ภูวิช รัตนดิษฐ์
- 2. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย –
แปซิฟิก ได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยความคิด
ริเริ่มของนาย Bob Hawke นายกรัฐมนตรีของ
ออสเตรเลีย เนืองจากเล็งเห็นว่า ภูมิภาคเอเชีย -
่
แปซิฟิก มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สง ู
ที่สดในโลก มีเสถียรภาพ มีแหล่ง
ุ
ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เป็นตลาดขนาด
ใหญ่และมีศักยภาพ
จึงได้มการหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นใน
ี
เรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น ซึ่ง
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้นำาเรื่องนี้หารือกับ
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ รวมทั้งนายก
- 3. จำานวนสมาชิกของ APEC
สมาชิกเอเปค มีจำานวน 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่
1.ออสเตรเลีย 8.ญี่ปุ่น 15.
ฟิลปปินส์
ิ
2.บรูไนดารุสซาลาม 9.สาธารณรัฐเกาหลี
16.รัสเซีย
3.แคนาดา 10.มาเลเซีย 17.สิงคโปร์
4.ชิลี 11. เม็กซิโก 18.จีน
ไทเป
5.สาธารณรัฐประชาชนจีน 12.นิวซีแลนด์
19.ไทย
6.จีนฮ่องกง 13.ปาปัวนิวกินี 20.
สหรัฐอเมริกา
- 4. • เอเปคมีระเบียบการเรียกชื่อสมาชิกเขต
เศรษฐกิจ ต่างจากที่เรียกขานตามปกติทั้งใน
เอกสาร และในการประชุมอย่างเป็นทางการของ
เอเปค คือ จะใช้คำาว่า "Economy - เขต
เศรษฐกิจ" แทนคำาว่า "Country - ประเทศ"
ข้อสังเกต ในการประชุมของเอเปคไม่ว่าในระดับ
ใด จะไม่มีการประดับธงชาติของเขตเศรษฐกิจ
สมาชิกไว้ ณ สถานที่ประชุม ไม่วาจะเป็นบนโต๊ะ
่
ประชุม ในห้องประชุม หรืออาคารที่จัดประชุมเช่น
เดียวกับการประชุมระดับนานาชาติอื่นๆ ทั้งนี้
เนืองจากเรียกขานสมาชิกว่า Economy มิใช่
่
country จึงไม่ควรมีธงชาติมาแสดงความเป็นประ
- 6. วัตถุประสงค์ของ APEC
1. สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการค้า
ของภูมิภาคและของโลก
2. พัฒนาและส่งเสริมระบบการค้า และสนับสนุน
ผลักดันให้การเจรจาการค้าหลายฝ่ายรอบอุรุก
วัยประสบผลสำาเร็จ
3. ศึกษาลู่ทางในการเปิดเสรีการค้าในภูมิภาค ใน
ลักษณะที่มิใช่การรวมกลุ่มทางการค้ากีดกัน
ประเทศนอกกลุ่ม
4. ลดอุปสรรคและอำานวยความสะดวกให้การค้า
สินค้า การค้าบริการ และการลงทุนระหว่าง
- 7. เป้าหมายของเอเปค
เพือเสริมสร้างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ให้มี
่
ความก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนา
ที่เสมอภาคกัน ด้วยความร่วมมือทางด้านการค้า
และเศรษฐกิจ เป็นการดำาเนินการร่วมเพื่อ ส่ง
เสริมการค้าขายระหว่างกัน ซึ่งกิจกรรมหลัก
ได้แก่ การร่วมกันหารือและดำาเนินการเพื่อให้
เกิดความคืบหน้าเกี่ยวกับการลดอุปสรรค
ทางการค้าได้แก่ ภาษี และอุปสรรคทางการค้า
ที่ไม่ใช่ภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบเพื่อเอื้อ
อำานวยต่อการค้าขายระหว่างกัน การระงับข้อ
- 9. การดำาเนินงานของเอเปค
ประเทศออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพจัดการ
ประชุมรัฐมนตรีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย
– แปซิฟิก ขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 6-7 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2532 ณ กรุงเคนเบอร์รา มีประเทศผู้เข้า
ร่วมประชุม 12 ประเทศ คือ อาเซียน 6 ประเทศ
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐฯ
และแคนาดา
เอเปคดำาเนินงานด้วยมติ ที่เป็นเอกฉันท์ใน
หมู่สมาชิก กล่าวคือหากเขตเศรษฐกิจใดไม่เห็น
ด้วยกับข้อเสนอใดแล้ว ให้ถือว่าข้อเสนอนันตก้
- 10. • เอเปคได้จัดตั้งสำานักงานเลขาธิการเอเปค
(APEC Secretariat) ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2535
โดยตังอยู่ ณ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อทำาหน้าที่
้
ประสานงานด้านโครงการ และงบประมาณ
กลางของเอเปค
• เจ้าหน้าที่บริหารของสำานักงานเลขาธิการเอเปค
คือ Executive Director ดำารงตำาแหน่งวาระละ
1 ปี
- 11. โครงสร้างองค์กรของเอเปค
เอเปคก่อตั้งขึ้นมาด้วยความต้องการที่จะ
เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจแบบหลวมๆ
จึงไม่มีการจัดตั้งโครงสร้างองค์กรกลางใน
ลักษณะเช่นเดียวกับองค์การความร่วมมืออื่นๆ
เช่น สหภาพยุโรป หากแต่ประกอบด้วย
โครงสร้างองค์กรที่สำาคัญๆ 2 ส่วน คือ
1. ส่วนที่เป็นกลไกการดำาเนินงานในแต่ละปีซึ่ง
เป็นความรับผิดชอบของสมาชิกที่ได้รับเลือกให้
เป็นประธานของการประชุมปีนนๆ ั้
2. ส่วนที่เป็นองค์กรกลางที่เรียกว่าสำานัก
- 12. สำาหรับโครงสร้างองค์กรส่วนที่ 1 นั้น
ประกอบด้วยกลไกการดำาเนินการหลัก 6 ระดับ
ได้แก่
2. การประชุมผู้นำาเศรษฐกิจ (Economic Leaders’
Meeting) เป็นการประชุมระดับสูงสุดของเอเปค
โดยมีผู้นำาประเทศ/รัฐบาลและเขตเศรษฐกิจ
ของแต่ละสมาชิกเข้าร่วมประชุม จัดประชุมปีละ
1 ครั้ง ครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2536
3. การประชุมรัฐมนตรี (Ministerial Meeting)
เป็นการประชุมร่วมของรัฐมนตรีตางประเทศและ
่
รัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านการค้าประจำาปี เจ้า
ภาพจัดการประชุม คือสมาชิกที่เป็นเจ้าภาพการ
- 13. • การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior
Officials’ Meeting - SOM) จะมีการประชุม
อย่างเป็นทางการ 3 ครั้งและไม่เป็นทางการ 2
ครั้ง
• การประชุมรัฐมนตรีเอเปคในสาขาต่าง ๆ
(Sectoral Ministerial Meeting) ได้แก่ ด้าน
การค้า ด้านการศึกษา ด้านพลังงาน ด้านสิง ่
แวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้านการคลัง
ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้าน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านวิสาหกิจ
ขนาดกลางและ ขนาดย่อม ด้านโทรคมนาคม
และอุตสาหกรรมสารสนเทศ และด้าน
- 14. 5.2 คณะกรรมการเศรษฐกิจ ทำาหน้าที่ศกษา ึ
วิเคราะห์แนวโน้มและประเด็นที่อยู่ในความ
สนใจของสมาชิกเอเปค
5.3 คณะกรรมการว่าด้วยงบประมาณและการ
บริหาร ให้คำาแนะนำาต่อเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค
5.4 คณะกรรมการของเจ้าหน้าที่อาวุโสว่าด้วย
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ มี
บทบาทในการประสานและ กำาหนดกรอบ
นโยบายด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและ
วิชาการ
6. คณะทำางาน (Working Group) เป็นการประชุม
ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาประเด็นเฉพาะด้าน
- 15. การประชุมประจำาปี
ครั ้ ง
ปี เจ้ า ภาพ สถานที ่
ที ่
1 1989, 6 พฤศจิกายน-7 พฤศจิกายน ออสเตรเลีย แคนเบอร์รา
2 1990, 29 กรกฎาคม-31 กรกฎาคม สิงคโปร์ สิงคโปร์
1991, 12 พฤศจิกายน-14
3 เกาหลีใต้ โซล
พฤศจิกายน
4 1992, 10 กันยายน-11 กันยายน ไทย กรุงเทพมหานคร
1993, 19 พฤศจิกายน-20
5 สหรัฐอเมริกา ซีแอทเทิล
พฤศจิกายน
6 1994, 15 พฤศจิกายน อินโดนีเซีย โบกอร์
- 16. ครั ้ ง
ปี เจ้ า ภาพ สถานที ่
ที ่
7 1995, 19 พฤศจิกายน ญีปุ่น
่ โอซาก้า
8 1996, 25 พฤศจิกายน ฟิลิปปินส์ มะนิลา
9 1997, 24 พฤศจิกายน-25 พฤศจิกายน แคนาดา แวนคูเวอร์
10 1998, 17 พฤศจิกายน-18 พฤศจิกายน มาเลเซีย กัวลาลัมเปอร์
11 1999, 12 กันยายน-13 กันยายน นิวซีแลนด์ โอคแลนด์
12 2000, 15 พฤศจิกายน-16 พฤศจิกายน บรูไน บันดาร์เสรีเบกาวัน
13 2001, 20 ตุลาคม-21 ตุลาคม จีน เซียงไฮ้
่
14 2002, 26 ตุลาคม-27 ตุลาคม เม็กซิโก ลอสคาบอส
15 2003, 20 ตุลาคม-21 ตุลาคม ไทย กรุงเทพมหานคร
- 17. ครั ้ ง
ปี เจ้ า ภาพ สถานที ่
ที ่
16 2004, 20 พฤศจิกายน-21 พฤศจิกายน ชิลี ซานติอาโก
17 2005, 18 พฤศจิกายน-19 พฤศจิกายน เกาหลีใต้ ปูซาน
18 2006, 18 พฤศจิกายน-19 พฤศจิกายน เวียดนาม ฮานอย
19 2007, 8 กันยายน-9 กันยายน ออสเตรเลีย ซิดนีย์
20 2008, 22 พฤศจิกายน-23 พฤศจิกายน เปรู ลิมา
21 2009, 14 พฤศจิกายน-15 พฤศจิกายน สิงคโปร์ สิงคโปร์
22 2010, 13 พฤศจิกายน-14 พฤศจิกายน ญีปุ่น
่ โยโกฮามา
- 21. บทบาทของธนาคารแห่ง
ประเทศไทย
ธปท. มีสวนร่วมในการให้ข้อมูลความเห็น
่
เกี่ยวกับหัวข้อการหารือ (Policy Initiative) ซึ่ง
จะถูกหยิบยกขึ้นในเวทีการประชุมรัฐมนตรีชวย ่
ว่าการกระทรวงการคลังและรองผู้ว่าการธนาคาร
กลางของเอเปค และการประชุมเศรษฐกิจระดับ
เจ้าหน้าที่อาวุโส (SFOM) อีกทั้ง ยังเป็นหนึ่งใน
องค์กร ที่ให้ความร่วมมือในส่วนที่เกี่ยวข้อง
หลายด้าน อาทิ การมีสวนร่วมในการร่างและ
่
ปรับปรุง APEC Model Measures เพื่อใช้
เป็นต้นแบบสำาหรับการเจรจาจัดทำาความตกลง
- 22. บทบาทของไทยในเอเปค
• สมัยก่อตั้งเอเปค ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการ
ประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2535
โดยในขณะนันมีนายอาสา สารสิน รัฐมนตรี
้
ว่าการกระทรวงการต่างประเทศดำารงตำาแหน่ง
หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย
• สมัยวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-ในช่วง
เวลาดังกล่าว ไทยได้มีบทบาทนำาในการรณรงค์
ให้มีการหารือเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจใน
ที่ประชุมผู้นำาเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5
- 24. ประโยชน์ทไทยได้รับจากเอเปคใน
ี่
ระดับระหว่างประเทศ
1. เอเปคเป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของความร่วม
มือระดับภูมิภาค นอกเหนือจากกรอบของ
อาเซียนซึ่งมีบทบาทเสริมความร่วมมือในระดับ
ภูมิภาค
2. เนืองจากไทยมีอำานาจการต่อรองทาง
่
เศรษฐกิจในระดับปานกลางในองค์การการค้า
โลก การเป็นสมาชิกเอเปคทำาให้ไทยมี
พันธมิตรที่เข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
3. ไทยมีสวนร่วมในการกำาหนดทิศทางความร่วม
่
- 25. ประโยชน์ทไทยได้รับจากเอเปคใน
ี่
ระดับภายในประเทศ
• ภาคธุรกิจ การเปิดเสรีและอำานวยความสะดวก
ทางการค้าภายในภูมิภาคจะส่งผลให้การค้าขาย
ระหว่างกันขยายตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมี
ความร่วมมือเพือส่งเสริมความแข็งแกร่งของ
่
วิสาหกิจขนากลางและขนาดย่อม
• ภาควิชาการ ได้รับประโยชน์จากความร่วมมือ
ด้านเทคโนโลยีระหว่างเศรษฐกิจสมาชิกผ่าน
คณะทำางานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เพืออุตสาหกรรม
่
- 26. • ภาคการเกษตร เอเปคมีคณะทำางานเฉพาะ
เกี่ยวกับเทคนิคการเกษตร เพื่อวิจัย พัฒนาและ
เผยแพร่เทคนิคชีวภาพการเกษตรกรรม วิธีการ
ผลิต การตลาด การแจกจ่ายและบริโภคผลผลิต
ทางการเกษตร และสนับสนุนด้านเงินทุนแก่
เกษตรกรรม
• ภาคแรงงานและการศึกษา ได้รับประโยชน์
จากกิจกรรมในกรอบคณะทำางานด้านทรัพยากร
มนุษย์ของเอเปค ซึ่งมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนการ
ฝึกอบรมแรงงาน
• ภาคสังคมบทบาทสตรี เอเปคได้จัดตั้งคณะ
ทำางานเฉพาะกิจด้านสตรีโดยเฉพาะเพือส่งเสริม
่
ให้สตรีเข้ามามีบทบาทในกิจกรรมของเอเปค
และสนับสนุนให้สตรีเข้าไปมีบทบาทในกิจกรรม
- 27. นโยบายของไทยต่อความร่วมมือ
ทางเศรษฐกิจของ APEC
นับตั้งแต่ที่ไทยเริ่มเข้าเป็นสมาชิกในความ
ร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย – แปซิฟิก นโยบาย
ของไทยยังคงยึดมั่นและสนับสนุนการค้าใน
ระบบพหุภาคี ต้องการให้เอเปค เป็นเวทีสำาหรับ
การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและปรึกษาหารือ ใน
ประเด็นด้านเศรษฐกิจการค้ามิใช่เวทีของการ
เจรจา หรือต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ รวม
ทั้งต้องการให้เอเปคเป็นการรวมกลุ่มในลักษณะ
ภูมิภาคนิยมแบบเปิด ที่จะไม่กีดกันประเทศนอก
กลุ่ม
ในบรรดาสมาชิกเอเปคทั้งหมด ไทยนับว่า
- 28. นโยบายของไทยต่อเอเปคใน
อนาคต
ไทยให้ความสำาคัญกับประเด็นด้าน
สาธารณสุข อาทิ ความร่วมมือเพื่อการป้องกัน
และควบคุมโรคติดต่อ ความร่วมมือด้าน
เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และการแพทย์สมัยใหม่
และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของ
มนุษย์ และไทยยังคงให้ความสำาคัญอย่างต่อ
เนืองกับการผลักดันความร่วมมือด้านการพัฒนา
่
ทรัพยากรมนุษย์
และให้ความสำาคัญกับการเผยแพร่บทบาท
กิจกรรมสำาคัญของเอเปคสู่สาธารณชน และ
ขยายความร่วมมือเอเปค โดยการสนับสนุน