SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 47
Downloaden Sie, um offline zu lesen
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)


ตัวอย่ างข้ อสอบ และวิธีการตอบข้ อสอบ

คําสั่ ง

อ่านบทความเรื่ อง “นักเรี ยนดี” ในบทความมีขอความที่กาหนดซึ่งพิมพ์ดวยอักษรตัวเข้มอยู่ 8 ข้อความ
                                           ้        ํ             ้
                                   ํ
ท้ายบทความจะมีตารางสรุ ปข้อความที่กาหนดซึ่งแต่ละข้อความจะมีตวเลข 2 หลักกํากับ แล้วสรุ ปความ
                                                            ั
                         ํ
เชื่ อมโยงของข้อความที่ กาหนดแต่ ละข้อความกับข้อความอื่ นๆที่ เหลื อ ให้สอบคล้องกับเนื้ อหาใน
                             ํ
บทความ และเป็ นไปตามเกณฑ์ที่กาหนด ดังต่อไปนี้

                    ํ
    O ถ้าข้อความที่กาหนดมีขอความอื่น (ซึ่ งอาจมีได้หลายข้อความ) เป็ นผลโดยตรง หรื อที่ เกิดขึนใน
                           ้                                                                 ้
ลําดับถัดมา ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่เป็ นผลโดยตรงหรื อที่เกิดขึ้นในลําดับถัดมา แล้วตาม
ด้วยตัวอักษร “A”

                    ํ
    O ถ้าข้อความที่กาหนดมีขอความอื่น (ซึ่ งอาจมีได้หลายข้อความ) เป็ นส่ วนประกอบ / องค์ ประกอบ /
                           ้
ความหมาย ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่ เป็ นส่ วนประกอบ / องค์ประกอบ / ความหมาย
แล้วตามด้วยตัวอักษร “D”

                    ํ
    O ถ้าข้อความที่กาหนดมีขอความอื่น (ซึ่ งอาจมีได้หลายข้อความ) ถูกลด / ยับยั้ง / ปองกัน / ห้ าม /
                           ้                                                       ้
ขัดขวาง ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่ถูกลด / ยับยั้ง / ป้ องกัน / ห้าม / ขัดขวางนั้น แล้วตาม
ด้วยตัวอักษร “F”

                    ํ
    O ถ้าข้อความที่กาหนดไม่ มีข้อความอื่น ที่เป็ นผลโดยตรง หรื อที่เกิดขึ้นในลําดับถัดมา หรื อที่เป็ น
ส่ วนประกอบ / องค์ประกอบ / ความหมาย หรื อที่ถูกลด / ยับยั้ง / ป้ องกัน / ห้าม / ขัดขวาง ดังกล่าว
ข้างต้น ให้ระบายคําตอบเป็ นตัวเลข “99” แล้วตามด้วยตัวอักษร “H”

       ทั้งนีให้ ใช้ เลขกํากับข้ อความทีกาหนด 01,02,03,…08 เป็ นเลขข้ อ 1,2,3,…8 ในกระดาษคําตอบ
             ้                          ่ํ

    ข้ อสอบแต่ ละข้ ออาจมีได้ หลายคําตอบ หากตอบผิดจะถูกหักคะแนนคําตอบทีผดคําตอบละ 3 คะแนน
                                                                       ่ ิ

       โดยหักจากคะแนนรวมของข้ อสอบข้ อนั้นๆ (ไม่ หักคะแนนข้ ามข้ อ) ดังนั้นถ้ าไม่ มั่นใจ อย่ าเดา



                                                หน้ า 1
 
 

                             แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



คําแนะนําวิธีการทําข้ อสอบ

         นําข้อความพร้อมหมายเลขกํากับที่สรุ ปไว้ในตารางท้ายบทความ มาร่ างเป็ นแผนภูมิเพื่อแสดง
ความเชื่อมโยงสัมพันธ์ตามบทความเรื่ อง นักเรี ยนดี โดยใช้สญลักษณ์ดงนี้
                                                         ั       ั

         O เส้นที่มีหวลูกศร (
                     ั                                   ํ
                                     ) ชี้ จากข้อความที่กาหนดไปยังข้อความที่ เป็ นผลโดยตรง หรื อที่
เกิดขึนในลําดับถัดมา
      ้

         O เส้นที่ไม่มีหวลูกศร (
                        ั                                    ํ
                                         ) ชี้ จากข้อความที่กาหนดไปยังข้อความที่เป็ นส่ วนประกอบ /
องค์ ประกอบ / ความหมาย

         O เส้นที่มีหวลูกศรและกากบาท (
                     ั                                                  ํ
                                                   ) ชี้ จากข้อความที่ กาหนดไปยังข้อความที่ ถูกลด /
ยับยั้ง / ปองกัน / ห้ าม / ขัดขวาง
           ้




                                                หน้ า 2
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)


                                             บทความที่ 1
                                   ไข้ หวัดใหญ่ สายพันธ์ ใหม่ 2009
            ตามที่เป็ นข่าวอยู่ในปั จจุบนนี ้คงหนีไม่พ้นข่าวเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยที่เป็ นโรคไข้ หวัดใหญ่สาย
                                        ั
พันธ์ ใหม่ 2009 ซึงถือว่าในประเทศไทยนันได้ มีการระบาดอย่างรวดเร็ วในช่วงเดือนมิถนายน ทังนี ้จาก
                  ่                   ้                                         ุ      ้
ข้ อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับแพร่ กระจายของเชื ้อนันพบว่า เชื ้อสายพันธ์นี ้มิได้ เกิดการแพร่ แต่เฉพาะคน
                                                ้
สู่คนเท่านัน แต่ยังสามารถแพร่ จากคนสู่สัตว์ เช่น สุกร ได้ อีกด้ วย ซึ่งได้ เกิดขึนมาแล้ วในประเทศ
           ้                                                                     ้
แคนาดา ดังนันจากข้ อมูลการแพร่ ระบาดของไข้ หวัดสายพันธ์ นี ้ ทํ าให้ คนไทยจํ านวนไม่น้อยที่ ตื่น
            ้
ตระหนกและเร่วหาวิธีปองกันจากเชื ้อโรคตัวนี ้
                    ้

            ไข้ หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 คือไข้ หวัดใหญ่ ชนิดเอชวันเอ็นวัน ซึงจัดว่าคนละสายพันธ์
                                                                              ่
กับไข้ หวัดนก ในช่วงแรกๆนันประเทศไทยได้ ใช้ ชื่อเรี ยกไข้ หวัดชนิดนี ้ว่าไข้ หวัดหมู จากนันก็เปลี่ยนเป็ น
                          ้                                                               ้
ไข้ หวัดแม็กซิโก และเปลี่ยนมาเป็ นไข้ หวัดใหญ่สายพันธ์ ใหม่ 2009 ตามการเรี ยกชื่อในระบบสากลใน
ที่สด คนที่เป็ นโรคไข้ หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 นี ้เกิดจากการติดเชื ้อ H1N1 ซึงเชื ้อได้ เริ่มแพร่ระบาด
    ุ                                                                           ่
จากแถบประเทศแมกซิโกและสหรั ฐอเมริ กา จากนันเมื่อประชากรในประเทศดังกล่าวที่ ติดเชื อได้
                                          ้                                       ้
เดินทางไปยังทวีปอื่นหรื อประเทศอื่นก็เป็ นการนําเชื ้อโรคจากคนๆหนึ่งไปแพร่ ส่คนอีกจํานวนมากใน
                                                                             ู
ทวีปต่อๆไป

            สําหรับอาการของคนที่เป็ นโรคไข้ หวัดใหญ่ สายพันธ์ ใหม่ 2009 นันจะทําให้ เกิดอาการต่างที่
                                                                          ้
คล้ ายคลึงกับคนที่เป็ นโรคหวัดโดยทัวไป กล่าวคือ เมื่อเป็ นหวัดชนิดนี ้แล้ วจะทําให้ มีอาการปวดเมื่ อย
                                   ่
ตามร่ างกาย มีไข้ สง และไอ มีนํ ้ามูก ซึงด้ วยอาการที่คล้ ายกับหวัดชนิดธรรมดาที่มาตามฤดูนี ้เองทําให้
                   ู                    ่
ประชาชนจํานวนมากเกิดความวิตกว่าหวัดที่ตนเองเป็ นนันแท้ ที่จริ งแล้ วเกิดจากเชื ้อไวรัสตัวไหนกันแน่
                                                  ้
แต่ทงนี ้จากรายงานการเสียชีวิตเมื่อเทียบกับอัตราผู้ที่ติดเชื ้อแล้ วพบว่า ประเทศไทยยังคงอยู่ที่ร้อยละ
    ั้
0.4 เท่านัน(ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2552 ) ดังนันจึงถือว่าโอกาสที่ผ้ ติดเชื ้อจะเสียชีวิตนันน้ อยมาก แต่
          ้                                ้                    ู                     ้
ประเด็นสําคัญสําหรับไข้ หวัดสายพันธ์ นี ้ก็คือการแพร่ ระบาดของเชือดังที่ได้ กล่าวไปแล้ วในตอนต้ น
                                                                 ้
ซึงจะเป็ นการแพร่ ระบาดในสองส่วน โดยส่วนแรกจะเป็ นการแพร่ ระบาดจากคนสู่คน ในอีกส่วนหนึ่งก็
  ่
คือการแพร่ จากคนสู่ สัตว์ ได้ อีกด้ วย ซึงโอกาสที่จะทําให้ เชื ้อไวรัส H1N1 เกิดการผ่าเหล่าย่อมมีสงขึ ้น
                                         ่                                                        ู
ซึงเชื ้อ
  ่

                                                  หน้ า 3
 
 

                           แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



อาจจะไปผสมกับไวรั สสายพันอื่นๆที่ อยู่ในสัตว์ แล้ วทํ าให้ เชื อมีความรุ นแรงขึนก็เป็ นได้ สิ่งนี ทําให้
                                                               ้               ้                  ้
นักวิทยาศาสตร์ การแพทย์เกิดความวิตกเป็ นอย่างยิ่ง

        สําหรับการรักษานันโดยหลักแล้ วแพทย์จะไม่จ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ในทันทีที
                         ้
พบว่าติดเชื อ ทังนี ก็ เพราะคนที่ เป็ นโรคนี สามารถรั กษาให้ หายเองได้ โดยไม่ต้องทานยาต้ านไวรั ส
            ้ ้ ้                            ้
ดังกล่าว วิธีการที่แพทย์แนะนําก็คือการกินยาลดไข้ และพักผ่อนให้ เพียงพอ ซึงหากร่างกายแข็งแรงก็จะ
                                                                         ่
ใช้ เวลาเพียง 2-3 วันก็จะสามารถหายเป็ นปกติ แต่หากรายใดที่ได้ รับเชื ้อไปมากๆ ผู้ป่วยก็จะปวดเมื่อย
และมีไข้ สูงมาก แพทย์ ก็อาจตัดสินใจจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir)เพื่อยับยังเชื อไวรั ส แต่
                                                                                ้ ้
สาเหตุที่แพทย์ไม่จายยาให้ สําหรับคนทุกคนก็เนื่องจากยามีอยูจํากัด และโดยสภาพแล้ วผู้ป่วยสามารถ
                  ่                                      ่
หายได้ เอง และหากจ่ายยาทังๆที่ผ้ ป่วยไม่ได้ มีอาการรุนแรงก็อาจเป็ นการเสี่ยงที่เชื ้อจะดื ้อยา ซึงจะยาก
                         ้ ู                                                                     ่
ต่อการรักษา

        ดังนันหากผู้ใดทราบว่าตนเองติดเชือ H1N1 แล้ วเป็ นหวัดสายพันนี ้จนมีอาการของโรค ดังได้
             ้                          ้
กล่าวมาแล้ วนันก็ให้ กินยาลดไข้ และพักผ่ อนให้ เพียงพออยู่กบบ้ านก็สามารถช่วยลดหรื อบรรเทา
              ้                                            ั
อาการต่างๆได้ แล้ ว เพราะโรคนี ้สามารถหายได้ เอง หากผู้ป่วยรายใดที่มีอาการไอ มีนํามูก ก็ไม่ควรไป
                                                                                 ้
อยูใกล้ ชิดผู้อื่นหรื อาจหาผ้ าปิ ดจมูกมาปิ ดเพื่อปองกันการแพร่ระบาดของเชื ้อที่มีอยูในสารคัดหลัง
  ่                                                ้                                ่           ่




                                                หน้ า 4
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



         ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 1 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                             ่ํ                                ่



เลขกํากับ                  ข้ อความทีกาหนด
                                     ่ํ                         ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                                                                  ่

    01       กินยาลดไข้ และพักผ่ อนให้ เพียงพอ

    02       ติดเชื้อ H1N1

    03       คนสู่ คน

    04       ไข้ หวัดใหญ่ สายพันธ์ ใหม่ 2009

    05       ไข้ หวัดใหญ่ ชนิดเอชวันเอ็นวัน

    06       การแพร่ ระบาดของเชื้อ

    07       มีไข้ สูง

    08       ไอ มีนํามูก
                    ้

    09       ปวดเมื่อยตามร่ างกาย

    10       คนสู่ สัตว์




                                                 หน้ า 5
 
 

                              แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



                                                บทความที่ 2
                                              คดีเขาพระวิหาร
         เมื่อปี 2501ราชอาณาจักไทย และราชอาณาจักกัมพูชาต่างก็อ่างกรรมสิทธิ์เหนือตัวปราสาท
เขาพระวิหารว่าเป็ นของตนจนเกิดข้ อโต้ แย้ งกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทเขาพระวิหาร ด้ วยเหตุนี ้เอง
หนทางที่ไทยและกัมพูชาจะหาทางเจรจาแบบทวิภาคีเพื่อให้ ได้ ข้อสรุปอย่างเด็ดขาดเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์
ในตัวปราสาทย่อมน้ อยลง เพราะต่างฝ่ ายต่างกล่าวอ้ างกรรมสิทธิ์ด้วยการยึดแผนที่คนละฉบับ ดังนัน
                                                                                           ้
ราชอาณาทังสองจึงได้ ตกลงยินยอมที่จะนําคดีขึนศาลโลกซึ่งเป็ นศาลระหว่างประเทศที่ทงประเทศ
         ้                                 ้                                   ั้
ไทยและประเทศกัมพูชาต่างก็เป็ นภาคีภายใต้ ข้อบังคับของสหประชาชาติ

         สําหรับแผนที่ที่กัมพูชานํามาใช้ อ้างในชันพิจารณาคดีของศาลโลกนันเป็ นแผนที่ที่จัดทําขึ ้น
                                                 ้                     ้
โดยประเทศฝรั่งเศสซึงเคยไปยึดเอากัมพูชาเป็ นเมืองขึ ้นนานถึง 50 ปี โดยแผนที่ฉบับดังกล่าวได้ ทําขึ ้น
                   ่
เมื่อปี 2450 ซึงได้ กําหนดเอาตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็ นดินแดนในจังหวัดหนึ่งของกัมพูชา ส่วนฝ่ าย
               ่
ไทยนันได้ อ้างแผนที่ซงได้ ทําไว้ กบฝรั่งเศสแต่เดิม ตังแต่ปี 2447 ซึงยึดถือเอาสันปั นนํ ้าของเขาพระวิหาร
     ้               ึ่           ั                  ้             ่
เป็ นสําคัญ ดังนันจะเห็นได้ วาแผนที่ที่กมพูชานํามาใช้ กล่าวอ้ างนันเป็ นแผนที่แบ่งเขตแดนประเทศที่ทํา
                 ้           ่          ั                         ้
ขึ ้นในภายหลัง

         เมื่อนําคดีขึ ้นศาลโลกแล้ ว ในที่สดก็นํามาสูการที่ศาลโลกมีคาพิพากษาในเรื่ องนี ้ ซึงแบ่งออก
                                           ุ        ่               ํ                       ่
แบ่งเป็ นสองประเด็น ด้ วยกันก็ คือ พิพากษาให้ ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้
อธิ ป ไตยของกั ม พู ช า ทัง นี เ้ นื่ อ งจากศาลได้ พิ จ ารณาแล้ ว เห็ น ว่า ฝ่ ายไทยมิ ไ ด้ โ ต้ แ ย้ ง แผนที่ ท่ ี
                          ้
ฝรั่ งเศสได้ จดทําขึนใหม่ ศาลจึงถือหลักที่วา "ใครที่นิ่งจะถูกถือว่ายินยอม ถ้ าเขาสามารถพูดได้ " หรื อ
              ั     ้                      ่
หลักกฎหมายปิ ดปาก (estoppel) นันเองทังนี ้ก็เพราะฝ่ ายไทยเองถึงแม้ จะรู้ว่าแผนที่ที่ฝรั่งเศสได้ จดทํา
                               ่     ้                                                           ั
ขึ ้นใหม่ในปี 2450 นันมีความผิดพลาดไปจากแผนที่ที่ได้ จดทําเมื่อปี 2447 แต่ไทยก็มิได้ โต้ แย้ งให้ เกิด
                     ้                                ั
การแก้ ไขให้ ถูกต้ อง ซึ่งการไม่ดําเนินการเช่นนันโดยหลักของกฎหมายระหว่างประเทศถือว่ายินยอม
                                                ้
หรื อยอมรับนันเอง ส่วนคําพิพากษาอีกประเด็นหนึ่งก็คือเรื่ องโบราณวัตถุ ศาลโลกก็ได้ พิพากษาให้
             ่
ไทยต้ องคืนโบราณวัตถุทงหลายจากปราสาทพระวิหารให้ แก่ กัมพูชา ซึงผลจากคําพิพากษาใน
                      ั้                                      ่



                                                     หน้ า 6
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



สองประเด็นดังกล่าวนี ้ถึงแม้ ว่าไทยจะไม่ยอมรับในคําตัดสินแต่ไทยก็ยอมที่จะปฏิบติตามพันธกรณี
                                                                             ั
จากคําพิพากษาดังกล่าว

        จากวันที่ศาลโลกได้ มีคําพิพากษาไม่เกินหนึ่งเดือนประเทศไทยก็ได้ ทําหนังสือไปยังเลขาธิการ
สหประชาชาติเพื่อทําการประท้ วงคําพิพากษาของศาลโลก ทังนี ้ก็เพื่อรักษาสิทธิต่างๆ การประท้ วง
                                                    ้
คําพิพากษาในครังนี ้ส่งผลให้ ไทยยังคงมีสิทธิท่ จะทวงปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา
               ้                               ี

        จากปี 2505 ซึงเป็ นปี ที่ศาลโลกได้ ตดสินจนถึงปี 2551 นันยังคมถือว่าประเทศไทยยังใช้ สทธิใน
                     ่                      ั                  ้                            ิ
การสงวนที่จะทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารคืนมาด้ วยวิธีการทางกฎหมาย แต่ในปี 2551รัฐบาลไทยซึง
                                                                                     ่
มีนายนพดล ปั ทมะ เป็ นรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศได้ ทําการลงนามในแถลงการณ์ ร่วมไทย
กัมพูชาเกี่ยวกับการยินยอมให้ กมพูชาขึ ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ ายเดียว ซึงก็ถือว่าไทย
                              ั                                                   ่
ได้ ยอมรับโดยปริ ยายว่าปราสาทพระวิหารนันเป็ นของกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียวหรื ออาจถือได้ ว่าไทยยอม
                                       ้
ที่จะสละสิทธิต่างๆตามที่ได้ โต้ แย้ งมาตังแต่ปี 2505 ดังนันแถลงการณ์ร่วมฉบับดังกล่าวนี ้จึงมีผลใน
                                         ้                ้
ลักษณะเป็ นการลดหรื อสละสิทธิของไทยที่จะทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา แต่หลังจากนัน
                                                                                     ้
ไม่นานก็ได้ มีคนนําเรื่ องการลงนามในแถลงการณ์ ร่วมนีส่งฟองศาลรัฐธรรมนูญเอให้ วินิจฉัยว่าการ
                                                    ้ ้
กระทําดังกล่าวนันขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรื อไม่ ซึงในที่สดก็มีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
                ้                                     ่      ุ
ออกมาว่าการลงนามแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวมิได้ นําเข้ าสู่การพิจารณาของรัฐสภาก่อนจึงเป็ นการฝ่ า
ฝื นรัฐธรรมนูญ เป็ นผลให้ แถลงการณ์ร่วมฉบับดังกล่าวไม่ชอบด้ วยรัฐธรรมนูญไปในที่สด แต่ทงนี ้คํา
                                                                                ุ     ั้
วินิจฉัยของศาลรั ฐธรรมนูญมิได้ มีผลไปยกเลิกเพิกถอนถึงการกระทําระหว่างรัฐกับรัฐ




                                             หน้ า 7
 
 

                            แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



         ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 2 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                             ่ํ                                ่



เลขกํากับ                  ข้ อความทีกาหนด
                                     ่ํ                          ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                                                                   ่

    01       คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

    02       ประท้ วงคําพิพากษาของศาลโลก

    03       พิพากษาให้ ไทยต้ องคืนโบราณวัตถุท้งหลาย
                                               ั
             จากปราสาทพระวิหารให้ แก่ กมพูชา
                                       ั

    04       พิพากษาให้ ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณา
             เขตภายใต้ อธิปไตยของกัมพูชา

    05       ศาลโลกมีคาพิพากษา
                      ํ

    06       เกิดข้ อโต้ แย้งกรรมสิ ทธิ์ในตัวปราสาทเขา
             พระวิหาร

    07       แถลงการณ์ ร่วมไทยกัมพูชา

    08       นําคดีขึนศาลโลก
                     ้

    09       ฝ่ ายไทยมิได้ โต้ แย้ งแผนทีทฝรั่งเศสได้ จัดทํา
                                         ่ ี่
             ขึนใหม่
               ้

    10       ไทยยังคงมีสิทธิทจะทวงปราสาทเขาพระ
                             ี่
             วิหารกลับคืนมา




                                                  หน้ า 8
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)


                                           บทความที่ 3
                 ปฏิบตตวอย่ างไรให้ เซลล์ สมองไม่ เสื่อมหรื อเสื่อมช้ าลง
                     ั ิ ั
        เซลล์ร่างกายโดยปกติจะมีการผลัดเปลี่ยนไปเรื่ อยๆ ซึงสังเกตได้ จากขี ้ไคลที่หลุดลอกออกมา
                                                          ่
ตอนที่เราถูตว แต่สําหรับเซลล์สมองนันหากเซลล์ได้ ตายลงไปแล้ วก็จะไม่มีการเกิดใหม่ทดแทน พูด
            ั                      ้
ง่ายๆก็คือตายแล้ วตายเลย ดังนันหากจะให้ เรามีความจําที่ดีและระบบการทํางานยังคงปกติจนแก่ เรา
                              ้
ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงปั จจัยที่ทําให้ เซลล์สมองเสื่อม ในส่วนของเซลล์ สมองนันจะมีการพัฒนาการที่
                                                                          ้
รวดเร็วและเพิ่มจํานวนตังแต่ในครรภ์จนกระทังอายุประมาณ 6 ขวบ แล้ วเซลล์ก็จะหยุดเพิ่มจํานวน แต่
                       ้                 ่
เซลล์จะมีการเพิ่มขนาดขึ ้นมาบ้ าง ในส่วนของคนแก่นนเซลล์สมองบางส่วนจะเสื่อมไปหรื ออาจตายไป
                                                 ั้
เลย ซึงสิงเหล่านี ้จะเป็ นที่มาของการเกิดความจําเสื่อมและการทํางานของร่างกายที่ผิดปกติ
      ่ ่

        ปั จจัยที่ ทําให้ เซลล์ สมองเสื่อมนันผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนพอจะทราบบ้ าง เช่น การไม่ค่อย
                                            ้
พักผ่อนสมองหรื อการหมกมุ่นอยู่กับความเครี ยด ก็จะทําให้ สมองทํางานจนจนเกิดการล้ าและอาจ
เสื่อมได้ แต่ในบทความนี ้จะขอกล่าวถึงในเชิงบวกดังนี ้ ปั จจัยที่ทาให้ เซลล์ สมองไม่ เสื่อมนันจริ งๆ
                                                                 ํ                          ้
แล้ วมีด้วยกันหลายประการแต่สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี ้เป็ นสิ่งที่เกิดขึ ้นได้ ทกๆ วันและสามารถควบคุมได้
                                                                            ุ
คือ การไม่เคร่ งเครี ยด ไม่ นอนดึก และไม่ดื่มกาแฟ เพราะหากเรามัวเคร่ งเครี ยดแล้ วนอนดึกๆแถมยัง
ดื่มกาแฟก็ ย่อมทํ าให้ เซลล์ สมองที่ต้องการจะพักกลับต้ องทํ างานหนักยิ่งขึน เพราะกาแฟนันมีสาร
                                                                          ้                  ้
คาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ด้ วยเหตุนี ้เซลล์สมองจึงเหมือนกับถูกบังคับให้ ทํางานไปเรื่ อยๆแม้
กระทัวว่าในขณะนันจะล้ ามากแล้ วก็ตาม
     ่          ้

        การที่เราไม่เครี ยดก็เป็ นผลดี กล่าวคือโดยปกติแล้ วใบหน้ าของคนเราก็จะแก่ลงไปตามการ
เวลา หากอายุมากรอยเหี่ยวย่นก็จะมาก แต่หากเราไม่ เคร่ งเครี ยดก็จะทําให้ ใบหน้ าไม่แก่เกินวัย ซึ่ง
จะต่างกับคนที่ต้องทํางานหนักๆหรื อคนที่ต้องครุ่ นคิดตลอดเวลา โดยคนเหล่านี ้หากมองจากใบหน้ าก็
จะคิดว่าเป็ นคนมีอายุมากกว่าความเป็ นจริ งเสมอๆ ดังนันเมื่อไม่เครี ยดแล้ วก็ทําให้ ใบหน้ าไม่ แก่ เกิน
                                                     ้
วัย กับทังยังทําให้ เซลล์สมองไม่ทํางานหนักจนเกินไป เพราะการที่คนเราอยูในภาวะความเครี ยดนานๆ
         ้                                                           ่
มันก็ จะทํ าให้ สมองต้ องทํ างานหนักนานๆนั่นเอง สําหรั บปั จจัยที่ ทํา ให้ เซลล์ สมองไม่เสื่อมอีกสอง
ประการก็คือไม่นอนดึก และไม่ ด่ มกาแฟก็ยอมส่งผลเช่นเดียวกันกับการไม่เคร่งเครี ยดกล่าวคือทําให้
                               ื       ่

                                               หน้ า 9
 
 

                             แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



ใบหน้ าไม่แก่ เกิ นวัยและทํ าให้ เซลล์ สมองไม่ ทํางานหนั กเกินไป เมื่อเซลล์ สมองไม่ทํา งานหนัก
จนเกินไปแล้ วก็ย่อมทําให้ เซลล์ สมองไม่ เสื่อม ซึ่งเป็ นหลักธรรมดาที่เข้ าใจได้ ง่าย ดังนันเมื่อรู้ เช่นนี ้
                                                                                          ้
แล้ วเราก็สามารถที่จะทําให้ เซลล์สมองเราไม่เสื่อมหรื อทําให้ เสื่อมอย่างช้ าที่สดได้ ด้วยการทําในสิ่งที่ได้
                                                                                ุ
กล่าวมาข้ างต้ น

         เมื่อไรก็ตามที่เซลล์สมองไม่เสื่อมก็ย่อมไม่ทําให้ เราความจําเสื่อม แต่เพื่อความไม่ประมาท
ในตอนนี ้ก็ได้ มีงานวิจยที่ค้นพบว่าการดื่มชาเขียวและชาดํานันจะช่วยปองกันการเกิดความจําเสื่อม
                       ั                                   ้       ้
ได้ หากมีโอกาสก็อาจจะลองนํามาดื่มเพื่อช่วยปองกันเอาไว้ ก็จะดี เพราะอาจจะปองกันไว้ ได้ บ้าง
                                           ้                             ้

         ดังนันหากไม่ต้องการให้ เซลล์สมองเสื่อมก็ควรกระทําตามดังที่ได้ กล่าวมาแล้ วข้ างต้ น และ
              ้
ประเด็นที่หลายๆคนมักมองข้ ามก็คือการกินอาหารเช้ า ซึงสมองก็ย่อมต้ องการพลังงานในการทํางาน
                                                    ่
ดังนันหากเรากินอาหารเช้ าทุกวัน สมองก็จะมีพลังงานในการที่จะคิดและสังการ ดังนันการกินอาหาร
     ้                                                             ่         ้
เช้ าทุกวันก็ยอมเป็ นการปองกันเซลล์สมองเสื่อมได้ เช่นกัน
              ่          ้

         สําหรับบางคนนันอาจจะต้ องอยู่ในภาวะเครี ยดบ่อยๆ ทางแก้ เพื่อที่จะไม่ให้ ตวเองเครี ยดก็คือ
                       ้                                                          ั
การไปพักผ่อนหย่อนใจ หรื อไปเล่นกีฬาตอนหลังจากเลิกงานหรื อเลิกเรี ยนเพื่อให้ ร่างกายได้ ผ่อนคลาย
แล้ วหลังสารเอนโดฟิ นออกมา ซึงสารตัวนี ้จะทําให้ ร่างกายมีความสุขและผ่อนคลายจากความเครี ยด
        ่                    ่
ได้ ส่วนคนที่ตดกาแฟ ซึงต้ องดื่มทุกๆวัน สิ่งนี ้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะทําให้ เซลล์สมองเริ่ มเสื่อมลงไปช้ าๆ
              ิ       ่
หากไม่ด่มชนิดที่เข้ มข้ นแบบติดต่อกันก็คงจะไม่ได้ ทําให้ เซลล์เสื่อมมากนัก ดังนันหากจะดื่มก็พอจะดื่ม
        ื                                                                       ้
ได้ บ้าง แต่ต้องไม่บ่อย เพราะหากดื่มบ่อยๆก็เท่ากับการที่เราไปบังคับสมองให้ ทํางานบ่อยๆ สุดท้ ายก็
ย่อมนํามาสูการที่เซลล์สมองเสื่อมอีก
          ่




                                                  หน้ า 10
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



         ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 3 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                             ่ํ                                ่



เลขกํากับ                     ข้ อความทีกาหนด
                                        ่ํ                      ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                                                                  ่

    01       กินอาหารเช้ าทุกวัน

    02       เซลล์ สมองไม่ เสื่ อม

    03       ปัจจัยทีทาให้ เซลล์ สมองไม่ เสื่ อม
                     ่ ํ

    04       ความจําเสื่ อม

    05       ใบหน้ าไม่ แก่ เกินวัย

    06       ไม่ ดื่มกาแฟ

    07       ไม่ เคร่ งเครียด

    08       ไม่ นอนดึก

    09       การดื่มชาเขียวและชาดํา

    10       เซลล์ สมองไม่ ทางานหนักเกินไป
                            ํ




                                                   หน้ า 11
 
 

                            แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



                                             บทความที่ 4

                                            ผลไม้ กับมะเร็ง

        ประเทศไทยนันตามหลักวิชาการแล้ วจะแบ่งฤดูกาลออกเป็ น 3 ฤดู ก็คือ ฤดูฝน ฤดูหนาว และ
                   ้
ฤดูร้อน แล้ วในแต่ละฤดูก็จะมีผลไม้ ที่ออกดอกออกผลแตกต่างกันตามแต่ละชนิด สําหรับในช่วงเดือน
กรกฎาคมนี ้จะเป็ นช่วงหน้ าฝน ซึงเป็ นช่วงที่มีเงาะ ลําไย และลิ ้นจี่กําลังออกผล ดังนันหากจะกินเงาะ
                                ่                                                     ้
ลําไย และลิ ้นจี ้ในราคาที่ถกก็ควรจะกินในช่วงเดือนนี ้ เพราะเป็ นการกินผลไม้ ตามฤดู สาเหตุที่ทําให้ ผล
                            ู
ไม้ ราคาถูกในช่วงที่เป็ นฤดูเก็บเกี่ยวนันก็เพราะผลไม้ ชนิดนันๆโดยส่วนใหญ่แล้ วมักจะออกผลพร้ อมๆ
                                        ้                   ้
กัน จึงทําให้ ปริ มาณผลไม้ ที่ออกมาสูท้องตลาดมีมาก เมื่อเป็ นเช่นนันหากพ่อค้ าและแม่ค้าอยากจะให้
                                    ่                              ้
ขายผลไม้ ของตนเองได้ ก็ต้องลดราคาแข่งกับคูแข่งคนอื่นเพื่อดึงดูดใจลูกค้ าให้ มาซื ้อผลไม้ ของตน ด้ วย
                                         ่
เหตุนี ้เองที่ทําให้ ราคาของผลไม้ จะค่อยๆลดลงในช่วงเก็บเกี่ยวผล

        ผลไม้ ที่กล่าวมาข้ างต้ นนันเมื่อสุกแล้ วก็จะมีรสหวาน ทังนี ้ก็เพราะในผลไม้ จะมีนําตาลฟลุกโต
                                   ้                            ้                         ้
สอยู่ ซึ่งเป็ นนํ ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวและเป็ นชนิดเดียวกันกับที่พบในนํ ้าผึ ้ง ซึ่งนํ ้าตาลชนิดนี ้สามารถให้
พลังงานได้ เช่นเดียวกับนํ ้าตาลกลูโคส ดังนันหากเรารับประทานผลไม้ ที่มีรสหวานเพราะมีนํ ้าตาลฟลุก
                                           ้
โตสมากๆและบ่อยๆก็จะเสี่ ยงต่ อโรคอ้ วนได้ เช่นกัน

        ทังเงาะ ลําไย และลิ ้นจี ้นันนักวิทยาศาสตร์ ได้ ทําการวิจยแล้ วพบว่ามีสารต้ านอนุมูลอิสระที่
          ้                         ้                            ั
ช่วยในการต่อต้ านการก่อมะเร็ งได้ โดยสารต้ านอนุมลอิสระดังกล่าวก็คือสารอีลาจิก แอซิด (Ellagic
                                                 ู
acid) นันเอง ซึ่งสารต้ านอนุมลอิสระนี ้จะพบมากในเมล็ดของผลไม้ ดงกล่าว คุณสมบัติของสารต้ าน
        ่                    ู                                 ั
อนุมลอิสระก็คือสามรถที่จะยับยังหรื อต้ านการก่ อมะเร็ งและการก่อกลายพันธุ์ได้ จากที่กล่าวมานัน
    ู                         ้                                                              ้
จะเห็นได้ ว่าผลไม้ เหล่านี ้ล้ วนมีประโยชน์ทงสิ ้น สําหรับประโยชน์ ในการยับยังหรื อต้ านการก่อมะเร็ ง
                                            ั้                               ้
และการก่ อกลายพั นธุ์ นัน มนุษ ย์ จะไม่สามารถรั บประโยชน์ นีไ้ ด้ โดยตรงจากการกิ น เพราะสาร
                        ้
ดังกล่าวนี ้จะพบในเมล็ดของผลไม้ ทงสามชนิด ดังนันหากจะให้ ได้ ประโยชน์จากสารเหล่านี ้ก็จะต้ อง
                                 ั้            ้
นําเอาเมล็ดไปผ่านกระบวนการสกัดเอาสารต้ านอนุมลอิสระออกมาก่อน เพราะปกติแล้ วจะไม่มีใครกิน
                                             ู
เมล็ดของเงาะ ลําไย และลินจี ้ ส่วนประโยชน์อีกประการหนึงที่ได้ กล่าวมาแล้ วก็คือผลไม้ ทงสามชนิดนี ้
                        ้                             ่                               ั้



                                                หน้ า 12
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



จะมีนําตาลฟลุกโตส ซึ่งในเพศชายนําตาลชนิดนีจะมีบทบาทสําหรับตัวอสุจิเป็ นอย่างมาก เพราะ
      ้                         ้         ้
นํ ้าตาลชนิดนี ้เป็ นอาหารของอสุจิ

         ผลไม้ ใ นช่ ว งเดือ นกรกฎาคมของทุก ๆปี ที่ เ ด่น ๆก็ มี ดัง นี ้ เงาะ ลํ า ไย ทุเ รี ย น ลิน จี่ และ
                                                                                                    ้
ลองกอง ถึงแม้ ในช่วงเดือนกรกฎาคมจะเป็ นช่วงที่ผลไม้ ออกสูตลาดเยอะ แต่กลับปรากฏว่าบางคนไม่
                                                        ่
สามารถที่จะกินผลไม้ ที่กล่าวมาได้ หรื ออาจกินได้ บ้างในบางชนิด ทังนี ้ก็เพราะผลไม้ เหล่านี ้มาพร้ อมกับ
                                                                 ้
หน้ าฝน ซึงบางคนก็มีอาการไข้ เจ็บคอ ตัวร้ อน หากกินผลไม้ เหล่านี ้ซึงมีรสหวานเข้ าไปอีกก็อาจทําให้
          ่                                                         ่
อาการเหล่านันเพิ่มขึ ้นได้
            ้

         จากที่ ก ล่าวมาทังหมดนี ้ จริ งๆแล้ วผลไม้ ไม่ได้ มีประโยชน์ เพียงเท่านี ้ แต่ยังมี ประโยชน์ อีก
                          ้
มากมายซึ่ง ประโยชน์ บางอย่า งนัน มนุษ ย์ อ าจจะยัง ค้ น ไม่พ บก็ เ ป็ นได้ แต่ทัง นี ถึ ง แม้ ว่า ผลไม้ จ ะมี
                               ้                                                ้ ้
ประโยชน์ ม ากก็ ต าม ในแต่ ล ะครั ง ก่ อ นที่ จ ะกิ น ก็ ค วรจํ า นํ า ไปล้ า งหรื อ ทํ า ความสะอาดก่ อ นจะ
                                  ้
รับประทาน เพื่อปองกันสารพิษตกค้ างหรื อเชื ้อโรคที่ติดมากับผลไม้ ซึ่งแทนที่จะได้ รับประโยชน์กลับ
                ้
ต้ องมารับสารพิษเข้ าไปด้ วย หากสารดังกล่าวมีฤทธิ์ร้ายแรงก็อาจทําให้ ถึงตายได้ ภายในเวลาไม่นาน
แต่โดยมากแล้ วสารพิษในผลไม้ มกจะเป็ นสารที่ไปสะสมในร่างกายมากกว่า แล้ วจะค่อยๆเพิ่มปริ มาณ
                             ั
มากขึ ้นเรื่ อยๆ จนถึงระดับที่สามารถก่ออันตรายต่อร่างกายได้ เช่น เกิดมะเร็ง เป็ นต้ น




                                                  หน้ า 13
 
 

                              แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



         ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 4 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                             ่ํ                                ่



เลขกํากับ                    ข้ อความทีกาหนด
                                       ่ํ                          ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                                                                     ่

    01       เงาะ

    02       ลินจี้
               ้

    03       ลําไย

    04       การก่ อมะเร็ง

    05       มีสารต้ านอนุมูลอิสระ

    06       เสี่ ยงต่ อโรคอ้ วน

    07       มีนําตาลฟลุกโตส
                 ้

    08       ผลไม้ ในช่ วงเดือนกรกฎาคม

    09       การก่ อกลายพันธุ์

    10       สารอีลาจิก แอซิด (Ellagic acid)




                                                หน้ า 14
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)


                                            บทความที่ 5

                                  ผลกระทบของก๊ าซเรื อนกระจก

         สําหรับบางคนคิดว่าในปั จจุบนนี ้อากาศร้ อนขึ ้นกว่าสมัย 10 ปี ที่แล้ ว ซึ่งประเด็นในเรื่ องนี ้
                                    ั
นักวิทยาศาสตร์ ได้ ทําการศึกษาแล้ วพบว่า โลกเรานันเกิดภาวะโลกร้ อนขึ ้น โดยสาเหตุแทบทังสิ ้นเกิด
                                                 ้                                    ้
จากการกระทํ า และกิ จ กรรมของมนุ ษ ย์ เช่ น การใช้ นํ า มั น ในโรงงานอุ ต สาหกรรม การเปิ ด
                                                      ้
เครื่ องปรับอากาศ การคมนาคมขนส่ง แม้ กระทังอากาศที่เราหายใจออกมาก็มีส่วนในการทําให้ โลก
                                          ่
ร้ อนได้ เช่นกัน

         ก๊ าซในอากาศมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีคณสมบัติเฉพาะตัว เช่น ช่วยให้ ติดไฟ หรื อ
                                                  ุ
อาจติดไฟ เป็ นต้ น แต่ก๊าซที่มีผลกระทบต่อธรรมชาติแบบวงกว้ างทัวโลก ก็คือก๊ าซเรื อนกระจก ซึ่งมี
                                                              ่
ด้ วยกันหลายชนิด ได้ แก่ ก๊ าซไนตรั สออกไซด์ (NO) ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊ าซมีเทน
(CH4) และสารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอน (CFCs) ซึงก๊ าซหรื อสารแต่ละชนิดที่กล่าวมานี ้มีความ
                                                ่
ร้ ายแรงหรื อมีคณสมบัตในการทําให้ เกิดภาวะโลกร้ อนแตกต่างกัน
                ุ     ิ

         ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2) นันถือว่าเป็ นก๊ าซที่ร่างกายมนุษย์และสัตว์ขบออกมาจาก
                                        ้                                         ั
ร่ างและ เพราะจัดว่าเป็ นของเสีย และเมื่อขับออกมาแล้ ว พืชก็จะนําเอาก๊ าซนีไ้ ปใช้ ในกระบวนการ
สังเคราะห์แสง ดังนันพืชจึงมีความสารถในการลดปริ มาณก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2)ได้ เป็ นอย่าง
                   ้
ดี ด้ วยเหตุนี ้จะพบว่าสหประชาชาติได้ มีการรนรงค์ให้ แต่ละประเทศช่วยกันปลูกต้ นไม้ เพื่อทําหน้ าที่เป็ น
ปอดของโลก โดยหากประเทศใดปลูกต้ นไม้ ได้ เยอะสหประชาชาติก็จะมีงบประมาณสนับสนุนให้

         สําหรับสารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอน (CFCs)นันโดยมากแล้ วจะพบในนํ ้ายาตู้เย็น
                                                      ้
และนํ ้ายาแอร์ และสารที่ใช้ ในการทําความเย็นในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งในบรรดาก๊ าซหรื อสารทัง 4
                                                                                         ้
ชนิดที่กล่าวมา สาร CFCs นี ้มีความสามารถในการดูดซับคลื่นรังสีความร้ อนได้ มากที่สด ดังนันสาร
                                                                                 ุ      ้
CFCs จึงถูกควบคุมการผลิตโดยพิธีสารมอนทรี ออล (Montreal Protocol on Substances that
Deplete the Ozone Layer) ซึงเป็ นข้ อตกลงร่ วมกันระหว่างนานาประเทศในการควบคุมการผลิตและ
                           ่
การบริโภคสารที่ทําลายชันของชันโอโซนที่ห่อหุ้มบรรยากาศโลก
                       ้     ้



                                               หน้ า 15
 
 

                               แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



         ก๊ าซหรื อสารทังสี่ชนิดที่ได้ กล่าวมาในข้ างต้ น ล้ วนมีคณสมบัติสองประการ คือ ประการแรก
                        ้                                         ุ
ก๊ าซหรื อสารเหล่านี ้มีความสามารถดูดซับคลื่นรังสีความร้ อนได้ ซึงโดยปกติแล้ วรังสีความร้ อนที่มาจาก
                                                                 ่
ดวงอาทิตย์แทบทังหมดจะถูกสะท้ อนกลับไป แต่เมื่อในชันบรรยากาศของโลกมีก๊าซเรื อนกระจกเหล่านี ้
               ้                                  ้
ก็ ทํ า ให้ รั ง สี ค วามร้ อนถูก ดูด ซับ เอาไว้ ม ากขึน สํ า หรั บ คุณ สมบัติอี ก ประการหนึ่ ง ก็ คื อ สารเหล่า นี ้
                                                       ้
สามารถทําลายชันโอนโซนได้ ซึงสิ่งที่เกิดขึ ้นตามมาก็คือ จะทําให้ เกิดรู โอโซน(Ozone hole) ทังนี ้
              ้            ่                                                               ้
นักวิทยาศาสตร์ ได้ พิสจน์และสํารวจแล้ วพบว่าบริ เวณขัวโลกใต้ ได้ เกิดรู โอโซน(Ozone hole)ขึ ้นแล้ ว
                      ู                              ้
โดยมีขนาดพื ้นที่กว้ างกว่าประเทศไทย 60 เท่า ดังนันเมื่อชันบรรยากาศเกิดรู โอโซน(Ozone hole) ก็
                                                  ้       ้
ย่อมทําให้ คลื่นรั งสีความร้ อนผ่ านมายังโลกได้ มากขึน และในที่สดผลที่ตามมาก็คือเกิดภาวะโลก
                                                     ้          ุ
ร้ อน ซึ่งจากที่กล่าวมาแล้ วว่าคุณสมบัติของก๊ าซเรื อนกระจกที่สามารถดูดซับคลื่นรั งสีความร้ อน
เอาไว้ ได้ นนเป็ นคุณสมบัติข้อสําคัญที่ทําให้ เกิดภาวะโลกร้ อนได้ เช่นกัน ดังนันในชีวิตประจําวันของ
            ั้                                                                 ้
มนุษย์นน หากสามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้ เกิดก๊ าซเรื อนกระจกได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง
       ั้

         สําหรับประเทศไทยนันเป็ นประเทศที่กําลังพัฒนา ซึ่งศักยภาพในการก่อให้ เกิ ดก๊ าซเรื อน
                           ้
กระจกนันถือว่าน้ อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในโลก ซึ่งประเทศไทยก่อให้ เกิดก๊ าซเรื อนกระจํา
       ้
เพียง 0.5%        เท่านัน แต่หากพิจารณาดูข้อมูลของประเทศอื่นๆอย่างสหรัฐอเมริ กา จะพบว่า เป็ น
                        ้
ประเทศที่ก่อให้ เกิดก๊ าซเรื อนกระจกมากเป็ นอันดับหนึ่ง คือ ประมาณ 26.4% รองลงมาก็คือประเทศ
ญี่ปน ประมาณ 16.7% ดังนันประเทศที่ให้ กําเนิดก๊ าซเรื อนกระจกเหล่านี ้จะต้ องชดใช้ ค่าปล่อยก๊ าซ
    ุ่                  ้
เรื อนกระจก เพราะก๊ าซเรื อนกระจกมิได้ ก่อให้ เกิดผลเสียแต่เฉพาะประเทศที่ให้ กําเนิดเท่านัน แต่ก๊าซเก
                                                                                          ้
ล่านี ้จะส่งผลต่อประชากรทัวโลกพร้ อมๆกัน
                          ่




                                                     หน้ า 16
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



         ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 5 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                             ่ํ                                ่



เลขกํากับ                 ข้ อความทีกาหนด
                                    ่ํ                          ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                                                                  ่

    01       คลืนรังสี ความร้ อนผ่ านมายังโลกได้ มากขึน
                ่                                     ้

    02       ก๊ าซเรือนกระจก

    03       สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอน (CFCs)

    04       ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2)

    05       ก๊ าซมีเทน(CH4)

    06       ก๊ าซไนตรัสออกไซด์ (NO)

    07       สามารถดูดซับคลืนรังสี ความร้ อน
                            ่

    08       สามารถทําลายชั้นโอนโซนได้

    09       เกิดภาวะโลกร้ อน

    10       เกิดรู โอโซน(Ozone hole)




                                               หน้ า 17
 
 

                              แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



                                                  บทความที่ 6

                                          แมลงวันกับนิตกีฎวิทยา
                                                       ิ

         มีใครทราบบ้ างว่าแมลงวันสามารถที่จะบอกถึงระยะเวลาหลังการตายได้ ซึ่งมีประโยชน์ใน
กระบวนการยุตธรรม ทังนี ้เนื่องจากแมลงวันนันมีนิสยชอบกินสิงปฏิกลหรื อซากเน่าของสัตว์ ดังนันหาก
            ิ      ้                      ้     ั        ่    ู                          ้
มีการฆาตกรรมอําพรางคดีเกิดขึ ้น ถึงแม้ มนุษย์จะไม่ทราบแต่กลิ่นของศพหรื อกลิ่นคาวเลือดก็ไม่อาจ
หลุด พ้ น จากต่อ มรั บ กลิ่ น ของแมลงวัน ได้ ดัง นัน แมลงวัน จึ ง สามารถทราบได้ ทัน ที ที่ ศ พเริ่ ม มี ส าร
                                                   ้
บางอย่างที่ สามารถส่งกลิ่นได้ ซึ่งเมื่อแมลงวันบินไปยังศพที่พบแล้ วนันก็ จะทํ าการวางไข่เอาไว้ ยัง
                                                                    ้
บริ เวณต่างๆของศพ และเมื่อมีผ้ มาพบศพในภายหลังก็สามารถเก็บเอาระยะต่างๆของแมลงวันที่มี
                               ู
พัฒนาการตังแต่ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัยไปวิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลังการตายได้
          ้

         เกี่ ย วกับนิ ติ กี ฏวิท ยานัน ผู้เ ขี ย นได้ เ คยทํ า การวิ จัย มาแล้ ว ซึ่ง จะขอกล่า วไว้ อย่า งคร่ า วๆใน
                                      ้
บทความดังนี ้ เนื่องจากแมลงวันมีคณสมบัติพิเศษในการรับกลิ่น ดังนันนักนิติวิทยาศาสตร์ จึงสามารถ
                                 ุ                              ้
นําคุณสมบัติข้อนี ้มาใช้ เป็ นพื ้นฐานในการวิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลังการตาย โดยจากงานวิจยซึ่งใช้
                                                                                      ั
ซากศพหมูแทนศพมนุษย์พบว่าภายหลังที่นําศพไปวางไว้ ยงบริ เวณที่ใช้ ทําการวิจย แมลงวันได้ ทําการ
                                                 ั                       ั
วางไข่ตงแต่วนแรก โดยจะพบบริ เวณซอกหู จากนันเมื่อเวลาผ่านไปพัฒนาการจะเริ่ มจากไข่เปลี่ยนไป
       ั้ ั                               ้
เป็ นตัวอ่อน ซึ่งตัวอ่อนนี ้เป็ นกุญแจสําคัญและกุญแจหลักในการนํามาใช้ วิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลัง
การตาย โดยปกติตัวอ่ อนซึ่งหมายถึงหนอนแมลงวันนันจะแบ่งออกเป็ นสามขนาดหรื อสามระยะ แต่
                                              ้
ละระยะใช้ เวลาประมาณหนึ่งวัน(อาจแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์) ซึงหนอนแมลงวันนันจะมีอวัยวะ
                                                              ่             ้
สําคัญหรื อส่วนประกอบสําคัญสองส่วน คือ มี Posterior spiracle หรื อช่องหายใจส่วนท้ าย และ มี
Cephalophalyngeal skeleton ซึงเป็ นส่วนที่เป็ นโครงสร้ างส่วนหัวของหนอนแมลงวัน คุณสมบัติหรื อ
                             ่
ส่วนประกอบสองประการนี ้จะสามารมองเห็นได้ นนจะต้ องนําหนอนแมลงวันไปผ่าแล้ วส่องด้ วยกล้ อง
                                          ั้
จุลทรรศน์ ด้ วยส่วนประกอบหรื อคุณสมบัติทงส่องประการที่หนอนแมลงวันมีนีทําให้ สามารถบอก
                                        ั้                           ้
สายพันธ์ และอายุของหนอนแมลงวันได้ กล่าวคือหนอนแมลงวันที่มีอายุเพียง 1 วัน จะมี Posterior
spiracle เพียง 1 ช่อง และช่องจะเพิ่มขึ ้นไปจนครบ 3 ช่องในวันที่ 3 (กรณีนี ้เป็ นหนอนของแมลงวันหัว
เขียว)


                                                     หน้ า 18
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



        จากนันเมื่อหนอนแมลงวันโตจนถึงระยะที่งดกินอาหาร พัฒนาการก็จะก้ าวเข้ าสู่ระยะดักแด้
             ้
ซึ่งในระยะนี ้หนอนแมลงวันจะเคลื่อนที่ออกจากกองซากศพเพื่อไปหาบริ เวณที่แห้ งเพื่อฝั งตัวแล้ วทํา
การเข้ าฝั กซึงก็คอการกลายเป็ นดักแด้ นนเอง สิงที่เกิดขึ ้นในลําดับถัดมาของพัฒนาการก็คือการเปลี่ยน
              ่ ื                      ั่     ่
จากดักแด้ มาเป็ นตัวเต็มวัย ซึงถือว่าเป็ นระยะสุดท้ ายของพัฒนาการ
                              ่

        จากที่กล่าวมานันล้ วนเป็ นข้ อมูลพัฒนาการของแมลงวันซึงประกอบด้ วย 4 ระยะที่เกิดขึ ้นเป็ น
                       ้                                     ่
ลําดับๆโดยเริ่ มต้ นจากไข่ แมลงวัน ตัวอ่อน     ดักแด้ และตัวเต็มวัย ทังนี ปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อ
                                                                      ้ ้
พัฒนาการของแมลงวันนันก็มีด้วยกันหลายปั จจัย แต่ปัจจัยที่สําคัญที่สดก็คืออุณหภูมิ โดยจากการ
                    ้                                             ุ
วิจยพบว่า หากอุณหภูมิสงพัฒนาการในแต่ละขันจะเร็ว แต่หากอุณหภูมิตํ่าพัฒนาการก็จะช้ าลง
   ั                  ู                 ้

        ดังนันจากกงานวิจยสามารถนําข้ อมูลไปใช้ ในเชิงเปรี ยบเทียบกับกรณีที่พบศพของมนุษย์ได้
             ้          ั
เช่น หากเราพบขนาดของหนอนแมลงวันในระยะที่หนึง(ซึงเป็ นตัวที่โตที่สดในบรรดาหนอนแมลงวันที่
                                           ่ ่                   ุ
พบบนซากศพนัน)ก็ย่อมแสดงว่าศพดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตมาแล้ วประมาณสองวัน เพราะระยะเวลาที่
           ้
แมลงวันวางไข่นนประมาณ 24 ชัวโมง รวมกับระยะเวลาของตัวอ่อนในระยะที่หนึง อีกหนึงวัน เป็ นสอง
              ั้           ่                                        ่       ่
วัน เป็ นต้ น แต่ทงนี ้เพื่อให้ เกิดความแม่นยําในการคํานวณระยะเวลาหลังการตายให้ มากยิ่งขึ ้นก็ควรจะ
                  ั้
มีการทําการวิจยในฤดูกาลอื่นๆ และสถานการณ์ที่ตางๆเพิ่มเติม
              ั                              ่




                                             หน้ า 19
 
 

                           แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



         ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 6 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                             ่ํ                                ่



เลขกํากับ                  ข้ อความทีกาหนด
                                     ่ํ                          ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ
                                                                   ่

    01       หนอนแมลงวัน

    02       ไข่

    03       ตัวอ่ อน

    04       ดักแด้

    05       ตัวเต็มวัย

    06       สามารถบอกสายพันธ์ และอายุของหนอน
             แมลงวันได้

    07       พัฒนาการของแมลงวัน

    08       อุณหภูมิ

    09       มี Posterior spiracle

    10       มี Cephalophalyngeal skeleton




                                             หน้ า 20
 
 
 
แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



                                                      บทความที่ 7

                                        การมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควร

          สื่อนับว่ามีบทบาทอย่างมากต่อพฤติกรรมของคนในสังคม โดยเฉพาะพฤติกรรมของเด็กและ
วัยรุ่น ทังนี ้เนื่องจากวัยเด็กและวัยรุ่นนันเป็ นวัยที่มีความสงสัย มีการเรี ยนรู้ และกําลังหาแบบอย่างเพื่อ
          ้                                ้
เป็ นแนวทางของตนเอง ทังนี ้สื่อที่มีบทบาทต่อพฤติกรรมมากที่สดก็คือสื่อโทรทัศน์ เพราะสื่อโทรทัศน์
                      ้                                    ุ
นันสามารถสื่อสารกับผู้รับสื่อทังด้ วยเสียงและภาพ และเป็ นสื่อที่สามารถรับชมได้ ตลอดเวลา แต่ส่ือที่
  ้                            ้
เห็นว่าจะมาแรงและอาจแซงความมีอิทธิพลของสื่อโทรทัศน์ได้ ก็คือสื่ออินเตอร์ เน็ต ที่เป็ นเช่นนี ้ก็เพราะ
อิ น เตอร์ เ น็ ต นัน เป็ นระบบเชื่ อ มโยงทั่ว โลก ที่ ผ้ ูเ ข้ า ใช้ แล้ ว แต่ว่า จะเลื อ กชมอะไรก็ ไ ด้ ซึ่ง มี ใ ห้ เ ลือ ก
                    ้
มากกว่าจํานวนช่องของทีวี ดังนันเมื่อสื่อที่อยู่ในระบบอินเตอร์ เน็ตเป็ นระบบไร้ พรมแดนก็ย่อมหลีกหนี
                              ้
ไม่พ้นที่จะปนเปไปด้ วยสื่อที่ไม่เหมาะไม่ควร เช่น สื่อลามกอนาจาร สื่อความรุนแรง เป็ นต้ น

          ปั ญหาสังคมในปั จจุบนมีมากมาย เช่น ปั ญหาความรุ นแรง ปั ญหาเพศสัมพันธ์ เป็ นต้ น แต่ที่
                              ั
เห็ น จะเป็ นปั ญ หาอัน เกิ ด จากพฤติ ก รรรมของวัย รุ่ น หรื อ วัย เด็ ก ก็ ค งหนี ไ ม่ พ้ น ปั ญ หาเรื่ อ งการมี
เพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควร ทังนี ปัจจัยที่ ส่งผลให้ มี เพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรนันมีทัง ที่ เป็ นปั จจัย
                            ้ ้                                                  ้ ้
ภายนอกและทังที่เป็ นปั จจัยภายใน ได้ แก่ สื่อลามกอนาจาร ซึ่งจัดว่าเป็ นปั จจัยภายนอก เด็กอยากรู้
           ้
อยากลอง เด็กขาดความเข้ าใจเรื่ องเพศสัมพันธ์ ซึงจัดว่าเป็ นปั จจัยภายใน เป็ นต้ น สําหรับในสอง
                                               ่
ปั จจัยแรกนันซึงก็คือ สื่อลามกอนาจาร และการที่เด็กอยากรู้อยากลองนันจะเป็ นตัวที่ก่อให้ เกิดอารม
            ้ ่                                                   ้
ทางเพศขึ น โดยเฉพาะสื่ อ ลามกอนาจารที่ มี อ ยู่อ ย่ า งกลาดเกลื่ อ นทัง ในท้ องตลาดและในโลก
         ้                                                            ้
อินเตอร์ เน็ต ซึ่งหากเด็กหรื อวัยรุ่ นไปดูหรื อใช้ สื่อเหล่านี ้แล้ วก็จะก่อให้ เกิดอารมทางเพศที่อาจขาดสติ
จนกระทําการมิสมควรก่อนวัยซึงก็คือการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนันเอง แต่สาเหตุที่ทําให้ เด็กหรื อ
                           ่                                    ่
วัยรุ่ นมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรนันมิได้ มาจากการที่พวกเขาเกิดอารมทางเพศอย่างเดียว แต่ยงมี
                                     ้                                                    ั
สาเหตุมาจากการขาดความรู้ความเข้ าใจเรื่ องเพศสัมพันธ์อีกด้ วย

          ดังนันเมื่อเกิดมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรแล้ ว สิ่งที่อาจจะเกิดขึ ้นตามมาก็ไม่ยากเกินไปที่
               ้
จะคาดเดา ก็คือ อาจติดโรคเพศสัมพันธ์จากการเพศสัมพันธ์ในครังนัน หรื อหากไม่ตดโรคก็อาจเกิดการ
                                                         ้ ้              ิ
ตังครรภ์ ไม่ พงประสงค์ ขึ ้นมาก็ได้ ซึงปั ญหานี ้ข้ อนี ้นับว่าได้ เพิ่มมากขึ ้นทุกวันๆ โดยสามารถสังเกตได้
  ้           ึ                       ่

                                                         หน้ า 21
 
 

                              แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง)



            จากข่าวตามหน้ าหนังสือพิมพ์หรื อโทรทัศน์ที่บอกว่า “เด็กอายุ 14 ตังครรภ์” ซึงวัยที่มีอายุแค่นี ้
                                                                             ้         ่
เป็ นวัยที่เพิ่งจะเริ่ มเข้ าสู่วยเจริ ญพันธ์ เท่านัน แต่ก็ต้องมาตังครรภ์เสียแล้ ว เมื่อเกิดการตังครรภ์เช่นนัน
                                 ั                  ้              ้                             ้           ้
สิงที่เกิดขึ ้นตามมาก็อาจมีได้ สองกรณี ก็คือเด็กคนนันไปทําแท้ งหรื อไม่เช่นนันก็ต้องปล่อยให้ คลอดไป
  ่                                                 ้                        ้
ซึ่งถือว่าเป็ นการมีบุตรเมื่อยังไม่ พร้ อม ที่กล่าวเช่นนี ้ก็เพราะผู้ที่เป็ นแม่นนยังมีอายุน้อยอยู่มากจน
                                                                                 ั้
เสมือนเป็ นรุ่นพี่ของลูกที่คลอดออกมา

            สําหรับคนที่ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ นันหากจะโชคดีหน่อยก็อาจจะเป็ นพวกโรคหนองใน
                                               ้
หรื ออาจจะเป็ นโรคเริ่ ม แต่หากโชคร้ ายก็อาจจะรับเอาเชื ้อ HIV เข้ าไปก็เป็ นได้ ส่วนผู้หญิงก็อาจจะ
แถมเชื ้อไวรัส HPV ที่ก่อให้ เกิดมะเร็งปากมดลูกได้

            ในส่วนของการปองกันปั ญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนันควรที่จะแก้ สวนที่เป็ นปั จจัย
                         ้                                         ้             ่
ที่ส่งผลให้ มีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควร ซึงได้ กล่าวไว้ แล้ วว่าประกอบด้ วยสามประการคือ สื่อลามก
                                          ่
อนาจาร เด็กอยากรู้ อยากลอง และเด็กขาดความเข้ าใจ ซึงหากรัฐบาลเอาจริ งเกี่ยวกับการยับยังหรื อ
                                                   ่                                  ้
ปองกัน ก็ ไ ม่ ย ากเกิ ดกํ า ลัง เพราะปั จ จัย เหล่า นี ล้ว นสามารถใช้ ก ลไกของรั ฐ เข้ า จัด การได้ เช่ น รั ฐ
 ้                                                      ้
ปราบปรามสื่อลามกอนาจารอย่างจริ งจัง ปลูกฝั งศีลธรรมและจริ ยธรรมให้ แก่เด็ก รวมทังให้ ความรู้ แก่
                                                                                ้
เด็กด้ วยการบรรจุประเด็นเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันอันควรไว้ ในหลักสูตรการศึกษาขันพื ้นฐาน
                                                                                      ้
เป็ นต้ น




                                                  หน้ า 22
 
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1

Weitere ähnliche Inhalte

Ähnlich wie 1

ความถนัดทางแพทย์
ความถนัดทางแพทย์ความถนัดทางแพทย์
ความถนัดทางแพทย์
Miewz Tmioewr
 
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
Adisorn Tanprasert
 
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
นายสามารถ เฮียงสุข
 
โรคเอดส์
โรคเอดส์โรคเอดส์
โรคเอดส์
tichana
 
โรคเอดส์
โรคเอดส์โรคเอดส์
โรคเอดส์
tichana
 
โรคมะเร็งกล่องเสียง (1)
โรคมะเร็งกล่องเสียง (1)โรคมะเร็งกล่องเสียง (1)
โรคมะเร็งกล่องเสียง (1)
Wan Ngamwongwan
 
นำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อนำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อ
pissamaiza Kodsrimoung
 
นำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อนำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อ
nuting
 
tapanee2500,+Journal+manager,+Aw+CVT+journal+No27-2-4.pdf
tapanee2500,+Journal+manager,+Aw+CVT+journal+No27-2-4.pdftapanee2500,+Journal+manager,+Aw+CVT+journal+No27-2-4.pdf
tapanee2500,+Journal+manager,+Aw+CVT+journal+No27-2-4.pdf
60941
 
วนิดา
วนิดาวนิดา
วนิดา
supphawan
 

Ähnlich wie 1 (20)

ความถนัดทางแพทย์
ความถนัดทางแพทย์ความถนัดทางแพทย์
ความถนัดทางแพทย์
 
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
 
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
 
Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23
 
Sars
Sars Sars
Sars
 
01 recent advance 2
01 recent advance 201 recent advance 2
01 recent advance 2
 
โรคเอดส์
โรคเอดส์โรคเอดส์
โรคเอดส์
 
โรคเอดส์
โรคเอดส์โรคเอดส์
โรคเอดส์
 
2562 final-project
2562 final-project2562 final-project
2562 final-project
 
hand foot mouth
hand foot mouthhand foot mouth
hand foot mouth
 
โรคมะเร็งกล่องเสียง (1)
โรคมะเร็งกล่องเสียง (1)โรคมะเร็งกล่องเสียง (1)
โรคมะเร็งกล่องเสียง (1)
 
นำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อนำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อ
 
นำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อนำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อ
 
corona virus 65.ppt
corona virus 65.pptcorona virus 65.ppt
corona virus 65.ppt
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
tapanee2500,+Journal+manager,+Aw+CVT+journal+No27-2-4.pdf
tapanee2500,+Journal+manager,+Aw+CVT+journal+No27-2-4.pdftapanee2500,+Journal+manager,+Aw+CVT+journal+No27-2-4.pdf
tapanee2500,+Journal+manager,+Aw+CVT+journal+No27-2-4.pdf
 
2562 final-project 22
2562 final-project 222562 final-project 22
2562 final-project 22
 
CPG Thai Tuberculosis 2543
CPG Thai Tuberculosis 2543CPG Thai Tuberculosis 2543
CPG Thai Tuberculosis 2543
 
วนิดา
วนิดาวนิดา
วนิดา
 
Cpg osteoarthritis or osteoarthrosis 2554
Cpg osteoarthritis or osteoarthrosis 2554Cpg osteoarthritis or osteoarthrosis 2554
Cpg osteoarthritis or osteoarthrosis 2554
 

Mehr von Anyamanee Kantawong (20)

608 112126
608 112126608 112126
608 112126
 
608 112126
608 112126608 112126
608 112126
 
608 112126
608 112126608 112126
608 112126
 
608 112126
608 112126608 112126
608 112126
 
608 112126
608 112126608 112126
608 112126
 
608 112126
608 112126608 112126
608 112126
 
608 112126
608 112126608 112126
608 112126
 
K17
K17K17
K17
 
K16
K16K16
K16
 
Thai
ThaiThai
Thai
 
9be68fd865574bbbc9ae2d12d08fe6e8
9be68fd865574bbbc9ae2d12d08fe6e89be68fd865574bbbc9ae2d12d08fe6e8
9be68fd865574bbbc9ae2d12d08fe6e8
 
Gat1
Gat1Gat1
Gat1
 
Brand s+summer+camp+2011_biology
Brand  s+summer+camp+2011_biologyBrand  s+summer+camp+2011_biology
Brand s+summer+camp+2011_biology
 
Vocab krusomsri
Vocab krusomsriVocab krusomsri
Vocab krusomsri
 
Vocabulary
VocabularyVocabulary
Vocabulary
 
Pat2
Pat2Pat2
Pat2
 
Calculus www.clipvidva.com
Calculus www.clipvidva.com Calculus www.clipvidva.com
Calculus www.clipvidva.com
 
ใบงานที่ 8
ใบงานที่ 8ใบงานที่ 8
ใบงานที่ 8
 
ใบงานที่ 77
ใบงานที่ 77ใบงานที่ 77
ใบงานที่ 77
 
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
 

1

  • 1.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ตัวอย่ างข้ อสอบ และวิธีการตอบข้ อสอบ คําสั่ ง อ่านบทความเรื่ อง “นักเรี ยนดี” ในบทความมีขอความที่กาหนดซึ่งพิมพ์ดวยอักษรตัวเข้มอยู่ 8 ข้อความ ้ ํ ้ ํ ท้ายบทความจะมีตารางสรุ ปข้อความที่กาหนดซึ่งแต่ละข้อความจะมีตวเลข 2 หลักกํากับ แล้วสรุ ปความ ั ํ เชื่ อมโยงของข้อความที่ กาหนดแต่ ละข้อความกับข้อความอื่ นๆที่ เหลื อ ให้สอบคล้องกับเนื้ อหาใน ํ บทความ และเป็ นไปตามเกณฑ์ที่กาหนด ดังต่อไปนี้ ํ O ถ้าข้อความที่กาหนดมีขอความอื่น (ซึ่ งอาจมีได้หลายข้อความ) เป็ นผลโดยตรง หรื อที่ เกิดขึนใน ้ ้ ลําดับถัดมา ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่เป็ นผลโดยตรงหรื อที่เกิดขึ้นในลําดับถัดมา แล้วตาม ด้วยตัวอักษร “A” ํ O ถ้าข้อความที่กาหนดมีขอความอื่น (ซึ่ งอาจมีได้หลายข้อความ) เป็ นส่ วนประกอบ / องค์ ประกอบ / ้ ความหมาย ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่ เป็ นส่ วนประกอบ / องค์ประกอบ / ความหมาย แล้วตามด้วยตัวอักษร “D” ํ O ถ้าข้อความที่กาหนดมีขอความอื่น (ซึ่ งอาจมีได้หลายข้อความ) ถูกลด / ยับยั้ง / ปองกัน / ห้ าม / ้ ้ ขัดขวาง ให้ระบายตัวเลข 2 หลักหน้าข้อความที่ถูกลด / ยับยั้ง / ป้ องกัน / ห้าม / ขัดขวางนั้น แล้วตาม ด้วยตัวอักษร “F” ํ O ถ้าข้อความที่กาหนดไม่ มีข้อความอื่น ที่เป็ นผลโดยตรง หรื อที่เกิดขึ้นในลําดับถัดมา หรื อที่เป็ น ส่ วนประกอบ / องค์ประกอบ / ความหมาย หรื อที่ถูกลด / ยับยั้ง / ป้ องกัน / ห้าม / ขัดขวาง ดังกล่าว ข้างต้น ให้ระบายคําตอบเป็ นตัวเลข “99” แล้วตามด้วยตัวอักษร “H” ทั้งนีให้ ใช้ เลขกํากับข้ อความทีกาหนด 01,02,03,…08 เป็ นเลขข้ อ 1,2,3,…8 ในกระดาษคําตอบ ้ ่ํ ข้ อสอบแต่ ละข้ ออาจมีได้ หลายคําตอบ หากตอบผิดจะถูกหักคะแนนคําตอบทีผดคําตอบละ 3 คะแนน ่ ิ โดยหักจากคะแนนรวมของข้ อสอบข้ อนั้นๆ (ไม่ หักคะแนนข้ ามข้ อ) ดังนั้นถ้ าไม่ มั่นใจ อย่ าเดา หน้ า 1  
  • 2.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) คําแนะนําวิธีการทําข้ อสอบ นําข้อความพร้อมหมายเลขกํากับที่สรุ ปไว้ในตารางท้ายบทความ มาร่ างเป็ นแผนภูมิเพื่อแสดง ความเชื่อมโยงสัมพันธ์ตามบทความเรื่ อง นักเรี ยนดี โดยใช้สญลักษณ์ดงนี้ ั ั O เส้นที่มีหวลูกศร ( ั ํ ) ชี้ จากข้อความที่กาหนดไปยังข้อความที่ เป็ นผลโดยตรง หรื อที่ เกิดขึนในลําดับถัดมา ้ O เส้นที่ไม่มีหวลูกศร ( ั ํ ) ชี้ จากข้อความที่กาหนดไปยังข้อความที่เป็ นส่ วนประกอบ / องค์ ประกอบ / ความหมาย O เส้นที่มีหวลูกศรและกากบาท ( ั ํ ) ชี้ จากข้อความที่ กาหนดไปยังข้อความที่ ถูกลด / ยับยั้ง / ปองกัน / ห้ าม / ขัดขวาง ้ หน้ า 2  
  • 3.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) บทความที่ 1 ไข้ หวัดใหญ่ สายพันธ์ ใหม่ 2009 ตามที่เป็ นข่าวอยู่ในปั จจุบนนี ้คงหนีไม่พ้นข่าวเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยที่เป็ นโรคไข้ หวัดใหญ่สาย ั พันธ์ ใหม่ 2009 ซึงถือว่าในประเทศไทยนันได้ มีการระบาดอย่างรวดเร็ วในช่วงเดือนมิถนายน ทังนี ้จาก ่ ้ ุ ้ ข้ อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับแพร่ กระจายของเชื ้อนันพบว่า เชื ้อสายพันธ์นี ้มิได้ เกิดการแพร่ แต่เฉพาะคน ้ สู่คนเท่านัน แต่ยังสามารถแพร่ จากคนสู่สัตว์ เช่น สุกร ได้ อีกด้ วย ซึ่งได้ เกิดขึนมาแล้ วในประเทศ ้ ้ แคนาดา ดังนันจากข้ อมูลการแพร่ ระบาดของไข้ หวัดสายพันธ์ นี ้ ทํ าให้ คนไทยจํ านวนไม่น้อยที่ ตื่น ้ ตระหนกและเร่วหาวิธีปองกันจากเชื ้อโรคตัวนี ้ ้ ไข้ หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 คือไข้ หวัดใหญ่ ชนิดเอชวันเอ็นวัน ซึงจัดว่าคนละสายพันธ์ ่ กับไข้ หวัดนก ในช่วงแรกๆนันประเทศไทยได้ ใช้ ชื่อเรี ยกไข้ หวัดชนิดนี ้ว่าไข้ หวัดหมู จากนันก็เปลี่ยนเป็ น ้ ้ ไข้ หวัดแม็กซิโก และเปลี่ยนมาเป็ นไข้ หวัดใหญ่สายพันธ์ ใหม่ 2009 ตามการเรี ยกชื่อในระบบสากลใน ที่สด คนที่เป็ นโรคไข้ หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 นี ้เกิดจากการติดเชื ้อ H1N1 ซึงเชื ้อได้ เริ่มแพร่ระบาด ุ ่ จากแถบประเทศแมกซิโกและสหรั ฐอเมริ กา จากนันเมื่อประชากรในประเทศดังกล่าวที่ ติดเชื อได้ ้ ้ เดินทางไปยังทวีปอื่นหรื อประเทศอื่นก็เป็ นการนําเชื ้อโรคจากคนๆหนึ่งไปแพร่ ส่คนอีกจํานวนมากใน ู ทวีปต่อๆไป สําหรับอาการของคนที่เป็ นโรคไข้ หวัดใหญ่ สายพันธ์ ใหม่ 2009 นันจะทําให้ เกิดอาการต่างที่ ้ คล้ ายคลึงกับคนที่เป็ นโรคหวัดโดยทัวไป กล่าวคือ เมื่อเป็ นหวัดชนิดนี ้แล้ วจะทําให้ มีอาการปวดเมื่ อย ่ ตามร่ างกาย มีไข้ สง และไอ มีนํ ้ามูก ซึงด้ วยอาการที่คล้ ายกับหวัดชนิดธรรมดาที่มาตามฤดูนี ้เองทําให้ ู ่ ประชาชนจํานวนมากเกิดความวิตกว่าหวัดที่ตนเองเป็ นนันแท้ ที่จริ งแล้ วเกิดจากเชื ้อไวรัสตัวไหนกันแน่ ้ แต่ทงนี ้จากรายงานการเสียชีวิตเมื่อเทียบกับอัตราผู้ที่ติดเชื ้อแล้ วพบว่า ประเทศไทยยังคงอยู่ที่ร้อยละ ั้ 0.4 เท่านัน(ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2552 ) ดังนันจึงถือว่าโอกาสที่ผ้ ติดเชื ้อจะเสียชีวิตนันน้ อยมาก แต่ ้ ้ ู ้ ประเด็นสําคัญสําหรับไข้ หวัดสายพันธ์ นี ้ก็คือการแพร่ ระบาดของเชือดังที่ได้ กล่าวไปแล้ วในตอนต้ น ้ ซึงจะเป็ นการแพร่ ระบาดในสองส่วน โดยส่วนแรกจะเป็ นการแพร่ ระบาดจากคนสู่คน ในอีกส่วนหนึ่งก็ ่ คือการแพร่ จากคนสู่ สัตว์ ได้ อีกด้ วย ซึงโอกาสที่จะทําให้ เชื ้อไวรัส H1N1 เกิดการผ่าเหล่าย่อมมีสงขึ ้น ่ ู ซึงเชื ้อ ่ หน้ า 3  
  • 4.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) อาจจะไปผสมกับไวรั สสายพันอื่นๆที่ อยู่ในสัตว์ แล้ วทํ าให้ เชื อมีความรุ นแรงขึนก็เป็ นได้ สิ่งนี ทําให้ ้ ้ ้ นักวิทยาศาสตร์ การแพทย์เกิดความวิตกเป็ นอย่างยิ่ง สําหรับการรักษานันโดยหลักแล้ วแพทย์จะไม่จ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ในทันทีที ้ พบว่าติดเชื อ ทังนี ก็ เพราะคนที่ เป็ นโรคนี สามารถรั กษาให้ หายเองได้ โดยไม่ต้องทานยาต้ านไวรั ส ้ ้ ้ ้ ดังกล่าว วิธีการที่แพทย์แนะนําก็คือการกินยาลดไข้ และพักผ่อนให้ เพียงพอ ซึงหากร่างกายแข็งแรงก็จะ ่ ใช้ เวลาเพียง 2-3 วันก็จะสามารถหายเป็ นปกติ แต่หากรายใดที่ได้ รับเชื ้อไปมากๆ ผู้ป่วยก็จะปวดเมื่อย และมีไข้ สูงมาก แพทย์ ก็อาจตัดสินใจจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir)เพื่อยับยังเชื อไวรั ส แต่ ้ ้ สาเหตุที่แพทย์ไม่จายยาให้ สําหรับคนทุกคนก็เนื่องจากยามีอยูจํากัด และโดยสภาพแล้ วผู้ป่วยสามารถ ่ ่ หายได้ เอง และหากจ่ายยาทังๆที่ผ้ ป่วยไม่ได้ มีอาการรุนแรงก็อาจเป็ นการเสี่ยงที่เชื ้อจะดื ้อยา ซึงจะยาก ้ ู ่ ต่อการรักษา ดังนันหากผู้ใดทราบว่าตนเองติดเชือ H1N1 แล้ วเป็ นหวัดสายพันนี ้จนมีอาการของโรค ดังได้ ้ ้ กล่าวมาแล้ วนันก็ให้ กินยาลดไข้ และพักผ่ อนให้ เพียงพออยู่กบบ้ านก็สามารถช่วยลดหรื อบรรเทา ้ ั อาการต่างๆได้ แล้ ว เพราะโรคนี ้สามารถหายได้ เอง หากผู้ป่วยรายใดที่มีอาการไอ มีนํามูก ก็ไม่ควรไป ้ อยูใกล้ ชิดผู้อื่นหรื อาจหาผ้ าปิ ดจมูกมาปิ ดเพื่อปองกันการแพร่ระบาดของเชื ้อที่มีอยูในสารคัดหลัง ่ ้ ่ ่ หน้ า 4  
  • 5.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 1 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ํ ่ เลขกํากับ ข้ อความทีกาหนด ่ํ ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ 01 กินยาลดไข้ และพักผ่ อนให้ เพียงพอ 02 ติดเชื้อ H1N1 03 คนสู่ คน 04 ไข้ หวัดใหญ่ สายพันธ์ ใหม่ 2009 05 ไข้ หวัดใหญ่ ชนิดเอชวันเอ็นวัน 06 การแพร่ ระบาดของเชื้อ 07 มีไข้ สูง 08 ไอ มีนํามูก ้ 09 ปวดเมื่อยตามร่ างกาย 10 คนสู่ สัตว์ หน้ า 5  
  • 6.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) บทความที่ 2 คดีเขาพระวิหาร เมื่อปี 2501ราชอาณาจักไทย และราชอาณาจักกัมพูชาต่างก็อ่างกรรมสิทธิ์เหนือตัวปราสาท เขาพระวิหารว่าเป็ นของตนจนเกิดข้ อโต้ แย้ งกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทเขาพระวิหาร ด้ วยเหตุนี ้เอง หนทางที่ไทยและกัมพูชาจะหาทางเจรจาแบบทวิภาคีเพื่อให้ ได้ ข้อสรุปอย่างเด็ดขาดเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ ในตัวปราสาทย่อมน้ อยลง เพราะต่างฝ่ ายต่างกล่าวอ้ างกรรมสิทธิ์ด้วยการยึดแผนที่คนละฉบับ ดังนัน ้ ราชอาณาทังสองจึงได้ ตกลงยินยอมที่จะนําคดีขึนศาลโลกซึ่งเป็ นศาลระหว่างประเทศที่ทงประเทศ ้ ้ ั้ ไทยและประเทศกัมพูชาต่างก็เป็ นภาคีภายใต้ ข้อบังคับของสหประชาชาติ สําหรับแผนที่ที่กัมพูชานํามาใช้ อ้างในชันพิจารณาคดีของศาลโลกนันเป็ นแผนที่ที่จัดทําขึ ้น ้ ้ โดยประเทศฝรั่งเศสซึงเคยไปยึดเอากัมพูชาเป็ นเมืองขึ ้นนานถึง 50 ปี โดยแผนที่ฉบับดังกล่าวได้ ทําขึ ้น ่ เมื่อปี 2450 ซึงได้ กําหนดเอาตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็ นดินแดนในจังหวัดหนึ่งของกัมพูชา ส่วนฝ่ าย ่ ไทยนันได้ อ้างแผนที่ซงได้ ทําไว้ กบฝรั่งเศสแต่เดิม ตังแต่ปี 2447 ซึงยึดถือเอาสันปั นนํ ้าของเขาพระวิหาร ้ ึ่ ั ้ ่ เป็ นสําคัญ ดังนันจะเห็นได้ วาแผนที่ที่กมพูชานํามาใช้ กล่าวอ้ างนันเป็ นแผนที่แบ่งเขตแดนประเทศที่ทํา ้ ่ ั ้ ขึ ้นในภายหลัง เมื่อนําคดีขึ ้นศาลโลกแล้ ว ในที่สดก็นํามาสูการที่ศาลโลกมีคาพิพากษาในเรื่ องนี ้ ซึงแบ่งออก ุ ่ ํ ่ แบ่งเป็ นสองประเด็น ด้ วยกันก็ คือ พิพากษาให้ ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้ อธิ ป ไตยของกั ม พู ช า ทัง นี เ้ นื่ อ งจากศาลได้ พิ จ ารณาแล้ ว เห็ น ว่า ฝ่ ายไทยมิ ไ ด้ โ ต้ แ ย้ ง แผนที่ ท่ ี ้ ฝรั่ งเศสได้ จดทําขึนใหม่ ศาลจึงถือหลักที่วา "ใครที่นิ่งจะถูกถือว่ายินยอม ถ้ าเขาสามารถพูดได้ " หรื อ ั ้ ่ หลักกฎหมายปิ ดปาก (estoppel) นันเองทังนี ้ก็เพราะฝ่ ายไทยเองถึงแม้ จะรู้ว่าแผนที่ที่ฝรั่งเศสได้ จดทํา ่ ้ ั ขึ ้นใหม่ในปี 2450 นันมีความผิดพลาดไปจากแผนที่ที่ได้ จดทําเมื่อปี 2447 แต่ไทยก็มิได้ โต้ แย้ งให้ เกิด ้ ั การแก้ ไขให้ ถูกต้ อง ซึ่งการไม่ดําเนินการเช่นนันโดยหลักของกฎหมายระหว่างประเทศถือว่ายินยอม ้ หรื อยอมรับนันเอง ส่วนคําพิพากษาอีกประเด็นหนึ่งก็คือเรื่ องโบราณวัตถุ ศาลโลกก็ได้ พิพากษาให้ ่ ไทยต้ องคืนโบราณวัตถุทงหลายจากปราสาทพระวิหารให้ แก่ กัมพูชา ซึงผลจากคําพิพากษาใน ั้ ่ หน้ า 6  
  • 7.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) สองประเด็นดังกล่าวนี ้ถึงแม้ ว่าไทยจะไม่ยอมรับในคําตัดสินแต่ไทยก็ยอมที่จะปฏิบติตามพันธกรณี ั จากคําพิพากษาดังกล่าว จากวันที่ศาลโลกได้ มีคําพิพากษาไม่เกินหนึ่งเดือนประเทศไทยก็ได้ ทําหนังสือไปยังเลขาธิการ สหประชาชาติเพื่อทําการประท้ วงคําพิพากษาของศาลโลก ทังนี ้ก็เพื่อรักษาสิทธิต่างๆ การประท้ วง ้ คําพิพากษาในครังนี ้ส่งผลให้ ไทยยังคงมีสิทธิท่ จะทวงปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา ้ ี จากปี 2505 ซึงเป็ นปี ที่ศาลโลกได้ ตดสินจนถึงปี 2551 นันยังคมถือว่าประเทศไทยยังใช้ สทธิใน ่ ั ้ ิ การสงวนที่จะทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารคืนมาด้ วยวิธีการทางกฎหมาย แต่ในปี 2551รัฐบาลไทยซึง ่ มีนายนพดล ปั ทมะ เป็ นรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศได้ ทําการลงนามในแถลงการณ์ ร่วมไทย กัมพูชาเกี่ยวกับการยินยอมให้ กมพูชาขึ ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแต่เพียงฝ่ ายเดียว ซึงก็ถือว่าไทย ั ่ ได้ ยอมรับโดยปริ ยายว่าปราสาทพระวิหารนันเป็ นของกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียวหรื ออาจถือได้ ว่าไทยยอม ้ ที่จะสละสิทธิต่างๆตามที่ได้ โต้ แย้ งมาตังแต่ปี 2505 ดังนันแถลงการณ์ร่วมฉบับดังกล่าวนี ้จึงมีผลใน ้ ้ ลักษณะเป็ นการลดหรื อสละสิทธิของไทยที่จะทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา แต่หลังจากนัน ้ ไม่นานก็ได้ มีคนนําเรื่ องการลงนามในแถลงการณ์ ร่วมนีส่งฟองศาลรัฐธรรมนูญเอให้ วินิจฉัยว่าการ ้ ้ กระทําดังกล่าวนันขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรื อไม่ ซึงในที่สดก็มีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ้ ่ ุ ออกมาว่าการลงนามแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวมิได้ นําเข้ าสู่การพิจารณาของรัฐสภาก่อนจึงเป็ นการฝ่ า ฝื นรัฐธรรมนูญ เป็ นผลให้ แถลงการณ์ร่วมฉบับดังกล่าวไม่ชอบด้ วยรัฐธรรมนูญไปในที่สด แต่ทงนี ้คํา ุ ั้ วินิจฉัยของศาลรั ฐธรรมนูญมิได้ มีผลไปยกเลิกเพิกถอนถึงการกระทําระหว่างรัฐกับรัฐ หน้ า 7  
  • 8.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 2 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ํ ่ เลขกํากับ ข้ อความทีกาหนด ่ํ ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ 01 คําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 02 ประท้ วงคําพิพากษาของศาลโลก 03 พิพากษาให้ ไทยต้ องคืนโบราณวัตถุท้งหลาย ั จากปราสาทพระวิหารให้ แก่ กมพูชา ั 04 พิพากษาให้ ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณา เขตภายใต้ อธิปไตยของกัมพูชา 05 ศาลโลกมีคาพิพากษา ํ 06 เกิดข้ อโต้ แย้งกรรมสิ ทธิ์ในตัวปราสาทเขา พระวิหาร 07 แถลงการณ์ ร่วมไทยกัมพูชา 08 นําคดีขึนศาลโลก ้ 09 ฝ่ ายไทยมิได้ โต้ แย้ งแผนทีทฝรั่งเศสได้ จัดทํา ่ ี่ ขึนใหม่ ้ 10 ไทยยังคงมีสิทธิทจะทวงปราสาทเขาพระ ี่ วิหารกลับคืนมา หน้ า 8  
  • 9.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) บทความที่ 3 ปฏิบตตวอย่ างไรให้ เซลล์ สมองไม่ เสื่อมหรื อเสื่อมช้ าลง ั ิ ั เซลล์ร่างกายโดยปกติจะมีการผลัดเปลี่ยนไปเรื่ อยๆ ซึงสังเกตได้ จากขี ้ไคลที่หลุดลอกออกมา ่ ตอนที่เราถูตว แต่สําหรับเซลล์สมองนันหากเซลล์ได้ ตายลงไปแล้ วก็จะไม่มีการเกิดใหม่ทดแทน พูด ั ้ ง่ายๆก็คือตายแล้ วตายเลย ดังนันหากจะให้ เรามีความจําที่ดีและระบบการทํางานยังคงปกติจนแก่ เรา ้ ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงปั จจัยที่ทําให้ เซลล์สมองเสื่อม ในส่วนของเซลล์ สมองนันจะมีการพัฒนาการที่ ้ รวดเร็วและเพิ่มจํานวนตังแต่ในครรภ์จนกระทังอายุประมาณ 6 ขวบ แล้ วเซลล์ก็จะหยุดเพิ่มจํานวน แต่ ้ ่ เซลล์จะมีการเพิ่มขนาดขึ ้นมาบ้ าง ในส่วนของคนแก่นนเซลล์สมองบางส่วนจะเสื่อมไปหรื ออาจตายไป ั้ เลย ซึงสิงเหล่านี ้จะเป็ นที่มาของการเกิดความจําเสื่อมและการทํางานของร่างกายที่ผิดปกติ ่ ่ ปั จจัยที่ ทําให้ เซลล์ สมองเสื่อมนันผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนพอจะทราบบ้ าง เช่น การไม่ค่อย ้ พักผ่อนสมองหรื อการหมกมุ่นอยู่กับความเครี ยด ก็จะทําให้ สมองทํางานจนจนเกิดการล้ าและอาจ เสื่อมได้ แต่ในบทความนี ้จะขอกล่าวถึงในเชิงบวกดังนี ้ ปั จจัยที่ทาให้ เซลล์ สมองไม่ เสื่อมนันจริ งๆ ํ ้ แล้ วมีด้วยกันหลายประการแต่สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี ้เป็ นสิ่งที่เกิดขึ ้นได้ ทกๆ วันและสามารถควบคุมได้ ุ คือ การไม่เคร่ งเครี ยด ไม่ นอนดึก และไม่ดื่มกาแฟ เพราะหากเรามัวเคร่ งเครี ยดแล้ วนอนดึกๆแถมยัง ดื่มกาแฟก็ ย่อมทํ าให้ เซลล์ สมองที่ต้องการจะพักกลับต้ องทํ างานหนักยิ่งขึน เพราะกาแฟนันมีสาร ้ ้ คาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ด้ วยเหตุนี ้เซลล์สมองจึงเหมือนกับถูกบังคับให้ ทํางานไปเรื่ อยๆแม้ กระทัวว่าในขณะนันจะล้ ามากแล้ วก็ตาม ่ ้ การที่เราไม่เครี ยดก็เป็ นผลดี กล่าวคือโดยปกติแล้ วใบหน้ าของคนเราก็จะแก่ลงไปตามการ เวลา หากอายุมากรอยเหี่ยวย่นก็จะมาก แต่หากเราไม่ เคร่ งเครี ยดก็จะทําให้ ใบหน้ าไม่แก่เกินวัย ซึ่ง จะต่างกับคนที่ต้องทํางานหนักๆหรื อคนที่ต้องครุ่ นคิดตลอดเวลา โดยคนเหล่านี ้หากมองจากใบหน้ าก็ จะคิดว่าเป็ นคนมีอายุมากกว่าความเป็ นจริ งเสมอๆ ดังนันเมื่อไม่เครี ยดแล้ วก็ทําให้ ใบหน้ าไม่ แก่ เกิน ้ วัย กับทังยังทําให้ เซลล์สมองไม่ทํางานหนักจนเกินไป เพราะการที่คนเราอยูในภาวะความเครี ยดนานๆ ้ ่ มันก็ จะทํ าให้ สมองต้ องทํ างานหนักนานๆนั่นเอง สําหรั บปั จจัยที่ ทํา ให้ เซลล์ สมองไม่เสื่อมอีกสอง ประการก็คือไม่นอนดึก และไม่ ด่ มกาแฟก็ยอมส่งผลเช่นเดียวกันกับการไม่เคร่งเครี ยดกล่าวคือทําให้ ื ่ หน้ า 9  
  • 10.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ใบหน้ าไม่แก่ เกิ นวัยและทํ าให้ เซลล์ สมองไม่ ทํางานหนั กเกินไป เมื่อเซลล์ สมองไม่ทํา งานหนัก จนเกินไปแล้ วก็ย่อมทําให้ เซลล์ สมองไม่ เสื่อม ซึ่งเป็ นหลักธรรมดาที่เข้ าใจได้ ง่าย ดังนันเมื่อรู้ เช่นนี ้ ้ แล้ วเราก็สามารถที่จะทําให้ เซลล์สมองเราไม่เสื่อมหรื อทําให้ เสื่อมอย่างช้ าที่สดได้ ด้วยการทําในสิ่งที่ได้ ุ กล่าวมาข้ างต้ น เมื่อไรก็ตามที่เซลล์สมองไม่เสื่อมก็ย่อมไม่ทําให้ เราความจําเสื่อม แต่เพื่อความไม่ประมาท ในตอนนี ้ก็ได้ มีงานวิจยที่ค้นพบว่าการดื่มชาเขียวและชาดํานันจะช่วยปองกันการเกิดความจําเสื่อม ั ้ ้ ได้ หากมีโอกาสก็อาจจะลองนํามาดื่มเพื่อช่วยปองกันเอาไว้ ก็จะดี เพราะอาจจะปองกันไว้ ได้ บ้าง ้ ้ ดังนันหากไม่ต้องการให้ เซลล์สมองเสื่อมก็ควรกระทําตามดังที่ได้ กล่าวมาแล้ วข้ างต้ น และ ้ ประเด็นที่หลายๆคนมักมองข้ ามก็คือการกินอาหารเช้ า ซึงสมองก็ย่อมต้ องการพลังงานในการทํางาน ่ ดังนันหากเรากินอาหารเช้ าทุกวัน สมองก็จะมีพลังงานในการที่จะคิดและสังการ ดังนันการกินอาหาร ้ ่ ้ เช้ าทุกวันก็ยอมเป็ นการปองกันเซลล์สมองเสื่อมได้ เช่นกัน ่ ้ สําหรับบางคนนันอาจจะต้ องอยู่ในภาวะเครี ยดบ่อยๆ ทางแก้ เพื่อที่จะไม่ให้ ตวเองเครี ยดก็คือ ้ ั การไปพักผ่อนหย่อนใจ หรื อไปเล่นกีฬาตอนหลังจากเลิกงานหรื อเลิกเรี ยนเพื่อให้ ร่างกายได้ ผ่อนคลาย แล้ วหลังสารเอนโดฟิ นออกมา ซึงสารตัวนี ้จะทําให้ ร่างกายมีความสุขและผ่อนคลายจากความเครี ยด ่ ่ ได้ ส่วนคนที่ตดกาแฟ ซึงต้ องดื่มทุกๆวัน สิ่งนี ้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะทําให้ เซลล์สมองเริ่ มเสื่อมลงไปช้ าๆ ิ ่ หากไม่ด่มชนิดที่เข้ มข้ นแบบติดต่อกันก็คงจะไม่ได้ ทําให้ เซลล์เสื่อมมากนัก ดังนันหากจะดื่มก็พอจะดื่ม ื ้ ได้ บ้าง แต่ต้องไม่บ่อย เพราะหากดื่มบ่อยๆก็เท่ากับการที่เราไปบังคับสมองให้ ทํางานบ่อยๆ สุดท้ ายก็ ย่อมนํามาสูการที่เซลล์สมองเสื่อมอีก ่ หน้ า 10  
  • 11.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 3 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ํ ่ เลขกํากับ ข้ อความทีกาหนด ่ํ ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ 01 กินอาหารเช้ าทุกวัน 02 เซลล์ สมองไม่ เสื่ อม 03 ปัจจัยทีทาให้ เซลล์ สมองไม่ เสื่ อม ่ ํ 04 ความจําเสื่ อม 05 ใบหน้ าไม่ แก่ เกินวัย 06 ไม่ ดื่มกาแฟ 07 ไม่ เคร่ งเครียด 08 ไม่ นอนดึก 09 การดื่มชาเขียวและชาดํา 10 เซลล์ สมองไม่ ทางานหนักเกินไป ํ หน้ า 11  
  • 12.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) บทความที่ 4 ผลไม้ กับมะเร็ง ประเทศไทยนันตามหลักวิชาการแล้ วจะแบ่งฤดูกาลออกเป็ น 3 ฤดู ก็คือ ฤดูฝน ฤดูหนาว และ ้ ฤดูร้อน แล้ วในแต่ละฤดูก็จะมีผลไม้ ที่ออกดอกออกผลแตกต่างกันตามแต่ละชนิด สําหรับในช่วงเดือน กรกฎาคมนี ้จะเป็ นช่วงหน้ าฝน ซึงเป็ นช่วงที่มีเงาะ ลําไย และลิ ้นจี่กําลังออกผล ดังนันหากจะกินเงาะ ่ ้ ลําไย และลิ ้นจี ้ในราคาที่ถกก็ควรจะกินในช่วงเดือนนี ้ เพราะเป็ นการกินผลไม้ ตามฤดู สาเหตุที่ทําให้ ผล ู ไม้ ราคาถูกในช่วงที่เป็ นฤดูเก็บเกี่ยวนันก็เพราะผลไม้ ชนิดนันๆโดยส่วนใหญ่แล้ วมักจะออกผลพร้ อมๆ ้ ้ กัน จึงทําให้ ปริ มาณผลไม้ ที่ออกมาสูท้องตลาดมีมาก เมื่อเป็ นเช่นนันหากพ่อค้ าและแม่ค้าอยากจะให้ ่ ้ ขายผลไม้ ของตนเองได้ ก็ต้องลดราคาแข่งกับคูแข่งคนอื่นเพื่อดึงดูดใจลูกค้ าให้ มาซื ้อผลไม้ ของตน ด้ วย ่ เหตุนี ้เองที่ทําให้ ราคาของผลไม้ จะค่อยๆลดลงในช่วงเก็บเกี่ยวผล ผลไม้ ที่กล่าวมาข้ างต้ นนันเมื่อสุกแล้ วก็จะมีรสหวาน ทังนี ้ก็เพราะในผลไม้ จะมีนําตาลฟลุกโต ้ ้ ้ สอยู่ ซึ่งเป็ นนํ ้าตาลโมเลกุลเดี่ยวและเป็ นชนิดเดียวกันกับที่พบในนํ ้าผึ ้ง ซึ่งนํ ้าตาลชนิดนี ้สามารถให้ พลังงานได้ เช่นเดียวกับนํ ้าตาลกลูโคส ดังนันหากเรารับประทานผลไม้ ที่มีรสหวานเพราะมีนํ ้าตาลฟลุก ้ โตสมากๆและบ่อยๆก็จะเสี่ ยงต่ อโรคอ้ วนได้ เช่นกัน ทังเงาะ ลําไย และลิ ้นจี ้นันนักวิทยาศาสตร์ ได้ ทําการวิจยแล้ วพบว่ามีสารต้ านอนุมูลอิสระที่ ้ ้ ั ช่วยในการต่อต้ านการก่อมะเร็ งได้ โดยสารต้ านอนุมลอิสระดังกล่าวก็คือสารอีลาจิก แอซิด (Ellagic ู acid) นันเอง ซึ่งสารต้ านอนุมลอิสระนี ้จะพบมากในเมล็ดของผลไม้ ดงกล่าว คุณสมบัติของสารต้ าน ่ ู ั อนุมลอิสระก็คือสามรถที่จะยับยังหรื อต้ านการก่ อมะเร็ งและการก่อกลายพันธุ์ได้ จากที่กล่าวมานัน ู ้ ้ จะเห็นได้ ว่าผลไม้ เหล่านี ้ล้ วนมีประโยชน์ทงสิ ้น สําหรับประโยชน์ ในการยับยังหรื อต้ านการก่อมะเร็ ง ั้ ้ และการก่ อกลายพั นธุ์ นัน มนุษ ย์ จะไม่สามารถรั บประโยชน์ นีไ้ ด้ โดยตรงจากการกิ น เพราะสาร ้ ดังกล่าวนี ้จะพบในเมล็ดของผลไม้ ทงสามชนิด ดังนันหากจะให้ ได้ ประโยชน์จากสารเหล่านี ้ก็จะต้ อง ั้ ้ นําเอาเมล็ดไปผ่านกระบวนการสกัดเอาสารต้ านอนุมลอิสระออกมาก่อน เพราะปกติแล้ วจะไม่มีใครกิน ู เมล็ดของเงาะ ลําไย และลินจี ้ ส่วนประโยชน์อีกประการหนึงที่ได้ กล่าวมาแล้ วก็คือผลไม้ ทงสามชนิดนี ้ ้ ่ ั้ หน้ า 12  
  • 13.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) จะมีนําตาลฟลุกโตส ซึ่งในเพศชายนําตาลชนิดนีจะมีบทบาทสําหรับตัวอสุจิเป็ นอย่างมาก เพราะ ้ ้ ้ นํ ้าตาลชนิดนี ้เป็ นอาหารของอสุจิ ผลไม้ ใ นช่ ว งเดือ นกรกฎาคมของทุก ๆปี ที่ เ ด่น ๆก็ มี ดัง นี ้ เงาะ ลํ า ไย ทุเ รี ย น ลิน จี่ และ ้ ลองกอง ถึงแม้ ในช่วงเดือนกรกฎาคมจะเป็ นช่วงที่ผลไม้ ออกสูตลาดเยอะ แต่กลับปรากฏว่าบางคนไม่ ่ สามารถที่จะกินผลไม้ ที่กล่าวมาได้ หรื ออาจกินได้ บ้างในบางชนิด ทังนี ้ก็เพราะผลไม้ เหล่านี ้มาพร้ อมกับ ้ หน้ าฝน ซึงบางคนก็มีอาการไข้ เจ็บคอ ตัวร้ อน หากกินผลไม้ เหล่านี ้ซึงมีรสหวานเข้ าไปอีกก็อาจทําให้ ่ ่ อาการเหล่านันเพิ่มขึ ้นได้ ้ จากที่ ก ล่าวมาทังหมดนี ้ จริ งๆแล้ วผลไม้ ไม่ได้ มีประโยชน์ เพียงเท่านี ้ แต่ยังมี ประโยชน์ อีก ้ มากมายซึ่ง ประโยชน์ บางอย่า งนัน มนุษ ย์ อ าจจะยัง ค้ น ไม่พ บก็ เ ป็ นได้ แต่ทัง นี ถึ ง แม้ ว่า ผลไม้ จ ะมี ้ ้ ้ ประโยชน์ ม ากก็ ต าม ในแต่ ล ะครั ง ก่ อ นที่ จ ะกิ น ก็ ค วรจํ า นํ า ไปล้ า งหรื อ ทํ า ความสะอาดก่ อ นจะ ้ รับประทาน เพื่อปองกันสารพิษตกค้ างหรื อเชื ้อโรคที่ติดมากับผลไม้ ซึ่งแทนที่จะได้ รับประโยชน์กลับ ้ ต้ องมารับสารพิษเข้ าไปด้ วย หากสารดังกล่าวมีฤทธิ์ร้ายแรงก็อาจทําให้ ถึงตายได้ ภายในเวลาไม่นาน แต่โดยมากแล้ วสารพิษในผลไม้ มกจะเป็ นสารที่ไปสะสมในร่างกายมากกว่า แล้ วจะค่อยๆเพิ่มปริ มาณ ั มากขึ ้นเรื่ อยๆ จนถึงระดับที่สามารถก่ออันตรายต่อร่างกายได้ เช่น เกิดมะเร็ง เป็ นต้ น หน้ า 13  
  • 14.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 4 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ํ ่ เลขกํากับ ข้ อความทีกาหนด ่ํ ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ 01 เงาะ 02 ลินจี้ ้ 03 ลําไย 04 การก่ อมะเร็ง 05 มีสารต้ านอนุมูลอิสระ 06 เสี่ ยงต่ อโรคอ้ วน 07 มีนําตาลฟลุกโตส ้ 08 ผลไม้ ในช่ วงเดือนกรกฎาคม 09 การก่ อกลายพันธุ์ 10 สารอีลาจิก แอซิด (Ellagic acid) หน้ า 14  
  • 15.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) บทความที่ 5 ผลกระทบของก๊ าซเรื อนกระจก สําหรับบางคนคิดว่าในปั จจุบนนี ้อากาศร้ อนขึ ้นกว่าสมัย 10 ปี ที่แล้ ว ซึ่งประเด็นในเรื่ องนี ้ ั นักวิทยาศาสตร์ ได้ ทําการศึกษาแล้ วพบว่า โลกเรานันเกิดภาวะโลกร้ อนขึ ้น โดยสาเหตุแทบทังสิ ้นเกิด ้ ้ จากการกระทํ า และกิ จ กรรมของมนุ ษ ย์ เช่ น การใช้ นํ า มั น ในโรงงานอุ ต สาหกรรม การเปิ ด ้ เครื่ องปรับอากาศ การคมนาคมขนส่ง แม้ กระทังอากาศที่เราหายใจออกมาก็มีส่วนในการทําให้ โลก ่ ร้ อนได้ เช่นกัน ก๊ าซในอากาศมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีคณสมบัติเฉพาะตัว เช่น ช่วยให้ ติดไฟ หรื อ ุ อาจติดไฟ เป็ นต้ น แต่ก๊าซที่มีผลกระทบต่อธรรมชาติแบบวงกว้ างทัวโลก ก็คือก๊ าซเรื อนกระจก ซึ่งมี ่ ด้ วยกันหลายชนิด ได้ แก่ ก๊ าซไนตรั สออกไซด์ (NO) ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊ าซมีเทน (CH4) และสารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอน (CFCs) ซึงก๊ าซหรื อสารแต่ละชนิดที่กล่าวมานี ้มีความ ่ ร้ ายแรงหรื อมีคณสมบัตในการทําให้ เกิดภาวะโลกร้ อนแตกต่างกัน ุ ิ ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2) นันถือว่าเป็ นก๊ าซที่ร่างกายมนุษย์และสัตว์ขบออกมาจาก ้ ั ร่ างและ เพราะจัดว่าเป็ นของเสีย และเมื่อขับออกมาแล้ ว พืชก็จะนําเอาก๊ าซนีไ้ ปใช้ ในกระบวนการ สังเคราะห์แสง ดังนันพืชจึงมีความสารถในการลดปริ มาณก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2)ได้ เป็ นอย่าง ้ ดี ด้ วยเหตุนี ้จะพบว่าสหประชาชาติได้ มีการรนรงค์ให้ แต่ละประเทศช่วยกันปลูกต้ นไม้ เพื่อทําหน้ าที่เป็ น ปอดของโลก โดยหากประเทศใดปลูกต้ นไม้ ได้ เยอะสหประชาชาติก็จะมีงบประมาณสนับสนุนให้ สําหรับสารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอน (CFCs)นันโดยมากแล้ วจะพบในนํ ้ายาตู้เย็น ้ และนํ ้ายาแอร์ และสารที่ใช้ ในการทําความเย็นในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งในบรรดาก๊ าซหรื อสารทัง 4 ้ ชนิดที่กล่าวมา สาร CFCs นี ้มีความสามารถในการดูดซับคลื่นรังสีความร้ อนได้ มากที่สด ดังนันสาร ุ ้ CFCs จึงถูกควบคุมการผลิตโดยพิธีสารมอนทรี ออล (Montreal Protocol on Substances that Deplete the Ozone Layer) ซึงเป็ นข้ อตกลงร่ วมกันระหว่างนานาประเทศในการควบคุมการผลิตและ ่ การบริโภคสารที่ทําลายชันของชันโอโซนที่ห่อหุ้มบรรยากาศโลก ้ ้ หน้ า 15  
  • 16.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ก๊ าซหรื อสารทังสี่ชนิดที่ได้ กล่าวมาในข้ างต้ น ล้ วนมีคณสมบัติสองประการ คือ ประการแรก ้ ุ ก๊ าซหรื อสารเหล่านี ้มีความสามารถดูดซับคลื่นรังสีความร้ อนได้ ซึงโดยปกติแล้ วรังสีความร้ อนที่มาจาก ่ ดวงอาทิตย์แทบทังหมดจะถูกสะท้ อนกลับไป แต่เมื่อในชันบรรยากาศของโลกมีก๊าซเรื อนกระจกเหล่านี ้ ้ ้ ก็ ทํ า ให้ รั ง สี ค วามร้ อนถูก ดูด ซับ เอาไว้ ม ากขึน สํ า หรั บ คุณ สมบัติอี ก ประการหนึ่ ง ก็ คื อ สารเหล่า นี ้ ้ สามารถทําลายชันโอนโซนได้ ซึงสิ่งที่เกิดขึ ้นตามมาก็คือ จะทําให้ เกิดรู โอโซน(Ozone hole) ทังนี ้ ้ ่ ้ นักวิทยาศาสตร์ ได้ พิสจน์และสํารวจแล้ วพบว่าบริ เวณขัวโลกใต้ ได้ เกิดรู โอโซน(Ozone hole)ขึ ้นแล้ ว ู ้ โดยมีขนาดพื ้นที่กว้ างกว่าประเทศไทย 60 เท่า ดังนันเมื่อชันบรรยากาศเกิดรู โอโซน(Ozone hole) ก็ ้ ้ ย่อมทําให้ คลื่นรั งสีความร้ อนผ่ านมายังโลกได้ มากขึน และในที่สดผลที่ตามมาก็คือเกิดภาวะโลก ้ ุ ร้ อน ซึ่งจากที่กล่าวมาแล้ วว่าคุณสมบัติของก๊ าซเรื อนกระจกที่สามารถดูดซับคลื่นรั งสีความร้ อน เอาไว้ ได้ นนเป็ นคุณสมบัติข้อสําคัญที่ทําให้ เกิดภาวะโลกร้ อนได้ เช่นกัน ดังนันในชีวิตประจําวันของ ั้ ้ มนุษย์นน หากสามารถหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้ เกิดก๊ าซเรื อนกระจกได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง ั้ สําหรับประเทศไทยนันเป็ นประเทศที่กําลังพัฒนา ซึ่งศักยภาพในการก่อให้ เกิ ดก๊ าซเรื อน ้ กระจกนันถือว่าน้ อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในโลก ซึ่งประเทศไทยก่อให้ เกิดก๊ าซเรื อนกระจํา ้ เพียง 0.5% เท่านัน แต่หากพิจารณาดูข้อมูลของประเทศอื่นๆอย่างสหรัฐอเมริ กา จะพบว่า เป็ น ้ ประเทศที่ก่อให้ เกิดก๊ าซเรื อนกระจกมากเป็ นอันดับหนึ่ง คือ ประมาณ 26.4% รองลงมาก็คือประเทศ ญี่ปน ประมาณ 16.7% ดังนันประเทศที่ให้ กําเนิดก๊ าซเรื อนกระจกเหล่านี ้จะต้ องชดใช้ ค่าปล่อยก๊ าซ ุ่ ้ เรื อนกระจก เพราะก๊ าซเรื อนกระจกมิได้ ก่อให้ เกิดผลเสียแต่เฉพาะประเทศที่ให้ กําเนิดเท่านัน แต่ก๊าซเก ้ ล่านี ้จะส่งผลต่อประชากรทัวโลกพร้ อมๆกัน ่ หน้ า 16  
  • 17.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 5 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ํ ่ เลขกํากับ ข้ อความทีกาหนด ่ํ ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ 01 คลืนรังสี ความร้ อนผ่ านมายังโลกได้ มากขึน ่ ้ 02 ก๊ าซเรือนกระจก 03 สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอน (CFCs) 04 ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2) 05 ก๊ าซมีเทน(CH4) 06 ก๊ าซไนตรัสออกไซด์ (NO) 07 สามารถดูดซับคลืนรังสี ความร้ อน ่ 08 สามารถทําลายชั้นโอนโซนได้ 09 เกิดภาวะโลกร้ อน 10 เกิดรู โอโซน(Ozone hole) หน้ า 17  
  • 18.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) บทความที่ 6 แมลงวันกับนิตกีฎวิทยา ิ มีใครทราบบ้ างว่าแมลงวันสามารถที่จะบอกถึงระยะเวลาหลังการตายได้ ซึ่งมีประโยชน์ใน กระบวนการยุตธรรม ทังนี ้เนื่องจากแมลงวันนันมีนิสยชอบกินสิงปฏิกลหรื อซากเน่าของสัตว์ ดังนันหาก ิ ้ ้ ั ่ ู ้ มีการฆาตกรรมอําพรางคดีเกิดขึ ้น ถึงแม้ มนุษย์จะไม่ทราบแต่กลิ่นของศพหรื อกลิ่นคาวเลือดก็ไม่อาจ หลุด พ้ น จากต่อ มรั บ กลิ่ น ของแมลงวัน ได้ ดัง นัน แมลงวัน จึ ง สามารถทราบได้ ทัน ที ที่ ศ พเริ่ ม มี ส าร ้ บางอย่างที่ สามารถส่งกลิ่นได้ ซึ่งเมื่อแมลงวันบินไปยังศพที่พบแล้ วนันก็ จะทํ าการวางไข่เอาไว้ ยัง ้ บริ เวณต่างๆของศพ และเมื่อมีผ้ มาพบศพในภายหลังก็สามารถเก็บเอาระยะต่างๆของแมลงวันที่มี ู พัฒนาการตังแต่ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัยไปวิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลังการตายได้ ้ เกี่ ย วกับนิ ติ กี ฏวิท ยานัน ผู้เ ขี ย นได้ เ คยทํ า การวิ จัย มาแล้ ว ซึ่ง จะขอกล่า วไว้ อย่า งคร่ า วๆใน ้ บทความดังนี ้ เนื่องจากแมลงวันมีคณสมบัติพิเศษในการรับกลิ่น ดังนันนักนิติวิทยาศาสตร์ จึงสามารถ ุ ้ นําคุณสมบัติข้อนี ้มาใช้ เป็ นพื ้นฐานในการวิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลังการตาย โดยจากงานวิจยซึ่งใช้ ั ซากศพหมูแทนศพมนุษย์พบว่าภายหลังที่นําศพไปวางไว้ ยงบริ เวณที่ใช้ ทําการวิจย แมลงวันได้ ทําการ ั ั วางไข่ตงแต่วนแรก โดยจะพบบริ เวณซอกหู จากนันเมื่อเวลาผ่านไปพัฒนาการจะเริ่ มจากไข่เปลี่ยนไป ั้ ั ้ เป็ นตัวอ่อน ซึ่งตัวอ่อนนี ้เป็ นกุญแจสําคัญและกุญแจหลักในการนํามาใช้ วิเคราะห์ถึงระยะเวลาหลัง การตาย โดยปกติตัวอ่ อนซึ่งหมายถึงหนอนแมลงวันนันจะแบ่งออกเป็ นสามขนาดหรื อสามระยะ แต่ ้ ละระยะใช้ เวลาประมาณหนึ่งวัน(อาจแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์) ซึงหนอนแมลงวันนันจะมีอวัยวะ ่ ้ สําคัญหรื อส่วนประกอบสําคัญสองส่วน คือ มี Posterior spiracle หรื อช่องหายใจส่วนท้ าย และ มี Cephalophalyngeal skeleton ซึงเป็ นส่วนที่เป็ นโครงสร้ างส่วนหัวของหนอนแมลงวัน คุณสมบัติหรื อ ่ ส่วนประกอบสองประการนี ้จะสามารมองเห็นได้ นนจะต้ องนําหนอนแมลงวันไปผ่าแล้ วส่องด้ วยกล้ อง ั้ จุลทรรศน์ ด้ วยส่วนประกอบหรื อคุณสมบัติทงส่องประการที่หนอนแมลงวันมีนีทําให้ สามารถบอก ั้ ้ สายพันธ์ และอายุของหนอนแมลงวันได้ กล่าวคือหนอนแมลงวันที่มีอายุเพียง 1 วัน จะมี Posterior spiracle เพียง 1 ช่อง และช่องจะเพิ่มขึ ้นไปจนครบ 3 ช่องในวันที่ 3 (กรณีนี ้เป็ นหนอนของแมลงวันหัว เขียว) หน้ า 18  
  • 19.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) จากนันเมื่อหนอนแมลงวันโตจนถึงระยะที่งดกินอาหาร พัฒนาการก็จะก้ าวเข้ าสู่ระยะดักแด้ ้ ซึ่งในระยะนี ้หนอนแมลงวันจะเคลื่อนที่ออกจากกองซากศพเพื่อไปหาบริ เวณที่แห้ งเพื่อฝั งตัวแล้ วทํา การเข้ าฝั กซึงก็คอการกลายเป็ นดักแด้ นนเอง สิงที่เกิดขึ ้นในลําดับถัดมาของพัฒนาการก็คือการเปลี่ยน ่ ื ั่ ่ จากดักแด้ มาเป็ นตัวเต็มวัย ซึงถือว่าเป็ นระยะสุดท้ ายของพัฒนาการ ่ จากที่กล่าวมานันล้ วนเป็ นข้ อมูลพัฒนาการของแมลงวันซึงประกอบด้ วย 4 ระยะที่เกิดขึ ้นเป็ น ้ ่ ลําดับๆโดยเริ่ มต้ นจากไข่ แมลงวัน ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัย ทังนี ปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อ ้ ้ พัฒนาการของแมลงวันนันก็มีด้วยกันหลายปั จจัย แต่ปัจจัยที่สําคัญที่สดก็คืออุณหภูมิ โดยจากการ ้ ุ วิจยพบว่า หากอุณหภูมิสงพัฒนาการในแต่ละขันจะเร็ว แต่หากอุณหภูมิตํ่าพัฒนาการก็จะช้ าลง ั ู ้ ดังนันจากกงานวิจยสามารถนําข้ อมูลไปใช้ ในเชิงเปรี ยบเทียบกับกรณีที่พบศพของมนุษย์ได้ ้ ั เช่น หากเราพบขนาดของหนอนแมลงวันในระยะที่หนึง(ซึงเป็ นตัวที่โตที่สดในบรรดาหนอนแมลงวันที่ ่ ่ ุ พบบนซากศพนัน)ก็ย่อมแสดงว่าศพดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตมาแล้ วประมาณสองวัน เพราะระยะเวลาที่ ้ แมลงวันวางไข่นนประมาณ 24 ชัวโมง รวมกับระยะเวลาของตัวอ่อนในระยะที่หนึง อีกหนึงวัน เป็ นสอง ั้ ่ ่ ่ วัน เป็ นต้ น แต่ทงนี ้เพื่อให้ เกิดความแม่นยําในการคํานวณระยะเวลาหลังการตายให้ มากยิ่งขึ ้นก็ควรจะ ั้ มีการทําการวิจยในฤดูกาลอื่นๆ และสถานการณ์ที่ตางๆเพิ่มเติม ั ่ หน้ า 19  
  • 20.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) ตารางสรุ ปข้ อความทีกาหนดและเลขกํากับบทความที่ 6 และทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ํ ่ เลขกํากับ ข้ อความทีกาหนด ่ํ ทีว่างสํ าหรับร่ างรหัสคําตอบ ่ 01 หนอนแมลงวัน 02 ไข่ 03 ตัวอ่ อน 04 ดักแด้ 05 ตัวเต็มวัย 06 สามารถบอกสายพันธ์ และอายุของหนอน แมลงวันได้ 07 พัฒนาการของแมลงวัน 08 อุณหภูมิ 09 มี Posterior spiracle 10 มี Cephalophalyngeal skeleton หน้ า 20  
  • 21.     แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) บทความที่ 7 การมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควร สื่อนับว่ามีบทบาทอย่างมากต่อพฤติกรรมของคนในสังคม โดยเฉพาะพฤติกรรมของเด็กและ วัยรุ่น ทังนี ้เนื่องจากวัยเด็กและวัยรุ่นนันเป็ นวัยที่มีความสงสัย มีการเรี ยนรู้ และกําลังหาแบบอย่างเพื่อ ้ ้ เป็ นแนวทางของตนเอง ทังนี ้สื่อที่มีบทบาทต่อพฤติกรรมมากที่สดก็คือสื่อโทรทัศน์ เพราะสื่อโทรทัศน์ ้ ุ นันสามารถสื่อสารกับผู้รับสื่อทังด้ วยเสียงและภาพ และเป็ นสื่อที่สามารถรับชมได้ ตลอดเวลา แต่ส่ือที่ ้ ้ เห็นว่าจะมาแรงและอาจแซงความมีอิทธิพลของสื่อโทรทัศน์ได้ ก็คือสื่ออินเตอร์ เน็ต ที่เป็ นเช่นนี ้ก็เพราะ อิ น เตอร์ เ น็ ต นัน เป็ นระบบเชื่ อ มโยงทั่ว โลก ที่ ผ้ ูเ ข้ า ใช้ แล้ ว แต่ว่า จะเลื อ กชมอะไรก็ ไ ด้ ซึ่ง มี ใ ห้ เ ลือ ก ้ มากกว่าจํานวนช่องของทีวี ดังนันเมื่อสื่อที่อยู่ในระบบอินเตอร์ เน็ตเป็ นระบบไร้ พรมแดนก็ย่อมหลีกหนี ้ ไม่พ้นที่จะปนเปไปด้ วยสื่อที่ไม่เหมาะไม่ควร เช่น สื่อลามกอนาจาร สื่อความรุนแรง เป็ นต้ น ปั ญหาสังคมในปั จจุบนมีมากมาย เช่น ปั ญหาความรุ นแรง ปั ญหาเพศสัมพันธ์ เป็ นต้ น แต่ที่ ั เห็ น จะเป็ นปั ญ หาอัน เกิ ด จากพฤติ ก รรรมของวัย รุ่ น หรื อ วัย เด็ ก ก็ ค งหนี ไ ม่ พ้ น ปั ญ หาเรื่ อ งการมี เพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควร ทังนี ปัจจัยที่ ส่งผลให้ มี เพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรนันมีทัง ที่ เป็ นปั จจัย ้ ้ ้ ้ ภายนอกและทังที่เป็ นปั จจัยภายใน ได้ แก่ สื่อลามกอนาจาร ซึ่งจัดว่าเป็ นปั จจัยภายนอก เด็กอยากรู้ ้ อยากลอง เด็กขาดความเข้ าใจเรื่ องเพศสัมพันธ์ ซึงจัดว่าเป็ นปั จจัยภายใน เป็ นต้ น สําหรับในสอง ่ ปั จจัยแรกนันซึงก็คือ สื่อลามกอนาจาร และการที่เด็กอยากรู้อยากลองนันจะเป็ นตัวที่ก่อให้ เกิดอารม ้ ่ ้ ทางเพศขึ น โดยเฉพาะสื่ อ ลามกอนาจารที่ มี อ ยู่อ ย่ า งกลาดเกลื่ อ นทัง ในท้ องตลาดและในโลก ้ ้ อินเตอร์ เน็ต ซึ่งหากเด็กหรื อวัยรุ่ นไปดูหรื อใช้ สื่อเหล่านี ้แล้ วก็จะก่อให้ เกิดอารมทางเพศที่อาจขาดสติ จนกระทําการมิสมควรก่อนวัยซึงก็คือการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนันเอง แต่สาเหตุที่ทําให้ เด็กหรื อ ่ ่ วัยรุ่ นมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรนันมิได้ มาจากการที่พวกเขาเกิดอารมทางเพศอย่างเดียว แต่ยงมี ้ ั สาเหตุมาจากการขาดความรู้ความเข้ าใจเรื่ องเพศสัมพันธ์อีกด้ วย ดังนันเมื่อเกิดมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรแล้ ว สิ่งที่อาจจะเกิดขึ ้นตามมาก็ไม่ยากเกินไปที่ ้ จะคาดเดา ก็คือ อาจติดโรคเพศสัมพันธ์จากการเพศสัมพันธ์ในครังนัน หรื อหากไม่ตดโรคก็อาจเกิดการ ้ ้ ิ ตังครรภ์ ไม่ พงประสงค์ ขึ ้นมาก็ได้ ซึงปั ญหานี ้ข้ อนี ้นับว่าได้ เพิ่มมากขึ ้นทุกวันๆ โดยสามารถสังเกตได้ ้ ึ ่ หน้ า 21  
  • 22.   แนวข้ อสอบ วิชาเฉพาะ แพทย์ กสพท. (การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยง) จากข่าวตามหน้ าหนังสือพิมพ์หรื อโทรทัศน์ที่บอกว่า “เด็กอายุ 14 ตังครรภ์” ซึงวัยที่มีอายุแค่นี ้ ้ ่ เป็ นวัยที่เพิ่งจะเริ่ มเข้ าสู่วยเจริ ญพันธ์ เท่านัน แต่ก็ต้องมาตังครรภ์เสียแล้ ว เมื่อเกิดการตังครรภ์เช่นนัน ั ้ ้ ้ ้ สิงที่เกิดขึ ้นตามมาก็อาจมีได้ สองกรณี ก็คือเด็กคนนันไปทําแท้ งหรื อไม่เช่นนันก็ต้องปล่อยให้ คลอดไป ่ ้ ้ ซึ่งถือว่าเป็ นการมีบุตรเมื่อยังไม่ พร้ อม ที่กล่าวเช่นนี ้ก็เพราะผู้ที่เป็ นแม่นนยังมีอายุน้อยอยู่มากจน ั้ เสมือนเป็ นรุ่นพี่ของลูกที่คลอดออกมา สําหรับคนที่ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ นันหากจะโชคดีหน่อยก็อาจจะเป็ นพวกโรคหนองใน ้ หรื ออาจจะเป็ นโรคเริ่ ม แต่หากโชคร้ ายก็อาจจะรับเอาเชื ้อ HIV เข้ าไปก็เป็ นได้ ส่วนผู้หญิงก็อาจจะ แถมเชื ้อไวรัส HPV ที่ก่อให้ เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ ในส่วนของการปองกันปั ญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนันควรที่จะแก้ สวนที่เป็ นปั จจัย ้ ้ ่ ที่ส่งผลให้ มีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควร ซึงได้ กล่าวไว้ แล้ วว่าประกอบด้ วยสามประการคือ สื่อลามก ่ อนาจาร เด็กอยากรู้ อยากลอง และเด็กขาดความเข้ าใจ ซึงหากรัฐบาลเอาจริ งเกี่ยวกับการยับยังหรื อ ่ ้ ปองกัน ก็ ไ ม่ ย ากเกิ ดกํ า ลัง เพราะปั จ จัย เหล่า นี ล้ว นสามารถใช้ ก ลไกของรั ฐ เข้ า จัด การได้ เช่ น รั ฐ ้ ้ ปราบปรามสื่อลามกอนาจารอย่างจริ งจัง ปลูกฝั งศีลธรรมและจริ ยธรรมให้ แก่เด็ก รวมทังให้ ความรู้ แก่ ้ เด็กด้ วยการบรรจุประเด็นเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันอันควรไว้ ในหลักสูตรการศึกษาขันพื ้นฐาน ้ เป็ นต้ น หน้ า 22