2. ชาวจีนได้ ประดิษฐ์ เครื่องมือเพือใช้ ในการคํานวณขึนมา
่ ้
ชนิดหนึ่ง เรียกว่ า ลูกคิด ( Abacus)

3. ต่ อมา นักคณิตสาสตร์ ชาวอังกฤษ ชื่อ “ชาร์ ล แบบเบจ”
ได้ ประดิษฐ์ เครื่องวิเคราะห์ ขนมา
ึ้

4. เลดี้ เอดา ออคัสตา เลิฟเลค (Lady Ada Augusta
Lovelace) นักคณิ ตศาสตร์ที่เข้าใจในผลงานของ แบบเบจ
เป็ นผูเ้ ขียนตําราวิธีการใช้งานเครื่ องวิเคราะห์ของแบบเบจ
ได้รับการยกย่องเป็ น โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก

5. ในปี พ.ศ.2393 “ยอร์ จ บูล” นักคณิตศาสตร์ ชาวอังกฤษ
ได้ คดระบบพีชคณิตระบบใหม่ ทีเ่ รียกว่ า Boolean
ิ
Algebra

6. ในปี พ.ศ.2485 ดร.จอห์ น วินเซนต์ อตานาซอฟ และ
คริฟฟอร์ ดแบรี่ ได้ ประดิษฐ์ เครื่อง ABC ขึน
้
Atansoff Berry

7. คอมพิวเตอร์ยคที่ 1 (ค.ศ.1940-1953)
ุ
คอมพิวเตอร์ยคที่ 2 (ค.ศ.1953-1963)
ุ
คอมพิวเตอร์ยคที่ 3 (ค.ศ.1963-1972)
ุ
คอมพิวเตอร์ยคที่ 4 (ค.ศ.1972-1984)
ุ
คอมพิวเตอร์ยคที่ 5 (ค.ศ.1984-ปัจจุบน)
ุ ั

8. เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกของโลกชื่อ “ENIAC”
(Electronic Numerical Integrator And Computer)
พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
โดยได้ รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
จุดประสงค์ เพือใช้ คานวณระยะการยิง
่ ํ
วิถกระสุ นของอาวุธสงครามชนิดใหม่
ี

10. EDVAC ถูกพัฒนาขึ้นในปี พ.ศ.2488
ถูกพัฒนาขึ้นโดย John von Neumann
นําแนวคิด Stored-Program Concept มาใช้

11. ถูกพัฒนาขึ้นโดย John von Neumann และเพื่อนร่ วมงาน
เครื่ อง IAS สร้างสําเร็ จในปี พ.ศ.2495
โครงสร้างทัวไปของเครื่ อง IAS ประกอบด้วย
่
◦ หน่วยความจําหลัก
◦ หน่วยประมวลผลคณิ ตศาสตร์และตรรกะ (ALU)
◦ หน่วยควบคุม
◦ อุปกรณ์ I/O

12. มีการนําทรานซิ สเตอร์เข้ามาใช้แทนหลอดสูญญากาศ
ทําให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง
มีการนํา “แกนแม่เหล็ก” มาใช้เป็ นหน่วยความจําหลัก
คอมพิวเตอร์ในยุคที่ 2 นี้ให้ความสําคัญกับขนาดของ
หน่วยความจํามากขึ้น

13. บัตรเจาะรู
เทปแม่เหล็ก
ภาษาแอสแซมบลี (Assembly Language) หรื อภาษา
สัญลักษณ์ (Symbolic Language)
ภาษา Fortran, Algo, Cobol

14. เป็ นยุคที่มีการนํา แผงวงจรรวม (IC)
แผงวงจรรวม เป็ นการนําทรานซิ สเตอร์หลาย ๆ ตัวมา
รวมกัน
ทําให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง ใช้พลังงานน้อยลง ความ
ร้อนลดลง และมีความเร็ วที่เพิ่มขึ้น
IBM เป็ นบริ ษทแรกที่นาหน่วยความจําชนิดสารกึ่งตัวนํา
ั ํ
(Semiconductor) มาใช้ทาให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ํ

16. เริ่ มผลิตในปี 1964
ใช้ชุดคําสัง และระบบปฏิบติการเดียวกันหรื อคล้ายกัน
่ ั
เพิ่มความเร็ วมากขึ้น
เพิ่มจํานวนพอร์ต I/O
เพิ่มขนาดหน่วยความจํา
เพิ่มราคา

17. เริ่ มผลิตในปี 1964
เป็ น Micro computer เครื่ องแรก
้ ่
ไม่ตองอยูในห้องเย็น
ใช้พ้ืนที่นอยลง
้
่
ซอฟท์แวร์อยูในตัวเครื่ อง
ใช้โครงสร้างแบบ Bus

19. เริ่ มมีการใช้งานในปี 1970
ผลิตโดยบริ ษท Fairchild
ั
มีขนาดเล็ก
ใช้พ้ืนที่ในการเก็บข้อมูล 256 bit
อ่านข้อมูลเร็ วมาก
มีการพัฒนาในมีความจุมากขึ้น

20. มีการนําแผงวงจรรวม IC มาพัฒนา เป็ นแผงขนาดใหญ่
และขนาดใหญ่มาก
ทําให้เกิดไมโครโพสเซสเซอร์ (Microprocessor)
ไมโครโพสเซสเซอร์ตวแรกของโลก คือ “Intel 4004”
ั
มีการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อกันได้
มีการเปลี่ยนแปลงจากบัตรเจาะรู เป็ นเทป / จานแม่เหล็ก

22. กฎนี้ต้ งชื่อตาม CEO ผูก่อตั้งบริ ษท Intel (Gordon Moore)
ั ้ ั
จํานวนของทรานซิ สเตอร์จะเพิ่มขึ้นสองเท่าในทุก ๆ ปี
ในปัจจุบนอัตราการเพิ่มจะเพิ่มขึ้นสองเท่าต่อ 18 เดือน
ั
ราคาของชิพ มีราคาที่ลดลง
เครื่ องมีขนาดเล็กลง และการใช้งานพลังงานและความ
ร้อนที่นอยลง แต่มีความเร็ วที่สูงขึ้น
้

24. เป็ นยุคที่มีการพัฒนาด้านโปรแกรม และการสื่ อสารข้อมูล
มากขึ้น
มีการสร้าง GUI ขึ้นเพื่อให้ผใช้งาน สามารถใช้งาน
ู้
โดยง่าย
ั
มีการนําระบบ Intranet และ Internet มาใช้กนในองค์กร
ในปัจจุบน ได้มีการพัฒนาในเรื่ องของ AI เพื่อให้
ั
คอมพิวเตอร์สามารถเรี ยนรู ้และตัดสิ นใจได้

25. มีการตอบรับต่อความต้องการที่ใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงมากขึ้น
ข้อมูลมีขนาดใหญ่มากขึ้น
ซี พียตองแบกรับภาระในการจัดการที่มาก
ู ้
มีปัญหาต่อการเคลื่อนย้ายข้อมูลขนาดใหญ่
จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบรับต่อความต้องการ
ดังกล่าว

27. Intel เป็ นบริ ษทผลิต CPU ที่เก่าแก่ และมีพฒนาการมา
ั ั
อย่างต่อเนื่อง
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1968 โดยมีชื่อว่า Integrated Electronics
Corporation
เป็ นผูคิดค้น ไมโครโปรเซสเซอร์ x86
้

28. เป็ น ไมโครโปรเซสเซอร์สาหรับการใช้งานทัวไปตัวแรก
ํ ่
ของโลก
ชิพตัวนี้ถกนําไปใช้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่ อง
ู
แรกชื่อ Altair
ทํางานกับข้อมูลขนาด 8 bit (1 byte)
Bus = 8 bit

29. มี Register และ ช่องถ่ายเทข้อมูลที่มากขึ้น
มีสถาปั ตยกรรมที่สนับสนุนการใช้คาสัง cache
ํ ่
เป็ น CPU ตัวแรกของ IBM ในเครื่ องคอมพิวเตอร์ส่วน
บุคคล
ทํางานกับข้อมูลขนาด 16 bit
Bus = 8 bit

30. พัฒนาต่อยอดมาจาก Intel 8086
ขยายขีดความสามารถของ Intel 8086 โดยให้สามารถ
อ้างอิงพื้นที่ให้หน่วยความจําเพิ่มขึ้นจาก 1 Mbytes เป็ น
16 Mbytes
Bus = 16 bit

31. เป็ นชิพขนาด 32 bit ตัวแรกของ Intel
รองรับการทํางานแบบ Multitasking

32. รองรับ และสนับสนุนการใช้คาสังที่ซบซ้อน แบบไปป์
ํ ่ ั
ไลน์ (Pipelining)
ภายในชิพ มีโปรเซสเซอร์สาหรับการคํานวณทาง
ํ
่
คณิ ตศาสตร์อยูในตัวเอง

33. ใน CPU รุ่ นนี้ บริ ษท Intel ได้มีการนําเทคนิคซูเปอร์ส
ั
เกลาร์ (Superscalar) มาใช้ในการประมวลผลหลายคําสัง ่
พร้อมกันในเวลาเดียวกัน

34. ปรับปรุ งเทคนิคซูเปอร์สเกลาร์ให้ดียงขึ้น
ิ่
โดยการใช้เทคนิคการเปลี่ยนชื่อ Register, การคาดเดา
ตําแหน่งของคําสังต่อไป, การวิเคราะห์การหมุนเวียน
่
ข้อมูล และการประมวลผลแบบ speculative
เป็ นที่นิยมในเครื่ องเซิ ร์ฟเวอร์ในสมัยนั้น

35. นํา Pentium Pro มาปรับปรุ ง
มีการนําเทคโนโลยีใหม่ทางด้านมัลติมีเดียมาใช้ เรี ยกว่า
“MMX”
L2 Cache ขนาด 512 kbytes

36. รองรับ และสนับสนุนการแสดงภาพสามมิติ และการ
ประมวลผลชั้นสูงกับเลขจํานวนจริ ง
มีการเพิ่มชุดคําสัง SSE เข้าไป
่

37. ขยายขีดความสามารถในการประมวลผลกับเลขจํานวน
จริ ง และขีดความสามารถทางด้านมัลติมีเดีย
มีการเพิ่มชุดคําสัง SSE2 เข้าไป
่

38. นับเป็ น CPU รุ่ นแรกของ Intel ที่มีการพัฒนาให้เข้าสู่ยค
ุ
ของ Dual & Multi-Core เพื่อรองรับการทํางานแบบ
Multitasking สู ง ๆ

39. มีการพัฒนาให้มีการทํางานแบบ Multi-Core ที่มากกว่า 2
Core แท้ข้ ึนไป เพื่อให้มีประสิ ทธิ ภาพในการประมวลผล
ที่ มากยิงขึ้น
่