More Related Content
Similar to แนวทางแก้ไขปัญหาความรับผิดของ อปท.
Similar to แนวทางแก้ไขปัญหาความรับผิดของ อปท. (20)
แนวทางแก้ไขปัญหาความรับผิดของ อปท.
- 2. รัฐธรรมนูญแห่ง • แนวนโยบายแหงรัฐ
่
ราชอาณาจักร ไทย ่
• การปกครองสวนท ้องถน
ิ่
พ.ร.บ.ระเบียบบริ หาร • ปั จจัยพืนฐานหลัก ๓ ประการ
้
• ระเบยบบรหารราชการ
ี ิ
ราชการแผ่นดน ิ
• การกํากบดแลของผู ้วาฯ
ั ู ่
พ.ร.บ.วธีปฏิบัตราชการทาง
ิ ิ • หลักการและเหตผล
ุ
ปกครอง • การพจารณาทางปกครอง
ิ
พ.ร.บ. จัดตังศาลปกครอง
้ • การกระทําไมชอบด ้วยกฎหมาย
่
่ ้
• การละเว ้น ลาชา ในการปฏบัตฯ
ิ ิ
และวธีพจารณาคดีปกครอง
ิ ิ
• ความรับผิดละเมิด ฯ
- 8. กฎหมายว่าด้วย กฎหมายว่าด้วย กฎหมายว่าด้วยการ
การจัดตัง ปรับปรุ ง
้ การกาหนด
ํ บริหารผู้ปฏิบตงาน
ั ิ
และกาหนดอานาจ
ํ ํ
หน้ าที่ของหน่ วยงาน วิธีปฏิบตงาน
ั ิ
Personnel
Organization Administrative Administration
- 13. ตรวจสอบ
การปฏิบัติหน้ าที่
ปฏิบัติหน้ าที่ไม่ ถูกต้ อง ไม่ ชอบด้ วยกฎหมาย
ทุจริต ทําให้ เกิด เข้ าเหตุความผิดวินัย ผู้บริหารท้ องถินถูกสั่ง
่
กลันแกล้ งให้ เสี ยหาย
่ ความเสียหาย พ้ นจากตําแหน่ ง
- 21. มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตนี้ ิ
ฯลฯ………………………………… ฯลฯ
“คําสั่ งทางปกครอง” หมายความว่ า
(๑) การใช้อํานาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้น
ระหว่างบุคคลในอนทจะก่อเปลยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของ
ั ี่ ี่
สิ ทธิหรือหน้ าทีของบุคคล ไม่ ว่าจะเป็ นการถาวรหรือชั่วคราว เช่ น การสั่ งการ การอนุญาต การ
่
อนุมัติ การวินิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง และการรับจดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถึงการ
ออกกฎ
(๒) การอืนทีกาหนดในกฎกระทรวง
่ ่ํ
- 23. พิจารณาบุคคล การเตรียมการและ การออกคําสั่ง การทบทวนคําสั่ง การบังคับการใหเปนไป
ที่เขาสูกระบวนการ ดําเนินการ ทางปกครอง ทางปกครอง ตามคําสั่งทางปกครอง
แบบของคําสั่งทางปกครอง
ฝายคูกรณี ฝายรัฐ การแจงหรือการประกาศ สั่งใหชําระเงิน
คําสั่งทางปกครอง
หลักการพิจารณา หลักการพิจารณาโดย ทบทวน โดย การขอใหพิจารณา
อุทธรณ
จนท. ใหม
ตองมีประสิทธิภาพ เปดเผย
- 25. มาตรา ๑๓ คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีอํานาจหน้าที่กําหนดหลักเกณฑ์และดําเนินการ
เกียวกับการบริหารงานบุคคลในองค์ การบริหารส่ วนจังหวัดนั้น ในเรื่องดังต่ อไปนี้
่
(๑) กําหนดคุณสมบัติและลักษณะต้ องห้ ามทีมีความจําเป็ นเฉพาะสํ าหรับข้ าราชการองค์ การบริหารส่ วนจังหวัดนั้น
่
(๒) กําหนดจํานวนและอัตราตําแหน่ง อัตราเงินเดือนและวิธีการจ่ายเงินเดือน และประโยชน์ตอบแทนอื่น สําหรับ
ข้ าราชการองค์ การบริหารส่ วนจังหวัด
(๓) กําหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการคัดเลือก การบรรจุ และแต่ งตั้ง การย้ าย การโอน การรั บโอน การเลื่อน
ระดับ การเลือนขั้นเงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้ องทุกข์
่
(๔) กําหนดระเบียบเกี่ยวกับการบริหารและการปฏิบติงานของข้ าราชการองค์ การบริหารส่ วนจังหวัด
ั
และชี้แจง ส่ งเสริ มและพัฒนาความรู้ แก่ ข้าราชการองค์ การบริ หารส่ วน
จังหวัด
การดําเนินการตาม (๑) ถึง (๕) ต้ องได้ รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกลางข้ าราชการองค์ การบริ หารส่ วน
จังหวัด
- 26. มาตรา ๑๕
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการข้ าราชการองค์ การ
บริหารส่ วนจังหวัดกําหนด แต่สําหรับการออกคําสั่ งแต่งต้ังและการให้ ข้าราชการ
องค์ การบริหารส่ วนจังหวัดพ้ นจากตําแหน่ ง ต้ องได้ รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
ข้ าราชการองค์ การบริหารส่ วนจังหวัดก่ อน
อานาจในการดําเนินการเกี่ยวกบการบริหารงานบุคคลตามวรรคหนึ่ง นายกองค์การ
ํ ั
บริหารส่วนจังหวัดอาจมอบหมายให้ผ้ ูบังคับบัญชาข้าราชการในตําแหน่งใดขององค์การ
บริหารส่วนจังหวดแห่งน้ันเป็นผู้ใช้อานาจแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ ท้ังนี้
ั ํ
ตามหลักเกณฑ์ ทคณะกรรมการข้ าราชการองค์ การบริหารส่ วนจังหวัดกําหนด
ี่
- 27. มาตรา ๒๓ เทศบาลที่ อ ยู ใ นเขตจั ง หวั ด หนึ่ ง ให มี ค ณะกรรมการพนั ก งานเทศบาลร ว มกั น คณะหนึ่ ง ทํ า หน า ที่
บริหารงานบุคคลสําหรับเทศบาลทุกแหงที่อยูในเขตจังหวัดนั้น ประกอบดวย
(๑) ผูวาราชการจังหวัดเปนประธาน
มาตรา ๒๕ องคการบริหารสวนตําบลที่อยูในเขตจังหวัดหนึ่ง ใหมีคณะกรรมการพนักงานสวนตําบลรวมกันคณะ
หนึ่ง ทําหนาที่บริหารงานบุคคลสําหรับองคการบริหารสวนตําบลทุกแหงที่อยูในเขตจังหวัดนั้น ประกอบดวย
มาตรา ๑๐ การประชุมของคณะกรรมการขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดตองมีกรรมการมาประชุมไมนอย
กวากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเปนองคประชุม
- 28. มาตรา ๖๔ นายกองคการบริหารสวนตําบลพนจากตําแหนงเมื่อ
(๑)....
(๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะตองหามตามมาตรา ๕๘/๑
(๕) กระทําการฝาฝนมาตรา ๖๔/๒
(๖) ผูวาราชการจังหวัดสั่งใหพนจากตําแหนงตามมาตรา ๘๗/๑ วรรคหา หรือ มาตรา ๙๒
(๗) ถูกจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุก
(๘) ราษฎรผูมีสิทธิเลือกตั้งในเขตองคการบริหารสวนตําบลมีจํานวนไมนอยกวาสามในสี่ของ
จํานวนผูมีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียงเห็นวานายกองคการบริหารสวนตําบลไมสมควรดํารงตําแหนง
ตอไปตามกฎหมายวาดวยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาทองถิ่นหรือผูบริหารทองถิ่น
เมื่อมีขอสงสัยเกี่ยวกับความเปนนายกองคการบริหารสวนตําบลสิ้นสุดลงตาม(๔) หรือ (๕) ให
นายอําเภอสอบสวนและวินิจฉัยโดยเร็ว คําวินิจฉัยของนายอําเภอใหเปนที่สุด
- 29. มาตรา ๘๗/๑ ในกรณี ที่ ส ภาองค์ ก ารบริ ห ารส่ วนตํ า บลไม่ รั บ หลั ก การแห่ ง ร่ างข้ อ บั ญ ญั ติ
งบประมาณรายจ่ ายประจําปี ................
ให้ นายอําเภอส่ งร่ างข้ อบัญญัติให้ นายกฯ โดยเร็ ว แล้ วให้ นายกฯ เสนอร่ างข้ อบัญญัติดังกล่ าวต่ อ
สภาฯ ภายในเจ็ดวัน หากนายกฯไม่ เสนอร่ างข้ อบัญญัติน้ันต่ อสภาฯภายในเวลาที่กําหนด ให้ นายอําเภอ
รายงานต่ อผู้ว่าฯ เพือสั่ งให้ นายกฯ พ้ นจากตําแหน่ ง
่
มาตรา ๙๒ หากปรากฏว่ า นายกฯ รองนายกฯ ประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯกระทําการ
ฝ่ าฝื นต่ อความสงบเรียบร้ อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ ปฏิบัติตามหรื อปฏิบัติการไม่
ชอบด้ วยอํานาจหน้ าที่ ให้ นายอําเภอดําเนินการสอบสวนโดยเร็ว
ในกรณีทผลการสอบสวนปรากฏว่ า นายกฯ รองนายกฯ ประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ มี
ี่
พฤติการณ์ ตามวรรคหนึ่งจริ ง ให้ นายอําเภอเสนอให้ ผ้ ูว่าราชการจังหวัดสั่ งให้ บุคคลดังกล่ าวพ้ นจาก
ตําแหน่ง ท้ังนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจดําเนินการสอบสวนเพิ่มเติมด้วยก็ได้ คําสั่งของผ้ ูว่าราชการ
จังหวัดให้ เป็ นทีสุด
่
- 30. มาตรา 12 ในกรณีทเี่ จ้าหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่หน่วยงานของรัฐได้
ใช้ใ ห้ แ ก่ผู้ เ สีย หายตามมาตรา 8 หรื อในกรณีที่เ จ้ าหน้ าที่ต้อ งใช้ ค่า สิน ไหมทดแทน
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผ้ ูน้ันได้กระทําละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 10 ประกอบ
กับมาตรา 8 เรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้น้ัน
ชําระเงินดังกล่าวภายในเวลาที่กาหนดํ
มาตรา 13 ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีระเบียบเพื่อให้เจ้าหน้าที่ซึ่งต้องรับผิดตาม
มาตรา 8 และมาตรา 10 สามารถผ่อนชําระเงินที่จะต้องรับผดน้ันได้โดยคํานึงถึงรายได้
ิ
ฐานะ ครอบครัวและความรับผิดชอบ และพฤติการณ์ แห่ งกรณีประกอบด้ วย
- 31. ข้อ 8 เมื่อเกิดความเสี ยหายแก่ หน่ วยงานของรัฐแห่ งใด และหัวหน้ าหน่ วยงานของรัฐแห่ งนั้นมีเหตุอัน
ควรเชื่ อว่ าเกิดจากการกระทําของเจ้ าหน้ าที่ของหน่ วยงานของรั ฐแห่ งนั้น ให้ หัวหน้ าหน่ วยงานของรัฐดังกล่ าว
แต่ง ต้ังคณะกรรมการสอบข้อ เท็จจริ งความรั บผิดทางละเมิดขึ้นคณะหนึ่ง โดยไม่ชั กช้า เพื่อพิจารณาเสนอ
ความเห็นเกียวกับผู้ต้องรับผิดและจํานวนค่ าสิ นไหมทดแทนทีผู้น้ ันต้ องชดใช้
่ ่
ข้ อ 12 ถ้ า ผู้ มี อํ า นาจแต่ ง ต้ั ง คณะกรรมการตามข้ อ 8 ข้ อ 10 หรื อ ข้ อ 11 ไม่ ดํ า เนิ น การแต่ ง ต้ั ง
คณะกรรมการภายในเวลาอันควร หรื อแต่ งตั้งกรรมการโดยไม่ เหมาะสม
ซึ่งเป็ นผู้บังคับบัญชา หรื อกํากับดูแล หรื อควบคุมการปฏิบัติงานของบุคคลดังกล่ าวมีอํานาจ
แต่ งตั้งคณะกรรมการ หรือเปลียนแปลงกรรมการแทนผู้มอานาจแต่ งตั้งนั้นได้ ตามทีเ่ ห็นสมควร
่ ีํ
ข้อ 30 ในหมวดนี้ หน่ วยงานของรั ฐ หมายความว่ า กระทรวง ทบวง กรม หรื อ ส่ วนราชการที่เรี ยกชื่ อ
อย่ างอื่นและมีฐานะเป็ นกรม และราชการส่ วนภู มิภาค แต่ ไม่ รวมถึงราชการส่ วนท้ องถิ่น รั ฐวิสาหกิจ หรื อ
หน่ วยงานอืนของรัฐ
่
- 33. มาตรา 13 เจ้ าหน้ าทีดงต่ อไปนีจะทําการพิจารณาทางปกครองไม่ ได้
่ ั ้
(1) เป็ นคู่กรณีเอง
(2) เป็ นคู่หมันหรือคู่สมรสของคู่กรณี
่
(3) เป็ นญาติของคู่กรณี คือ เป็ นบุพการีหรือผู้สืบสั นดานไม่ ว่าชั้นใด ๆ หรือเป็ นพีน้องหรือลูกพีลูกน้ อง
่ ่
นับได้ เพียงภายในสามชั้น หรือเป็ นญาติเกียวพันทางแต่ งงานนับได้ เพียงสองชั้น
่
(4) เป็ นหรือเคยเป็ นผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้พทกษ์ หรือผู้แทนหรือตัวแทนของคู่กรณี
ิ ั
(5) เป็นเจ้าหนีหรือลูกหนี้ หรือเป็ นนายจ้ างของคู่กรณี
้
(6) กรณีอนตามทีกาหนดในกฎกระทรวง
ื่ ่ํ
มาตรา ๑๖ ในกรณีมเี หตุอนใดนอกจากทีบญญัติไว้ ในมาตรา ๑๓ เกียวกับเจ้ าหน้ าทีหรือกรรมการใน
ื่ ่ ั ่ ่
คณะกรรมการทีมอานาจพิจารณาทางปกครอง ซึ่งมีสภาพร้ ายแรงอันอาจทําให้ การพิจารณาทางปกครองไม่
่ ีํ
เป็ นกลาง เจ้ าหน้ าทีหรือกรรมการผู้น้ันจะทําการพิจารณาทางปกครองในเรื่องนั้นไม่ ได้
่
- 34. - ประธาน ปปช. แจ้ง นายกฯ ว่า การกระทําของผู้ฟ้องคดีขณะเป็นปลัด ทต.บ้านค่าย
เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการและฐานประพฤติชั่วอย่าง
ร้ ายแรงตามาตรา ๘๒ วรรสาม มาตรา ๙๘ วรรคสองฯ ให้ นายกฯพิจารณาโทษทางวินัยตาม
มาตรา ๙๒ วรรคหนึ่งฯ
- นายกฯ เสนอเรื่ อ งต่ อ กทจ.ให้ ล งโทษปลดผู้ ฟ้ องคดี อ อกจากราชการ กทจ.มี ม ติ
เห็นชอบ นายกฯ จึงออกคําสั่ งปลดผู้ฟ้องคดีออกจากราชการผู้ฟ้องคดียื่นอุทธรณ์ กทจ. มีมติ
ยกอุทธรณ์เพราะเห็นว่า ไม่ได้อุทธรณ์ดุลพินิจในการสั่งลงโทษของ กทจ. ว่าไม่เหมาะสม
อย่ างไร แต่ อุทธรณ์ การวินิจฉัยข้ อเท็จจริงของ ปปช. ซึ่งขัดมาตรา ๙๖ พรบ.ปปช.ฯ
- จึงนําคดีมาฟ้ องศาลขอให้ เพิกถอนคําสั่ งลงโทษ
- 35. - ประเดนย่อย ๑ การไต่ สวนของอนุกรรมการไต่ สวนฯ ชอบด้ วยกฎหมายหรือไม่
็
- ทีอ้างว่ า การแต่ งตั้ง พสส. คดีที่นาย ม. กล่ าวโทษผู้ฟองคดีเป็ นอนุกรรมการไต่ สวน
่ ้
ไม่ชอบด้วยมาตรา ๔๖ (๑)(๒)(๔) [รู้ เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหามาก่อน มี
ส่ วนได้ เสี ยในเรื่ องที่กล่ าวหา และเป็ นผู้กล่ าวหา] และทั้งสองก็ไม่ ได้ รายงานประธาน
ปปช. ตามมาตรา ๔๖ [กรณีอนุกรรมการฯ มีลักษณะดังกล่าว ให้ผู้น้ันแจ้งต่อประธาน
ปปช.โดยเร็ว ระหว่ างนั้นห้ ามยุ่งเกียวกับการดําเนินการของอนุกรรมการ] จึงไม่อาจรับ
่
ฟังรายงานและความเห็นของ คกก.ปปช. มาพจารณาโทษทางวินัยผู้ฟองคดีได้ เห็นว่า
ิ ้
ผู้ฟองคดีได้ รับแจ้ งคําสั่ งแต่ งตั้งอนุ กก. และให้แจ้งคัดค้านภายใน ๗ วันต่อประธาน
้
ปปช. ถ้ าไม่ ยนคัดค้ านถือว่ าไม่ ประสงค์ คดค้ าน
ื่ ั
- อย่ างไรกตาม ปัญหาคุณสมบัติของเจ้าหน้าที่เป็นปัญหาความสงบฯ ศาลหยบยกขึน
็ ิ ้
พิจารณาได้
- 37. มาตรา ๒๙ เจ้ าหน้ าทีต้องพิจารณาพยานหลักฐานที่ตนเห็นว่ า จําเป็ นแก่ การพิสูจน์ ข้อเท็จจริง ใน
่
การนี้ ให้ รวมถึงการดําเนินการดังต่ อไปนี้
(๑) แสวงหาพยานหลักฐานทุกอย่ างทีเ่ กียวข้ อง ่
(๒) รับฟังพยานหลักฐาน คําชี้แจง หรื อความเห็นของคู่กรณี หรื อของพยานบุคคลหรื อพยาน
ผู้เชี่ ยวชาญที่คู่กรณีกล่ าวอ้ าง เว้ นแต่ เจ้ าหน้ าที่เห็นว่ าเป็ นการกล่ าวอ้ างที่ไม่ จําเป็ นฟุ่ มเฟื อยหรื อเพื่อประวิง
เวลา
(๓) ขอข้ อเท็จจริงหรือความเห็นจากคู่กรณี พยานบุคคล หรือพยานผู้เชี่ยวชาญ
(๔) ขอให้ ผู้ครอบครองเอกสารส่ งเอกสารทีเ่ กียวข้ อง ่
(๕) ออกไปตรวจสถานที่
คู่กรณีต้องให้ ความร่ วมมือกับเจ้ าหน้ าที่ในการพิสูจน์ ข้อเท็จจริง และมีหน้ าที่แจ้ งพยานหลักฐานที่
ตนทราบแก่ เจ้ าหน้ าที่
พยานหรือพยานผู้เชี่ยวชาญที่เจ้ าหน้ าที่เรียกมาให้ ถ้อยคําหรือทําความเห็นมีสิทธิได้ รับค่ าป่ วยการ
ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการทีกาหนดในกฎกระทรวง
่ํ 37
- 38. มาตรา ๓๐ ในกรณีที่คําสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคูกรณี เจาหนาที่
ตองใหคูกรณีมีโอกาสที่จะไดทราบขอเท็จจริงอยางเพียงพอ และมีโอกาสไดโตแยงและ
แสดงพยานหลักฐานของตน
ความในวรรคหนึ่ ง มิ ใ ห นํ า มาใช บั ง คั บ ในกรณี ดั ง ต อ ไปนี้ เว น แต เ จ า หน า ที่ จ ะ
เห็นสมควรปฏิบัติเปนอยางอื่น
(๑) เมื่อมีความจําเปนรีบดวนหากปลอยใหเนิ่นชาไปจะกอใหเกิดความเสียหาย
อยางรายแรงแกผูหนึ่งผูใดหรือจะกระทบตอประโยชนสาธารณะ
(๒) เมื่อจะมีผลทําใหระยะเวลาที่กฎหมายหรือกฎกําหนดไวในการทําคําสั่งทาง
ปกครองตองลาชาออกไป
(๓) เมื่อเปนขอเท็จจริงที่คูกรณีนั้นเองไดใหไวในคําขอ คําใหการหรือคําแถลง
(๔) เมื่อโดยสภาพเห็นไดชัดในตัววาการใหโอกาสดังกลาวไมอาจกระทําได
(๕) เมื่อเปนมาตรการบังคับทางปกครอง
(6) 38
กรณีอื่นตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
- 40. คําพิพากษาศาลปกครองคดีไมตองใหโอกาสชี้แจงขอเท็จจริง
คําพิพากษาศาลปกครองขอนแกนที่ ๑๔๒/๒๕๔๘ นายกองคการบริหารสวนตําบลมีคําสั่งถอด
ถอนรองนายกฯ ใหพนจากตําแหนงตามมาตรา ๕๙ (๓) แหง พรบ.สภาตําบลและองคการบริหารสวน
ตําบล การที่ผูไดการแตงตั้งเปนรองนายกฯ จะอยูปฏิบัติหนาที่ในตําแหนงรองนายกฯ ในระยะเวลาเทาใด
หรือจะถูกถอดถอนเมื่อใด จึงเปนอํานาจของนายกฯ เมื่อนายกฯ เห็นวา การปฏิบัติหนาที่ของรองนายกฯ
ไมบรรลุวัตถุประสงคและเปาหมายที่นายกฯ ไดใหไวกับประชาชน นายกฯ จึงไดออกคําสั่งถอดถอนรอง
นายกฯ จึงเปนการใชอํานาจที่กฎหมายกําหนดไว
แตโดยที่คําสั่งถอดถอนรองนายกฯ เปนคําสั่งทางปกครอง ซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิของรองนายกฯ
ต อ งเป น ไปตาม มาตรา ๓๐ วรรคแรก ที่ บั ญญั ติ ใ ห เ จ า หน า ที่ ค วรให คู ก รณี มี โ อกาสที่ จ ะได รั บ ทราบ
ขอเท็จจริงอยางเพียงพอ และมีโอกาสแสดงพยานหลักฐานของตน แตความในวรรคแรกไดรับการยกเวน
มิตองนํามาใชบังคับ หากเปนกรณีที่กําหนดไวตามวรรคสอง รวม ๖ ประการ โดยมีกรณีที่ (๖) เปนกรณี
ที่กําหนดไวในกฎกระทรวง การใหพนจากตําแหนง จึงเปนคําสั่งที่ไดรับการยกเวนที่ไมตองแจงใหคูกรณี
ไดมีโอกาสทราบขอเท็จจริงและโตแยงหรือแสดงพยานหลักฐานกอน (และคําพิพากษาศาลปกครองสงขลา
ที่ ๒๐๕/๒๕๕๑ วินิจฉัยทํานองเดียวกัน) 40
- 41. • คําพิพากษาศาลปกครองสงขลาที่ ๒๐๕/๒๕๕๑ นายกเทศมนตรีมีคําส่ ังให้พ้นจากตําแหน่งตาม
มาตรา 48 โสฬส วรรคหนึ่ ง (2) แห่ ง พระราชบัญญั ติเทศบาล พ.ศ.2496 นั น กฎหมายมิไ ด้
้
กําหนดหลั กเกณฑ์ หรื อเงื่อนไขว่ า นายกเทศมนตรี จะมีคําสั่ง ให้ ร องนายกเทศมนตรี พ้ นจาก
ตําแหน่ งในกรณีใดบ้ าง จึงเป็ นกรณีท่ ีกฎหมายมีเจตนารมณ์ ท่ ีจะให้ อํานาจนายกเทศมนตรี ใช้
ดุ ล พินิ จ ในการออกคําสั่ งให้ ร องนายกเทศมนตรี พ้น จากตํา แหน่ ง ตามความเหมาะสม ทัง นี ้ ้
เพ่ ือให้การบริหารงานของเทศบาลรวมทังของนายกเทศมนตรีบรรลุผลตามนโยบายท่ ีได้แถลงไว้ต่อสภา
้
เทศบาล ดังนัน เมื่อใดก็ตามที่นายกเทศมนตรี เห็นว่ า ไม่ จาเป็ นที่จะต้ องมีรองนายกเทศมนตรี
้ ํ
ต่อไป หรือรองนายกเทศมนตรีท่ ีแต่งตังไว้ไม่เหมาะสมหรือไม่อาจปฏิบัติงานร่วมกันต่อไปได้
้
นายกเทศมนตรี ย่ อ มมี อํา นาจสั่ ง ให้ ร องนายกเทศมนตรี พ้ น จากตํ า แหน่ ง ได้ ดั ง นั น การที่
้
นายกเทศมนตรี ออกคําสั่งที่ 234/2547 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2547 ให้ผ้ ูฟองคดีพ้นจากตําแหน่ง
้
รองนายกเทศมนตรี จึงเป็นการกระทาท่ ีชอบด้วยกฎหมายแล้ว (และคําพิพากษาศาลปกครอง
ํ
ขอนแก่ นที่ 142/2548 วินิจฉัยทํานองเดียวกัน)
41
- 42. ให้ตรวจดเอกสาร มาตรา 31 32
ู
• คู ก รณีมี สิ ท ธิ ข อตรวจดู เ อกสารที่ จํ า เป นตอ งรู เ พื่อ การ
โตแยงหรือชี้แจงหรือปองกันสิทธิของตนได แตถายังไมได
ทําคําสั่งทางปกครองในเรื่องนั้น คูกรณีไมมีสิทธิขอตรวจดู
เอกสารอันเปนตนรางคําวินิจฉัย
•
เจ า หน า ที่ อ าจไม อ นุ ญ าตให ต รวจดู เ อกสารหรื อ
พยานหลักฐานได ถาเปนกรณีที่ตองรักษาไวเปนความลับ
42
- 43. การออกคําสังทางปกครอง
่
แบบของคําสัง
่ การแจ้งคาสงทางปกครอง
ํ ั่
รปแบบคาสง
ู ํ ั่ การให้เหตผล
ุ คําสังทางปกครอง
่
เงื่อนไขการแจ้ง
มีผลเมื่อได้แจ้ง
แจ้งอย่างไร แจ้งแก่ใคร แจ้งอะไร
วาจา หนังสือ รปแบบอื่น
ู เจาะจงตัว ผูรบคําสัง
้ ั ่ สาระสําคัญ
ปิดประกาศ ผแทน
ู้ ของคําสัง
่
ระบุรายการต่าง ๆ ประกาศ นสพ. 43
FAX
- 44. มาตรา ๓๗ คาสงทางปกครองท่ทาเป็นหนังสอและการยนยนคาสง่ั ทางปกครองเป็นหนังสอตองจด
ํ ั่ ีํ ื ื ั ํ ื ้ ั
ใหมีเหตผลไวดวย และเหตผลน้นอย่างนอยตองประกอบดวย
้ ุ ้้ ุ ั ้ ้ ้ ก ร ณี ป ล ด
(๑) ข้อเท็จจริงอันเป็ นสาระสําคัญ
รองนายก
(๒) ขอกฎหมายท่อา้ งอง
้ ี ิ
(๓) ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุ นในการใช้ดลพินิจ ุ
นายกรัฐมนตรีหรือผูซ่ึงนายกรัฐมนตรีมอบหมายอาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดให้คาสัง่
้ ํ
ทางปกครองกรณีหน่ึ งกรณีใดตองระบเุ หตผลไวในคาสง่ั น้นเองหรอในเอกสารแนบทายคาสง่ั น้นกได ้
้ ุ ้ ํ ั ื ้ ํ ั ็
บทบญญตตามวรรคหน่ึ งไม่ใชบงคบกบกรณีดงต่อไปน้ ี
ั ัิ ้ั ั ั ั
(๑) เป็นกรณีท่มีผลตรงตามคาขอและไม่กระทบสทธและหนาท่ของบคคลอน
ี ํ ิ ิ ้ ี ุ ่ื
(๒) เหตผลน้นเป็นท่รูกนอยู่แลวโดยไม่จาตองระบอก
ุ ั ี้ั ้ ํ ้ ุี
(๓) เป็นกรณีท่ตองรกษาไวเ้ ป็นความลบตามมาตรา ๓๒
ี ้ ั ั
(๔) เป็นการออกคาสงทางปกครองดวยวาจาหรอเป็นกรณีเรงด่วน แต่ตองใหเ้ หตผลเป็นลายลกษณ์
ํ ั่ ้ ื ่ ้ ุ ั 44
อกษรในเวลาอนควรหากผูอยู่ในบงคบของคาสง่ั น้นรองขอ
ั ั ้ ั ั ํ ั ้
- 45. รูปแบบของคําสังทางปกครองที่ เป็ นหนังสือ
่
1. วัน เดือน ปี ที่ออกคําสัง
่
2. ชื่อ/ตาแหน่ง/ลายมือชื่อเจ้าหน้ าทีผออกคําสัง
ํ ู้ ่
3. เหตุผล โดย
- ต้องมีข้อเทจจริง
็
- ข้อกฎหมาย.
- ข้อพิจารณา
45
- ข้อสนับสนุนในการใช้ดลพินิจ
ุ
- 46. คาพพากษาศาลปกครองคดีไม่แจงเหตผลในการออกคาสง่ั
ํ ิ ้ ุ ํ
• คาพพากษาศาลปกครองขอนแก่นท่ี ๓๒๑/๒๕๕๒ แม้ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติเทศบาลจะ
ํ ิ
้
กําหนดให้การแต่งตังและถอดถอนรองนายกเทศมนตรีเป็ นอํานาจและดุลยพินิจของผูถูกฟ้ องคดีท่ี 1
้
้ ้ ั ้
และการได้มาซึ่งผูดํารงตําแหน่ งผูถูกฟ้ องคดีท่ี 1 ในปัจจุบนมาจากการเลือกตังโดยตรงของประชาชน
แต่โดยการใชอานาจของผูถกฟ้องคดีท่ี 1 ตามกฎหมายที่มีผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของประชาชนหรือผู ้
้ํ ู้
ท่ีอยู่ภายใตอานาจ จึงย่อมตองอยู่ภายใตหลกการของการกระทําทางปกครองตองชอบดวยกฎหมาย
้ํ ้ ้ ั ้ ้
้ ้ั
การท่ีกฎหมายกําหนดใหการแต่งตงและถอดถอนรองนายกเทศมนตรีเป็นอานาจและดุลยพินิจของ
ํ
นายกเทศมนตรี(ผูถูกฟ้ องคดีท่ี 1) จึงมีความหมายแต่เพียงให้อานาจนายกเทศมนตรีในลักษณะเป็ น
้ ํ
้
อํานาจดุลยพินิจที่จะเลือกและตัดสินใจในการแต่งตังและถอดถอนรองนายกได้ดวยตนเอง แต่ตอง
้ ้
้ ้ ้ั
ดําเนินการใหถูกตองตามรูปแบบขนตอนหรือภายในขอบเขตของกฎหมาย หาไดหมายความว่าเป็น ้
การให้อานาจแก่นายกเทศมนตรีในการออกคําสัง่ ให้รองนายกเทศมนตรีพนจากตําแหน่ งได้โดยอิสระ
ํ ้
ตามอําเภอใจ โดยไร้ขอบเขตหรือโดยปราศจากหลักเกณฑ์แต่อย่างใด คําสัง่ ของผูถูกฟ้ องคดีท่ี 1 จึง
้ 46
เป็นคาสงทางปกครองท่ไม่ชอบดวยกฎหมาย
ํ ั่ ี ้
- 47. 4. ชั้นทบทวนคําสั่งทางปกครอง
การทบทวนโดยเจาหนาที่
การอุทธรณ การขอใหพิจารณาใหม
การเพิกถอนคําสั่ง
คูกรณีตองอุทธรณเปน การอุทธรณไมเปนการ 1. มีพยานหลักฐานใหม
หนังสือภายใน 15 วัน ทุเลาการบังคับ 2. คูกรณีที่แทจริงไมไดเขามาใน
นับแตไดรับแจง ตามคําสั่ง กระบวนการ
3. จนท. ไมมีอํานาจทําคําสั่ง
4. ขอเท็จจริงหรือกฎหมายเปลี่ยนแปลง
47
- 48. มาตรา ๔๔ ภายใตบังคับมาตรา ๔๘ ในกรณีที่คําสั่งทางปกครองใด
ไมไดออกโดยรัฐมนตรี และไมมีกฎหมายกําหนดขั้นตอนอุทธรณภายในฝาย
ปกครองไวเปนการเฉพาะ ใหคูกรณีอุทธรณคําสั่งทางปกครองนั้นโดยยื่นตอ
เจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองภายในสิบหาวัน นับแตวันที่ตนไดรับแจงคําสั่ง
ดังกลาว
คําอุทธรณตองทําเปนหนังสือโดยระบุขอโตแยงและขอเท็จจริงหรือขอ
กฎหมายที่อางอิง ประกอบดวย
การอุทธรณไมเปนเหตุใหทุเลาการบังคับตามคําสั่งทางปกครอง
เวนแตจะมีการสั่งใหทุเลาการบังคับตามมาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง
48
- 49. กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
1. ต้ องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่กฎหมายเฉพาะนั้นกําหนดไว้ เป็ นหลัก แต่ มีมาตรฐาน
ไม่ ตํ่ากว่ า กม.วิ.ปกครองฯ และวิธีปฏิบัติราชการให้ เป็ นตาม กม.วิ.ปกครองฯ (มาตรา ๓ และ
มาตรา ๕)
2. เตรียมการและดําเนินการโดยเจ้ าหน้ าที่ผู้มีอานาจ (มาตรา ๑๒)
ํ
3. ซึ่งไม่มส่วนได้เสีย (มาตรา ๑๓ - ๑๖)
ี
4. คู่กรณีต้องมีความสามารถ (ม.๒๑ – ๒๒)
5. ต้ องแจ้ งสิ ทธิหน้ าทีในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง (มาตรา ๒๗)
่
6. ต้ องพิจารณาพยานหลักฐานทีเ่ กียวข้ องทุกอย่ าง (มาตรา ๒๙)
่ 49
- 50. กฎหมายวิธีปฏิบตราชการทางปกครอง
ั ิ
8. ต้ องให้ ผู้ถูกออกคําสั่ งได้ ทราบข้ อเท็จจริ งอย่ างเพียงพอและมีโอกาสได้ โต้ แย้ งและแสดงพยานหลักฐาน
ของตน (มาตรา ๓๐)
9. ได้ ตรวจดูเอกสารของเจ้ าหน้ าที่ (มาตรา 31,32)
10. คําสั่ งทางปกครองเป็ นหนังสื อ จะต้ องสรุ ปข้ อเท็จจริงและเหตุผล และอ้ างตัวบทกฎหมายรับรองอํานาจใน
การออกคําสั่ ง (มาตรา ๓๗)
11. หากออกคําสั่ งแล้ วไปกระทบสิ ทธิของผู้ใด ผู้ที่ถูกกระทบสิ ทธิจากการออกคําสั่ งสามารถอุทธรณ์ คําสั่ งทาง
ปกครองนั้นได้ (มาตรา ๔๔)
12. รวมทั้งหากมีข้อเท็จจริงเกิดขึนใหม่ ทจะทําให้ การพิจารณามีคาสั่ งของเจ้ าหน้ าที่เปลี่ยนไป ก็สามารถขอให้
้ ี่ ํ
มีการพิจารณาใหม่ ได้ (มาตรา ๕๔)
13. หากออกคําสั่ งทางปกครองไปแล้ ว แต่ ผู้รับคําสั่ งฝ่ าฝื น เจ้ าหน้ าที่อาจนํามาตรการบังคับทางปกครองมา
ใช้ กบผู้ฝ่าฝื นได้ อก (มาตรา ๕๘)
ั ี 50
- 51. • อํานาจ
เจ้ าหน้ าที่ • ความเปนกลาง
• ประสิทธิภาพ ไตสวน
วิธีการ • เปดเผย ใหโอกาสคูกรณี
• ใหแจงขอมูล ใหสิทธิ์โตแยง
ขันตอน
้ • ผานการใหความเหนชอบ
็
• สรุปขอเท็จจริง
รู ปแบบ • อางขอกฎหมาย
• ขอสนับสนนในการใชดลพนจ
ุ ุ ิ ิ 51
- 52. การดําเนินการเพื่อออกคําสั่งทางปกครอง
แตงตั้งคณะกรรมการสอบสวน
รวบรวมหลักฐานฝายกลาวหา
แจงขอเท็จจริงที่เปนเหตุผลในการออกคําสั่ง ใหโอกาสชี้แจงแสดงพยานหลักฐาน
การพิจารณาความผิด การพิจารณาโทษ
คณะกรรมการเสนอความเห็นไปยังผูแตงตั้ง
ขอความเห็นชอบตามขั้นตอน
ออกคําสั่งทางปกครอง 52
- 53. คาถาม
ํ
1. เป็นการใชอานาจ
้ํ
1. สตง.ช้ ีมูล ตามกฎหมายใด
2. ปปช.ช้ ีมูล 2. กระทบต่อสิทธิหน้าที่
อย่างไร
3. เป็นคาสง่ั
ํ
ทางปกครองหรอไม่ อย่างไร
ื
53
- 54. ศาลปกครองมีอานาจพิจารณาพิพากษาหรอมีคาสงในเรองดงต่อไปนี้
ํ ื ํ ั่ ื่ ั
คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการ
โดยไมชอบดวยกฎหมาย ไมวาจะเปน การออกกฎ คําสั่ง หรือการกระทําอื่นใด
เนื่องจาก กระทําโดยไมมีอํานาจ หรือนอกเหนืออํานาจหนาที่ หรือไมถูกตอง
ตามกฎหมาย หรื อโดยไม ถู กต องตามรู ปแบบขั้ นตอน หรื อวิ ธี การอั นเป น
สาระสําคัญที่กําหนดไวสําหรับการกระทํานั้น หรือโดยไมสุจริต หรือมีลักษณะ
เปนการเลือกปฏิบัติที่ไมเปนธรรม หรือมีลักษณะเปนการสรางขั้นตอนโดยไม
จําเปน หรือสรางภาระใหเกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเปนการใชดุลพินิจ
โดยมิชอบ
- 55. รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐
มาตรา ๒๘๒ การกํากับดูแลองคกรปกครองสวนทองถิ่น ตองทําเทาที่จําเปนและมี
หลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่ชัดเจนสอดคลองและเหมาะสมกับรูปแบบขององคกรปกครองสวน
ทองถิ่น ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ โดยตองเปนไปเพื่อการคุมครองประโยชนของประชาชนในทองถิ่น
หรือประโยชนของประเทศเปนสวนรวม และจะกระทบถึงสาระสําคัญแหงหลักการปกครองตนเองตาม
เจตนารมณของประชาชนในทองถิ่น หรือนอกเหนือจากที่กฎหมายบัญญัติไวมิได
ในการกํากับดูแลตามวรรคหนึ่ง ใหมีการกําหนดมาตรฐานกลางเพื่อเปนแนวทางใหองคกร
ปกครองสวนทองถิ่นเลือกไปปฏิบัติไดเอง โดยคํานึงถึงความเหมาะสมและความแตกตางในระดับของ
การพัฒนาและประสิทธิภาพในการบริหารขององคกรปกครองสวนทอ งถิ่นในแตละรูปแบบโดยไม
กระทบตอความสามารถในการตัดสินใจดําเนินงานตามความตองการขององคกรปกครองสวนทองถิ่น 55
รวมทั้งจัดใหมีกลไกการตรวจสอบการดําเนินงานโดยประชาชนเปนหลัก
- 56. เหตุที่ทําใหการกระทําทางปกครองไมชอบดวยกฎหมาย
1. โดยไมมีอํานาจ
2. นอกเหนืออํานาจหนาที่
3. โดยไมถูกตองตามกฎหมาย
4. โดยไมถูกตองตามรูปแบบขั้นตอน
5. โดยไมถูกตองตามวิธีการอันเปนสาระสําคัญ
6. โดยไมสุจริต
7. โดยเลือกปฏิบัติไมเปนธรรม
8. โดยสรางขั้นตอนโดยไมจําเปน
9. โดยมีลักษณะเปนการสรางภาระใหเกิดกับประชาชนเกินสมควร 56
10. โดยใชดุลพินิจไมชอบ
- 58. 2.กรณีกระทํานอกอํานาจหนาที่
เป น กรณี ที่ ห น ว ยงานทางปกครองหรื อ เจ า หน า ที่ ข องรั ฐ มี อํ า นาจกระทํ า ได ต าม
กฎหมายอยูแลว และมีอํานาจหนาที่ที่จะดําเนินการอยางใดอยางหนึ่ง เพียงแตได
กระทําเกินกวาที่กฎหมายใหอํานาจอํานาจหนาที่ที่ตนมีอยู
คดี ห มายเลขแดงที่ อ. ๒๔๗/๒๕๕๒ เครื่ อ งอุ ป กรณ เ ด็ ก เล น ที่ ผู ถู ก ฟ อ งคดี ติ ด ตั้ ง ใน
สวนสาธารณะประกอบไปดวยบันไดลื่น จํานวน ๔ ตัว อุโมงคสไลเดอร จํานวน ๔ ตัว
สะพานเชื่อมระหวางบันไดลื่น จํานวน ๒ ชุด โดยอุปกรณทั้งหมดเชื่อมติดตอกัน โดย
สภาพจึงเปนเครื่องอุปกรณเด็กเลนที่มีขนาดใหญที่กอใหเกิดเสียงดังรบกวนความเปนอยู
ของผูฟองคดีที่จะไดอยูดวยความสงบ อีกทั้งมีความสูงอันทําใหผูฟองคดีเสียความเปนสวน
ตัวการดําเนินการของผูถูกฟองคดี จึงเปนการใชอํานาจนอกเหนืออํานาจหนาที่ตามที่
58
กฎหมายกําหนดอันเปนการไมชอบดวยกฎหมาย
- 60. คําพิพากษาศาลปกครองสูง สุดที่ อ.๓๑๐/๒๕๕๐ การยายผูฟอ งคดีซึ่ง เปนพนักงานเทศบาลจาก
ตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียน ระดับ ๘ ไปดํารงตําแหนงรักษาการในตําแหนงอาจารยใหญ ระดับ ๗
โดยผูฟองคดีไมไดสมัครใจนั้น ผลของคําสั่งทําใหผูฟองคดีตองยายจากตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียน
ซึ่งเปนตําแหนงที่มีเงินประจําตําแหนงไปดํารงตําแหนงรักษาการอาจารยใหญซึ่งเปนตําแหนงที่ไมมี
เงินประจําตําแหนง ซึ่งขัดตอประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไป
เกี่ยวกับหลักเกณฑและเงื่อนไขการคัดเลือก การบรรจุ แตงตั้ง การยาย การโอน การเลื่อนระดับ และ
การเลื่อนขั้นเงินเดือน ขอ ๒๒ การยายพนักงานเทศบาลตําแหนงใดไปแตงตั้งใหดํารงตําแหนงในสาย
งานที่ต่ํากวาตําแหนงสายงานเดิมหรือระดับต่ํากวาเดิมหรือยายพนักงางานเทศบาลในตําแหนงสาย
งานผูบริหารและผูบริหารสถานศึกษาไปแตงตั้งใหดํารงตําแหนงสายผูปฏิบัติงานใหกระทําไดตอเมื่อ
พนักงานเทศบาลผูนั้นสมัครใจและไดรับความเห็นชอบของคณะกรรมการพนักงานเทศบาล ยอมทําให
ผู ฟ อ งคดี ไ ด รั บ ความเสี ย หาย จึ ง เป น การกระทํ า ละเมิ ดจากการปฏิ บัติ ห น า ที่ เทศบาลในฐานะ
หนวยงานของรัฐในสังกัดจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายใหแกผูฟองคดี
- 61. 4. กรณีกระทําไมถูกตองตามรูปแบบ ขั้นตอน
เปนกรณีที่กฎหมายกําหนดรูปแบบ ขั้นตอนไวใหในกรณีที่เจาหนาที่หรือหนวยงาน
ของรัฐจะทําการออกกฎ คําสั่งทางปกครอง หรือปฏิบัติการทางปกครองในเรื่องใดเรื่อง
หนึ่ง จําตองทําตามรูปแบบ ขั้นตอนที่กฎหมายกําหนด มิฉะนั้นแลวจะเปนการไมชอบ
ดวยรูปแบบ หรือมิชอบดวยขั้นตอน ซึ่งแยกพิจารณาออกได 2 กรณี คือ ผิดรูปแบบ
และผิดขั้นตอน
1. รูปแบบตามที่กฎหมายกําหนด (ม.34-37 วิ.ปกครอง กรณีคําสั่งทางปกครอง, เหตุผลประกอบ
คําสั่งฯ,หากเปนหนังสือ ตองมีรายการครบ ฯลฯ)
2. ขั้นตอนตามที่กฎหมายกําหนด (ม.29-30 วิ.ปกครอง ใหแจงขอมูล ใหสิทธิ์โตแยง ,หรือกรณีที่
กฎหมายใหคณะกรรมการพิจารณา ใหองคกรพิจารณากอน เพื่อขอคําปรึกษาหารือ หรือขอ
ความเห็น)
- 62. คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๑๒/๒๕๔๘ การที่นายอําเภอซึ่งเปนผูกํากับดูแล
องค การบริห ารสวนตําบลจะใชอํานาจตามพระราชบัญญัติสภาตําบลและองคการ
บริหารสวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ วินิจฉัยใหสมาชิกสภาองคการบริหารสวนตําบลสิ้นสุด
สมาชิ กภาพนั้น จะตอ งใหโ อกาสแกสมาชิกสภา ดังกลาวไดทราบขอ เท็จ จริงอยาง
เพียงพอ และมีโอกาสโตแยงแสดงพยานหลักฐานของตน รวมทั้งตองวินิจฉัยโดยมี
ขอเท็จจริงสนับสนุนอยางเพียงพอ ไมเชนนั้นยอมเปนการกระทําที่ไมชอบดวยกฎหมาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๓๐/๒๕๕๐ กรณีที่นายกเทศมนตรีออกคําสั่งไม
เลื่อนขั้นเงินเดือนใหแกผูฟองคดีตามความเห็นของปลัดเทศบาล โดยมิไดแจงผลการ
ประเมิ น ใหผู ฟอ งคดีท ราบกอ นออกคํา สั่งดังกลาวตามมาตรา ๗๒ วรรคสาม แห ง
พระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกอบหนังสือสํานักงาน
ก.พ. และหนังสือสํานักงาน ก.ท. จึงเปนกรณีที่ปฏิบัติไมถูกตองตามขั้นตอนและวิธีการ
ที่กฎหมายกําหนด 62
- 63. คําพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลกที่ ๑๕๑/๒๕๕๐
ผูฟองคดีเปนประธานกรรมการกําหนดราคากลางใชวัสดุและราคาที่ผูประมาณราคากอสรางจัดทําไวมา
กําหนดเปนราคากลางโดยไมไดตรวจสอบหรือคํานวณปริมาณวัสดุโดยการถอดแบบ ราคาคากอสรางที่ทํา
ไวผิดพลาด ราคากลางจึงผิดพลาดไปดวย เปนความผิดฐานไมเอาใจใสระมัดระวังรักษาผลประโยชนของ
ทางราชการ และตรวจรับงานทั้งที่ไมครบแบบรูปรายการ บกพรองตอหนาที่ไมตรวจรับงานใหเปนไปตาม
แบบแปลนและรายละเอียดในสัญญา อันเปนความผิดฐานไมเอาใจใสรักษาผลประโยชนของทางราชการ
ทั้งสองกรณีเปนความผิดวินัยไมรายแรง เห็นควรตัดเงินเดือน 5% 3 เดือน แตคณะกรรมการสอบสวน
ทางวินัยมิไดเรียกผูฟองคดีมาพบเพื่อแจงขอกลาวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนขอกลาวหา และ
ไมจัดทําบันทึกตามแบบ สว. 3 จึงเปนการกระทําที่ไมเปนไปตามหลักเกณฑตามประกาศ ก.ทจ.
การสอบปากคําผูถูกกลาวหาและพยานตองมีกรรมการสอบสวนไมนอยกวากึ่งหนึ่งจึงจะสอบสวนได การที่
นําเอกสารรายงานการสอบสวนกรณีถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัยมูลกรณีเดียวกันของ ทน.เชียงใหม อีก
ทั้งผูถูกกลาวหาทั้ง 6 คน ไมใชพยานบุคคลในสํานวนการสอบสวนของผูฟองคดี และผูสอบปากคําก็ไมใช
กรรมการสอบสวนในสํ านวนสอบสวนผู ฟอ งคดี จึ ง ไม อ าจถือ ว าข อ เท็ จ จริ ง ในรายงานการสอบสวน
ดังกลาวเปนคําใหการพยานที่จะนํามาประกอบการสอบสวนลงโทษผูฟองคดีได
- 64. 5. กรณีกระทําโดยไมถูกตองวิธีการอันเปนสาระสําคัญ
โดยทั่วไป เจาหนาที่ของรัฐจะดําเนินการทางปกครองตามวิธีการตางๆ ซึ่งมี
รายละเอี ย ดและลั ก ษณะวิ ธี ก ารที่ ห ลากหลายแตกต า งกั น ตามสภาพของงานให
บรรลุผ ลตามวั ต ถุป ระสงค และเพื่ อให บ รรลุ ผลอย างมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ บางครั้ ง
เจาหนาที่ของรัฐจะตองปรับวิธีการตาง ๆ ใหเหมาะสมกับสถานการณที่เปลี่ยนไป
ดวย โดยบางกรณีอาจใชวิธีการหนึ่ง แตอาจใชวิธีการอีกอยางหนึ่งในกรณีเดียวกัน
ดวยเหตุที่ฝายนิตบัญญัตเห็นวา การกระทําทางปกครองในกรณีใดๆ กรณีหนึ่งจําตอง
ิ ิ
ใชวิธีการเดียวเทานั้นเพราะอาจเกิดผลกระทบตอประโยชนสาธารณะมากกวาที่จะ
ไดรับประโยชนจากการกระทําโดยวิธีอื่นใด จึงไดกําหนดวิธีการทางปกครองวิธีเดียว
เทานั้นที่เปนสาระสําคัญแหงการกระทํา หากเจาหนาที่ของรัฐไมปฏิบัติตามวิธีการ
ดังกลาว ถือวาเปนการกระทําไมชอบดวยกฎหมาย 64
- 65. คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๙๐/๒๕๔๙ ประธานสภามีหนาที่
แจงใหสมาชิกสภาฯที่ถูกยื่นญัตติใหพนจากสมาชิกภาพไดทราบญัตติ
กอนการประชุมสภาฯ เพื่อเตรียมหลักฐานชี้แจงแกขอกลาวหาตาม
ระยะเวลาที่ กํ า หนดไว ใ นข อ บั ง คั บ กระทรวงมหาดไทยว า ด ว ยการ
ประชุมสภาองคการบริหารสวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๘ ซึ่งตองดําเนินการ
ใหเปนไปตามหลักเกณฑของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยงาน
สารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ เมื่อไมปรากฏวาสมาชิกสภาฯ ที่ถูกยื่นญัตติ
ไดรับการแจงญัตติตามที่กฎหมายกําหนด การที่สภาฯ มีมติใหสมาชิก
สภาฯ ดังกลาวพนจากสมาชิกภาพ จึงเปนการออกคําสั่งโดยไมถูกตอง
ตามรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีการอันเปนสาระสําคัญที่กฎหมายกําหนด
ไวสําหรับการกระทํานั้น 65
- 67. • คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๙๐/๒๕๔๗ ผูฟองคดีเปนขาราชการในสังกัดอบจ. ตําแหนง
เจาหนาที่บริหารงานทั่วไป ๖ สวนอํานวยการ มีหนาที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับงานบริหารทั่วไป
หรืองานเลขานุการที่ยากมาก โดยตองประยุกตใชความรูและประสบการณกับงานที่ปฏิบัติเพื่อ
กําหนดและปรับเปลี่ยนแผนงานเพื่อใหการดําเนินงานเปนไปตามเปาหมายที่กําหนด โดยไมตองมี
การกํากับตรวจสอบแนะนํา โดยสามารถวางแผนการปฏิบัติงานเองและตัดสินใจแกไขปรับเปลี่ยน
แผนหรือแกไขปญหาในงานที่รับผิดชอบโดยอิสระ แตอบจ. ไดมีคําสั่งใหผูฟองคดีไปปฏิบัติงาน
ประจํา ณ ทาเทียบเรือรัษฎา ซึ่งเปนทาเทียบเรือที่ใหเอกชนเชาดําเนินการ โดยมีหนาที่รับผิดชอบ
ดูแลการใชทาเทียบเรือรัษฎาใหเปนไปโดยความเรียบรอยและประสานงานระหวางผูเชาทาเทียบ
เรือรัษฎากับอบจ. และหนวยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวของกับการดําเนินการทาเทียบเรือรัษฎา ในขณะที่
อบจ. ไดมีคําสั่งใหผูฟองคดีไปปฏิบัติงานประจํา ณ ทาเทียบเรือ สวนอํานวยการของอบจ. มี
กรอบอัตรากําลังขาราชการจํานวน ๙ อัตรา และมีขาราชการตามกรอบอัตรากําลังจริงจํานวน ๖
อัตรา ผูฟองคดีเห็นวาการออกคําสั่งดังกลาวเปนการกลั่นแกลงจนไดรับความเดือดรอนเปนการ
กระทําที่ไมชอบดวยกฎหมาย
67
- 68. 7.กรณีความเสมอภาค)โดยเลือกปฏิบัติที่ไมเปนธรรม
(ขัดตอหลัก
กระทํา
การกระทําของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่มีลักษณะเปนการเลือก
ปฏิ บั ติ ที่ ไ ม เ ป น ธรรมนั้ น ถื อ เป น การกระทํ า ที่ ขั ด ตอ หลั ก ความเสมอภาคอั น เป น หลั ก
รัฐธรรมนูญทั่วไป
หลักความเสมอภาคเปนหลักกฎหมายที่รองรับสิทธิของราษฎรที่จะไดรับการปฏิบัติ
จากรัฐอยางเทาเทียมกัน ซึ่งมีความหมายวาองคกรตางๆ ของรัฐรวมทั้งฝายปกครองตอง
ปฏิบัติตอบุคคลที่เหมือนกันในสาระสําคัญอยางเดียวกัน และปฏิบัติตอบุคคลที่แตกตางกัน
ในสาระสําคัญแตกตางกันออกไปตามลักษณะเฉพาะของแตละคน
การปฏิบัติตอบุคคลที่เหมือนกันในสาระสําคัญแตกตางกันก็ดี การปฏิบัติตอบุคคลที68 ่
แตกตางกันในสาระสําคัญอยางเดียวกันก็ดี ยอมขัดตอหลักความเสมอภาค
- 69. ขอคยกเวหมายที่ชอบธรรม กลาวคือ มีความมุงหมายเพื่อ
มี วามมุ ง
น
รั ก ษาหรื อ ก อ ให เ กิ ด ประโยชน ส าธารณะตามที่ ก ฎหมายที่ ใ ห
อํานาจไว เพื่อจะใหความคุมครอง หรือจะใหเกิดขึ้น
เปนมาตรการที่สามารถดําเนินการใหบรรลุวัตถุประสงคที่ชอบ
ธรรมนั้นไดจริงในทางปฏิบัติ
เปนมาตรการที่จําเปนแกการดําเนินการใหบรรลุวัตถุประสงคที่ 69
ชอบธรรมนั้น