19. จะเกิดปฏิกิริยาระหว่างแอนติเจนและแอนติบอดี ( Antigen –
antibody ) จับกลุ่มกันตกตะกอน
( Agglutination ซึ่งต่างจากการแข็งตัวของเลือดเมื่อเกิดบาดแผล
ซึ่งเรียกว่า Coagulation )
นายแพทย์ผู้นี้ได้แบ่งเลือดออกเป็น 4 หมู่ใหญ่ ๆ คือ เลือดหมู่ A , B ,
AB และ O ซึ่งมีคุณสมบัติต่างกันคือ
เลือดหมู่ A มีแอนติเจน A ที่ผิวเม็ดเลือดแดง
มีแอนติบอดี b ในน้าเลือด
เลือดหมู่ B มีแอนติเจน B ที่ผิวเม็ดเลือดแดง
มีแอนติบอดี a ในน้าเลือด
เลือดหมู่ AB มีแอนติเจน A และ B ที่ผิวเม็ดเลือดแดง
แต่ไม่มีแอนติบอดี
เลือดหมู่ O ไม่มีแอนติเจน แต่มีแอนติบอดี
ทั้ง a และ b ในน้าเลือด
การให้เลือดโดยทั่วไปจะให้เลือดกับคนที่มีเลือดหมู่เดียวกั
นจะปลอดภัยที่สุด แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ
จะต้องไม่ให้แอนติเจนของผู้ให้ตรงกับแอนติบอดีของผู้รับเด็ดขาด
มิฉะนั้นเลือดจะตกตะกอน หลักการให้เลือดอาจสรุปเป็นแผนผัง
20. รูปภาพที่ 1 รูปการให้เลือด
จากผังข้างต้นเลือดหมู่ O จะให้เลือดได้กับคนทุกหมู่
จึงมักเรียกว่า ผู้ให้สากล ()
แต่คนที่มีเลือดหมู่ O นี้จะรับได้เฉพาะจากคนที่มีเลือดหมู่ O เท่านั้น
สาหรับคนหมู่ AB รับเลือดได้จากทุกหมู่เลือด จึงเรียกว่า ผู้รับสากล
() แต่ไม่สามารถให้เลือดกับคนหมู่อื่นได้เลย
ส่วนเลือดหมู่ A รับได้จากหมู่ O และหมู่ของตัวเอง
รวมทั้งสามารถให้เลือดแก่คนหมู่ AB ได้อีก
คนเลือดหมู่ B รับได้จากหมู่ O และหมู่ของตัวเอง
รวมทั้งสามารถให้เลือดแก่คนหมู่ AB ได้อีกด้วย
ในประชากรทั้งหมดคนที่มีเลือดหมู่ O จะมีมากที่สุดมีอยู่ร
าว ๆ 40 – 50 % หมู่ A มีประมาณ 40 % หมู่ B มีอยู่ราว ๆ 10 -50
% หมู่ AB มีอยู่ราว ๆ 5 %
ตารางที่1 ตารางรับและการให้หมู่เลือด
หมู่เลือดผู้รับ
A B C D
หมู่เลือดของผู้ให้ A / X / X
B X / / X
21. C X X / X
D / / / /
ถ้าผู้รับมีเลือดหมู่ B จะรับเลือดจากหมู่ AB ไม่ได้
เพราะหมู่ AB มีแอนติเจน
ทั้ง A และ B ส่วนผู้รับคือหมู่ B มีแอนติบอดีa สามารถจับกลุ่มตกต
ะกอนกับแอนติเจน A ได้
ถ้าผู้รับมีหมู่เลือด O จะรับเลือดได้เฉพาะหมู่ O เท่านั้น
เพราะหมู่ O มีแอนติบอดี
ทั้ง a และ b ซึ่งจะตรงกับแอนติเจนของหมู่ A
,B และ AB จึงรับเลือดหมู่อื่นไม่ได้
จะเห็นว่าการให้เลือดนั้นพิจารณาเฉพาะแอนติเจนของผู้ให้กับ
แอนติบอดีของผู้รับเท่านั้น ไม่ต้องพิจารณาถึงแอนติบอดีของผู้ให้แล
ะแอนติเจนของผู้รับ เพราะหากนามาพิจารณาพร้อม ๆ กัน
ก็จะเหลือแต่การให้และรับเฉพาะหมู่เลือดเดียวกันเท่านั้น โดยทั่ว ๆ
ไปแล้วแอนติบอดีของผู้ให้ไม่ค่อยมีผลกับแอนติเจนของผู้รับมากนัก
เนื่องจากเลือดที่ให้มีปริมาณน้อยกว่าเลือดของผู้รับ
การตกตะกอนเกิดขึ้นบ้างเพียงเล็กน้อย
การรับและการให้ดังแผนภาพและตารางจึงใช้ได้
นอกจากหมู่เลือดที่สาคัญ 4 หมู่
แล้วยังมีหมู่เลือดอีกหมู่ที่มีความสาคัญแก่ชีวิต นั่นคือ
หมู่เลือดระบบ Rh ซึ่งได้มาจากคาว่า Rhesus
monkey ซึ่งเป็นลิงวอกชนิดหนึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Macacamulu
tta หมู่เลือดระบบ Rh แบ่งเป็น 2 พวก คือ Rh+และ Rh-
32. รูปภาพที่ 8 รูปแสดงหน้าเว็บไซต์(2)
บทที่ 5
สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปผลการวิเคราะห์โครงงาน
จากการศึกษาและสารวจหมู่เลือด ของนักเรียนชั้นม.4-6
พบว่าหมูเลือด O มีมากกว่าหมูเลือดอื่น รองลงมาก็หมู่เลือด BA และ
AB ตามลาดับ
จาการทาโครงงานนี้ในกลุ่มข้าพเจ้าทราบว่าประชาการนักเรียน
ม.4-6 ปีการศึกษา 2557 ว่าประมาณเท่าใดมีหมู่เลือดมากที่สุด
นอกจากนี้โครงงานนี้ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้สามารถสรุปเป็
นแผนภูมิวงกลมได้ดังนี้
33. รูปภาพที่ 9 รูปแผนภูมิแสดงปริมาณนักเรียนที่มีหมู่เลือดต่างๆ
อภิปรายผลการวิเคราะห์
จากการสรุปผลข้างต้นพบว่านักเรียนส่วนมากมีหมู่เลือด o
เนื่องจากความรู้ทางชีวิทยาที่ว่าหมู่เลือด o
สามารถบริจาคเลือดให้ได้กับทุกหมู่เลือด อันดับที่ 2 คือหมู่เลือด B
ที่สามารถบริจาคเลือดให้หมู่เลือด B กับ AB อันดับที่ 3 คือหมู่เลือด A
สามารถบริจาคหมู่เลือด A และ AB อันดับสุดท้ายคือหมู่เลือด AB
ที่ไม่สามารถบริจาคให้หมู่เลือดใดได้เลยแต่สามารถรับหมู่เลือดอื่นได้
ทุกหมู่เลือดนักเรียนที่มีหมู่เลือด AB จึงมีจานวนที่น้อยที่สุด
ข้อเสนอแนะ
1. สามารถนาทาเรื่องสถิติ นี้ไปทาเกี่ยวกับการสารวจอื่นๆได้
2.
ทุกๆคนต้องรู้หมู่เลือดกันทุกคนเมื่อเราเกิดอุบัติเหตุหมอจะได้รู้หมู่เลือ
ดและให้เลือดเราถูก
หมู่เลือด
O
B
A