Weitere ähnliche Inhalte
Ähnlich wie 54101 engineer 3 (20)
Mehr von juejan boonsom (6)
54101 engineer 3
- 1. หน่ วยที่ 10 ไฟฟาและวงจรไฟฟา
้ ้
. ระบบส่ งจ่ ายไฟฟา
้
ระดับแรงดันสาหรับสายส่ งแรงสู ง ่
ส่งจากโรงไฟฟ้ า ระหว่างสถานีไฟฟ้ า 69kv 115kv 230kv 500kv อยูใน
ความรับผิดชอบของ การไฟฟ้ าฝ่ ายผลิต
ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ ายแรงสู ง สถานีไฟฟ้ าย่อยระบบจาหน่าย ไปยังหม้อแปลงระบบจาหน่าย
11kv 22kv 33kv 22kv 24kv
ระดับแรงดันสาหรับระบบจาหน่ ายแรงต่า
-ระบบ1 เฟส 2 สาย 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์
-ระบบแรงต่า 3 เฟส 4 สาย 380 โวลต์ 50 เฮิรตซ์
- 2. กระแสไฟฟ้ าแบ่งได้เป็ น 2 ประเภทคือ
• ไฟฟากระแสตรง (direct current : DC) คือการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางการไหลในทิศทางเดียวจากขั้วลบไปยัง
้
ขั้วบวก เช่นแบตเตอรี่ รถยนต์ 24 volt ถ่านไฟฉาย 1.5 volt
• ไฟฟากระแสสลับ (alternating current: AC) เป็ นการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนมีทิศทางไหลกลับไปกลับมาตลอดเวลา
้
โดยการเคลื่อนที่ประจุไฟฟ้ าบวกและลบสลับกันในตัวนาสาย เช่น ไฟฟ้ าตามบ้าน220 โวลต์ 50 เฮิรตซ์
- 3. หน่ วยวัดทางไฟฟา
้
• ความต้ านทานไฟฟา (resistance) เป็ นคุณสมบัติของสสารที่ต่อต้านการไหลของกระแสไฟฟ้ า
้
สสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ าน้อยกว่าเรี ยกว่า ตัวนาไฟฟ้ า ส่วนสสารที่มีความต้านทานไฟฟ้ ามากกว่าเรี ยกว่า
ฉนวนไฟฟ้ า ความต้านทานมีหน่วยเป็ นโอห์ม
• แรงดันไฟฟา (voltage) เป็ นแรงที่ทาให้อิเลคตรอนเกิดการเคลื่อนที่ หรื อแรงที่ทาให้เกิดการไหลของ
้
ไฟฟ้ า มีหน่วยเป็ น โวล์ท V
กระแสไฟฟา (current) เกิดจากการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ภายในตัวนา
้
ไฟฟ้ า หน่วยเป็ น แอมแปร์ A
• กาลังงานไฟฟา (power) อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงาน หรื ออัดตราการทางาน มีหน่วยเป็ น วัตต์ watt
้
W
• พลังงานไฟฟา (energy) คือ กาลังไฟฟ้ าที่ใช้ไประยะหนึ่ง มีหน่วยเป็ น วัตต์-ชัวโมง (watt-hour) หรื อ
้ ่
ยูนิต(unit)
• ความถี่ (frequency) คือจานวนรอบของกระแสไฟฟ้ าสลับ มีหน่วยเป็ น เฮิรตซ์ Hz
• รอบ (cycle) คือการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้ าครบ 360 องศาซึ่งเป็ นการเปลี่ยนแปลงไฟฟ้ าค่าบวกและค่าลบได้สมบูรณ์
• แรงม้ า (horse power) หรื อกาลังม้า เป็ นหน่วยวัดกาลังหรื ออัตราการทางาน 1 แรงม้า = 550 ฟุต-ปอนด์
หรื อ 745.7 วัตต์ ประมาณ 746 วัตต์
- 4. สมการไฟฟ้ า
• กฎของโอห์ม (ohm’s low) ค.ศ. 1862 นักฟิ สิกส์ชาวเยอรมัน George
Simon Ohm กล่าวว่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลในวงจรจะแปรผันตรงกับแรงดันไฟฟ้ าและ
แปรผกผันกับค่าความต้านทาน E = IR
• สมการค่ากาลังไฟฟ้ า มีหน่วยเป็ นวัตต์ P=EI
• สมการค่าพลังงานไฟฟ้ า W = Pt กิโลวัตต์ต่อชัวโมง หรื อยูนิต
่
(unit)
- 5. วงจรไฟฟ้ าเบื้องต้น
• - วงจรอนุกรม กระแสไฟฟ้ าตลอดวงจรมีค่าเดียวกันตลอด แรงเคลื่อนไฟฟ้ าเท่ากับแรงดันที่ตกคร่ อม
อุปกรณ์แต่ละตัว
- 6. • วงจรขนาน(parallel circuit) กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านอุปกรณ์แต่ละตัว รวมกันจะเท่ากับกระแสไฟฟ้ า
ที่ไหลออกจากแหล่งจ่าย แรงดันตกคร่ อมอุปกรณ์แต่ละตัว มีค่าเท่ากับแรงเคลื่อนไฟฟ้ าของแหล่งจ่าย
- 7. ส่ วนประกอบของสายไฟฟา
้
• ประกอบด้วย 2 ส่ วนคือ ตัวนา และฉนวน
• . ประเภทของสายไฟฟา แบ่งเป็ น 2 ประเภทคือ สายไฟฟ้ าแรงดันสูง
้
และสายไฟฟ้ าแรงดันต่า
• - สายไฟฟ้ าแรงดันสูง มีสายเปลือย และสายหุมฉนวน
้
ั
• - สายไฟฟ้ าแรงดันต่า ใช้กบแรงดันไม่เกิน 750 โวล์ท
- 9. อุปกรณ์ ปองกันระบบไฟฟา
้ ้
• - ฟิ วส์ (fuse) อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน ทามาจากโลหะผสมสามารถนาไฟฟ้ าได้ดี มีจุดหลอมละลายต่า ฟิ วส์
ที่ดี เมื่อกระแสไหลเกิน 2.5 ของขนาดทนกระแสของฟิ วส์ ฟิ วส์ตองขาด
้
• - เซอร์ กตเบรกเกอน์ (circuit breaker :CB)
ิ
• อุปกรณ์ทาหน้าที่ตดกระแสไฟฟ้ า เมื่อกระแสเกินหรื อลัดวงจร สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่เปลี่ยนใหม่เหมือนฟิ วส์ การทางานมี
ั
2 แบบคือ เชิงความร้อน และเชิงแม่เหล็ก
- 10. วงจรไฟฟาแสงสว่ าง
้
• ประเภทของหลอดไฟฟ้ า มีหลอดไส้ หลอดทัวสเตนฮาโลเจน หลอดเรื อง
แสง เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
- 11. ประเภทของมอเตอร์
• - มอเตอร์ เหนี่ยวนา (induction motor) นิยมใช้มา มี 1 เฟส และ 3 เฟส แบบ
กรงกระรอก และ แบบวาวด์โรเตอร์
• - มอเตอร์ ซิงโครนัส (synchronous motor) เป็ นมอเตอร์ 3 เฟส มีขดลวดอาร์เมเจอร์ และขดลวด
สนาม ความเร็วคงที่
• - มอเตอร์ ไฟฟากระแสตรง (DC motor) มีขดลวดสนามอยุบนสเตเตอร์และขดลวดอาร์เมเจอร์
้ ่
่
อยูบนสเตเตอร์ สามารถควบคุมความเร็วได้ดี แรงบิดเริ่ มเดินเครื่ องสู ง
- 13. การต่ อลงดิน
• หมายถึงการต่อสายไฟฟ้ าจากอุปกรณ์ไฟฟ้ าไปยังสายดิน โดยสายดินคือแท่งตัวนาทองแดงที่ตอด
ลงไปในดิน เพื่อป้ องกันไฟรั่วซ๊อตบุคคลผูใช้งาน
้
• 1. ประเภทของการต่ อลงดิน แบ่งเป็ น 2 ประเภท
• การต่ อลงดินทีระบบไฟฟา หมายถึง การต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้ าที่มีกระแสไหลผ่านลง
่ ้
ดิน เช่น การต่อจุดนิวทรัล (neutral point) ลงดิน
• การต่ อลงดินทีอุปกรณ์ ไฟฟา หมายถึงการต่อส่วนที่เป็ นโลหะ ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านของ
่ ้
อุปกรณ์ต่างๆ ลงดิน
• 2. ส่ วนประกอบการต่ อลงดิน
• - หลักดิน หรื อระบบหลักดิน (grounding electrode) เป็ นหลักดิน นิยมใช้ทองแดง
• - สายต่อหลักดิน
- 18. เครื่องมือ อุปกรณ์ ควบคุมทางนิวแมติก
ส่ วนประกอบของเครื่ องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทางานและควบคุมการทางานของ
ระบบนิวแมติกมีดงต่อไปนี้ั
- เครื่ องอัดลม
- เครื่ องระบายความร้อนของลมอัด
- เครื่ องทาลมแห้ง
เครื่ องแลกเปลี่ยน - ชุดทาความสะอาดลม
ความร้อน - ลิ้นหรื อวาล์วลดความดัน
เครื่ องทาลมแห้ง
- วาล์วควบคุม
- ระบบหล่อลื่นในระบบนิวแมติก
หม้อเก็บลมอัด - กระบอกสู บ
- วงจรไฟฟ้ าควบคุม
เครื่ องอัดลม
- 19. การควบคุมอัตโนมัตโดยประยุกต์ ใช้ งานระบบโปรแกรมมาเบิลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
ิ ้
• โครงสร้างของตัวเครื่ องโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ (พีแอลซี ) นั้นประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก
• 1. หน่ วยประมวลผลกลาง (central processing unit) หรื อไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor)
เป็ นหน่วยการทางานที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลกลาง และควบคุมการสังงานของระบบการทางาน
่
• 2. หน่ วยความจา (program หรื อ memory unit) เป็ นหน่วยของเครื่ องที่ทาหน้าที่ในการจัดเก็บ
ข้อมูลและโปรแกรมควบคุมการทางาน ข้อมูลหรื อโปรแกรมที่เก็บไว้สามารถถูกนาออกมาใช้ได้ตามต้องการ
• 3. หน่ วยรับสั ญญาณอินพุต (input unit) จะเป็ นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์
ภายนอกที่จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์ มี และแรมต้องจ่ายไฟเลี้ยง
่
และแบบรอมอยูในรู ปโมดูล
• 4. หน่ วยส่ งสั ญญาณเอาต์ พุต (output unit) จะเป็ นหน่วยงานที่ทาหน้าที่เชื่อมต่อสัญญาณจากอุปกรณ์ที่
จะนามาเชื่อมต่อใช้งานกับตัวโปรแกรมมาเบิลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
้ สัญญาณแบบอนาล็อก หรื อ ดิจิตอล
• 5. หน่ วยจ่ ายกาลังไฟฟา (power supply unit) ทาหน้าที่ในการจ่ายกาลังไฟฟ้ าให้กบตัวโปรแกรมมา
้ ั
เบิ้ลลอจิคอลคอนโทรลเลอร์
- 20. การควบคุมอัตโนมัติโดยประยุกต์ ใช้ งานระบบควบคุมกลางกระจายการ
ควบคุม ดีซีเอส (distributed control system: DCS)
• วัตถุประสงค์ ของการออกแบบระบบดีซีแอส เป็ นความต้องการออกแบบมาใช้ ในการควบคุมระบบใน
ลักษณะการกระจายการควบคุม หน่ วยการผลิต ควบคุมการทางานของระบบการผลิตแบบต่ อเนื่อง (continuous process)
• การทางานของระบบดีซีแดส ระบบควบคุมแบบ พีแอลซี ในระบบ ดีซีเอส การควบคุมด้วยอุปกรณ์
ประเภท พีแอลซี จะสังการผ่านอุปกรณ์ควบคุม เช่น การใช้คอมพิวเตอร์บุคคล (personal computer) ผูควบคุมระบบ
่ ้
จะสามารถทาการตรวจสอบติดตามผล และสังการโปรแกรมได้
่
- 21. หน่ วยที่ 12 หน่ วยการผลิตและกระบวนการผลิตทางวิศวกรรมเคมี
• การผลิต หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Process) หมายถึง การนาเอาวัตถุดิบทีเ่ ป็ น
สสารหรือสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งทีอยู่ในรู ปของแข็ง ของเหลว หรือ ก๊าซ ทีเ่ รียกว่ าสารตั้งต้ น (reactant) มาทาการเปลียนแปลง
่ ่
รู ปร่ าง เปลียนแปลงคุณสมบัติทางด้ านกายภาพ ทางด้ านเคมี ให้ เป็ นผลิตภัณฑ์ หรือสิ นค้ าการ(Product หรือ Goods) ทีทาให้
่ ่
คุณสมบัติของสารเปลียนไปจาเป็ นต้ องมีปัจจัยหรือกระบวนการทางด้ านกายภาพ หรือกระบวนการทางด้ านเคมีเสริมได้ แก่
่
อุณหภูมิ ความดัน โดยมีถังปฎิกริยาเคมี หรือเครื่องปฏิกริยาเคมี (Chemical Reactor
ิ ิ
• งานวิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering) หรื อวิศวกรรมระบบ (Process Engineering) เป็ นการศึกษา
การออกแบบ การควบคุมการทางานของกระบวนการผลิตในงานอุตสาหกรรมที่เน้นการเลือกกระบวนการปฏิกิริยาเคมี เลือก
เงื่อนไขการผลิต การควบคุมการปฏิบติการที่เหมาะสม
ั
- 22. จลนพลศาสตร์ ของปฏิกริยาแบบกวนผสม
ิ
• เครื่องปฏิกริยาเคมีแบบกะ (Batch Reactor) หลักการทางานเบืองต้นของถังปฏิกริยาเคมีคอการนาสาร
ิ ้ ิ ื
ตั้งต้ น หรือสารนาเข้ า (reactants หรือ feed) ใส่ เข้ าไปในถังปฏิกริยาเคมีในปริมาณทีคานวณไว้ แล้วให้ มการกวนผสม (Mixing)
ิ ่ ี
ให้ เกิดปฏิกริยาเคมีขนอย่ างสมบูรณ์
ิ ึ้
- 23. เครื่องปฏิกริยาหลายถังแบบต่ อเนื่อง (Multiple Continuous Reactor )
ิ
• เป็ นเครื่ องปฏิกิริยาเคมีที่มีการเอาถังกวนผสมแบบสมบูรณ์หลายถัง (Continuous Stirred Tank Reactor : CSTR) ต่ออนุกรมกันซึ่ง
สามารถกาหนดให้ความเข้มข้นของสารตั้งต้นในแต่ละถังมีค่าสม่าเสมอ (Uniform) และเท่ากับค่าความเข้มข้นในของไหลที่ไหล
ออกของแต่ละถัง
- 24. เครื่องปฏิกริยาเคมีแบบท่ อไหล (Tubular Reactor หรือ Plug Flow Reactor)
ิ
• เป็ นเครื่ องปฏิกิริยาเคมีที่มีโครงสร้างคล้ายกับเครื่ องแลกเปลี่ยนความร้อนระบบท่อ (Heat Exchanger) ที่มีการไหลในท่อไหล
ขนานกันหลายท่อ
- 26. หน่ วยที่ 13 พืนฐานวิศวกรรมอุตสาหกรรม วิศวกรรมอุตสาหการ คือการวิเคราะห์อย่างละเอียดถึง
้
การทางาน และค่ าใช้ จ่ายทีเ่ กียวข้ องกับแรงงาน วัตถุดิบ เครื่องจักร อุปกรณ์ เพือให้ องค์ กรสามารถเพิมผลิตภาพ มีกาไรและ
่ ่ ่
ประสิ ทธิภาพการทางานสู งขึน ้
• การเลือกทาเลทีต้ังโรงงาน
่
• แหล่ งวัตถุดบ
ิ
• ตลาด
• แรงงานและค่ าจ้ าง
• สาธารณูปโภค
• การจราจรขนส่ ง
• สิ่ งแวดล้อม
• กรรมสิ ทธิ์ทดนี่ ิ
• กฎหมายทีเ่ กียวข้ อง
่
- 31. รูปแบบในการไหลของวัสดุ
• 1) การไหลแบบเส้ นตรง เป็ นการไหลของวัสดุง่ายๆ ตามขั้นตอนการผลิต พื้นที่อาคารโรงงานจะต้องมีความยาวเพียงพอ
ด้านข้างของอาคารทั้ง 2 ด้านอาจจะออกแบบเป็ นสานักงานหรื อหน่วยงานสนับสนุน เช่น แผนกซ่อมบารุ ง แผนกออกแบบ เป็ นต้น
• 2) การไหลแบบตัวเอส หรือซิกแซก เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่ยาวมากและมีพ้ืนที่โรงงานที่ส้ ันกว่า มีการ
ป้ อนเข้าของวัตถุดิบและการไหลออกของผลิตภัณฑ์คนละด้านของอาคารโรงงาน
- 32. • 3) การไหลแบบตัว ยู เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตทียาวมาก แต่ มพนทีโรงงานทีส้ั นกว่ า มีการป้ อนวัตถุดิบและ
่ ี ื้ ่ ่
การไหลออกของผลิตภัณฑ์ ด้านเดียวกัน
ผลิตภัณฑ์ 8 7 6 5
วัตถุดิบ 1 2 3 4
1
• 4) การไหลแบบวงกลม เหมาะสาหรับกระบวนการผลิตที่มีความยาวมาก อาคารโรงงานที่มีลกษณะทรงจัตุรัส
ั
วัสดุและสิ นค้าเข้า – ออก จุดเดียวกัน เช่น แผนกรับ-ส่ งสิ นค้าและวัตถุดิบอยู่ ณ จุดเดียวกัน
3
2 4
วัตถุดิบ 1 5
ผลิตภัณ 1 7 6
ฑ์
- 33. • 5) การไหลแบบไม่ เป็ นรู ปแบบ ดังแสดงในภาพที่ 13.9 เหมาะสาหรับอาคารโรงงานที่มีขอจากัดเรื่ องพื้นที่และ
้
จุดติดตั้งเครื่ องจักรขนาดใหญ่ สิ่ งอานวยความสะดวกที่ติดตั้งถาวรอยูก่อนแล้ว จาเป็ นต้องจัดสายการผลิตให้เข้ากับสิ่ งที่มีอยู่
่
2 4 5
วัตถุดิบ 1 3
6 ผลิตภัณฑ์
- 35. • 1. พัสดุคงคลังประกอบด้ วย
• 1) วัตถุดิบ
• 2) วัสดุในงานระหว่างทา
• 3) วัสดุซ่อมบารุ ง
• 4) สิ นค้าสาเร็จรู ป
• 2. ต้ นทุนทีเ่ กียวข้ องกับพัสดุคงคลัง
่
• 1) ค่าใช้จ่ายในการสังซื้ อ
่
• 2) ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
• 3) ค่าใช้จ่ายเนื่องจากสิ นค้าขาดแคลน
• 4) ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่ องจักรใหม่
• ลาดับความสาคัญในการวิเคราะห์งาน คือ
• - มีความเร่ งด่วน - มีตนทุนการผลิตสูง - มีความต้องการความชานาญสูง - มีความเสี่ ยงสูง
้
- 37. หน่ วยที่ 14 อันตรายจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม
• ระบบการผลิตนั้นประกอบไปด้วย 4ขั้นตอน
• 1. วัตถุดิบนาเข้า
2. กระบวนการ
• 3. ผลผลิต/ผลิตภัณฑ์
• 4. ข้อมูลป้ อนกลับ
- 38. ประเภทการผลิต4 ประเภท
• 1. กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง
• 2. กระบวนการผลิตแบบไม่ต่อเนื่อง
• 3. กระบวนการผลิตแบบผลิตซ้ า
• 4. กระบวนการผลิตแบบงานโครงการ
- 40. สิ่ งแวดล้อมในการทางานที่ก่อให้เกิดอันตราย
แก่ผปฏิบติงานทางด้านสุ ขศาสตร์อุตสาหกรรม
ู้ ั
• แบ่งออกได้ 5 ประเภทคือ
• 1. สิ่ งแวดล้อมทางด้านกายภาพ
• 2. สิ่ งแวดล้อมทางด้านเคมี
• 3. สิ่ งแวดล้อมทางด้านชีวภาพ
• 4. สิ่ งแวดล้อมทางด้านเออร์โกโนมิคส์
• 5. สิ่ งแวดล้อมทางด้านจิตสังคม
- 41. การเตรียมเยือกระดาษมี 2 วิธีการ
่
- การเตรี ยมเยือกระดาษโดยกระบวนการทางเคมีและ
่
- การเตรี ยมเยือกระดาษโดยใช้เครื่ องจักร
่
• อันตรายจากอุตสาหกรรมหลอมเหล็ก เกิดจาก ฝุ่ น ความร้อน ก๊าซ CO
2 โลหะหนักหลายชนิด
• อันตรายจากกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
• ่
1. กระบวนการตัดเวเฟอร์ ได้แก่ ฝุ่ นที่อยูในรู ปของตะกอนเปี ยกของสารหนู
• (arsenic)
• 2. กระบวนการเชื่อมชิพลงบนแผ่นเฟรม ได้แก่ ไอระเหยของอะซิ โตน
• 3. กระบวนการหุ มชิพและเส้นลวดด้วยเรซิ น ได้แก่ สารพลวงและ
้
• สารประกอบโบรมีน
- 42. เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม ่
หมายถึง การใช้ทรัพยากรที่มีอยูในทางวิศวกรรมอย่างมี
ประสิ ทธิภาพ โดยวัดจากคุณค่าของผลงานด้านวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย
- ประสิ ทธิ ภาพเชิงกายภาพ
- ประสิ ทธิภาพเชิงเศรษฐศาสตร์
• การคานวณรายได้ประชาชาติ มี 3 วิธี คือ
• - การคานวณรายได้ประชาชาติดานผลิตภัณฑ์
้
• - การคานวณรายได้ประชาชาติดานรายได้
้
• - การคานวณรายได้ประชาชาติดานรายจ่าย
้
- 43. • อุปสงค์ หมายถึง ปริ มาณความต้องการสิ นค้าหรื อบริ การที่ผบริ โภคมีความสามารถที่จะซื้อ
ู้
ได้และมีความเต็มใจที่จะซื้อ
• อุปทาน หมายถึง ปริ มาณการเสนอขายสิ นค้าหรื อบริ การที่ผเู้ สนอขายยินดีขายสิ นค้าหรื อ
บริ การนั้น ๆ ด้วยความเต็มใจ
• จุดดุลยภาพ หมายถึง จุดที่เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานตัดกัน ซึ่งมีปริ มาณอุปสงค์เท่ากับ
ปริ มาณอุปทาน
- 44. • ค่าเสื่ อมราคา หมายถึง การลดคุณค่าของทรัพย์สินตามกาลเวลา หรื อตาม
ปริ มาณการผลิต แบ่งออกได้เป็ น 3 ประเภท คือ
• 1. การเสื่ อมราคาทางกายภาพ
• 2. การเสื่ อมราคาทางการใช้งาน
• 3. การเสื่ อมราคาจากอุบติเหตุ
ั