More Related Content
Similar to Comproject (20)
More from Robotto' Data (20)
Comproject
- 6. ลักษณะทั่วไป
ไม้ล้มลุก มีเนื้อไม้มีอายุหลายปี สูงได้ถึง 1 เมตร ทุกส่วนมีกลิ่นหอม แตกกิ่งก้าน
อ่อนรูปสี่เหลี่ยม มีขนปกคลุม ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก แผ่นใบรูปรีกว้างๆ
ขอบใบหยักแบบจักฟันเลื่อย มีขนสั้นๆ ทั้ง 2 ด้าน ก้านใบยาว ช่อดอกแบบช่อกระจุก
รอบ กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันปลายแยกเป็น 5 กลีบ กลีบดอกยาว 3 มิลลิเมตร เชื่อม
กันเป็นหลอดสั้น ปลายแยกเป็น 2 ปาก สีชมพู ขาว เกสรเพศผู้4 อัน โผล่พ้นหลอด
ดอก ผลเปลือกแข็งขนาดเล็ก สีน้าตาล เมื่อเปียกน้าจะเป็นเมือกหุ้มเมล็ด
- 7. ประโยชน์ทำงสมุนไพร
ตารายาไทยใช้ใบหรือทั้งต้นเป็นยาขับลมแก้ปวดท้อง ท้องเสีย และคลื่นไส้อาเจียน
นิยมใช้กะเพราแดงมากกว่ากะเพราขาวโดยใช้ยอดสด 1 กามือ ต้มพอเดือด ดื่ม
เฉพาะส่วนน้า พบว่าฤทธิ์ขับลมเกิดจากน้ามันหอมระเหย การทดลองในสัตว์แสดงว่า
น้าสกัดทั้งต้นมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลาไส้สารสกัดแอลกอฮอล์สามารถรักษาแผล
ในกระเพาะอาหาร สาร eugenol ในใบมีฤทธิ์ขับน้าดี ช่วยย่อยไขมันและลด
อาการจุกเสียด
- 9. ใบ ใบสดของมัน มีน้ามันหอมระเหยอยู่ ซึ่ง ประกอบด้วย linaloo และ
methyl chavicol เป็นยาแก้ขับลม ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง บารุง
ธาตุ ขับผายลม แก้อาการจุกเสียดในท้อง ให้ใช้ใบสด หรือยอดอ่อน สัก 1 กามือ มา
ต้ม ให้เดือด แล้วกรอง เอาน้าดื่ม แต่ถ้าใช้กับเด็ก ทารกให้นาเอามาตาให้ละเอียดคั้น
เอาน้านามา ผสมกับน้ายามหาหิงคุ์แล้วใช้ทาบริเวณ รอบ ๆ สะดือ และทาที่ฝ่าเท้า แก้
อาการปวดท้องของ เด็กได้และน้าที่เราเอามาคั้นออกจากใบยังใช้ขับเสมหะ ขับเหงื่อ
หรือ ใช้ทาภายนอกแก้โรค ผิวหนัง กลาก เกลื้อนได้
- 10. นอกจากนี้ ใบสดยังนามาผัด หรือนามาแกงเป็นอาหาร ได้อีกด้วย สาหรับ ใบแห้ง
ใช้ชงกินกับน้า แก้ท้องขึ้น และน้ามันที่ได้จากใบกะเพรานั้น สามารถยับยั้งการเจริญ
เติมโตของเชื้อโรคบางชนิด ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางอย่าง และมีฤทธิ์ฆ่ายุงได้ซึ่งจะมี
ฤทธิ์ได้นาน 2 ชั่วโมง
- 11. เมล็ด เมื่อนาไปแช่น้าเมล็ดก็จะพองตัวเป็นเมือก ขาว ให้ใช้พอกในบริเวณตา เมื่อ
ตามีผง หรือฝุ่น ละอองเข้า ผงหรือฝุ่นละออง นั้นก็จะออกมา ซึ่งจะไม่ทาให้ตาเรานั้น
ช้าอีกด้วย
รำก ใช้รากที่แห้งแล้ว ชงหรือต้มกับน้าร้อนดื่ม แก้โรคธาตุพิการ
- 12. สรรพคุณสาคัญของใบกะเพรา ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้กันทั้งที่ใช้บริโภคกันอยู่ใน
ชีวิตประจาวัน ก็คือ สรรพคุณขับไขมันเคยสังเกตไหมว่า เหตุใดจึงมีตารับอาหารไทย
จาพวกผัดกะเพราเนื้อ กะเพราหมู กะเพราไก่ เหตุผลไม่เพียงแค่ใช้ใบกะเพราดับกลิ่น
คาวเนื้อสัตว์เท่านั้น ต่ที่สาคัญคือช่วยขับไขมันและน้าตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย มี
งานวิจัยหลายชิ้น หลายสานักที่กล่าวถึงสรรพคุณอันหลากหลายของใบกะเพราในที่นี้
ขอกล่าวเฉพาะสรรพคุณที่เชื่อมโยงกับฤทธิ์ลดไขมันและน้า ตาลของใบกะเพราเท่านั้น
- 15. สีธรรมชาติได้จากต้นไม้ในป่า โดยได้จากบางส่วนของต้นไม้เช่น ราก แก่น เปลือก
ต้น ผล ดอก เมล็ด ใบ เป็นต้น สีธรรมชาติสีต่าง ๆว่าได้จากต้นไม้ชนิดใดไว้ดังนี้
- สีแดง ได้จาก รากยอ แก่นฝาง ลูกคาแสด เปลือกสมอ ครั่ง
- สีคราม ได้จาก รากและใบของต้นคราม หรือต้นห้อม
- สีเหลือง ได้จาก แก่นแขหรือแก่นแกแล แก่นขนุน ต้นหม่อน ขมิ้น
เปลือกไม้นมแมว แก่นสุพรรณิการ์ ดอกกรรณิการ์ ดอกดาวเรือง
- สีตองอ่อน ได้จาก เปลือกต้นมะพูด เปลือกผลทับทิม แก่นแกแลและต้น
คราม ใบหูกวาง เปลือกและผลสมอพิเภก ใบส้มป่อยและผงขมิ้น ใบแค ใบสับปะรด
อ่อน
- 16. - สีดา ได้จาก ผลมะเกลือ ผลกระจาก ผลและเปลือกสมอ
- สีส้ม ได้จาก เปลือกและรากยอ ดอกกรรณิการ์ (ส่วนที่เป็นหลอดสีส้ม)
เมล็ดคาแสด
- สีเหลืองอมส้ม ได้จาก ดอกคาฝอย
- สีม่วงอ่อน ได้จาก ลูกหว้า
- สีชมพู ได้จาก ต้นฝาง ต้นมหากาฬ
- สีน้าตาล ได้จาก เปลือกไม้โกงกาง เปลือกผลมังคุด
- สีกากีแกมเหลือง ได้จาก หมากสง กับแก่นแกแล
- สีเขียว ได้จาก เปลือกต้นมะริดไม้ใบหูกวาง เปลือกสมอ ครามย้อมทับ
ด้วยแถลง
- 17. ข้อดีของสีธรรมชำติ
1. ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ผลิตและผู้บริโภค
2. น้าทิ้งจากกระบวนการผลิตไม่เป็นอันตรายต่อ สิ่งแวดล้อม
3. วัตถุดิบหาได้ง่ายในชุมชนไม่ต้องใช้สีเคมีที่นาเข้าจากต่างประเทศ
4. การย้อมสีธรรมชาติสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้น
ตามประสบการณ์ สามารถ ถ่ายทอดให้แก่คนรุ่นหลัง เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่น
5. สีธรรมชาติมีความหลากหลาย ตามชนิด อายุและส่วนของพืชที่ใช้ตลอดจน
ชนิดของสารกระตุ้นหรือขั้นตอนการย้อม
6. การย้อมสีธรรมชาติทาให้เห็นคุณค่าและรู้จักใช้ประโยชน์ของ
ทรัพยากรธรรมชาติ
7. ความสัมพันธ์ระหว่างคนย้อมสีกับต้นไม้ย่อมก่อให้เกิดความรัก ความหวง
แหน และเรียนรู้ที่จะอนุรักษ์ และปลูกทดแทนเพื่อการผลิตที่ยั่งยืน
- 18. ข้อจำกัดของสีธรรมชำติ
1. ปริมาณสารสีในวัตถุดิบย้อมสีมีน้อย ทาให้ย้อมได้สีไม่เข้มหรือต้องใช้
วัตถุดิบปริมาณมาก
2. ไม่สามารถผลิตได้ในประมาณมากและไม่สามารถผลิตสีตามที่ตลาดต้องการ
3. สีซีดจางและมีความคงทนต่อแสงต่า
4. คุณภาพการย้อมสีธรรมชาติขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการซึ่งควบคุมได้ยาก
การย้อมสีให้เหมือนเดิมจึงทาได้ยาก
5. ในการย้อมสีธรรมชาติถ้าไม่มีวิธีการ และจิตสานึกในการใช้ทรัพยากรอย่าง
ยั่งยืนย่อมจะกลายเป็นการทาลายสิ่งแวดล้อมได้