจัง
    ด้วยความ เมตตา พระอาจารย์ที่นำาทีมศึกษาดูงานเล่าให้ฟังว่าเมื่อใดที่มี
    ผู้มาร้องเรียนหรือฟ้องร้อง
    ชาวฉือจี้ ท่านจะตอบว่า “เป็นเพราะเรายังสอนไม่ดีพอ เ ขาจึงเป็นเช่นนั้น”
    และจากวัตรปฏิบัติของท่าน
    ได้แก่ การทำางาน ตลอดเวลา ไม่ว่าใคร ไม่ติใครแต่จะชื่นชมผลงาน
    ของทุกคน ดำาเนินชีวิต
    อย่างเรียบง่าย ฯลฯ ท่านจึงเป็นศูนย์รวมของจิตใจของมวลสมาชิก ที่ให้
    ความศรัทธาและร่วม
    สร้างงานต่างๆอย่างมีคุณภาพ
        2.2 ทีมงานและการบริหารจัดการ ชาวฉือจี้ใช้ธรรมะตามแนวทาง
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
(แนวทางพระโพธิสัตว์) เน้นการทำางานร่วมกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้คนเพื่อให้
ตนเองได้บุญ งานที่
เหนื่อยยากงานที่ ผู้คนมองว่าเป็นงานตำ่าต้อย( เก็บขยะ) ยิ่งต้องทำาเพื่อขัดเกลา
ให้ตนเองมีเมตตามากยิ่งขึ้น
การปรับเปลี่ยน ข้อธรรมะให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและกำาหนดเป็นจุดมุ่งหมาย
ที่ชัดเจน เข้าใจง่าย
ปฏิบัติได้ง่าย ทำาให้ทุกคนปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน จึงเกิดพลังในการ
เปลี่ยนแปลงได้สูง
        2.3 เทคนิค วิธีการ รูปแบบการสอน การนำาเสนอที่เน้นการดูแลผู้คน
ด้วยหัวใจแห่งความรัก
และความเมตตาได้ถูกสอดแทรกไว้ในทุกโอกาส ทุกสถานที่ เพื่อหล่อหลอม
ความเชื่อ ตอกยำ้าให้จดจำา
บ่มเพาะให้มีการ ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสำาหรับผู้คนทุกวัย จึงทำาให้เกิดการ
พัฒนาทั้งในด้านตัวบุคคลและสังคม




     วัน ที่ส ามของการศึก ษาดูง าน วัน ที่ 1 มิถ ุน ายน 2551
โรงพยาบาลฮวาเหลีย น

ที่ม าของการก่อ ตั้ง
       เมื่อประมาณ พ.ศ. 2528 ฉื้อจี้ได้สร้างโรงพยาบาลแห่งแรก
ที่ฮวาเหลียน คือ เกือบ 20 ปีที่ผ่านมาเป็นโรงพยาบาล ที่สร้าง
อย่างมั่นคง สวยงาม ป้องกันแผ่นดินไหว มีโครงสร้างที่แข็งแรง
มั่นคง เสาแต่ละต้นโอบคนเดียวไม่รอบ
       การก่ อ สร้ า งได้ ม าจากเงิ น บริ จ าคทั้ ง หมดของสมาชิ ก ฉื อ จี้ ใน
ช่วงนี้ท่านธรรมาจารย์มีดำาริ จะสร้างโรงพยาบาล ยังไม่มีเงินเลย แต่
ท่ า นธรรมาจารย์ มั่ น ใจว่ า จะทำา ได้ แม้ ต้ อ งใช้ เ งิ น หลายร้ อ ยเหรี ย ญ
ก็ตามและก็สำา เร็จ ได้ สร้างจนถึงทุกวันนี้ (ปัจจุบันมี 6 โรงพยาบาล
ทั่วไต้หวัน)
                               โรงพยาบาลฮวาเหลียน เป็นโรงพยาบาลขนาด
1,200 เตียง ตั้งอยูด้าน    ่
                               หนึ่ ง ของศาลาจิ้ ง ซื อ ซึ่ ง ศาลาจิ้ ง ซื อ อยู่ ต รง
                               กลางและมี ม หาวิ ท ยาลั ย อยู่ อี ก ด้ า น โรง
                               พยาบาลฮวาเหลียน มีเครื่องมือและเทคโนโลยี
                               ที่ทันสมัย อยู่ในระดับแนวหน้าของไต้หวันเข้า
                               มาตรฐานสากล สามารถให้ ก ารรั ก ษาผ่ า ตั ด
                               โรคยาก ๆ ได้ ผ ลงานที่ เ ด่ น ของโรงพยาบาล
                               คื อ การจั ด ระบบให้ ค วามสำา คั ญ กั บ มิ ติ ข อง
                               ความเป็นมนุษย์
       บรรยากาศในโรงพยาบาลจั ด ได้ ดี ม าก สะอาดเป็ น ระเบี ย บ
เรี ย บร้ อ ย ไม่ มี ก ลิ่ น เหม็ น ของยาให้ ไ ด้ สั ม ผั ส ผู้ ค นที่ ทำา งานในโรง
พยาบาลมีทั้งแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางวิชาชีพอื่นๆ ทำางานร่วม
กับอาสาสมัครฉือจี้มีจำานวนประมาณ 250 คน ทุกคนให้บริการแก่ผู้
ป่ว ยด้ วยใบหน้ายิ้ม แย้ม แจ่ ม ใน กระตื อ รื อ ร้ นที่ จ ะช่ ว ยเหลื อ แนะนำา
และให้บริการตามบทบาทหน้าที่ของตน
       ในโรงพยาบาลมีการจัดสถานที่ปฏิบัติธรรมให้กับคนทุกศาสนา
ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม บรรยากาศสงบเย็น
       “แพทย์ พยาบาล และทีมงานมีหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ซึ่ง
เป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นทุกคนต้องลดตัวตนให้เล็กที่สุด จึงจะทำา
ภารกิจที่สำาคัญนั้นได้”

การดำา เนิน งานกิจ กรรม
    โรงพยาบาลฮวาเหลียน รับผู้ป่วยทั่ว ๆ ไป รับรักษาทุกโรค ทุก
เพศ ทุ กวัย มีแพทย์ พยาบาล และเจ้ าหน้ าที่ เหมื อ นกั บ โรงพยาบาล
ต่าง ๆ ทุกสาขาวิชาชีพ แต่ที่เด่นคือ จะมีอาสาสมัครเข้ามาช่วยในโรง
พยาบาล ซึ่ ง จะช่ ว ยแพทย์ พยาบาล และเจ้ า หน้ า ที่ ทุ ก จุ ด ในการ
ทำางาน ซึ่งไม่ก้าวก่ายกับงานประจำา
          จะมี ก ารประชุ ม ทุ ก เช้ า กั บ ท่ า นธรรมาจารย์ เ จิ้ ง เหยี ย น ผ่ า น
teleconference (ทั้ง 6 โรงพยาบาล)
ระหว่างที่เดินดูโรงพยาบาล จะพบว่ามีอาสาสมัครกำาลังเป็นจุด ๆ ขณะ
ที่ ไ ปดู ง านเป็ น วั น อาทิ ต ย์ จึ ง มี ผู้ ป่ ว ยจำา นวนน้ อ ย แต่ อ าสาสมั ค รยั ง
ปฏิบัติงานจำานวนเท่าเดิม = 250 คน/วัน ตามทางเดินจะติดโปสเตอร์
รูปและประวัติของบุคลากรในโรงพยาบาล เพื่อเป็นการยกย่องและให้
เกี ย รติ แ ก่ เ จ้ า หน้ า ที่ ที่ ไ ด้ ก ระทำา ความดี ซึ่ ง จะมี ก ารเปลี่ ย นแปลง
โปสเตอร์ รู ป เจ้ า หน้ า ที่ ปี ล ะครั้ ง ท่ า นธรรมาจารย์ เ จิ้ ง เหยี ย นได้ เ คย
กล่าวกับ แพทย์และพยาบาลว่ า ถ้าไม่มี ผู้ป่วย ก็จะไม่ มีอ าชี พ แพทย์
พยาบาล เพราะแพทย์ แ ละพยาบาลจะได้ เ รี ย นรู้ จ ากคนไข้ เพราะ
ฉะนั้นแพทย์ พยาบาล ต้องขอบคุ ณคนไข้ ขอบคุ ณ ที่ทำา ให้ฉันได้มี
งานทำาและได้สร้างบุญทำาความดี นอกจากโปสเตอร์ยกย่องเจ้าหน้าที่
แล้ว จะพบว่าระหว่างเดิน จะมีโปสเตอร์แนวทางการดูแลตนเองและ
การปฏิบัติตัวในเรื่อ งต่าง ๆ ติดอยู่ เป็ นระยะ ๆ และระหว่ างทางมี จุ ด
หนึ่ ง จะพบแผงควบคุ ม การทำา งานของระบบโซลาเซลล์ โดยที่ โ รง
พยาบาลจะมีการประหยัดไฟฟ้าโดยใช้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ ถ้า
ระบบโซลาเซลล์ ไม่ทำางานแผงควบคุมก็จะต้องตัดไปใช้กระแสไฟฟ้า
ผลิตแทน ซึ่งจะเห็นว่าเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
          ได้ เ ข้ า ไปเยี่ ย มชม Tranqilituy nursing work คื อ หอผู้ ป่ ว ย
drug care สำาหรับผู้สูงอายุ เสียค่าใช้จ่าย 180 เหรียญ/วัน และจะมี
อาสาสมัครมาดูแลเป็นจุด ๆ มีผู้สูงอายุประมาณ 30 คน/วัน การรับ
ประทานอาหารจะนั่งโต๊ะ และมีรูปผู้ป่วยพร้อมประวัติต่าง ๆ เช่น ชื่อผู้
ป่วย อายุ ภาษาที่ใช้ ประเภทอาหารที่รับประทาน อุปกรณ์ที่ใช้ในการ
รับประทานมีอะไรบ้าง
          หอผู้ระยะสุดท้าย จะมีห้องสวดมนต์ไหว้พระ ห้องพักสำาหรับให้
ญาติได้นอนพัก เนื่องจากบ้านไกลหรือผู้ป่วยอาการไม่ดี โดยจัดแบ่ง
เป็ น ห้ อ งพั ก ชาย – หญิ ง เป็ น สั ด ส่ ว น บริ เ วณตรงกลาง ward เป็ น
พื้ น ที่ ป รุ ง อาหาร เปิ ด โอกาสให้ ผู้ ป่ ว ย ญาติ อาสาสมั ค รร่ ว มกั น ปรุ ง
อาหารและรั บ ประทานอาหารร่ ว มกั น ห้ อ งพั ก ผ่ อ นซึ่ ง อาจจะมาทำา
กิ จ กรรมต่ า ง ๆ ช่ ว ยกั น เช่ น ดู TV ร้ อ งเพลง ภายในหอผู้ ป่ ว ยจะมี
บอร์ดสำาหรับติดผลงานการวาดรูปของผู้ป่วยต่าง ๆ ซึ่งใช้ในนโยบาย
ปกป้องให้เกียรติ คนไข้ เช่น ให้เกียรติเจ้าหน้าที่
          แผนก Women health center จะสอนเกี่ยวกับการให้นมบุตร
โดยให้ อ าสาสมั ค รที่ มี ป ระสบการณ์ ใ นการเลี้ ย งลู ก มาช่ ว ยให้ คำา
แนะนำา หลังเยี่ยมชมโรงพยาบาล ให้ไปศาลาจิ้งซือ (เวลา 11.41 น.)
เพื่อ ทำางานร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ ซึ่งกำากับโดยนายแพทย์ ชมวิดิทัศน์
เกี่ ย วกับ อาสาสมั ค รของฉือ จี้ ที ได้ ทำา งานอยู่ ใ นประเทศไทย โดยไป
รักษาผ่าตัดตาต้อกระจกให้ฟรี ตัดแว่นตาให้ฟรี และยังมีบริการตัดผม
เลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปรอตรวจ หลังจากนั้นให้อาสาสมัครหญิงคนหนึ่ง
เล่าประสบการณ์การทำางานที่ฉือจี้ให้ฟัง อาสาสมัครจะมีการแบ่งโซน
กั นทำา งาน แต่ส่วนมากอยากมาทำา งานในโรงพยาบาลกั น ตั ว อาสา
สมัครเองโชคดีที่ได้ทำา งานที่ โรงพยาบาลทุกวั น ปัจจุ บันลาออกจาก
งานประจำาแล้ว ได้เล่าความประทับใจ
          มีผู้หญิงชาวเขาคนหนึ่งมาคลอดลูกคนที่ 9 เพราะอายุ 30 กว่า
ๆ อาสาสมั ค รที่ ไ ด้ พ บเห็ น ก็ จ ะพู ด ว่ า ลู ก มาแล้ ว คื อ หลั ง คลอดอาสา
สมั ค รหลายท่ า นมี ข องมาฝากอยู่ บ่ อ ย ๆ ดั ง นั้ น ก่ อ นกลั บ จึ ง ได้ ม า
ขอบคุณอาสาสมัครทุกท่านที่ได้คอยช่วยดูแล เพราะการคลอด 8 ครั้ง
ที่ ผ่ า นมา (ไม่ ใ ช้ ร ะบบนี้ ) ไม่ เ คยได้ รั บ ดู แ ลเช่ น นี้ เ ลย จึ ง อยากจะ
ตอบแทนโดยการยกลูก คนที่ 9 นี้ให้อ าสาสมัค รหญิ งคนนี้ แต่อ าสา
สมัครท่านนี้ยังโสดอยู่และตกใจทำา อะไรไม่ถูก อาสาสมัครรุ่นพี่จึงให้
คำา แนะนำา ว่ า ให้เ อาโสมมาให้ พ ร้ อ มกั บ คื น ลู ก ให้ ห ญิ ง ชาวเขานี้ แ ละ
บอกให้เขาเลี้ยงลูกที่น่ารักคนนี้ให้ดี ๆ ปัจจุบันเด็กคนนี้อายุ 4 ปีแล้ว
และก็วิ่งเล่นไปเล่นมาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้บ่อย ๆ ส่วนตัวแม่เองปัจจุบัน
ก็มาทำางานเป็นอาสาสมัครที่ฉือจี้ด้วย
          อาสาสมั ค รยกตั ว อย่ า ง อี ก 1 ตั ว อย่ า งว่ า มี ผู้ ห ญิ ง สู ง อายุ ท่ า น
หนึ่ง ได้รับการดูแลจากอาสาสมัครเป็นอย่างดี เกิดความประทับใจจึง
นำาเงินที่เก็บสะสมไว้ มาบริจาคและการบริจาคก็ต้องนับเงินกันตรงนั้น
เลย เพื่อความโปร่งใส พบว่าได้รับเงินบริจาค 100,000 กว่าบาท
          ได้ชมวิดิทัศน์อีก 1 เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ป่วยชาย เป็นมะเร็ง
ที่ผิวหนัง รู้ว่าอยู่ในระยะสุดท้ายของโรค อาสาสมัครก็ถามว่าอยากทำา
อะไรมากที่สุด ผู้ป่วยท่านนี้เคยเป็นเด็กกำาพร้ามาก่อน จึงอยากจะกลับ
ไปในที่ที่เคยอยู่ อาสาสมัครจึงได้พาผู้ป่วยท่านนี้ไปสถานรับเลี้ยงเด็ก
กำา พร้า พูดคุยกับเด็กกำา พร้า ได้ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีอยู่ และเลี้ยง
อาหาร ผู้ป่วยท่านนี้ก่อ นตายก็ ได้บ ริจ าคร่ างกายให้ โรงพยาบาลได้
ศึกษาอีกด้วย
          คนสูงอายุมักจะคิด ว่าตั ว เองมี ห น้ าที่ 3 อย่ าง (1) เฝ้ าบ้ าน (2)
เลี้ยงลูกหลาน (3) รอวันตาย แต่ท่านธรรมาจารย์ได้ คนสูงอายุเป็นผู้
ที่ มี คุ ณ ประโยชน์ เพราะ (1) เป็ น ผู้ ที่ มี ป ระสบการณ์ (2) เป็ น ผู้ ที่ มี
ความแข็ ง แรงและมี อ ายุ ย าว (3) เป็ น กำา ลั ง สำา คั ญ ของสั ง คม เป็ น
โพธิสัตว์ สามารถนำาสังคมได้ดี ขอเพียงคุณต้องการ ขอเพียงคุณเรียก
ร้องมา ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา
จุด เด่ น อย่ า งหนึ่ ง ของโรงพยาบาล นอกจากการมี อ าสาสมั ค ร
ทำา งานอย่างทุ่มเทและเสียสละแล้ว ยังพบว่าทุกบ่ายวันเสาร์ ทางโรง
พยาบาลจะจัดการนัดพบ 4 มุม คือให้แพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร ผู้
ป่วยมาพบปะพูดคุย ดื่มนำ้าชาร่วมกัน
       อาสาสมัครปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า คือ โ ล กจ ะ ส ล า ย แผ่น
ดิ น จ ะ ดั บ แ ต่อ า ส า ส มั ค ร จ ะ ยั ง ค ง อ ยู่ เ พื่ อ ทำา ห น้ า ที่ แ ล ะ อ า ส า
สมัค รตลอดไป

ประโยชน์ท ี่ไ ด้ร ับ
  1. ได้เรียนรู้และสัมผัสกับการให้ที่ยิ่งใหญ่ คือ การให้โดยไม่หวัง
     สิ่งตอบแทนโดยใช้หลักธรรม คือ                   พรหมวิหาร 4 เป็น
     แนวทางในการดำาเนินชีวิตหรือแนวทางปฏิบัติ
  2. การที่จะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงผู้อื่นทำาได้ยาก ทุกอย่างต้อง
     เริ่มต้นที่ตัวเองก่อน โดยได้แนวปฏิบัติ คือ พยายามคิดแต่ในสิ่ง
     ทีดี ทำาดี พูดดี เป็นผู้ที่มีความกตัญญู และต้องลงมือกระทำาทันที
        ่
     ไม่ต้องรอ คือ ทำาปัจจุบันให้ดีที่สุด
  3. การให้เกียรติยกย่องผู้อื่นด้วยการ Empowerment การให้
     โอกาสคนที่อาจดำาเนินชีวิตผิดพลาดไปได้ปรับเปลี่ยนตนเองให้
     เป็นที่ยอมรับและมีคุณค่าในตนเองและสังคมเพิ่มมากขึ้น คนทุก
     คนไม่มีใครแก่เกินไปที่จะเรียนรู้หรือปรับเปลี่ยนตนเองในสิ่ง
     ใหม่ๆ เพื่อที่จะทำาประโยชน์แก่สังคม
  4. การดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม โดยเห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
  5. เรียนรู้ถึงวิถีการดำาเนินชีวิตที่เรียบง่าย หรือใช้จ่ายอย่างเพียง
     พอไม่เบียดเบียนผู้อื่นตรงกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง


รายงานการศึก ษาดูง านวัน ที่ส ามของการศึก ษาดูง าน วัน ที่ 2
                    มิถ ุน ายน 2551
                              สมณารามจิ้ง เซ่อ

1. ที่ม าของ สมณารามจิ้ง เซ่อ
       สมณารามจิ้งเซ่อเป็นสำานักสนทนาธรรมและเป็นที่ตั้ง
ของมูลนิธิฉือ จี้ ของท่านธรรมมาจารย์เจิ้นเหยีย นที่ ได้ถูกพั ฒนามา
จาก
บ้านไม้หลังเล็กๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ของท่านธรรมมาจารย์ ภายในที่ดินว่าง
เปล่า
                       เนื้อที่ 3.5 เอเคอร์
ห ลั ง จ า ก บิ ด า ข อ ง ท่ า น เ สี ย ชี วิ ต ล ง อ ย่ า ง
                     กะทันหันด้วยโรคเส้นโลหิต
                           ในสมองแตกขณะที่ มี อ ายุ เพี ย ง 23 ปี มารดา
                     ของท่านสุขภาพไม่
                           แข็ ง แรง และมี ภ าระต้ อ งดู แ ลน้ อ งหลายคน
                     ท่านเป็นผู้มีลักษณะพิเศษ
                           คือ สนใจใฝ่ ห าคำา ตอบเกี่ ย วกั บ ต้ น กำา เนิ ด ของ
                     ชีวิต จุดหมายปลายทาง
                           ของความตาย รวมทั้ ง จุ ด มุ่ ง หมายในการ
                     ดำาเนินชีวิตสมำ่าเสมอตั้งแต่
วัยเด็ก        ในปี ค.ศ.1961 ภายหลังจากบิดาเสียชีวิต ท่านได้รู้จักกับ
ท่านธรรมมาจารย์ ซื่อเต้า และได้เป็นที่ ปรึกษาในเวลาต่ อมา ท่านมี
ชี วิ ต ความเป็ น อยู่ ต ามยถากรรม พั ก ตามวั ด ต่ า งๆแถบชายฝั่ ง ทะเล
ตะวั น ออกของไต้ ห วั น ซึ่ ง เป็ น พื้ น ที่ ร กร้ า งว่ า งเปล่ า ไม่ ไ ด้ รั บ การ
พัฒนา ผู้คนส่วนใหญ่ยากจน ต่อมาท่านได้ใช้พื้นที่ดังกล่าว ปลูกผัก
หารายได้ เ สริ ม โดยถั ก เสื้ อ กั น หนาว และรองเท้ า เด็ ก ขายอาศั ย อยู่
ภายในบ้านไม้เล็กๆเก่าๆ
                     หลังหนึ่ง ปลายปี 1962 ท่านตัดสินใจบวช
                     เป็นชีโดยการปลงผมด้วยตนเอง ปณิธาน
                     ของท่านคือ จะไม่รบกวนชาวบ้านด้วย
                     การบิณฑบาตเพราะชาวบ้านยากจนอยู่แล้ว
ท่านต้องการช่วยคนยากจน หลังจากบวชชี มีลูกศิษย์ 30 คน ท่าน
สอนลู ก ศิ ษ ย์ ใ ห้ อ อมเงิ น ในกระบอกไม้ ไ ผ่ วั น ละ 50 เซ็ น ค่ อ ยๆ
รวบรวมเงินออม ในที่สุดสามารถจัดตั้งจัดตั้งมูลนิธิพุทธฉือจี้ขึ้นสำาเร็จ
         ปัจจุบันในบริเวณพื้นที่ 3.5 เอเคอร์ที่มีบ้านไม้เก่าๆได้ถูกพัฒนา
ด้วยการก่อสร้างเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ 4 ชั้น ด้าน
หลั ง เป็ น อาคารชั้ น เดี ย ว ประดิ ษ ฐานพระโพธิ สั ต ว์ 3 พระองค์ คื อ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า(ตรงกลาง) ด้านขวาคือ พระโพธิสัตว์จื้อตี้
ด้ า นซ้ า ยเป็ น พระโพธิ สั ต ว์ ก วนอิ ม ใช้ เ ป็ น ที่ ใ ห้ โ อวาท และสนทนา
ธรรมระหว่าง ธรรมมาจารย์เจิ้นเหยียนเองและสานุศิษย์รวมทั้งอาสา
สมั ค รจิ ต อาสา(ฉื อ จี้ ) และการสั ม มนาทางไกลเผยแพร่ ผ่ า นทาง
โทรทัศน์และดาวเทียมไปทั่วโลกด้วย ทุกวันอาทิตย์
         นอกจากนี้ยังมี อาคารจำา หน่ายของที่ระลึกหารายได้เข้ามูลนิธิ
ที่ซ่อมพัสดุ ที่ทำาปุ๋ย ส่วนเนื้อที่โดยรอบจัดทำาเป็นสวนปลูกพืชผัก ผล
ไม้ต่างๆ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ซึ่งมีแม่ชี เป็นผู้ดำาเนินการด้วย
ตนเองทั้งในเรื่องการปลูก การนำาไปทำาอาหาร และการจำาหน่าย เพื่อ
หารายได้เข้ามูลนิธิ
2. กระบวนการทำา งาน
       มีแนวคิดหลักมาจากพระโพธิสัตว์ 3 พระองค์คือ
       1. พระพุทธเจ้าคือ พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุฑิตา และ
          อุเบกขา เน้นถึงการปฏิบัติจริง
       2. พระโพธิ สั ต ว์ ก วนอิ ม (กวน=เห็ น อิ ม = ได้ ยิ น ) คื อ เมื่ อ
          พบเห็นหรือได้ยิน ได้ทราบว่าคนทุกข์เดือดร้อน ต้องรีบไป
          ช่วยทันทีก่อนใคร ช่วยจนถึงที่สุด (สภาพดีดังเดิม)
       3. พระโพธิสัตว์จื้อตี้ ท่านบอกว่าถ้าคนไม่หมดจากนรกท่านจะ
          ไม่ นิ พ พาน เน้ น คนที่ มี ค วามเดื อ ดร้ อ นใจ อาจไม่ ใ ช่ ค นจน
          ก็ได้
วัต ร ป ฏิบ ัต ิ (รูปแบบชีวิตประจำา ลักษณะการทำา งาน และสร้างเครือ
ข่ายของฉือจี้)
       ศูนย์รวมจิตใจท่านคือธรรมมาจารย์เจิ้งเหยียนทุกเช้าท่านธรรม
มาจารย์
 จะมาสอนให้คำาแนะนำาพูดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ท่านได้รับทราบปัญหา
ต่างๆทั่วโลก
ให้ลูกศิษย์ได้รู้ได้เห็นเหมือนท่าน ผ่านทางทีวี แล้วกระตุ้นจิตสำานึกให้
เกิดความรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
       จากนั้นจะมีการายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆของ
มูลนิธิ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ท่านธรรมมาจาร
ย์ จะกล่ า วชื่ น ชม และอาจเพิ่ ม แนวคิ ด แนวทางเพิ่ ม เติ ม ให้ โ ดย
ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม
       จ า ก นั้ น เ ป็ น เ ว ที ก า ร นำา เ ส น อ ก า ร เ ล่ า ก า ร แ ล ก เ ป ลี่ ย น
ประสบการณ์ชีวิต การได้ทำา ความดีช่วยเหลือผู้คนต่างๆ มีคนมารอ
เล่ามากมาย ถ่ายทอดทาง ทีวี เช่นกัน
       หมดเวลา(มีการกำา หนดไว้และตรงเวลา) แยกย้ายกั นไปปฏิบัติ
หน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล ครู นักเรียน แม่ชี อาสาสมัคร

3.กิจ กรรมภายในสมณาราม
      แม่ชีมีหน้าที่แตกต่างกันตามความรู้ความสามารถ ความชำานาญ
ต่างๆมี คติอยู่อย่างหนึ่งคือ “ถ้าไม่ทำางานจะไม่กินข้าว” เพราะแม่ชีจะ
ไม่รับถวายอาหารต้องช่วยเหลือตนเอง ในสมณารามจะแบ่งออกเป็น
หลายแผนก เช่น
      - แผนกทำา สวน ปลูกผัก จะปลูกไว้กินเองมีหลากหลาย และ
         พอกิน
      - แผนกซ่อมวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ เช่นอุปกรณ์ไฟฟ้า
      - แผนกตัดเย็บเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า
- แผนกอาหาร
       - ร่านค้า ฯลฯ
       สรุปมีครบวงจรแบบพึ่งพาตนเอง
       สมณารามจะแยกกันเด็ดขาดเป็นมูลนิธิ ในเรื่องการเงิน สมณา
รามจะไม่เ ข้า ไปยุ่ งกั บ มู ล นิ ธิ เ ลย แต่ มู ล นิ ธิ ส ามารถใช้ เ งิ น และที่ ดิ น
ของสมณารามได้
       ท่านธรรมมาจารย์มีความน่าเลื่อมใสศรัทธามาก กิริยาท่าทางพูด
ด้ ว ยเสี ย งห่ว งใย ประกอบภาษามื อ เป็ นคนที่ มี เ สน่ ห์ ท่ า นให้ ค วาม
สำาคัญกับเด็กมากเพราะสามารถสั่งสอน และโน้มน้าวให้เป็นคนดี มีจิต
อาสาช่วยผู้อื่นได้ง่าย
       ท่านไม่แบ่งแยก ทุกชาติ ศาสนา ต่างช่วยเหลือกันมีความรักให้
แก่กันได้ ฉือจี้มีความรักความเอื้ออาทร ให้กับผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกคน
       ท่ า นอยากให้ ค นจำา นวนมากเข้ า มามี ส่ ว นร่ ว ม และการที่ ค นมี
ความรัก โลภ โกรธ และหลง ทำา ให้เกิดปัญหามากมายตามมา กับ
คนด้วยกัน
       เทคนิ ค จุด เด่ น คื อ การเก็ บ เงิ น ที ล ะเล็ ก ละน้ อ ย สะสมลงใน
กระบอกไม้ไผ่ ไว้ช่วยเหลือคน และให้เกียรติยกย่องคนดีเท่านั้น เกิด
ความภาคภูมิใจ ชีวิตมีคุณค่า การทำางานเน้นทำาจริง
       อาสาสมัครมีความเข้มแข็ง มีจิตใจอาสามาก จะช่วยดูแลจิตใจ
ผู้ป่วย และผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มใจ และทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือ
       ยกย่องทุกคนเป็นพระโพธิสัตว์หมดถ้าได้ช่วยเหลือคนอื่น โดย
เฉพาะ หมอ พยาบาล
       คำาสอน ใจดี พูดไม่ดี ก็ไม่ใช่คนดี ต้องใจดี พูดดี ทำาดี คิดดี
จึงดีแท้
4. ประโยชน์ท ี่ไ ด้ร ับ
       4.1 ได้เห็นวิถีการดำาเนินชีวิตที่เรียบง่ายของท่านธรรมมาจารย์
เจิ้ นเหยีย น แม่ชี อาสาสมั ค ร และศิ ษย์ ภายใต้ การยึ ด หลั กพรหม
วิหาร 4 อย่างเป็นรูปธรรม
       4.2 ได้เรียนรู้กลยุทธ์ที่ท่านธรรมมาจารย์เจิ้นเหยียน ใช้ในการ
พั ฒนาจิต ใจมนุษ ย์ให้เป็ นผู้ มี พรหมวิ ห าร 4 จากกิ จ กรรมต่ างๆซึ่ ง
สามารถสะท้อนให้คนศรัทธา และปฏิบัติตามได้จริง
       4.3 ได้ เ ห็ น พฤติ ก รรมการแสดงออกของผู้ มี ปั ญ ญาเป็ น เลิ ศ
ความเก่งของสตรี ในการสร้างกัลยาณมิตร ให้เป็นผู้มีจิตอาสา การ
แสดงความเอื้ อ อาทร การให้ กำา ลั ง ใจ การยกย่ อ ง และมองเห็ น
คุณค่าของความเป็นมนุษย์ของทุกคน
       4.4 ได้ ข้ อ คิ ด ว่ า การกระทำา ทุ ก อย่ า งที่ เ กิ ด จากรากฐานของ
ความมุ่งมั่น ตั้งใจ เต็มใจ และมีเป้าหมายจะส่งผลสำาเร็จคือเกิดความ
ศรัทธา จากผู้ได้รับประโยชน์ของการกระทำานั้นๆ ขณะเดียวกันผู้ให้
ก็จะได้รับความสำาเร็จ คือสุขใจ หรือได้บุญ ได้กัลยาณมิตรเพิ่มขึ้น
     4.5 ได้เห็นระบบการดำา เนิ น งาน การถ่ ายทอดความรู้ ทั้ ง การ
อาศัยเทคโนโลยี การประสานงานที่มีประสิทธิภาพ และความร่วมมือ
อย่างดียิ่งของผู้ไปใช้ประโยชน์




    สรุป ผลการศึก ษาดูง าน ณ มูล นิธ ิฉ ือ จี้ ประเทศไต้ห วัน

          การศึก ษาดูง านในวัน ที่ 3 มิถ ุน ายน 2551

มหาวิท ยาลัย ฉือ จี้ และโรงเรีย นพยาบาลวิท ยาลัย เทคนิค ฉือ จื้
มหาวิทยาลัยฉือจี้ (Tzu Chi University)
     Tzu Chi University (TCU) เป็น มหาวิท ยาลัย เอกชน
     ตั้ง อยู่ท ี่เ มือ ง ฮัว หลิน (Hualien) ก่อ ตั้ง โดยมูล นิธ ิฉ ือ จี้
     เมื่อ ค.ศ 1994 คณะแพทยศาสตร์ข อง TCU มีช ื่อ เสีย ง
     มากในไต้ห วัน นับ ว่า เป็น สถาบัน การศึก ษาทางการ
     แพทย์ท ี่ด ีท ี่ส ุด ในภาคตะวัน ออกของไต้ห วัน TCU มี
     ความสัม พัน ธ์ท ี่เ หนีย วแน่น กับ Hualien Tzu Chi
     General Hospital ซึ่ง ก่อ ตั้ง โดยมูล นิธ ิฉ ือ จี้ เช่น กัน
     TCU ยัง มีก ารแลกเปลี่ย นทางวิช าการกับ สถาบัน ในต่า ง
     ประเทศในลัก ษณะของ Sister School เช่น
     มหาวิท ยาลัย แคลิฟ อเนีย เบริก เลย์ มหาวิท ยาลัย บริก ิต
     โคลัม เบีย ในแคนาดา มหาวิท ยาลัย อิน โดนีเ ซีย
     มหาวิท ยาลัย ฮ่อ งกง และมหาวิท ยาลัย มหิด ล เป็น ต้น

      TCU ประกอบด้วย 4 วิทยาลัย 17 สถาบันวิจัย และ 12 ภาค
วิชา ดังนี้
   1. College of Medicine ประกอบด้วย 6 ภาควิชา
        • ภาควิชาแพทยศาสตร์
        • ภาควิชาพยาบาลศาสตร์
• ภาควิชาสาธารณสุขศาสตร์
       • ภาควิชาสารสนเทศการแพทย์
       • ภาควิชา Laboratory Medicine & Biotechnology
          และ
       • สถาบันบัณฑิตศึกษาทาง Microbiology Immunology
          and Molecular Medicine
  2. College of Life Science
  3. College of Humanities & Social Science
  4. College of Education & Communication




Mission
       TCU หล่อหลอมนักศึกษาด้วยสิ่งแวดล้อม ที่เต็มไปด้วยความ
เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา การให้ความรักแก่นักศึกษา TCU
หวังว่านักศึกษาจะมีชีวิตที่มีความสุข โดยปราศจากความทุกข์มากนัก
ในนระหว่างการศึกษา และเมื่อสำาเร็จการศึกษาแล้ว TCU เตรียม
นักศึกษาเพื่อให้พัฒนาแนวคิดที่กว้างไกล หลากหลาย และให้ประสบ
ความสำาเร็จ และสามารถหาความหมายในชีวิตได้
       นอกจากจะอบรมสั่งสอน ให้มีความรู้ทางวิชาชีพแล้ว TCU ก็ยัง
ช่วยนักศึกษาให้พัฒนาทัศนคติทางบวกต่อชีวิต อาจารย์จะกระตุ้นให้
นักศึกษา มีประสบการณ์ในโลกของความจริง และแก้ปัญหาด้วย
ความเอื้ออาทรและความเมตตา และเพื่อให้บรรลุตามหลักการที่ได้ตั้ง
ไว้ TCU จึงจัดให้มีการจัดการเรียนการสอน และกิจกรรม 10 อย่าง
เช่น
General Education (การศึก ษาทั่ว ไป )
       TCU กระตุ้นให้นักศึกษาพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต และให้
เข้าถึงความรู้ที่กว้างขวาง นักศึกษาต้องเรียนการศึกษาทั่วไป 32
หน่วยกิต ซึ่งประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปะ
สังคมศาสตร์ และภาษา
A Complete Education
       TCU จัดการศึกษาตั้งแต่อนุบาล จนถึงบัณฑิตศึกษา โดยพัฒนา
ผู้เรียนทั้งด้านความรู้ในวิชาชีพ และเติบโตทางบุคลิกภาพ
Tzu Chi Humanities Course
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้
สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

โรคตาบอดสี
โรคตาบอดสีโรคตาบอดสี
โรคตาบอดสีRoongroeng
 
กำหนดการสอนม.1จ้า
กำหนดการสอนม.1จ้ากำหนดการสอนม.1จ้า
กำหนดการสอนม.1จ้าkrusuparat01
 
งานนำเสนอ รร ส่งเสริมสุขภาพ
งานนำเสนอ รร ส่งเสริมสุขภาพงานนำเสนอ รร ส่งเสริมสุขภาพ
งานนำเสนอ รร ส่งเสริมสุขภาพSujanya Inchana
 
วรรณคดีไทย
วรรณคดีไทยวรรณคดีไทย
วรรณคดีไทยtip036fur
 
บทบาทของผู้ผลิต
บทบาทของผู้ผลิตบทบาทของผู้ผลิต
บทบาทของผู้ผลิตThanawut Rattanadon
 
การอนุรักษ์นาฏศิลป์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการแสดง ม.6 ปี2557
การอนุรักษ์นาฏศิลป์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการแสดง ม.6 ปี2557การอนุรักษ์นาฏศิลป์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการแสดง ม.6 ปี2557
การอนุรักษ์นาฏศิลป์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการแสดง ม.6 ปี2557Panomporn Chinchana
 
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdfสามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์PdfMind Candle Ka
 
บทพิจารณาอาหาร
บทพิจารณาอาหารบทพิจารณาอาหาร
บทพิจารณาอาหารniralai
 
แบบทดสอบ ภาษาไทย ป.3
แบบทดสอบ ภาษาไทย ป.3แบบทดสอบ ภาษาไทย ป.3
แบบทดสอบ ภาษาไทย ป.3Khunnawang Khunnawang
 
แผนนาฏศิลป์ 1
แผนนาฏศิลป์ 1แผนนาฏศิลป์ 1
แผนนาฏศิลป์ 10898230029
 
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยพัน พัน
 
ใบงาน1
ใบงาน1ใบงาน1
ใบงาน1krusupask
 
การประดับแพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
การประดับแพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์การประดับแพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
การประดับแพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์Pakornkrits
 
บทที่ 3 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันบทที่ 3 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันWannalak Santipapwiwatana
 
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhismพุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land BuddhismPadvee Academy
 
เครื่องมือวัดและประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน
เครื่องมือวัดและประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนเครื่องมือวัดและประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน
เครื่องมือวัดและประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนThiti Theerathean
 
แบบฝึกหัดคำภาษาต่างประเทศ ม.๒ นักเรียน
แบบฝึกหัดคำภาษาต่างประเทศ ม.๒  นักเรียนแบบฝึกหัดคำภาษาต่างประเทศ ม.๒  นักเรียน
แบบฝึกหัดคำภาษาต่างประเทศ ม.๒ นักเรียนssuser456899
 

Was ist angesagt? (20)

โรคตาบอดสี
โรคตาบอดสีโรคตาบอดสี
โรคตาบอดสี
 
กำหนดการสอนม.1จ้า
กำหนดการสอนม.1จ้ากำหนดการสอนม.1จ้า
กำหนดการสอนม.1จ้า
 
เพลงคณิตศาสตร์
เพลงคณิตศาสตร์เพลงคณิตศาสตร์
เพลงคณิตศาสตร์
 
งานนำเสนอ รร ส่งเสริมสุขภาพ
งานนำเสนอ รร ส่งเสริมสุขภาพงานนำเสนอ รร ส่งเสริมสุขภาพ
งานนำเสนอ รร ส่งเสริมสุขภาพ
 
วรรณคดีไทย
วรรณคดีไทยวรรณคดีไทย
วรรณคดีไทย
 
บทบาทของผู้ผลิต
บทบาทของผู้ผลิตบทบาทของผู้ผลิต
บทบาทของผู้ผลิต
 
การอนุรักษ์นาฏศิลป์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการแสดง ม.6 ปี2557
การอนุรักษ์นาฏศิลป์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการแสดง ม.6 ปี2557การอนุรักษ์นาฏศิลป์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการแสดง ม.6 ปี2557
การอนุรักษ์นาฏศิลป์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการแสดง ม.6 ปี2557
 
สถิติ
สถิติสถิติ
สถิติ
 
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdfสามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
 
บทพิจารณาอาหาร
บทพิจารณาอาหารบทพิจารณาอาหาร
บทพิจารณาอาหาร
 
แบบทดสอบ ภาษาไทย ป.3
แบบทดสอบ ภาษาไทย ป.3แบบทดสอบ ภาษาไทย ป.3
แบบทดสอบ ภาษาไทย ป.3
 
แผนนาฏศิลป์ 1
แผนนาฏศิลป์ 1แผนนาฏศิลป์ 1
แผนนาฏศิลป์ 1
 
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
 
ใบงาน1
ใบงาน1ใบงาน1
ใบงาน1
 
การประดับแพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
การประดับแพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์การประดับแพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
การประดับแพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
 
บทที่ 3 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันบทที่ 3 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
 
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhismพุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism
 
เครื่องมือวัดและประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน
เครื่องมือวัดและประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนเครื่องมือวัดและประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน
เครื่องมือวัดและประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน
 
วิชา สัมพันธ์ไทย
วิชา สัมพันธ์ไทยวิชา สัมพันธ์ไทย
วิชา สัมพันธ์ไทย
 
แบบฝึกหัดคำภาษาต่างประเทศ ม.๒ นักเรียน
แบบฝึกหัดคำภาษาต่างประเทศ ม.๒  นักเรียนแบบฝึกหัดคำภาษาต่างประเทศ ม.๒  นักเรียน
แบบฝึกหัดคำภาษาต่างประเทศ ม.๒ นักเรียน
 

Ähnlich wie สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้

Heritage ok 05-01-54science
Heritage ok 05-01-54scienceHeritage ok 05-01-54science
Heritage ok 05-01-54sciencefaiiz011132
 
แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 2557
แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 2557แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 2557
แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 2557Utai Sukviwatsirikul
 
บทที่ ๑ ๔ รายงานประเมินตนเองสถานศึกษาพอเพียง ปี ๕๗ จักราวุธ คำทวี
บทที่ ๑ ๔ รายงานประเมินตนเองสถานศึกษาพอเพียง ปี ๕๗ จักราวุธ คำทวี บทที่ ๑ ๔ รายงานประเมินตนเองสถานศึกษาพอเพียง ปี ๕๗ จักราวุธ คำทวี
บทที่ ๑ ๔ รายงานประเมินตนเองสถานศึกษาพอเพียง ปี ๕๗ จักราวุธ คำทวี นายจักราวุธ คำทวี
 
แนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด 2557
แนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด 2557แนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด 2557
แนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด 2557Utai Sukviwatsirikul
 
โครงการนักสำรวจแห่งท้องทุ่ง (Green young investigator)
โครงการนักสำรวจแห่งท้องทุ่ง (Green young investigator)โครงการนักสำรวจแห่งท้องทุ่ง (Green young investigator)
โครงการนักสำรวจแห่งท้องทุ่ง (Green young investigator)Sircom Smarnbua
 
หนังสือเกษียณอายุ ดร.นิรันดร์ กุลฑานันท์ ในส่วนคณะมนุษยศาสตร์ฯ
หนังสือเกษียณอายุ ดร.นิรันดร์ กุลฑานันท์ ในส่วนคณะมนุษยศาสตร์ฯหนังสือเกษียณอายุ ดร.นิรันดร์ กุลฑานันท์ ในส่วนคณะมนุษยศาสตร์ฯ
หนังสือเกษียณอายุ ดร.นิรันดร์ กุลฑานันท์ ในส่วนคณะมนุษยศาสตร์ฯNiran Kultanan
 
งานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)
งานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)งานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)
งานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)yahapop
 

Ähnlich wie สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้ (20)

รายชื่อสมาชิกกลุ่ม
รายชื่อสมาชิกกลุ่มรายชื่อสมาชิกกลุ่ม
รายชื่อสมาชิกกลุ่ม
 
รายงานผลการดำเนินงานประจำปีชมรมผู้อาวุโส2555.
รายงานผลการดำเนินงานประจำปีชมรมผู้อาวุโส2555.รายงานผลการดำเนินงานประจำปีชมรมผู้อาวุโส2555.
รายงานผลการดำเนินงานประจำปีชมรมผู้อาวุโส2555.
 
R2554
R2554R2554
R2554
 
V 293
V 293V 293
V 293
 
Information2012
Information2012Information2012
Information2012
 
Rt2554
Rt2554Rt2554
Rt2554
 
Heritage ok 05-01-54science
Heritage ok 05-01-54scienceHeritage ok 05-01-54science
Heritage ok 05-01-54science
 
แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 2557
แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 2557แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 2557
แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 2557
 
บทที่ ๑ ๔ รายงานประเมินตนเองสถานศึกษาพอเพียง ปี ๕๗ จักราวุธ คำทวี
บทที่ ๑ ๔ รายงานประเมินตนเองสถานศึกษาพอเพียง ปี ๕๗ จักราวุธ คำทวี บทที่ ๑ ๔ รายงานประเมินตนเองสถานศึกษาพอเพียง ปี ๕๗ จักราวุธ คำทวี
บทที่ ๑ ๔ รายงานประเมินตนเองสถานศึกษาพอเพียง ปี ๕๗ จักราวุธ คำทวี
 
Newsletter4
Newsletter4 Newsletter4
Newsletter4
 
แนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด 2557
แนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด 2557แนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด 2557
แนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด 2557
 
Qlf forum may2014
Qlf forum may2014Qlf forum may2014
Qlf forum may2014
 
NSTDA Newsletter ฉบับที่ 9 ประจำเดือนธันวาคม 2558
NSTDA Newsletter ฉบับที่ 9 ประจำเดือนธันวาคม 2558NSTDA Newsletter ฉบับที่ 9 ประจำเดือนธันวาคม 2558
NSTDA Newsletter ฉบับที่ 9 ประจำเดือนธันวาคม 2558
 
โครงการนักสำรวจแห่งท้องทุ่ง (Green young investigator)
โครงการนักสำรวจแห่งท้องทุ่ง (Green young investigator)โครงการนักสำรวจแห่งท้องทุ่ง (Green young investigator)
โครงการนักสำรวจแห่งท้องทุ่ง (Green young investigator)
 
หนังสือเกษียณอายุ ดร.นิรันดร์ กุลฑานันท์ ในส่วนคณะมนุษยศาสตร์ฯ
หนังสือเกษียณอายุ ดร.นิรันดร์ กุลฑานันท์ ในส่วนคณะมนุษยศาสตร์ฯหนังสือเกษียณอายุ ดร.นิรันดร์ กุลฑานันท์ ในส่วนคณะมนุษยศาสตร์ฯ
หนังสือเกษียณอายุ ดร.นิรันดร์ กุลฑานันท์ ในส่วนคณะมนุษยศาสตร์ฯ
 
NSTDA Newsletter ปีที่ 7 ฉบับที่ 8 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564
NSTDA Newsletter ปีที่ 7 ฉบับที่ 8 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564NSTDA Newsletter ปีที่ 7 ฉบับที่ 8 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564
NSTDA Newsletter ปีที่ 7 ฉบับที่ 8 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564
 
งานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)
งานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)งานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)
งานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)
 
V 295
V 295V 295
V 295
 
สาระวิทย์ ฉบับที่ 39 ประจำเดือนมิถุนายน 2559
สาระวิทย์ ฉบับที่ 39 ประจำเดือนมิถุนายน 2559สาระวิทย์ ฉบับที่ 39 ประจำเดือนมิถุนายน 2559
สาระวิทย์ ฉบับที่ 39 ประจำเดือนมิถุนายน 2559
 
S2
S2S2
S2
 

Mehr von กรรณิกา ปัญญาอมรวัฒน์

Mehr von กรรณิกา ปัญญาอมรวัฒน์ (20)

พระมงกุฎ.pptx
พระมงกุฎ.pptxพระมงกุฎ.pptx
พระมงกุฎ.pptx
 
Kanniga วพบ แพร่
Kanniga วพบ แพร่Kanniga วพบ แพร่
Kanniga วพบ แพร่
 
2 p safety kanniga 60
2 p safety kanniga 602 p safety kanniga 60
2 p safety kanniga 60
 
Kanniga 31 jan
Kanniga 31 janKanniga 31 jan
Kanniga 31 jan
 
2559 บุรีรัมย์
2559 บุรีรัมย์2559 บุรีรัมย์
2559 บุรีรัมย์
 
เทคนิค ชลบุรี
เทคนิค ชลบุรีเทคนิค ชลบุรี
เทคนิค ชลบุรี
 
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาลแนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
 
จริยธรรม
จริยธรรมจริยธรรม
จริยธรรม
 
การพัฒนาคุณภาพจากการทบทวน
การพัฒนาคุณภาพจากการทบทวนการพัฒนาคุณภาพจากการทบทวน
การพัฒนาคุณภาพจากการทบทวน
 
ถอดบทเรียน
ถอดบทเรียนถอดบทเรียน
ถอดบทเรียน
 
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาลแนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
 
การบริหารการพยาบาล
การบริหารการพยาบาลการบริหารการพยาบาล
การบริหารการพยาบาล
 
วันยาบาลชัยภูมิ
วันยาบาลชัยภูมิวันยาบาลชัยภูมิ
วันยาบาลชัยภูมิ
 
คู่มือบริหารกลุ่มการพยาบาล รพช.
คู่มือบริหารกลุ่มการพยาบาล รพช.คู่มือบริหารกลุ่มการพยาบาล รพช.
คู่มือบริหารกลุ่มการพยาบาล รพช.
 
คู่มือบริหารกลุ่มการพยาบาล รพช.
คู่มือบริหารกลุ่มการพยาบาล รพช.คู่มือบริหารกลุ่มการพยาบาล รพช.
คู่มือบริหารกลุ่มการพยาบาล รพช.
 
เทคนิค
เทคนิคเทคนิค
เทคนิค
 
สรุปงานชมรม
สรุปงานชมรมสรุปงานชมรม
สรุปงานชมรม
 
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาลแนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
แนวทางการพัฒนาจริยธรรมของพยาบาล
 
เหลียวหลัง แลหน้า พัฒนาบริการ
เหลียวหลัง แลหน้า พัฒนาบริการเหลียวหลัง แลหน้า พัฒนาบริการ
เหลียวหลัง แลหน้า พัฒนาบริการ
 
Ppt เกณฑ์พยาบาล ระยอง (ปี 58)
Ppt เกณฑ์พยาบาล ระยอง (ปี 58)Ppt เกณฑ์พยาบาล ระยอง (ปี 58)
Ppt เกณฑ์พยาบาล ระยอง (ปี 58)
 

สรุปรายงานการศึกษาดูงานฉือจี้

  • 1. สรุป การศึก ษาดูง านมูล นิธ ิฉ ือ จี้ ประเทศใต้ห วัน ระหว่า งวัน ที่ 30 พฤษภาคม 2551-4 มิถ ุน ายน 2551 รายนามคณะผู้ศ ึก ษาดูง าน รศ. สุจินต์ วิจิตรกาญจน์ เลขาธิการสภาการพยาบาล และเป็นผู้นำา โครงการทีม ทัศนศึกษาดูงานของมูลนิธิ ฉือจี้ ณ ประเทศไต้หวัน กรรมการสภาการพยาบาล รศ. ดร. พูลสุข หิงคานนท์ ประธานกรรมการประจำาสาขาวิชา พยาบาลศาสตร์ มสธ. นางกรรณิกา ปัญญาอมรวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาล ชัยบาดาล รศ. ดร. ดรุณี รุจกรกานต์ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นางอรวรรณ รัตนวิจักขณ์ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลสมเด็จพระ ยุพราชเดชอุดม ผศ. ดร. สุนทราวดี เธียรพิเชฐ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ม.บูรพา นางอิชยา สุวรรณกุล กรรมการที่ปรึกษา ผู้นำาด้านการศึกษาการพยาบาล นางสาวสุพร พวงวราพันธ์ รองผู้อำานวยการฝ่ายแผนและประกันคุณภาพ วพบ. พุทธชินราช นางวราพร วันไชยธนวงศ์ ผู้อำานวยการวิทยาลัยพยาบาล วพบ. เชียงใหม่ รศ. ดร. จริยาวัตร คมพยัคฆ์ คณบดีคณะพยาบาลสาสตร์ ม.หัวฉียว เฉลิมพระเกียรติ นางพิมพรรณ รัตนโกมล พยาบาลวิชาชีพ 8 วพบ. ชัยนาท ดร. ศรินทร์ทิพย์ ชวพันธุ์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์ มิค ม.พายัพ ดร. จิราพร วัฒนศรีสิน ผู้อำานวยการ วพบ. นครศรีธรรมราช รศ. ดร. เอื้อมพร ทองกระจาย คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ ม.ขอนแก่น นางปิยะรัตน์ นิลอัยยกา คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิต บริหารธุรกิจ นางสุรีพร ธนศิลป์ รองศาสตราจารย์ ระดับ 9 คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นางเพ็ญจมาศ คำาธนะ พยาบาลวิชาชีพ 8 วพบ. ราชบุรี นางสุภาเพ็ญ ปาณะวัฒนพิสุทธิ์ พยาบาลวิชาชีพ 8 วพบ. สวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์ .ผู้นำาด้านการบริการการพยาบาล นางปราณี ภาณุภาส พยาบาลวิชาชีพ 8 วช. สถาบันธัญญารักษ์ นางจรรยาวัฒน์ ทับจันทร์ พยาบาลวิชาชีพ 7 โรงพยาบาลสูงเนิน จ. นครราชสีมา นางสาวสุวดี ชูสุวรรณ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลตรัง จ.ตรัง
  • 2. นางรัตนาภรณ์ พงษ์ประจักษ์ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี นางสาวสุดารัตน์ สุธราพันธ์ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลแพร่ นางมัจฉรี โอสถานนท์ พยาบาลวิชาชีพ 9 วช. สถาบันราชานุกูล นางพรทิพย์ รัตนวิชัย พยาบาลวิชาชีพ 9 โรงพยาบาล พระนครศรีอยุธยา นางสาวพิมวดี ตรีโรจน์พร พยาบาลวิชาชีพ 7 ศูนย์มะเร็ง อุบลราชธานี นางควรพิศ สายภัทรานุสรณ์ พยาบาลวิชาชีพ 7 โรงพยาบาลส่ง เสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 3 จ. ชลบุรี นาวาเอกหญิงวรรณนภา อังสุวัฒน์ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาล สมเด็จพระปิ่นเกล้า นางวนิดา อินทรสันติ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโป่ง จ. ราชบุรี นางสุวคนธ์ แก้วอ่อน ผู้ช่วยหัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลขอนแก่น นางวิจิตรา เชาว์พานนท์ รองผู้อำานวยการกลุ่มภารกิจบริการวิชาการ กองสถาบันประสาทวิทยา บทนำา การศึกษาดูงานมูลนิธิพุทธฉือจี้ ประเทศไต้หวัน คณะ ผูศึกษาดูงานเดินทางออกจากกรุงเทพในเวลา 6.00 น. และถึงสนาม ้ บินกรุงไทเปในเวลาประมาณ 9.45 น (เวลาประเทศไทย)ใช้เวลาบิน ประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที แต่เวลาในประเทศไต้หวันเป็น เวลา 10.45 น. ทั้งนี้เพราะเวลาในประเทศไต้หวันเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง คณะของพวกเราเมื่อถึงสนามบินและผ่านพิธีการตรวจคนเข้า เมือง กว่า จะออกมาถึงภายนอกได้ก็เกือบ 11.40 น. เมื่อออกมาถึงบริเวณที่ โดยสารขาเข้าของสนามบิน ไกด์ทัวร์ คือคุณ Wendy Tsai หรือที่เรา เรียกกันว่าคุณส้ม ก็แจ้งให้พวกเราเดิน สวยๆ ซึ่งพวกเราก็มีความสงสัย ทำาไมต้องเดินสวย ๆ ก็ได้รับคำาชี้แจงต่อว่าการ เดินสวยๆนั้นคือการ ดินแถวเรียงสองให้เป็นระเบียบเพราะจะมีคณะ ของมูลนิธิพุทธฉือจี้ จากนั้นเราก็ได้เห็นพิธีการต้อนรับของอาสา สมัครชาวฉือจี้ ทั้งชายและ หญิง ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยผู้ชายใส่เสื้อชาวกางเกงสีนำาเงินผูก เนคไท เรียบร้อยมาก ผูหญิง ้
  • 3. ใส่ชุดกี่เพาสีนำ้าเงิน มาให้การต้อนรับพวกเราประมาณ 8-9 คนโดย เข้าแถวรอรับพร้อมกับการยกมือไหว้พวกเรา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส ปรบมือรับพวกเรา ทำาให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นกับการต้อนรับที่ อบอุ่น เมื่อก้าวย่างที่ประเทศไต้หวัน และมิใช่มาต้อนรับอย่างเดียว ทุก คนไม่ว่าหญิง ชาย เขาช่วยขนกระเป๋า ใส่รถโค้ช ที่เป็นพาหนะใน การเดินทางของพวกเราอย่างเต็มใจ โดยที่กลุ่มอาสาสมัครที่มา ให้การต้อนรับเรานั้นมาจากหลายเมืองทั้งที่อาศัยในกรุงไทเปและ นอกเมืองไทเป โดยสำานักงานของมูลนิธิพุทธฉือจี้เป็น ผู้ประสานไป ยังอาสาสมัครว่าจะมีคณะจากเมืองไทยมาศึกษาดูงานกิจการของมูล นิธิพุทธฉือจี้ คณะอาสาสมัครเหล่านี้ต้องใช้ จ่ายเงินส่วนตัวในการ เดินทางมาร่วมต้อนรับคณะของเราเองทั้งสิ้นซึ่งทำาให้พวกเรารู้สึก ประทับใจนับตั้งแต่ก้าวแรกของการมาถึงประเทศไต้หวัน และไม่ใช่ เฉพาะการต้อนรับเมื่อ สถานที่ศึกษาดูงานในประเทศใต้หวัน 1. สถานีร ีไ ซเคิล เหยีย นผิง 2. สถานีโ ทรศัน ์ต ้า อ้า ย 3. โรงพยาบาล ซิน เตี้ย น 4. ศาลาจิ้ง ซือ ( พิพ ิธ ภัณ ฑ์ฉ ือ จี้) 5. มหาวิทยาลัยฉือ 6. จี้ฮวาหลียนวิท ยาลัย เทคโนโลยีฉ ือ จี้ 7. โรงพยาบาลฮวาเหลีย น 8. สมณารามจิง เซ่อ วัน ที่ 30 พฤษภาคม 2551 การศึก ษาดูง านที่ส ถานีร ีไ ซเคิล ขยะที่เ หยีย นผิง และสถานี โทรทัศ น์ต ้า อ้า ยกรุง ไทเป ประเทศไต้ห วัน สถานีร ีไ ซเคิล ขยะเหยีย นผิง สภาการพยาบาลได้กำาหนดให้มีการศึกษา ดู งานที่สถานีรีไซเคิล ที่เหยียนผิง ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงไทเป ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 เวลา 14.00 น. คณะผู้ศึกษาดูงานมาถึง สถานีรีไซเคิลขยะที่เหยียนผิง
  • 4. เมื่อลงจากรถ ก็ได้รับการต้อนรับจากอาสา สมัครฉือจี้ 5-6 คน คน ตั้งแถวรอรับพร้อมทักทายด้วยการพนมมือไหว้ และเชื้อเชิญ สถานีรีไซเคิลขยะ เป็นสถานที่ที่นำาขยะมาแยกก่อนนำาไปรีไซเคิล อาสาสมัครฉือจี้ที่เป็นผู้นำาชมสถานที่ รีไซเคิลขยะเหยียนผิงได้ เล่าว่า ประเทศไต้หวันเป็นประเทศอุตสาหกรรมมีกากอุตสาหกรรม จากโรงงานมาก สิ่งแวดล้อมตกอยู่ในภาวะอันตราย ท่านธรรมาจารย์ เจิ้งเหยียน จึงเล็งเห็นว่าโลกถูกทำาลายมามาก หากเรายังไม่หยุด ทำาร้ายโลก มนุษย์จะกลายเป็นผู้ถูกทำาร้ายเสียเองในอนาคต การลด ขยะและการรีไซเคิลเป็นการลดภาวะโลกร้อน ดังนั้นจึงเกิดการ รณรงค์การ ลดขยะ การเก็บขยะ คัดแยกขยะ และนำาขยะมา รีไซเคิลเพื่อลดการทำาร้ายโลกให้บอบชำ้าน้อยลง และมูลนิธิฉือจี้ได้ บรรจุไว้เป็นหนึ่งในภารกิจของมูลนิธิพุทธฉือจี้ด้วยเพื่อให้เกิด จิตสำานึกของการร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อน โดยมีการสร้างจิตสำานึก ของการลดขยะการทั้งขยะตั้งแต่ในวัยเด็กผ่านการปลูกฝังในโรงเรียน ของมูลนิธิฉือจี้ และจากนั้นแบ่งกลุ่มคณะผู้ศึกษาดูงานเป็น 2 กลุ่มเพื่อ จะได้หมุนเวียนกันดูงานในแต่ละจุดของการดำาเนินการแยกขยะ 1 สถานที่ดำาเนินการแยกขยะ สถานที่ที่เป็นที่ดำาเนินการรีไซเคิลขยะ เป็น โรงเรือนที่ปลูกสร้างง่ายๆ ในที่ดินประมาณหนึ่งไร่เศษ ติดถนน ซึ่งมูลนิธิ พุทธฉือจี้ได้รับบริจาค เป็นสถานที่ที่นำาขยะที่อาสาสมัครฉือจี้ไปเก็บนำามา จากแหล่งที่ทิ้งขยะจาก ชุมชน ต่างในเขตที่สถานีรีไซเคิลเหยียนผิงรับ ผิดชอบ มาดำาเนินการแยก ขยะให้เป็น ประเภทต่างๆ และทำาให้ขยะนั้นเกิด มูลค่ามากขึ้น โดยใน ประเทศไต้หวันจะมี สถานที่รีไซเคิลขยะใน ลักษณะนี้หลายแห่งในกรุง ไทเป ขยะที่นำามาที่นี้จะเป็นขยะแห้งเท่านั้น เช่นกระดาษ ขวดแก้ว ขวดพลาสติก เหล็ก อลูมิเนียม ฯลฯ สถานที่ดำาเนินการแยกขยะ จะ แยกประเภทไว้คือขยะที่เป็นกระดาษ พลาสติก ถุงพลาสติก ขวด พลาสติก ขวดแก้ว ม้วนเทปคลาสเซ็ท อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำารุด เป็นต้น ขยะที่เป็นประเภทขวดนำ้า กระป๋อง ถุงพลาสติก ผู้ที่ทิ้งจะมีการล้างมา ก่อนการทิ้ง จึงเป็นขยะที่ไม่สกปรกหรือมีกลิ่นเหม็น
  • 5. 2. วิธีการแยกขยะ อาสาสมัครฉือจี้เล่าให้ฟังว่าในแต่ละวันจะมีอาสาสมัคร ฉือจี้ ประมาณ 50-100 คนจะออกไปเก็บขยะในชุมชน ทุกชุมชนโดยขอ ให้ประชาชนทิ้งขยะให้มูลนิธิพุทธฉือจี้ 2-3 วัน/สัปดาห์ จากนั้น รถ บรรทุกขยะจะนำามาส่งที่สถานีแยกขยะในชุมชน และจะมีอาสาสมัคร ประมาณวันละ 10-12 คนมาเป็นผู้ดำาเนินการแยกขยะ การมา ทำางานที่นี้อาสาสมัครจะไม่ค่าใช้จ่ายในการทำางานใด ๆ ส่วนใหญ่จะ เป็นผู้สูงอายุ มาช่วยกันทำางานแยกขยะ เขาจะมาเกือบทุกวัน สมำ่าเสมอโดยจ่ายค่ารถกันเอง สถานที่จัดให้อาสาสมัครทำางานจะ เป็นม้านั่งเตี้ยพลาสติก และมีการนั่งทำางานเป็นสัดส่วน แต่ละแผนก อาทิแผนกการแยกกระดาษโดยมีอาสาสมัครนั่งทำางานบนม้าพลาสติก เล็ก เป็นกลุ่ม ๆโดยทำาการฉีกกระดาษออกจากหนังสือ เป็นกระดาษ แผ่นๆ แล้วแยกกระดาษออกเป็นกระดาษสี กระดาษขาว กระดาษที่มี หมึก กระดาษที่มีพลาสติกฉาบ ฯลฯ หย่อนในลังไว้เป็นส่วนๆ ทั้งนี้ เนื่องจากราคาของกระดาษที่จะนำาไปขายแตกต่างกัน ดังนั้นใน กระดาษ 1 แผ่นจะมีทั้งที่เป็นส่วนกระดาษขาว กระดาษสี กระดาษมี หมึก อาสาสมัครจะพยายามฉีกกระดาษขาวแยกออกมาให้มากที่สุด เพราะกระดาษขาวราคาแพงกว่าชนิดอื่น การฉีกกระดาษเป็นส่วนๆ จึงทำาให้ได้กระดาษที่มีราคาขายที่แตกต่างดังนั้นการแยกกระดาษให้ แยกกันแต่ละประเภทละเอียดมากเท่าใด ก็จะเพิ่มมูลค่ากระดาษได้ มากเท่านั้น และการรีไซเคิลกระดาษจะช่วยลดการตัดต้นไม้ลงไปได้ ปีละหลายล้านต้น ( เพราะการเก็บกระดาษกลับมาใช้ใหม่ 50 กิโลกรัมเท่ากับช่วยต้นไม้ 1 ต้น อายุ20-25 ปีไม่ให้ถูกทำาลายมา เป็นกระดาษ ) อาสาสมัครอีกกลุ่มกำาลังดำาเนินการเช็ดถุง พลาสติก(ขายได้กิโลกรัมละ 9 เหรียญไต้หวัน) อีกกลุ่มกำาลังงัดฝาขวด เหยียบขวดพลาสติกให้แบน เพื่อเอาขายและรีไซเคิลเปลี่ยน เป็น polymer นำาไปทอผ้าห่ม อาสาสมัครบางคนนั่งแกะม้วนเทป บางคนกำาลังซ่อมวัสดุ ซึ่งสามารถ ซ่อมแซมได้ที่มีคนทิ้งเช่นพัดลม เตารีด เพื่อนำาไปขายหรือนำาไปใช้ ใหม่ อีกกลุ่มกำาลังขนขยะขึ้นรถไปขาย อาสาสมัครที่มาทำางานที่นี้ถือว่าเป็นการทำางานที่เป็นประโยชน์ต่อ สังคม ได้บุญ ได้ทำาความดี และเป็นการช่วยให้โลกลดภาวะโลกร้อนลง
  • 6. อาสาสมัครที่มาทำางานร่วมกันก็ได้ออกกำาลังกายได้พบปะพูดคุยกัน ระหว่างอาสาสมัครด้วยกัน( ทำาให้ไม่อยู่บ้านคนเดียว เนืองจากสังคม ประเทศไต้หวันเป็นสังคมครอบครัวเดี่ยว ) มีความสุขกับการทำางาน อายุจะยืน ไม่มีโรค นอกจากนี้อาสาสมัครจะมีความภูมิใจมากที่เขา สามารถแยกขยะเพื่อนำาไปขายได้เป็นเงินปีละไม่น้อยกว่า 400 ล้าน เข้ามูลนิธิพุทธฉือจี้เพื่อทำาประโยชน์ต่อไปซึ่งจากการสังเกตจะเห็นว่า อาสาสมัครทุกคนตั้งใจทำางานอย่างขะมักเขม้น หน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และไม่ย่อท้อต่อการทำางานแม้ว่าอากาศจะร้อนก็ตามคณะผู้บริหาร สถานีแยกขยะได้เชิญคณะดูงาน เราไปรับประทานนำ้าชา บนโต๊ะ ซึ่งไม่สูงนักมีการวางขนมและ นำ้าชา ไว้ อย่างสวยงาม ประดับดอกไม้ที่ สวยงามมาก และได้มีการแสดงการร้องเพลง ชาวฉือจี้ประกอบภาษามือ และ มีอาสาสมัครฉือจี้มาเล่าชีวิตและ การเข้ามา เป็นอาสาสมัครของฉือจี้ เล่าว่าตัวเขามี อดีตที่เสเพล เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ได้รู้จักกับภรรยา ในรายการ โทรทัศน์ รู้จักกัน 1 สัปดาห์ก็แต่งงานกัน อยู่กันมา 7 ปี อาชีพประกอบธุรกิจ ต่อมาโดนโกง หลายสิบล้าน เครียด เริ่มเกเร แทนที่จะไปโกรธคน ที่ทำาแต่เขากลับมาลงที่ ครอบครัว โทษภรรยาว่าเป็นตัวซวย ประชดชีวิต ดืมเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการ ่ พนัน ทะเลาะ ตบตี ภรรยา จนลูกสาวทนไม่ได้ไปเรียนยูโด ได้สาย ดำา 2 เส้นเพื่อจะได้มาช่วยแม่ และจากการที่ตนเองได้ยืมเงินกลุ่ม ใต้ดินมามาก และไม่สามารถใช้ หนี้ได้ ได้ถูกตามทวงหนี้ จึงหนีไป อยู่ประเทศจีน 10 ปี ไปอยู่ที่ประเทศจีนก็ยังคง ใช้ชีวิตเหมือนเดิม คิดว่าก็ให้ตายไปเลย สุดท้ายไม่ตายแต่กลับเป็นโรคไต ซมซานกลับ มาหาครอบครัว ภรรยาพาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลซิมเปี้ยน ลำาไส้ ทะลุ ต้องล้างไตเป็นประจำา วันหนึ่งได้ดูโทรทัศน์ ต้าอ้ายเรื่องการ สอนคุณธรรมและการเสียสละ ในขณะที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลก็ เกิดความประทับใจอาสาสมัครในโรงพยาบาลด้วย จึงเปลี่ยนวิธีคิด ตนเอง เพื่อเตรียมตัวตาย ให้ภรรยาพามา ฝากเป็นอาสาสมัคร ตั้ง ปณิธานที่จะใช้ชีวิตที่เหลือให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด ตามคำา สอนของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียนคือ มีส องสิ่ง ที่อ าจมาถึง ก่อ น คือ พรุ่ง นี้เ ช้า หรือ ความตาย ทำา ปัจ จุบ ัน ให้ด ีท ี่ส ุด แม้เ ขาไม่ม ี สิท ธิ์ค รอบครองร่า งกายนี้ แต่จ ะใช้ร ่า งกายนี้ใ ห้เ ป็น
  • 7. ประโยชน์ใ ห้ม ากที่ส ุด การเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่เป็น อันธพาลแล้วกลับใจมาเป็นอาสาสมัครฉือจี้ ในขณะที่เขาต้องล้างไต ทุก 3 วันดังกล่าว จึงเป็นสิ่งที่เน้นถึงการพัฒนาจิตใจของอาสาสมัคร ฉือจี้ที่จะร่วมมือกันพัฒนาสังคม สรุป 3.1. การเก็บขยะ และการนำามาแยกขยะเพื่อเป็นการนำา ขยะไปขายในราคาที่สูงขึ้นนั้น นับเป็นความพยายามความอดทน ของอาสาสมัครที่มาร่วมงานกัน ซึ่งเป็นความร่วมมือร่วมใจโดยไม่หวัง ผลตอบแทน 3.2. การที่อาสาสมัครผู้สูงอายมาทำางานแยกขยะ เป็นการ สร้างความสุขในการทำาบุญและการออกกำาลังกายในตัวรวมทั้งไม่ เหงาเพราะได้มีเพื่อนคุยในขณะที่มาทำางาน 3.3 การแยกขยะจะเป็นการบรรเทาปัญหาขยะในเมืองลง ได้ และสร้างนิสัยการแยกขยะของประชาชนที่ต้องมีการล้าง และแยก ประเภทก่อนให้มูลนิธิพุทธฉือจี้ 3.4 หลักการสำาคัญของการดำาเนินการ เน้นที่อาสาสมัคร ทำางานด้วยใจ ไม่มีสิ่งตอบแทนนอกจากความสุขที่ได้ทำาบุญ การสร้าง เงินจากสิ่งเหลือใช้ และเป็นการอุทิศตน เสียสละเพื่อช่วยมูลนิธิ สถานีโ ทรทัศ น์ต า อ้า ย ้ สถานโทรทัศน์ต้าอ้าย(ต้าอ้าย แปลว่าความ รักอันยิ่งใหญ่ ) เป็นสถานี โทรทัศน์สีขาวที่ ดำาเนินการโดยมูลนิธิพุทธฉือจี้ ตั้งอยู่ที่กรุงไทเป ภายในสถานีโทรทัศน์ห้องประชุมใหญ่(ใช้เป็น ห้องส่งด้วย) พื้นปูด้วยไม้ ทุกคนที่เข้าชมจะถอดรองเท้าและใส่ถุงเท้าแทน อาคารใหญ่โตใช้งบ ประมาณในการก่อสร้างหลายร้อยล้านบาทและเป็นสถานีที่มีอุปกรณ์ ห้องส่ง ห้องแพร่ภาพทีทันสมัยมากในไต้หวัน และทั่วโลก สถานีที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารด้านความรู้ คุณธรรม จริยธรรม คำาสั่งสอนของพระโพธิสัตว์และการปฏิบัติกิจกรรมที่เป็น
  • 8. ประโยชน์ของอาสาสมัครของมูลนิธิพุทธฉือจี้ การออกอากาศแพร่ ภาพเพื่อเผยแพร่ข่าวสารของสถานีวันละ 6 ช่วงเวลา โดยไม่มีการ โฆษณา มูลนิธิจะให้การสนับสนุนงบประมาณดำาเนินการซึ่งใช้ ประมาณปีละ 1200 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยนำามาจากการขายขยะ ประมาณปีละ 400 ล้านเหรียญไต้หวัน สถานีนี้สามารถแพร่ภาพไป ได้ทั่วโลก การดำาเนินงานมีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถในการทำา รายการทั้งระดับมืออาชีพและอาสาสมัครที่มีความรู้ความสามารถใน ด้านโทรทัศน์มาช่วยในดำาเนินการผลิตรายการ รายการของสถานี โทรทัศน์ต้าอ้ายนั้นจะเน้นการเผยแพร่เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ทาง เสริมสร้างมากกว่าการทำาลาย ทั้งนี้อาสาสมัครที่เป็นวิทยากรเล่าให้ พวกเราฟังว่า คนส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากสื่อมาก โดยที่สื่อ โทรทัศน์ส่วนใหญ่จะมอมเมาประชาชนหลงเชื่อในทางที่ไม่ถูกต้อง เสนอเรื่องที่รุนแรงก้าวร้าว ซึ่งทำาให้เด็กเกิดการเลียนแบบได้ง่าย มี ผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม สถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายจึงเป็นสถาน ที่ที่ดำาเนินการตรงข้ามกับสถานีอื่น จะมีแต่รายการที่สร้างสรรค์ นำา เสนอแต่ตัวอย่างของชีวิตจริงของคนแบบสร้างสรรค์ ไม่เสนอเรื่องที่ รุนแรง หล่อแหลม การมอมเมา การบริโภคนิยม และการนำาเสนอสา ระใดๆก็ตามจะต้องเป็นเรื่องที่เป็นความจริง ซึ่งพบว่าสถานีโทรทัศน์ ต้าอ้ายมีอิทธิพลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนได้เพราะ ประชาชนได้เห็นสิ่งที่เป็นตัวอย่างจริงและได้รับฟังธรรมจากท่าน ธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ซึ่งให้ข้อคิดในการปฏิบัติตนอย่างมีคุณค่า ทั้งนี้ในโรงเรียน ในโรงพยาบาล ของมูลนิธิพุทธฉือจึ้ จะเปิดให้ นักเรียน ผู้ป่วยรับชมสถานีนี้ และพบว่าคนที่ดูรายการของสถานีนี้ แล้วคลายทุกข์ได้ และสถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายได้รับการโหวตจากคน ไต้หวันว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตมากที่สุด เพราะมีรายการทั้งที่เป็นสารคดี การปฏิบัติงานของชาวฉือจี้ รายการนิทานสอนใจ รายการละครชีวิต รายการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ข่าวความเคลื่อนไหวของโลกที่มูลนิธิ พุทธฉือจี้เข้าไปช่วยเหลือ รายการกรณีศึกษาที่นำาเอาชีวิตของอาสา สมัคร ชาวบ้านที่ทำาประโยชน์ในลักษณะพระโพธิสัตว์บำาเพ็ญบุญ ซึ่ง ส่งผลต่อการเป็นสมาชิกชองมูลนิธิและอาสาสมัครของมูลนิธินี้มากขึ้น ทั่วโลก สถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายไม่เป็นเพียงสถานีที่ให้ข้อมูลเฉพาะ คนไต้หวัน แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่กว้างขวางให้กับคนทั่วโลก สถานี โทรทัศน์ต้าอ้ายไม่ใช่โรงเรียน ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่สามารถปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนได้ ทำาให้ผู้ป่วยหายคลายทุกข์ได้ ทั้งนี้ เป็นกลวิธีที่ท่านธรรมาจารย์ เจิ้งเหยียน ใช้เพื่อสื่อสารสิ่งที่ดีไปสู่
  • 9. สังคมทั่วโลกด้วยการปฏิบัติจริงที่เป็นตัวอย่าง ของหลักของพรหม วิหารสี่ คือเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา สาระที่ไ ด้โ ดยสรุป 1. การนำาเสนอรายการของสถานีโทรทัศน์ โดยที่ผู้ผลิตสือที่ดีอก ่ เผยแพร่จะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนได้ 2. การสร้างสถานีโทรทัศน์ที่มีการผลิตรายการที่ดีจะเป็นการลด การมอมเมาประชาชนและสร้างสังคมให้เป็นสุขได้ วัน ที่ส องของการศึก ษาดูง าน 31 พฤษภาคม 2551 โรงพยาบาลซิน เตี้ย น (การเป็น อาสาสมัค รในโรงพยาบาล ) และ ศาลาจิ้ง ซือ ( พิพ ิธ ภัณ ฑ์ฉ ือ จี้) โรงพยาบาลซิน เตี้ย น เป็นโรงพยาบาล พุทธฉือจี้ที่ไทเป ขนาด 800 เตียง มีแพทย์ประมาณ 200 คน พยาบาล 600 คน ผู้ป่วยนอกวันละประมาณ 1400 คน โรงพยาบาลเป็น อาคาร 15 ชั้น ก่อสร้างด้วยระบบป้องกันแผ่นดินไหว จึงแข็งแรง โอ่อ่า สวยงาม พื้นผิวภายนอกอาคารใช้หินกรวดเล็กๆสีเทาประดับ เพื่อประหยัด งบประมาณในทาสี ด้านนอกของอาคารจะมีพื้นที่จัด สวนหย่อม จัดตามลักษณะสวนจีน(พื้นปูด้วยไม้กระดาน ประดับด้วยไม้ดัด ไม้ดอกพุ่มเตี้ย นำ้าตกเล็กๆ ธารนำ้าไหล และตุ๊กตากระเบื้อง) เจ้าหน้าที่ที่นำาชมสถานที่เล่าว่ามีสวนลักษณะนี้ถึง 6 ชั้น นอกจากนั้นแล้วภายใต้พื้น กระดานนั้นจะเป็นที่เก็บนำ้าฝนอีกด้วย เมื่อคณะเรามาถึงโรงพยาบาล ชาว อาสาสมัครฉือจี้ทั้งหญิงและ ชายเข้าแถวร้องเพลงต้อนรับ หลังจากนั้นพระอาจารย์ได้นำาเข้าไป ในอาคาร รวมกลุ่มเพื่อกราบภาพพระพุทธเจ้าที่กำาลังรักษาคนป่วย ซึ่งเป็น ภาพสัญลักษณ์ที่ชาวฉือจี้ใช้เป็นต้นแบบในการช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก คือการทำาหน้าที่พระโพธิสัตว์ ภายในอาคารโรงพยาบาลมีอาสาสมัครประจำาทุกจุด เช่น ช่วยให้ ข้อมูลที่แผนกผู้ป่วยนอก
  • 10. ช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วย มีอาสาสมัครเล่นเปียนโน วาดรูปดอกไม้ คัดลอกวา ทะธรรม แจกให้ผู้ป่วย และญาติ ทางโรงพยาบาลต้อนรับโดยการร้องเพลงและการใช้ภาษามือแสดง ท่าทางประกอบบทเพลงซึ่งทราบในภายหลังว่าเพลงชื่อ “รักทั่วฟ้าดิน” เนื้อ เพลงมีดังนี้ ทั่วฟ้าดินนี้ ไม่มีใครที่ฉันไม่รัก ทั่วฟ้าดินนี้ ไม่มีใครที่ฉันไม่เชื่อใจ ทั่วฟ้าดินนี้ ไม่มีใครที่ฉันไม่ให้อภัย ในใจกังวล เศร้าหมอง เสียใจ โยนทิ้งไป และได้นำาเสนอสไลด์มัลติวิชั่นเกี่ยวกับศักยภาพของโรงพยาบาล เมื่อชมจบ ได้เชิญใหัอาสาสมัคร 2 ท่าน เล่าประสบการณ์การปฏิบัติงานในโรงพยาบาล และตอบข้อซักถามคณะ ศึกษาดูงาน สรุปสาระสำาคัญได้ดังนี้ การเป็นอาสาสมัครทำาให้ได้บุญ ภายใต้กรอบ แนวคิดจากธรรมะ คือ เมตตา หมายถึง การช่วยเหลือผู้ยากไร้ กรุณา หมายถึง การดูแลช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย มุทิตา หมายถึง การให้การศึกษาเพื่อสร้าง ปัญญา อุเบกขา หมายถึง การให้โดยไม่หวังผล ตอบแทน และ จากการปฏิบัติงานทำาให้ได้เรียนรู้ถึงความ แตกต่างของ แต่ละบุคคลแต่ละครอบครัว ต้องรีบสร้างบุญ ทำาบุญ เสริมบุญ ( ต้องสร้าง บุญสัมพันธ์กับคนอื่นจึง จะได้บรรลุธรรม) เป็นโชคดีของอาสาสมัครที่ได้พบเห็นชีวิตของคนอื่น 1) งานหลักของอาสาสมัครคือ การให้กำาลังใจ การพูดคุย รับฟัง ช่วย ผ่อนคลายความเครียด และ ระมัดระวัง ไม่แทรกแซงการทำางานของแพทย์ พยาบาล 2) การฝึกอบรมอาสาสมัครใช้วิธีพี่สอนน้อง มีที่ปรึกษาสำาหรับอาสาสมัคร มือใหม่ ศาลาจิ้ง ซือ คณะเดินทางจากกรุงไทเปโดยรถโค้ชไปยังเมืองฮวาเหลียน เส้น ทางผ่านเทือกเขาคดเคี้ยว ประมาณ 120 กม. ผ่านหน้าผาที่สูงชัน มองลงไปเห็นชายทะเลอยู่ไกลลิบ สวยงามแต่น่าหวาดเสียวมาก
  • 11. ไปถึงประมาณ 16.30 น เยี่ยมชมศาลาจิ้งซือ ศาลาจิ้ง ซือ ตั้งอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยฉือจี้ฮวาหลียน เป็น พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานของมูลนิธิตั้งแต่เริ่มต้น จนปัจจุบัน จัดเป็นภาพขนาดใหญ่ แบ่งเป็นหมวดหมู่ตาม ลักษณะผลงาน ประกอบด้วย ภาพประวัติท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ผลงานด้านการช่วย เหลือผู้ยากไร้ ภัยพิบัติ ในประเทศและนอกประเทศ การดูแลผู้ป่วย การศึกษาทุกระดับตั้งแต่อนุบาล จนถึงมหาวิทยาลัย ภายในอาคารจัดเป็นทางลาดติดแถบกันลื่นตลอดเส้น ทาง ทำาให้เดินชมภาพผลงานต่างๆที่ติดฝาผนัง ได้อย่างสบาย มีนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติการก่อตั้งมูล นิธิฉือจี้ ซึ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อ ปี พ.ศ.. 2509 โดย ธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน มูลนิธิพุทธฉือจี้ก่อ ตั้งมาจาก ศิษย์ของธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ซึ่งเป็น แม่บ้านประมาณ 30 คนโดยให้แม่บ้านแต่ละคนร่วมกันเก็บเงินคนละ 50 เซนต์ใส่ลงในกระบอก ไม้ไผ่เพื่อนำาไปสมทบเป็นทุน พร้อมกับหารายได้ด้วยการถักเสื้อกันหนาวและ เย็บรองเท้าเด็ก ทำาของที่ระลึกขายเพื่อนำามาเป็นค่าใช้จ่ายสำาหรับมูลนิธิฉือจี้ จากการเสียสละของมูลนิธิฉือจี้จึงทำาให้ผู้คนมีความศรัทธาร่วมกัน บริจาคจนมูลนิธิฉือจี้ สามารถดำาเนินการช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้อย่างกว้างขวาง การช่วยเหลือโดย การเริ่มต้นเก็บเงิน ทีละเล็กทีละน้อย
  • 12. 2) ประเด็น การเรีย นรู้ 2.1 บทบาทผู้นำา ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน เป็นต้นแบบที่ดีใน การปฏิบัติงานที่มุ่งมั่น จริงจัง ด้วยความ เมตตา พระอาจารย์ที่นำาทีมศึกษาดูงานเล่าให้ฟังว่าเมื่อใดที่มี ผู้มาร้องเรียนหรือฟ้องร้อง ชาวฉือจี้ ท่านจะตอบว่า “เป็นเพราะเรายังสอนไม่ดีพอ เ ขาจึงเป็นเช่นนั้น” และจากวัตรปฏิบัติของท่าน ได้แก่ การทำางาน ตลอดเวลา ไม่ว่าใคร ไม่ติใครแต่จะชื่นชมผลงาน ของทุกคน ดำาเนินชีวิต อย่างเรียบง่าย ฯลฯ ท่านจึงเป็นศูนย์รวมของจิตใจของมวลสมาชิก ที่ให้ ความศรัทธาและร่วม สร้างงานต่างๆอย่างมีคุณภาพ 2.2 ทีมงานและการบริหารจัดการ ชาวฉือจี้ใช้ธรรมะตามแนวทาง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา (แนวทางพระโพธิสัตว์) เน้นการทำางานร่วมกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้คนเพื่อให้ ตนเองได้บุญ งานที่ เหนื่อยยากงานที่ ผู้คนมองว่าเป็นงานตำ่าต้อย( เก็บขยะ) ยิ่งต้องทำาเพื่อขัดเกลา ให้ตนเองมีเมตตามากยิ่งขึ้น การปรับเปลี่ยน ข้อธรรมะให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและกำาหนดเป็นจุดมุ่งหมาย ที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ปฏิบัติได้ง่าย ทำาให้ทุกคนปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน จึงเกิดพลังในการ เปลี่ยนแปลงได้สูง 2.3 เทคนิค วิธีการ รูปแบบการสอน การนำาเสนอที่เน้นการดูแลผู้คน ด้วยหัวใจแห่งความรัก และความเมตตาได้ถูกสอดแทรกไว้ในทุกโอกาส ทุกสถานที่ เพื่อหล่อหลอม ความเชื่อ ตอกยำ้าให้จดจำา บ่มเพาะให้มีการ ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสำาหรับผู้คนทุกวัย จึงทำาให้เกิดการ พัฒนาทั้งในด้านตัวบุคคลและสังคม วัน ที่ส ามของการศึก ษาดูง าน วัน ที่ 1 มิถ ุน ายน 2551
  • 13. โรงพยาบาลฮวาเหลีย น ที่ม าของการก่อ ตั้ง เมื่อประมาณ พ.ศ. 2528 ฉื้อจี้ได้สร้างโรงพยาบาลแห่งแรก ที่ฮวาเหลียน คือ เกือบ 20 ปีที่ผ่านมาเป็นโรงพยาบาล ที่สร้าง อย่างมั่นคง สวยงาม ป้องกันแผ่นดินไหว มีโครงสร้างที่แข็งแรง มั่นคง เสาแต่ละต้นโอบคนเดียวไม่รอบ การก่ อ สร้ า งได้ ม าจากเงิ น บริ จ าคทั้ ง หมดของสมาชิ ก ฉื อ จี้ ใน ช่วงนี้ท่านธรรมาจารย์มีดำาริ จะสร้างโรงพยาบาล ยังไม่มีเงินเลย แต่ ท่ า นธรรมาจารย์ มั่ น ใจว่ า จะทำา ได้ แม้ ต้ อ งใช้ เ งิ น หลายร้ อ ยเหรี ย ญ ก็ตามและก็สำา เร็จ ได้ สร้างจนถึงทุกวันนี้ (ปัจจุบันมี 6 โรงพยาบาล ทั่วไต้หวัน) โรงพยาบาลฮวาเหลียน เป็นโรงพยาบาลขนาด 1,200 เตียง ตั้งอยูด้าน ่ หนึ่ ง ของศาลาจิ้ ง ซื อ ซึ่ ง ศาลาจิ้ ง ซื อ อยู่ ต รง กลางและมี ม หาวิ ท ยาลั ย อยู่ อี ก ด้ า น โรง พยาบาลฮวาเหลียน มีเครื่องมือและเทคโนโลยี ที่ทันสมัย อยู่ในระดับแนวหน้าของไต้หวันเข้า มาตรฐานสากล สามารถให้ ก ารรั ก ษาผ่ า ตั ด โรคยาก ๆ ได้ ผ ลงานที่ เ ด่ น ของโรงพยาบาล คื อ การจั ด ระบบให้ ค วามสำา คั ญ กั บ มิ ติ ข อง ความเป็นมนุษย์ บรรยากาศในโรงพยาบาลจั ด ได้ ดี ม าก สะอาดเป็ น ระเบี ย บ เรี ย บร้ อ ย ไม่ มี ก ลิ่ น เหม็ น ของยาให้ ไ ด้ สั ม ผั ส ผู้ ค นที่ ทำา งานในโรง พยาบาลมีทั้งแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางวิชาชีพอื่นๆ ทำางานร่วม กับอาสาสมัครฉือจี้มีจำานวนประมาณ 250 คน ทุกคนให้บริการแก่ผู้ ป่ว ยด้ วยใบหน้ายิ้ม แย้ม แจ่ ม ใน กระตื อ รื อ ร้ นที่ จ ะช่ ว ยเหลื อ แนะนำา และให้บริการตามบทบาทหน้าที่ของตน ในโรงพยาบาลมีการจัดสถานที่ปฏิบัติธรรมให้กับคนทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม บรรยากาศสงบเย็น “แพทย์ พยาบาล และทีมงานมีหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ซึ่ง เป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นทุกคนต้องลดตัวตนให้เล็กที่สุด จึงจะทำา ภารกิจที่สำาคัญนั้นได้” การดำา เนิน งานกิจ กรรม โรงพยาบาลฮวาเหลียน รับผู้ป่วยทั่ว ๆ ไป รับรักษาทุกโรค ทุก เพศ ทุ กวัย มีแพทย์ พยาบาล และเจ้ าหน้ าที่ เหมื อ นกั บ โรงพยาบาล
  • 14. ต่าง ๆ ทุกสาขาวิชาชีพ แต่ที่เด่นคือ จะมีอาสาสมัครเข้ามาช่วยในโรง พยาบาล ซึ่ ง จะช่ ว ยแพทย์ พยาบาล และเจ้ า หน้ า ที่ ทุ ก จุ ด ในการ ทำางาน ซึ่งไม่ก้าวก่ายกับงานประจำา จะมี ก ารประชุ ม ทุ ก เช้ า กั บ ท่ า นธรรมาจารย์ เ จิ้ ง เหยี ย น ผ่ า น teleconference (ทั้ง 6 โรงพยาบาล) ระหว่างที่เดินดูโรงพยาบาล จะพบว่ามีอาสาสมัครกำาลังเป็นจุด ๆ ขณะ ที่ ไ ปดู ง านเป็ น วั น อาทิ ต ย์ จึ ง มี ผู้ ป่ ว ยจำา นวนน้ อ ย แต่ อ าสาสมั ค รยั ง ปฏิบัติงานจำานวนเท่าเดิม = 250 คน/วัน ตามทางเดินจะติดโปสเตอร์ รูปและประวัติของบุคลากรในโรงพยาบาล เพื่อเป็นการยกย่องและให้ เกี ย รติ แ ก่ เ จ้ า หน้ า ที่ ที่ ไ ด้ ก ระทำา ความดี ซึ่ ง จะมี ก ารเปลี่ ย นแปลง โปสเตอร์ รู ป เจ้ า หน้ า ที่ ปี ล ะครั้ ง ท่ า นธรรมาจารย์ เ จิ้ ง เหยี ย นได้ เ คย กล่าวกับ แพทย์และพยาบาลว่ า ถ้าไม่มี ผู้ป่วย ก็จะไม่ มีอ าชี พ แพทย์ พยาบาล เพราะแพทย์ แ ละพยาบาลจะได้ เ รี ย นรู้ จ ากคนไข้ เพราะ ฉะนั้นแพทย์ พยาบาล ต้องขอบคุ ณคนไข้ ขอบคุ ณ ที่ทำา ให้ฉันได้มี งานทำาและได้สร้างบุญทำาความดี นอกจากโปสเตอร์ยกย่องเจ้าหน้าที่ แล้ว จะพบว่าระหว่างเดิน จะมีโปสเตอร์แนวทางการดูแลตนเองและ การปฏิบัติตัวในเรื่อ งต่าง ๆ ติดอยู่ เป็ นระยะ ๆ และระหว่ างทางมี จุ ด หนึ่ ง จะพบแผงควบคุ ม การทำา งานของระบบโซลาเซลล์ โดยที่ โ รง พยาบาลจะมีการประหยัดไฟฟ้าโดยใช้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ ถ้า ระบบโซลาเซลล์ ไม่ทำางานแผงควบคุมก็จะต้องตัดไปใช้กระแสไฟฟ้า ผลิตแทน ซึ่งจะเห็นว่าเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ได้ เ ข้ า ไปเยี่ ย มชม Tranqilituy nursing work คื อ หอผู้ ป่ ว ย drug care สำาหรับผู้สูงอายุ เสียค่าใช้จ่าย 180 เหรียญ/วัน และจะมี อาสาสมัครมาดูแลเป็นจุด ๆ มีผู้สูงอายุประมาณ 30 คน/วัน การรับ ประทานอาหารจะนั่งโต๊ะ และมีรูปผู้ป่วยพร้อมประวัติต่าง ๆ เช่น ชื่อผู้ ป่วย อายุ ภาษาที่ใช้ ประเภทอาหารที่รับประทาน อุปกรณ์ที่ใช้ในการ รับประทานมีอะไรบ้าง หอผู้ระยะสุดท้าย จะมีห้องสวดมนต์ไหว้พระ ห้องพักสำาหรับให้ ญาติได้นอนพัก เนื่องจากบ้านไกลหรือผู้ป่วยอาการไม่ดี โดยจัดแบ่ง เป็ น ห้ อ งพั ก ชาย – หญิ ง เป็ น สั ด ส่ ว น บริ เ วณตรงกลาง ward เป็ น พื้ น ที่ ป รุ ง อาหาร เปิ ด โอกาสให้ ผู้ ป่ ว ย ญาติ อาสาสมั ค รร่ ว มกั น ปรุ ง อาหารและรั บ ประทานอาหารร่ ว มกั น ห้ อ งพั ก ผ่ อ นซึ่ ง อาจจะมาทำา กิ จ กรรมต่ า ง ๆ ช่ ว ยกั น เช่ น ดู TV ร้ อ งเพลง ภายในหอผู้ ป่ ว ยจะมี บอร์ดสำาหรับติดผลงานการวาดรูปของผู้ป่วยต่าง ๆ ซึ่งใช้ในนโยบาย ปกป้องให้เกียรติ คนไข้ เช่น ให้เกียรติเจ้าหน้าที่ แผนก Women health center จะสอนเกี่ยวกับการให้นมบุตร โดยให้ อ าสาสมั ค รที่ มี ป ระสบการณ์ ใ นการเลี้ ย งลู ก มาช่ ว ยให้ คำา
  • 15. แนะนำา หลังเยี่ยมชมโรงพยาบาล ให้ไปศาลาจิ้งซือ (เวลา 11.41 น.) เพื่อ ทำางานร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ ซึ่งกำากับโดยนายแพทย์ ชมวิดิทัศน์ เกี่ ย วกับ อาสาสมั ค รของฉือ จี้ ที ได้ ทำา งานอยู่ ใ นประเทศไทย โดยไป รักษาผ่าตัดตาต้อกระจกให้ฟรี ตัดแว่นตาให้ฟรี และยังมีบริการตัดผม เลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ไปรอตรวจ หลังจากนั้นให้อาสาสมัครหญิงคนหนึ่ง เล่าประสบการณ์การทำางานที่ฉือจี้ให้ฟัง อาสาสมัครจะมีการแบ่งโซน กั นทำา งาน แต่ส่วนมากอยากมาทำา งานในโรงพยาบาลกั น ตั ว อาสา สมัครเองโชคดีที่ได้ทำา งานที่ โรงพยาบาลทุกวั น ปัจจุ บันลาออกจาก งานประจำาแล้ว ได้เล่าความประทับใจ มีผู้หญิงชาวเขาคนหนึ่งมาคลอดลูกคนที่ 9 เพราะอายุ 30 กว่า ๆ อาสาสมั ค รที่ ไ ด้ พ บเห็ น ก็ จ ะพู ด ว่ า ลู ก มาแล้ ว คื อ หลั ง คลอดอาสา สมั ค รหลายท่ า นมี ข องมาฝากอยู่ บ่ อ ย ๆ ดั ง นั้ น ก่ อ นกลั บ จึ ง ได้ ม า ขอบคุณอาสาสมัครทุกท่านที่ได้คอยช่วยดูแล เพราะการคลอด 8 ครั้ง ที่ ผ่ า นมา (ไม่ ใ ช้ ร ะบบนี้ ) ไม่ เ คยได้ รั บ ดู แ ลเช่ น นี้ เ ลย จึ ง อยากจะ ตอบแทนโดยการยกลูก คนที่ 9 นี้ให้อ าสาสมัค รหญิ งคนนี้ แต่อ าสา สมัครท่านนี้ยังโสดอยู่และตกใจทำา อะไรไม่ถูก อาสาสมัครรุ่นพี่จึงให้ คำา แนะนำา ว่ า ให้เ อาโสมมาให้ พ ร้ อ มกั บ คื น ลู ก ให้ ห ญิ ง ชาวเขานี้ แ ละ บอกให้เขาเลี้ยงลูกที่น่ารักคนนี้ให้ดี ๆ ปัจจุบันเด็กคนนี้อายุ 4 ปีแล้ว และก็วิ่งเล่นไปเล่นมาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้บ่อย ๆ ส่วนตัวแม่เองปัจจุบัน ก็มาทำางานเป็นอาสาสมัครที่ฉือจี้ด้วย อาสาสมั ค รยกตั ว อย่ า ง อี ก 1 ตั ว อย่ า งว่ า มี ผู้ ห ญิ ง สู ง อายุ ท่ า น หนึ่ง ได้รับการดูแลจากอาสาสมัครเป็นอย่างดี เกิดความประทับใจจึง นำาเงินที่เก็บสะสมไว้ มาบริจาคและการบริจาคก็ต้องนับเงินกันตรงนั้น เลย เพื่อความโปร่งใส พบว่าได้รับเงินบริจาค 100,000 กว่าบาท ได้ชมวิดิทัศน์อีก 1 เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ป่วยชาย เป็นมะเร็ง ที่ผิวหนัง รู้ว่าอยู่ในระยะสุดท้ายของโรค อาสาสมัครก็ถามว่าอยากทำา อะไรมากที่สุด ผู้ป่วยท่านนี้เคยเป็นเด็กกำาพร้ามาก่อน จึงอยากจะกลับ ไปในที่ที่เคยอยู่ อาสาสมัครจึงได้พาผู้ป่วยท่านนี้ไปสถานรับเลี้ยงเด็ก กำา พร้า พูดคุยกับเด็กกำา พร้า ได้ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีอยู่ และเลี้ยง อาหาร ผู้ป่วยท่านนี้ก่อ นตายก็ ได้บ ริจ าคร่ างกายให้ โรงพยาบาลได้ ศึกษาอีกด้วย คนสูงอายุมักจะคิด ว่าตั ว เองมี ห น้ าที่ 3 อย่ าง (1) เฝ้ าบ้ าน (2) เลี้ยงลูกหลาน (3) รอวันตาย แต่ท่านธรรมาจารย์ได้ คนสูงอายุเป็นผู้ ที่ มี คุ ณ ประโยชน์ เพราะ (1) เป็ น ผู้ ที่ มี ป ระสบการณ์ (2) เป็ น ผู้ ที่ มี ความแข็ ง แรงและมี อ ายุ ย าว (3) เป็ น กำา ลั ง สำา คั ญ ของสั ง คม เป็ น โพธิสัตว์ สามารถนำาสังคมได้ดี ขอเพียงคุณต้องการ ขอเพียงคุณเรียก ร้องมา ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา
  • 16. จุด เด่ น อย่ า งหนึ่ ง ของโรงพยาบาล นอกจากการมี อ าสาสมั ค ร ทำา งานอย่างทุ่มเทและเสียสละแล้ว ยังพบว่าทุกบ่ายวันเสาร์ ทางโรง พยาบาลจะจัดการนัดพบ 4 มุม คือให้แพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร ผู้ ป่วยมาพบปะพูดคุย ดื่มนำ้าชาร่วมกัน อาสาสมัครปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า คือ โ ล กจ ะ ส ล า ย แผ่น ดิ น จ ะ ดั บ แ ต่อ า ส า ส มั ค ร จ ะ ยั ง ค ง อ ยู่ เ พื่ อ ทำา ห น้ า ที่ แ ล ะ อ า ส า สมัค รตลอดไป ประโยชน์ท ี่ไ ด้ร ับ 1. ได้เรียนรู้และสัมผัสกับการให้ที่ยิ่งใหญ่ คือ การให้โดยไม่หวัง สิ่งตอบแทนโดยใช้หลักธรรม คือ พรหมวิหาร 4 เป็น แนวทางในการดำาเนินชีวิตหรือแนวทางปฏิบัติ 2. การที่จะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงผู้อื่นทำาได้ยาก ทุกอย่างต้อง เริ่มต้นที่ตัวเองก่อน โดยได้แนวปฏิบัติ คือ พยายามคิดแต่ในสิ่ง ทีดี ทำาดี พูดดี เป็นผู้ที่มีความกตัญญู และต้องลงมือกระทำาทันที ่ ไม่ต้องรอ คือ ทำาปัจจุบันให้ดีที่สุด 3. การให้เกียรติยกย่องผู้อื่นด้วยการ Empowerment การให้ โอกาสคนที่อาจดำาเนินชีวิตผิดพลาดไปได้ปรับเปลี่ยนตนเองให้ เป็นที่ยอมรับและมีคุณค่าในตนเองและสังคมเพิ่มมากขึ้น คนทุก คนไม่มีใครแก่เกินไปที่จะเรียนรู้หรือปรับเปลี่ยนตนเองในสิ่ง ใหม่ๆ เพื่อที่จะทำาประโยชน์แก่สังคม 4. การดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม โดยเห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน 5. เรียนรู้ถึงวิถีการดำาเนินชีวิตที่เรียบง่าย หรือใช้จ่ายอย่างเพียง พอไม่เบียดเบียนผู้อื่นตรงกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง รายงานการศึก ษาดูง านวัน ที่ส ามของการศึก ษาดูง าน วัน ที่ 2 มิถ ุน ายน 2551 สมณารามจิ้ง เซ่อ 1. ที่ม าของ สมณารามจิ้ง เซ่อ สมณารามจิ้งเซ่อเป็นสำานักสนทนาธรรมและเป็นที่ตั้ง ของมูลนิธิฉือ จี้ ของท่านธรรมมาจารย์เจิ้นเหยีย นที่ ได้ถูกพั ฒนามา จาก บ้านไม้หลังเล็กๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ของท่านธรรมมาจารย์ ภายในที่ดินว่าง เปล่า เนื้อที่ 3.5 เอเคอร์
  • 17. ห ลั ง จ า ก บิ ด า ข อ ง ท่ า น เ สี ย ชี วิ ต ล ง อ ย่ า ง กะทันหันด้วยโรคเส้นโลหิต ในสมองแตกขณะที่ มี อ ายุ เพี ย ง 23 ปี มารดา ของท่านสุขภาพไม่ แข็ ง แรง และมี ภ าระต้ อ งดู แ ลน้ อ งหลายคน ท่านเป็นผู้มีลักษณะพิเศษ คือ สนใจใฝ่ ห าคำา ตอบเกี่ ย วกั บ ต้ น กำา เนิ ด ของ ชีวิต จุดหมายปลายทาง ของความตาย รวมทั้ ง จุ ด มุ่ ง หมายในการ ดำาเนินชีวิตสมำ่าเสมอตั้งแต่ วัยเด็ก ในปี ค.ศ.1961 ภายหลังจากบิดาเสียชีวิต ท่านได้รู้จักกับ ท่านธรรมมาจารย์ ซื่อเต้า และได้เป็นที่ ปรึกษาในเวลาต่ อมา ท่านมี ชี วิ ต ความเป็ น อยู่ ต ามยถากรรม พั ก ตามวั ด ต่ า งๆแถบชายฝั่ ง ทะเล ตะวั น ออกของไต้ ห วั น ซึ่ ง เป็ น พื้ น ที่ ร กร้ า งว่ า งเปล่ า ไม่ ไ ด้ รั บ การ พัฒนา ผู้คนส่วนใหญ่ยากจน ต่อมาท่านได้ใช้พื้นที่ดังกล่าว ปลูกผัก หารายได้ เ สริ ม โดยถั ก เสื้ อ กั น หนาว และรองเท้ า เด็ ก ขายอาศั ย อยู่ ภายในบ้านไม้เล็กๆเก่าๆ หลังหนึ่ง ปลายปี 1962 ท่านตัดสินใจบวช เป็นชีโดยการปลงผมด้วยตนเอง ปณิธาน ของท่านคือ จะไม่รบกวนชาวบ้านด้วย การบิณฑบาตเพราะชาวบ้านยากจนอยู่แล้ว ท่านต้องการช่วยคนยากจน หลังจากบวชชี มีลูกศิษย์ 30 คน ท่าน สอนลู ก ศิ ษ ย์ ใ ห้ อ อมเงิ น ในกระบอกไม้ ไ ผ่ วั น ละ 50 เซ็ น ค่ อ ยๆ รวบรวมเงินออม ในที่สุดสามารถจัดตั้งจัดตั้งมูลนิธิพุทธฉือจี้ขึ้นสำาเร็จ ปัจจุบันในบริเวณพื้นที่ 3.5 เอเคอร์ที่มีบ้านไม้เก่าๆได้ถูกพัฒนา ด้วยการก่อสร้างเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ 4 ชั้น ด้าน หลั ง เป็ น อาคารชั้ น เดี ย ว ประดิ ษ ฐานพระโพธิ สั ต ว์ 3 พระองค์ คื อ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า(ตรงกลาง) ด้านขวาคือ พระโพธิสัตว์จื้อตี้ ด้ า นซ้ า ยเป็ น พระโพธิ สั ต ว์ ก วนอิ ม ใช้ เ ป็ น ที่ ใ ห้ โ อวาท และสนทนา ธรรมระหว่าง ธรรมมาจารย์เจิ้นเหยียนเองและสานุศิษย์รวมทั้งอาสา สมั ค รจิ ต อาสา(ฉื อ จี้ ) และการสั ม มนาทางไกลเผยแพร่ ผ่ า นทาง โทรทัศน์และดาวเทียมไปทั่วโลกด้วย ทุกวันอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมี อาคารจำา หน่ายของที่ระลึกหารายได้เข้ามูลนิธิ ที่ซ่อมพัสดุ ที่ทำาปุ๋ย ส่วนเนื้อที่โดยรอบจัดทำาเป็นสวนปลูกพืชผัก ผล ไม้ต่างๆ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ซึ่งมีแม่ชี เป็นผู้ดำาเนินการด้วย ตนเองทั้งในเรื่องการปลูก การนำาไปทำาอาหาร และการจำาหน่าย เพื่อ หารายได้เข้ามูลนิธิ
  • 18. 2. กระบวนการทำา งาน มีแนวคิดหลักมาจากพระโพธิสัตว์ 3 พระองค์คือ 1. พระพุทธเจ้าคือ พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุฑิตา และ อุเบกขา เน้นถึงการปฏิบัติจริง 2. พระโพธิ สั ต ว์ ก วนอิ ม (กวน=เห็ น อิ ม = ได้ ยิ น ) คื อ เมื่ อ พบเห็นหรือได้ยิน ได้ทราบว่าคนทุกข์เดือดร้อน ต้องรีบไป ช่วยทันทีก่อนใคร ช่วยจนถึงที่สุด (สภาพดีดังเดิม) 3. พระโพธิสัตว์จื้อตี้ ท่านบอกว่าถ้าคนไม่หมดจากนรกท่านจะ ไม่ นิ พ พาน เน้ น คนที่ มี ค วามเดื อ ดร้ อ นใจ อาจไม่ ใ ช่ ค นจน ก็ได้ วัต ร ป ฏิบ ัต ิ (รูปแบบชีวิตประจำา ลักษณะการทำา งาน และสร้างเครือ ข่ายของฉือจี้) ศูนย์รวมจิตใจท่านคือธรรมมาจารย์เจิ้งเหยียนทุกเช้าท่านธรรม มาจารย์ จะมาสอนให้คำาแนะนำาพูดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ท่านได้รับทราบปัญหา ต่างๆทั่วโลก ให้ลูกศิษย์ได้รู้ได้เห็นเหมือนท่าน ผ่านทางทีวี แล้วกระตุ้นจิตสำานึกให้ เกิดความรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก จากนั้นจะมีการายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆของ มูลนิธิ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ท่านธรรมมาจาร ย์ จะกล่ า วชื่ น ชม และอาจเพิ่ ม แนวคิ ด แนวทางเพิ่ ม เติ ม ให้ โ ดย ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม จ า ก นั้ น เ ป็ น เ ว ที ก า ร นำา เ ส น อ ก า ร เ ล่ า ก า ร แ ล ก เ ป ลี่ ย น ประสบการณ์ชีวิต การได้ทำา ความดีช่วยเหลือผู้คนต่างๆ มีคนมารอ เล่ามากมาย ถ่ายทอดทาง ทีวี เช่นกัน หมดเวลา(มีการกำา หนดไว้และตรงเวลา) แยกย้ายกั นไปปฏิบัติ หน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล ครู นักเรียน แม่ชี อาสาสมัคร 3.กิจ กรรมภายในสมณาราม แม่ชีมีหน้าที่แตกต่างกันตามความรู้ความสามารถ ความชำานาญ ต่างๆมี คติอยู่อย่างหนึ่งคือ “ถ้าไม่ทำางานจะไม่กินข้าว” เพราะแม่ชีจะ ไม่รับถวายอาหารต้องช่วยเหลือตนเอง ในสมณารามจะแบ่งออกเป็น หลายแผนก เช่น - แผนกทำา สวน ปลูกผัก จะปลูกไว้กินเองมีหลากหลาย และ พอกิน - แผนกซ่อมวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ เช่นอุปกรณ์ไฟฟ้า - แผนกตัดเย็บเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า
  • 19. - แผนกอาหาร - ร่านค้า ฯลฯ สรุปมีครบวงจรแบบพึ่งพาตนเอง สมณารามจะแยกกันเด็ดขาดเป็นมูลนิธิ ในเรื่องการเงิน สมณา รามจะไม่เ ข้า ไปยุ่ งกั บ มู ล นิ ธิ เ ลย แต่ มู ล นิ ธิ ส ามารถใช้ เ งิ น และที่ ดิ น ของสมณารามได้ ท่านธรรมมาจารย์มีความน่าเลื่อมใสศรัทธามาก กิริยาท่าทางพูด ด้ ว ยเสี ย งห่ว งใย ประกอบภาษามื อ เป็ นคนที่ มี เ สน่ ห์ ท่ า นให้ ค วาม สำาคัญกับเด็กมากเพราะสามารถสั่งสอน และโน้มน้าวให้เป็นคนดี มีจิต อาสาช่วยผู้อื่นได้ง่าย ท่านไม่แบ่งแยก ทุกชาติ ศาสนา ต่างช่วยเหลือกันมีความรักให้ แก่กันได้ ฉือจี้มีความรักความเอื้ออาทร ให้กับผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกคน ท่ า นอยากให้ ค นจำา นวนมากเข้ า มามี ส่ ว นร่ ว ม และการที่ ค นมี ความรัก โลภ โกรธ และหลง ทำา ให้เกิดปัญหามากมายตามมา กับ คนด้วยกัน เทคนิ ค จุด เด่ น คื อ การเก็ บ เงิ น ที ล ะเล็ ก ละน้ อ ย สะสมลงใน กระบอกไม้ไผ่ ไว้ช่วยเหลือคน และให้เกียรติยกย่องคนดีเท่านั้น เกิด ความภาคภูมิใจ ชีวิตมีคุณค่า การทำางานเน้นทำาจริง อาสาสมัครมีความเข้มแข็ง มีจิตใจอาสามาก จะช่วยดูแลจิตใจ ผู้ป่วย และผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มใจ และทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือ ยกย่องทุกคนเป็นพระโพธิสัตว์หมดถ้าได้ช่วยเหลือคนอื่น โดย เฉพาะ หมอ พยาบาล คำาสอน ใจดี พูดไม่ดี ก็ไม่ใช่คนดี ต้องใจดี พูดดี ทำาดี คิดดี จึงดีแท้ 4. ประโยชน์ท ี่ไ ด้ร ับ 4.1 ได้เห็นวิถีการดำาเนินชีวิตที่เรียบง่ายของท่านธรรมมาจารย์ เจิ้ นเหยีย น แม่ชี อาสาสมั ค ร และศิ ษย์ ภายใต้ การยึ ด หลั กพรหม วิหาร 4 อย่างเป็นรูปธรรม 4.2 ได้เรียนรู้กลยุทธ์ที่ท่านธรรมมาจารย์เจิ้นเหยียน ใช้ในการ พั ฒนาจิต ใจมนุษ ย์ให้เป็ นผู้ มี พรหมวิ ห าร 4 จากกิ จ กรรมต่ างๆซึ่ ง สามารถสะท้อนให้คนศรัทธา และปฏิบัติตามได้จริง 4.3 ได้ เ ห็ น พฤติ ก รรมการแสดงออกของผู้ มี ปั ญ ญาเป็ น เลิ ศ ความเก่งของสตรี ในการสร้างกัลยาณมิตร ให้เป็นผู้มีจิตอาสา การ แสดงความเอื้ อ อาทร การให้ กำา ลั ง ใจ การยกย่ อ ง และมองเห็ น คุณค่าของความเป็นมนุษย์ของทุกคน 4.4 ได้ ข้ อ คิ ด ว่ า การกระทำา ทุ ก อย่ า งที่ เ กิ ด จากรากฐานของ ความมุ่งมั่น ตั้งใจ เต็มใจ และมีเป้าหมายจะส่งผลสำาเร็จคือเกิดความ
  • 20. ศรัทธา จากผู้ได้รับประโยชน์ของการกระทำานั้นๆ ขณะเดียวกันผู้ให้ ก็จะได้รับความสำาเร็จ คือสุขใจ หรือได้บุญ ได้กัลยาณมิตรเพิ่มขึ้น 4.5 ได้เห็นระบบการดำา เนิ น งาน การถ่ ายทอดความรู้ ทั้ ง การ อาศัยเทคโนโลยี การประสานงานที่มีประสิทธิภาพ และความร่วมมือ อย่างดียิ่งของผู้ไปใช้ประโยชน์ สรุป ผลการศึก ษาดูง าน ณ มูล นิธ ิฉ ือ จี้ ประเทศไต้ห วัน การศึก ษาดูง านในวัน ที่ 3 มิถ ุน ายน 2551 มหาวิท ยาลัย ฉือ จี้ และโรงเรีย นพยาบาลวิท ยาลัย เทคนิค ฉือ จื้ มหาวิทยาลัยฉือจี้ (Tzu Chi University) Tzu Chi University (TCU) เป็น มหาวิท ยาลัย เอกชน ตั้ง อยู่ท ี่เ มือ ง ฮัว หลิน (Hualien) ก่อ ตั้ง โดยมูล นิธ ิฉ ือ จี้ เมื่อ ค.ศ 1994 คณะแพทยศาสตร์ข อง TCU มีช ื่อ เสีย ง มากในไต้ห วัน นับ ว่า เป็น สถาบัน การศึก ษาทางการ แพทย์ท ี่ด ีท ี่ส ุด ในภาคตะวัน ออกของไต้ห วัน TCU มี ความสัม พัน ธ์ท ี่เ หนีย วแน่น กับ Hualien Tzu Chi General Hospital ซึ่ง ก่อ ตั้ง โดยมูล นิธ ิฉ ือ จี้ เช่น กัน TCU ยัง มีก ารแลกเปลี่ย นทางวิช าการกับ สถาบัน ในต่า ง ประเทศในลัก ษณะของ Sister School เช่น มหาวิท ยาลัย แคลิฟ อเนีย เบริก เลย์ มหาวิท ยาลัย บริก ิต โคลัม เบีย ในแคนาดา มหาวิท ยาลัย อิน โดนีเ ซีย มหาวิท ยาลัย ฮ่อ งกง และมหาวิท ยาลัย มหิด ล เป็น ต้น TCU ประกอบด้วย 4 วิทยาลัย 17 สถาบันวิจัย และ 12 ภาค วิชา ดังนี้ 1. College of Medicine ประกอบด้วย 6 ภาควิชา • ภาควิชาแพทยศาสตร์ • ภาควิชาพยาบาลศาสตร์
  • 21. • ภาควิชาสาธารณสุขศาสตร์ • ภาควิชาสารสนเทศการแพทย์ • ภาควิชา Laboratory Medicine & Biotechnology และ • สถาบันบัณฑิตศึกษาทาง Microbiology Immunology and Molecular Medicine 2. College of Life Science 3. College of Humanities & Social Science 4. College of Education & Communication Mission TCU หล่อหลอมนักศึกษาด้วยสิ่งแวดล้อม ที่เต็มไปด้วยความ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา การให้ความรักแก่นักศึกษา TCU หวังว่านักศึกษาจะมีชีวิตที่มีความสุข โดยปราศจากความทุกข์มากนัก ในนระหว่างการศึกษา และเมื่อสำาเร็จการศึกษาแล้ว TCU เตรียม นักศึกษาเพื่อให้พัฒนาแนวคิดที่กว้างไกล หลากหลาย และให้ประสบ ความสำาเร็จ และสามารถหาความหมายในชีวิตได้ นอกจากจะอบรมสั่งสอน ให้มีความรู้ทางวิชาชีพแล้ว TCU ก็ยัง ช่วยนักศึกษาให้พัฒนาทัศนคติทางบวกต่อชีวิต อาจารย์จะกระตุ้นให้ นักศึกษา มีประสบการณ์ในโลกของความจริง และแก้ปัญหาด้วย ความเอื้ออาทรและความเมตตา และเพื่อให้บรรลุตามหลักการที่ได้ตั้ง ไว้ TCU จึงจัดให้มีการจัดการเรียนการสอน และกิจกรรม 10 อย่าง เช่น General Education (การศึก ษาทั่ว ไป ) TCU กระตุ้นให้นักศึกษาพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต และให้ เข้าถึงความรู้ที่กว้างขวาง นักศึกษาต้องเรียนการศึกษาทั่วไป 32 หน่วยกิต ซึ่งประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปะ สังคมศาสตร์ และภาษา A Complete Education TCU จัดการศึกษาตั้งแต่อนุบาล จนถึงบัณฑิตศึกษา โดยพัฒนา ผู้เรียนทั้งด้านความรู้ในวิชาชีพ และเติบโตทางบุคลิกภาพ Tzu Chi Humanities Course