Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie โครงงานคอมพร อมตกแต ง
Ähnlich wie โครงงานคอมพร อมตกแต ง (20)
Mehr von Sittikorn Thipnava
Mehr von Sittikorn Thipnava (15)
โครงงานคอมพร อมตกแต ง
- 1. 1
;,7’
แบบเสนอโครงร่ างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปี การศึกษา 2555
ชื่อโครงงาน สื่ อการสอนภาษาอังกฤษสาหรับเด็ก(For Fun English)
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1.นางสาว เกศกนก อินต๊ะมา เลขที่ 32 ชั้น ม.6 ห้อง 6
2.นางสาวภัทราภรณ์ พานคาดาว เลขที่ 40 ชั้น ม.6 ห้อง 6
อาจารย์ที่ปรึ กษาโครงงาน นางเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2555
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพืนทีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
้ ่
ใบงาน
- 2. 2
การจัดทาข้ อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิ กในกลุ่ม
1.นางสาว เกศกนก อินต๊ะมา เลขที่ 32
2.นางสาวภัทราภรณ์ พานคาดาว เลขที่ 40
คาชี้แจง ให้ ผ้ ูเรียนแต่ ละกลุ่มเขียนข้ อเสนอโครงงานตามหัวข้ อต่ อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) สื่ อการสอนภาษาอังกฤษสาหรับเด็ก
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) For Fun English
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษา
ชื่ อผู้ทาโครงงาน
1.นางสาว เกศกนก อินต๊ะมา เลขที่ 32 ชั้น ม.6 ห้อง 6
2.นางสาวภัทราภรณ์ พานคาดาว เลขที่ 40 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่อทีปรึกษา นางเขื่อนทอง มูลวรรณ์
่
ระยะเวลาดาเนินงาน 3 เดือน
ทีมาและความสาคัญของโครงงาน
่
ั ั ิ ่ ั
เนื่องจากปัจจุบนได้มีการวิจยออกมาว่าเด็กใช้ชีวตอยูกบการดูโทรทัศน์ มากกว่าการทากิจกรรมอื่น จนมี
การเปรี ยบเทียบว่า เด็กใช้เวลาในการดูโทรทัศน์มากกว่าเวลาในการเรี ยนหนังสื อในห้องเรี ยนเสี ยอีก กล่าวคือ เด็ก
ใช้เวลาในการดูโทรทัศน์เฉลี่ยวันละ 6.1 ชัวโมง หรื อตลอดทั้งปี ใช้เวลาถึง 2,236 ชัวโมง ในขณะเดียวกันใช้เวลา
่ ่
ในห้องเรี ยนเพื่อเรี ยนหนังสื อประมาณ 1,600 ชัวโมง ่
่ ั
โทรทัศน์จะมีผลกระทบต่อเด็กมากน้อยเพียงไร ขึ้นอยูกบหลายปั จจัยได้แก่ จานวนเวลาที่ดู อายุและ
ั ้
พื้นฐานบุคลิกภาพของเด็ก การปล่อยให้เด็กดูคนเดียวหรื อดูกบผูใหญ่ และพ่อแม่ได้พดคุยอธิ บ ายถึงสิ่ งที่ได้เห็นใน
ู
โทรทัศน์ให้ลูกเข้าใจหรื อไม่
สิ่ งทีเ่ ด็กจะได้ เรียนรู้ จากโทรทัศน์
ความรุ นแรงมีการศึกษาวิจยที่คนพบความสัมพันธ์ระหว่างการดูทีวที่มีเนื้อหาความรุ นแรงกับพฤติกรรมก้าวร้าวใน
ั ้ ี
เด็ก การดูความรุ นแรงในโทรทัศน์จะทาให้เด็กเกิดการต่อต้านความกลัว ความกังวล เก็บกด ฝันร้าย นอนไม่หลับ
และมีอาการผิดปกติจากความเครี ยด
เซ็กส์ โทรทัศน์ฉายภาพพฤตกรรมรักสนุกในเซ็กส์ของผูใหญ่ให้เด็กได้เรี ยนรู ้ แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ ยง
้
- 3. 3
หรื อผลที่ตามมาหลังจากมีเพศสัมพันธ์
ั
สิ่ งเสพติด ในทีวมกฉายภาพดารานักร้องนักแสดงที่มีพฤติกรรมการเสพสิ่ งเสพติด เช่น ดื่มเหล้ายามสังสรรค์กบ
ี ั
่
เพื่อนฝูง หรื อยามอกหัก ซึ่ งเด็กๆจะซึ มซับและเลียบแบบ เมื่อตนเองตกอยูในภาวะเช่นนั้น
โฆษณา ในระหว่างการดูโทรทัศน์ พบว่าคลื่นสมองจะเป็ นอัลฟ่ า หมายถึงเป็ นช่วงเวลาที่สมองทางานในด้านการ
รับรู ้ การนิ่งเฉย ไม่ได้ใช้ความคิดเลย สมองจะปิ ดรับข้อมูล ซึ่ งสิ่ งนี้นบเป็ นความต้องการของธุ รกิจโฆษณา
ั
ั ั ่ ั
ผลิตภัณฑ์ช้ นนา 100 อันดับแรกเท่านั้น จากบริ ษทที่มีอยูท้ งหมด 450,000 บริ ษท หมายความว่า มีธุรกิจชั้นนาเพียง
ั
100 แห่งเท่านั้นที่ตดสิ นใจว่าเราควรดูอะไร
ั
่
เราจึงได้เล็งเห็นปั ญหาที่เกิดขึ้นว่าถ้าให้เด็กอยูทีวเี ป็ นเวลานานควรให้เด็กได้ดูสื่อการสอนที่ดีมากกว่าดู
รายการที่ไม่เป็ นประโยชน์เพราะรายการที่ไม่เป็ นประโยชน์จะทาให้เด็กเกิดการเลียนแบบที่ผดๆ ิ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้เด็กได้ความรู้จากสื่ อการสอน
2.เพื่อให้เด็กสามารถใช้สื่อในทางที่เหมาะสม
ขอบเขตโครงงาน
ในปั จจุบนภาษาอังกฤษถือว่าเป็ นภาษาที่2ที่สาคัญมากในปั จจุบน เราควรที่จะปลูกฝังให้แก่เยาวชนตั้งแต่
ั ั
แต่ยงเด็กเพราะเด็กๆกาลังเริ่ มพัฒนาและสามารถเรี ยนรู ้ได้เร็ ว โดยใช้สื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ในการสอน โดย
ั
รวบรวมข้อมูลผ่านทางอินเตอร์ เน็ต โดยใช้โปรแกรมตัดต่อ sony vegas pro 12 จัดทาให้ผเู้ รี ยนได้ศึกษาโดย
รู ปแบบวีดีโอและภาพเคลื่อนไหวในหมวดต่างๆ
หลักการและทฤษฎี
่
โลกถ้านับจากอดีตถึงปั จจุบน ถือได้วามีความเปลี่ยนแปลงและมีความก้าวหน้าขึ้นมากในทุกๆด้าน
ั
โดยเฉพาะด้านการศึกษานั้น คนในสมัยปั จจุบนให้ความสาคัญในเรื่ องของการศึกษามากกว่าคนในสมัยก่อน เพราะ
ั
การศึกษาถือว่าเป็ นเรื่ องที่สาคัญมากในการใช้ชีวตในยุคปั จจุบน เพราะไม่วาจะเป็ นในเรื่ องของการอยูร่วมกับคน
ิ ั ่ ่
อื่นในสังคม การหางานทา ล้วนแล้วจะต้องมีความรู ้ มีวฒิภาวะที่ดี มีวฒิการศึกษา และนอกจากนี้ก็ยงมีสิ่งต่างๆที่
ุ ุ ั
่
เปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นอยูทุกๆวัน ให้เราทุกคนต้องศึกษาไปเรื่ อยๆ และทุกวันนี้คนส่ วนมากก็เริ่ มที่จะให้
ความสาคัญในด้านของภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่ งแตกต่างจากคนในสมัยก่อน แต่ทว่าถ้าหากพูดถึงสื่ อการสอน
ั
ภาษาอังกฤษนั้น ประเทศไทยยังคงมีรูปแบบการเรี ยนรวมทั้งสื่ อการสอนภาษาอังกฤษที่ใช้กนมานับร้อยปี และยังคง
ใช้มาจนถึงทุกวันนี้จะเห็นได้จากครู ในโรงเรี ยนและสถาบันกวดวิชาหรื อติวเตอร์ เกือบทั้งหมดในประเทศไทยใช้
สื่ อการเรี ยนรู ้และจัดวิธีการสอนภาษาต่างประเทศอย่างไม่เป็ นไปตามธรรมชาติของการเรี ยนภาษาและสมอง "เรา
ได้เล็งเห็นความสาคัญในจุดนี้ จึงได้นาความรู ้ " ของเทคโนโลยีมาพัฒนาเป็ นสื่ อการสอนภาษาอังกฤษในรู ปแบบ
- 4. 4
ของแบบฝึ กหัดที่ฝึกสมองให้เด็กสามารถเรี ยนรู ้ภาษาอังกฤษได้อย่างเป็ นธรรมชาติและเรี ยนรู ้ตามหลักการทางาน
ของสมอง
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.รายละเอียดขั้นตอนการดาเนินงานมีดงต่อไปนี้
ั
- ศึกษาหาข้อมูลของโครงงาน
- รวบรวมข้อมูล
2.รวบรวมคลิปคาศัพท์สาหรับเด็กในแต่ละหมวดหมู่
3.จัดแยกหมวดหมู่อย่างชัดเจนและถูกต้อง
4.ออกแบบและตกแต่งให้เหมาะสม
เครื่องมือและอุปกรณ์ ทใช้
ี่
1.คอมพิวเตอร์
2.แผ่นซี ดี
งบประมาณ
200-400 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ ขั้นตอน สั ปดาห์ ที่ ผู้รับผิดชอบ
ที่ 1 1 1 1 1 1 1 1
1 2 3 4 5 6 7 8 9
0 1 2 3 4 5 6 7
1 คิดหัวข้อโครงงาน /
2 ศึกษาและค้นคว้า / / /
ข้อมูล
3 จัดทาโครงร่ างงาน / / /
4 ปฏิบติการสร้าง
ั / / / /
โครงงาน
5 ปรับปรุ งทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
- 5. 5
ผลทีคาดว่าจะได้ รับ
่
1. เด็กสามารถอ่านคาศัพท์ภาษาอังกฤษในสื่ อการสอนได้
2. เด็กได้ใช้สื่อในทางที่ถูกต้อง
3. เด็กใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
สถานทีดาเนินการ
่
โรงเรี ยนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ทเี่ กียวข้ อง
่
กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ
แหล่งอ้างอิง
http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=479