SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 24
Downloaden Sie, um offline zu lesen
ระบบนิเวศ
(ecosystem)
ระบบนิเวศ(ecosystem) คือ ระบบความสัมพันธ์ ของสิ่งมีชีวต ในแหล่งทีอยู่แหล่ง
                                                      ิ          ่
ใดแหล่งหนึ่งซึ่งมีความสั มพันธ์ กน ความสั มพันธ์ กันนีจะมี 2 ลักษณะ คือ
                                    ั                       ้
     1. ความสั มพันธ์ ระหว่ างกลุ่มสิ่ งมีชีวตทีอยู่อาศัยรวมกันในแหล่งที่ อยู่น้ัน จัดเป็ น
                                             ิ ่
ความสั มพันธ์ ทางชีวภาพ
     2. ความสั มพันธ์ ระหว่ างกลุ่มสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้อมของแหล่งทีอยู่ ซึ่งเป็ น
                                              ิ                        ่
สิ่ งแวดล้อมทางกายภาพ ได้ แก่ ดิน นา อากาศ แร่ ธาตุ แสง สว่ าง เป็ นต้ น
                                         ้
      ความสั มพันธ์ ท้ง 2 ลักษณะดังกล่าว จะเกิดขึนพร้ อมๆ กัน ในระบบนิเวศทุก
                      ั                                ้
ระบบต้ องพึงพาอาศัยซึ่งกันและกัน สิ่ งมีชีวตไม่ สามารถอยู่ อย่ างโดดเดี่ยวได้ หาก
             ่                                   ิ
สิ่ งแวดล้อมอย่ างใดอย่ างหนึ่งถูกรบกวนก็จะ ส่ งผลกระทบถึงการดารงชีวตของ      ิ
สิ่ งมีชีวตชนิดอืน และจะส่ งผลถึง กันและกันทั้งระบบ
          ิ      ่
ประเภทของระบบนิเวศ

   โลกเป็ นระบบนิเวศทีใหญ่ ทสุด เรียกว่ า โลกของสิ่ งมีชีวต หรือชีวภาค
                       ่    ี่                            ิ
(biosphere) และสิ่งแวดล้อมในโลกของเราแต่ ละบริเวณจะมีความแตกต่างกันไป
ตามสภาพทางภูมศาสตร์ และ สภาพภูมิอากาศ ก่อให้ เกิดระบบนิเวศทีหลากหลาย
                  ิ                                              ่
แตกต่ างกันไปมีมากมายหลายระบบ ขนาด ใหญ่ บ้าง เล็กบ้ างมีความสลับซับซ้ อน
แตกต่ างกันไป ซึ่งเราสามารถจาแนกระบบนิเวศออกเป็ น 2 ระบบใหญ่ คือ
1. ระบบนิเวศตามธรรมชาติ เป็ นระบบนิเวศทีเ่ กิดขึนเองและมีอยู่ในธรรมชาติ ได้ แก่
                                                 ้
   ระบบนิเวศนาเค็ม เช่ น ระบบนิเวศทะเล มหาสมุทร เป็ นต้ น
                  ้
   ระบบนิเวศนาจืด เช่ น ระบบนิเวศแม่ นา ลาคลอง หนอง บึง เป็ นต้ น
                ้                       ้
   ระบบนิเวศบนบก เช่ น ระบบนิเวศป่ าไม้ ทุ่งหญ้ า ทะเลทราย เป็ นต้ น
2. ระบบนิเวศทีมนุษย์ สร้ างขึน เป็ นระบบนิเวศทีมนุษย์ สร้ างขึน เช่ น ระบบนิเวศ
              ่              ้                 ่              ้
เมือง ระบบนิเวศแหล่งเกษตร ระบบนิเวศแหล่งอุตสาหกรรม เป็ นต้ น
ความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้ อม
                                             ิ

     ในระบบนิเวศสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้อมมีความสั มพันธ์ ต่อกัน เช่ น ความสั มพันธ์
                            ิ
ของสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้อมทางกายภาพ เช่ น ดิน นา แสงสว่ าง อากาศ แร่ ธาตุ
               ิ                                  ้
ความชื้น อุณหภูมิ เป็ นต้ น การเปลียนแปลงของสิ่ งแวดล้อมทางกายภาพดังกล่าว จะ
                                   ่
ส่ งผลกระทบต่ อการดารงชีวตของสิ่ งมีชีวต และการเปลียนแปลงของสิ่ งมีชีวต ก็จะ
                              ิ          ิ            ่                    ิ
ส่ งผลกระทบต่ อสิ่ งแวดล้อมเช่ นกัน ระบบนิเวศทีมีความสมดุลระหว่ างสิ่ งแวดล้อม
                                                ่
และสิ่ งมีชีวตจะก่อให้ เกิดสมดุล ในธรรมชาติ
             ิ
ความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้ อมทางกายภาพ
                                      ิ


สิ่ งแวดล้ อมทางกายภาพ
องค์ ประกอบทีไม่ มชีวตทุกอย่ างทีมอยู่ในธรรมชาติ เช่ น แสงสว่ างอุณหภูมิ แร่ ธาตุ
              ่ ี ิ              ่ ี
ความชื้น อากาศและก๊าซต่ างๆ ความเป็ นกรด-เบสของดินและนา ความเค็ม กระแส
                                                            ้
ลม กระแสนา จะมีความเกียวข้ องสั มพันธ์ ซึ่งกันและกันในระบบนิเวศ และจะมี
            ้            ่
อิทธิพลต่ อการดารงชีวตของสิ่ งมีชีวตในระบบนิเวศ ดังนี้
                     ิ               ิ
แสงสว่ าง
      แสงจากดวงอาทิตย์ เป็ นพลังงานทีมีอทธิพลต่ อสิ่ งมีชีวตทุกชนิดบนโลก ปริมาณแสงใน
                                       ่ ิ                   ิ
ธรรมชาติแต่ ละแห่ งจะแตกต่ างกันทาให้ สิ่งมีชีวิตในแต่ ละแห่ งแตก ต่ างกันไป พืชต้ องการแสง
จากดวงอาทิตย์มากกว่ าสั ตว์ พืชใช้ แสงเป็ นพลังงานในกระบวนการสั งเคราะห์ แสงเพือสร้ าง
                                                                                     ่
สารอาหาร สารอาหารสร้ างขึนจะถ่ ายทอดไปยังสั ตว์ ในห่ วงโซ่ อาหาร ความต้ องการแสงของ
                               ้
สิ่ งมีชีวตจะมีความแตกต่ างกันทาให้ พชทีมีแสงสว่ างส่ อง ถึง จะมีความหนาแน่ นมากกว่ าบริเวณ
          ิ                             ื ่
ทีมีแสงส่ องถึงน้ อย พืชแต่ ละชนิดต้ องการแสงในปริมาณแตกต่ างกัน
    ่
       แสงจะมีอทธิพลต่ อการดารงชีวิตของสั ตว์ ด้วยเช่ นกัน สั ตว์ บางชนิดต้ องการแสงน้ อย มัก
                ิ
อาศัยอยู่ในร่ มเงาหรือในที่มด เช่ น ตัวอ่ อนของแมลงในทะเลทรายซึ่งมีแสงมากในเวลากลางวัน
                             ื
สั ตว์ จะหลบซอนตัวและจะออกหากินในเวลากลางคืน ในทะเลลึกจะมีแสงสว่ างน้ อยมากหรือไม่
มีเลย สั ตว์ จะมีอวัยวะทีทาหน้ าที่กาเนิดแสงได้ เองเป็ นต้ น
                         ่
แร่ ธาตุและก๊ าซ
     พืชและสั ตว์ นาแร่ ธาตุและก๊าซต่ างๆ ไปใช้ ในการสร้ างอาหารและโครงสร้ างของ
ร่ างกาย ความต้ องการแร่ ธาตุและก๊าซของสิ่ งมีชีวตจะมีความแตกต่ างกัน พืช
                                                   ิ
ต้ องการออกซิเจนต่ากว่ าสั ตว์ เพราะสั ตว์ มีการเคลือนไหวกว่ าพืช พืชต้ องการก๊าซ
                                                     ่
คาร์ บอนไดออกไซด์ สูงกว่ าสั ตว์ เพือนาไปใช้ ในกระบวนการ สั งเคราะห์ แสง เป็ นต้ น
                                    ่
ก๊าซและแร่ ธาตุทสาคัญ ได้ แก่ ออกซิเจน คาร์ บอน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส
                      ี่
โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฯลฯ ซึ่งจะมีอยู่ในระบบนิเวศในปริมาณทีแตกต่ างกัน ใน
                                                                     ่
ดินจะมีแร่ ธาตุทจาเป็ นต่ อพืชพวกไนโตรเจนฟอสฟอรัส โพแทสเซียมในปริมาณสู ง
                   ่ี
และปริมาณของแร่ ธาตุดงกล่าวจะแตกต่ างกันไปตามสภาพพืนทีด้วย จึงทาให้
                           ั                                  ้ ่
ลักษณะเฉพาะของพืชและสั ตว์ มีความแตกต่ างกันด้ วย
ความเป็ นกรด-เบสของดินและนา
                          ้
   สิ่ งมีชีวตจะอาศัยอยู่ในดินและแหล่ งนาทีมความเป็ นกรด-เบส ของดิน
             ิ                          ้ ่ ี
และนาทีเ่ หมาะสม จึงจะสามารถเจริญเติบโตและดารงชีวตอยู่ได้ ตามปกติ
      ้                                              ิ
ความเป็ นกรด-เบสของดินและนาจะขึนอยู่กบปริมาณของแร่ ธาตุทละลาย
                               ้ ้        ั                  ี่
ปะปนอยู่
ความชื้น
    ปริมาณของไอนาทีอยู่ในอากาศ จะเปลียนแปลงไปตามพืนที่ ฤดูกาล
                     ้ ่                 ่               ้
เช่ น ในเขตร้ อนปริมาณความชื้นจะสู ง เนื่องจากมีฝนตกอย่ างสม่าเสมอ ใน
เขตหนาวจะมีความชื้นน้ อย ความชื้นจะมีผลโดยตรงต่ อสมดุลของนาใน     ้
ร่ างกายของสิ่ งมีชีวต ทาให้ ปริมาณ ชนิด และการกระจายของสิ่ งมีชีวตใน
                      ิ                                             ิ
เขตร้ อนมีความหลากหลายมากกว่ าในเขตหนาว
ความเค็ม
  ความเค็มของดินและนา เป็ นปัจจัยทางกายภาพทีมีผลต่ อการดารงชีวต
                         ้                         ่                  ิ
ของสิ่ งมีชีวต ทั้งพืชและสั ตว์ พืชบางชนิดไม่ สามารถที่จะเจริญเติบโตได้ ใน
             ิ
ดินเค็มแต่ บางชนิดสามารถเจริญเติบโตได้ ดี เช่ น ผักบุ้งทะเล ในปัจจุบัน
พืนที่ชายทะเลบางพืนที่ประสบปัญหาเรื่องดินเค็ม อันเนื่องมาจากการทา
  ้                   ้
นากุ้ง การทานาเกลือ
กระแสนา
      ้
กระแสนาเป็ นปัจจัยทางกายภาพทีมีผลต่ อการแพร่ กระจายของสิ่ งมีชีวตใน
       ้                         ่                                  ิ
นา ความเข้ มข้ น ของก๊ าซ และอาหารทีละลายหรือลอยอยู่ในนา พฤติกรรม
 ้                                   ่                      ้
จานวนของสิ่ งมีชีวตทีอยู่ในแหล่ งนา ความเข้ มข้ นของก๊ าซ และอาหารที่
                  ิ ่              ้
ละลายหรือลอยอยู่ในนา พฤติกรรม จานวนของสิ่ งมีชีวตอยู่ในแหล่ งนานิ่ง
                       ้                             ิ            ้
และนาไหลจะแตกต่ างกัน
     ้
กระแสลม
กระแสลมจะมีความสาคัญต่ อการเจริญพันธุ์ของพืช จะช่ วยในการถ่ าย
ละอองเรณู และการแพร่ กระจายของเมล็ดพันธุ์
ความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวตในระบบนิเวศ
                                       ิ

ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ่ งมีชีวตชนิดเดียวกัน
                                ิ
        ซึ่งดารงชีวตอยู่ร่วมกันเป็ นหมู่เป็ นกลุ่ม เป็ นฝูง มีความสั มพันธ์ ท้ง
                    ิ                                                         ั
ในด้ านบวกและลบ ผลดีกคอ การอยู่ร่วมกันเป็ นฝูง จะทาให้ มีการปกปอง
                               ็ ื                                       ้
อันตรายให้ กน มีการขยายพันธุ์ได้ รวดเร็วขึน มีการแบ่ งบทบาท
               ั                               ้
หน้ าที่ เป็ นผู้นาฝูง เช่ น การรวมฝูงของช้ าง ลิง ผึง ต่ อ แตน และนก
                                                      ้
ขณะเดียวกันก็มีผลในทางลบ เพราะการอยู่ร่วมกันเป็ นกลุ่มและดารงชีวต           ิ
แบบเดียวกันนั้น ก่ อให้ เกิดการแก่ งแย่ งแข่ งขัน และเกิดความหนาแน่ นของ
ประชากรมากเกินไป
ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ่ งมีชีวตต่ างชนิดกัน
                                ิ
       เป็ นความสั มพันธ์ ทเี่ กิดขึนในลักษณะต่ าง ๆ ดังนี้
                                    ้
       1. ภาวะการเป็ นผู้อาศัย เป็ นความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวต ๒ ชนิดที่
                                                                 ิ
อาศัยอยู่ร่วมกันฝ่ ายผู้อาศัยเป็ นผู้ได้ รับประโยชน์ ผู้ให้ อาศัยเป็ นผู้เสี ย
ประโยชน์ เช่ น ต้ นกาฝาก ซึ่งเกิดบนต้ นไม้ ใหญ่ มีรากพิเศษทีเ่ จาะลงไปยัง
ท่ อนาและท่ ออาหารของต้ นไม้ เพือดูดนาและธาตุ อาหารหรือสั ตว์ ประเภท
     ้                                ่     ้
หมัด เรือด เห็บ ปลิง ทากเหา ไร เป็ นต้ น
2. การล่ าเหยือ เป็ นการอยู่ร่วมกันของสิ่ งมีชีวตทีชีวตหนึ่งต้ องตกเป็ น
                ่                                 ิ ่ ิ
อาหารของอีกชีวต หนึ่ง เช่ น กวางเป็ นอาหารของสั ตว์ ปลาเป็ นอาหาร
                   ิ
ของมนุษย์ ซึ่งสิ่ งมีชีวตล่ าชีวตอืนเป็ นอาหาร เรียกว่ า ผู้ล่า และชีวตทีต้อง
                        ิ       ิ ่                                   ิ
ตกเป็ นอาหารนั้น เรียกว่ า เหยือ ่
3. การได้ ประโยชน์ ร่วมกัน เป็ นการอยู่ร่วมกันระหว่ างสิ่ งมีชีวต ๒
                                                                   ิ
ชนิด ที่ต่างฝ่ ายต่ างได้ รับประโยชน์ กนและกัน แต่ ไม่ จาเป็ นต้ องอยู่
                                       ั
ด้ วยกันตลอดเวลา นั่นคือบางครั้งอาจอยู่ด้วยกัน บางครั้งก็อาจแยกใช้ ชีวต   ิ
อยู่ตามลาพังได้ เช่ น นกเอียงกับควาย การทีนกเอียงเกาะอยู่บนหลังควาย
                             ้               ่ ้
นั้นมันจะจิกกินเห็บให้ กบควาย ขณะเดียวกันก็จะส่ งเสี ยงเตือนภัยให้ กบ
                           ั                                            ั
ควายเมื่อมีศัตรู มาทาอันตรายควาย หรือแมลงทีดูดกินนาหวานจาก
                                                 ่       ้
ดอกไม้ มันก็จะช่ วยผสมเกสรให้ กบดอกไม้ ไปด้ วยพร้ อมกัน
                                   ั
4. ภาวะแห่ งการเกือกูล เป็ นความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวต ๒ ชนิด ทีฝ่าย
                      ้                                   ิ            ่
หนึ่งได้ ประโยชน์ ส่ วนอีกฝ่ ายไม่ เสี ยประโยชน์ แต่ กไม่ ได้ ประโยชน์
                                                        ็
อย่ างเช่ น กล้ วยไม้ ป่า ทีเ่ กาะอยู่ตามเปลือกของต้ นไม้ ใหญ่ ในป่ า อาศัย
ความชื้นและธาตุอาหารจากเปลือกไม้ แต่ กไม่ ได้ ชอนไชรากเข้ าไปทา
                                               ็
อันตรายกับลาต้ นของต้ นไม้ ต้ นไม้ จงไม่ เสี ยผลประโยชน์ แต่ กไม่ ได้
                                         ึ                          ็
ประโยชน์ จากการเกาะของกล้ วยไม้ น้ัน
5. ภาวะที่ต้องพึงพากันและกัน เป็ นการอยู่ร่วมกันของสิ่ งมีชีวต ๒ ชนิด
                       ่                                         ิ
ทีไม่ สามารถมีชีวตอยู่ได้ ถ้ าแยกจากกัน เช่ น ไลเคนซึ่งประกอบด้ วยราและ
  ่                  ิ
สาหร่ าย สาหร่ ายนั้นสามารถสร้ างอาหารได้ เอง แต่ ต้องอาศัยความชื้นจาก
ราและราก็ได้ อาหารจากสาหร่ าย เช่ นปลวกกินไม้ เป็ นอาหาร แต่ ในลาไส้
ของปลวกไม่ มนาย่ อยสาหรับย่ อยเซลลูโลส ต้ องอาศัยโปรโตซัว ซึ่งอาศัย
                 ี ้
อยู่ในลาไส้ ของปลวกเองเป็ นตัวช่ วยย่ อยเซลลูโลส และโปรโตซัวเองก็ได้
อาหารจากการย่ อยนีด้วย   ้
6. ภาวะของการสร้ างสารปฏิชีวนะ เป็ นการอยู่ร่วมกันของสิ่ งมีชีวต ที่ิ
ฝ่ ายหนึ่งไม่ ได้ รับประโยชน์ แต่ อกฝ่ ายหนึ่งต้ องเสี ยประโยชน์ เกิดขึน
                                   ี                                   ้
เนื่องจากสิ่ งมีชีวตบางชนิดได้ สกัดสารออกจากร่ างกาย แล้ วสารนั้นไปมี
                     ิ
ผลต่ อสิ่ งมี-ชีวตอืน เช่ น ราเพนิซิเลียม สร้ างสารเพนิซีเลียมออกมาแล้ ว
                  ิ ่
ไปมีผลต่ อการยับยั้งการเจริญของบัคเตรี

    7. ภาวะการกีดกัน เป็ นภาวะทีการดารงอยู่ของสิ่ งมีชีวต ไปมีผลต่ อการ
                                        ่                  ิ
อยู่รอดของสิ่ งมีชีวตอีกชนิดหนึ่ง เช่ น ต้ นไม้ ใหญ่ บงแสงไม่ ให้ ส่องถึงไม้
                      ิ                               ั
เล็กทีอยู่ข้างล่ าง ทาให้ ไม้ เล็กไม่ อาจเติบโตได้
      ่
8. ภาวะของการแข่ งขัน เป็ นความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวต ๒ ชีวต ซึ่ง
                                                            ิ     ิ
อาจเป็ นชนิดเดียวกันหรือต่ างชนิดกัน ทีมความต้ องการทีอยู่อาศัยหรือ
                                       ่ ี                ่
อาหารอย่ างเดียวกันในการดารงชีวต และปัจจัยดังกล่ าวนั้นมีจากัด จึงเกิด
                                 ิ
การแข่ งขันเพือครอบครองทีอยู่อาศัยหรือแย่ งชิงอาหารนั้น เช่ น ต้ นไม้ สอง
              ่             ่
ต้ นทีขนอยู่ในกระถางเดียวกัน
      ่ ึ้


   9. ภาวะการเป็ นกลาง เป็ นการอยู่ร่วมกันของสิ่ งมีชีวต ๒ ชีวตใน
                                                        ิ       ิ
ชุมชนเดียวกันแต่ ต่างดารงชีวตเป็ นอิสระแก่ กนโดยไม่ ให้ และไม่ เสี ย
                            ิ               ั
ประโยชน์ ต่อกัน
10. ภาวะการย่ อยสลาย เป็ นการดารงชีวตของพวกเห็ดรา บัคเตรี ทีมี
                                                ิ                        ่
ชีวตอยู่ด้วยการหลังสารเอนไซม์ ออกมานอกร่ างกาย เพือย่ อยซากสิ่ งมีชีวต
     ิ               ่                                    ่                ิ
ให้ เป็ นรู ปของเหลว แล้ วดูดซึมเข้ าสู่ ร่างกาย ในรู ปของเหลว ซึ่งเป็ น
สิ่ งมีชีวตทาให้ เกิดการหมุนเวียนของธาตุอาหารขึนในระบบนิเวศ
           ิ                                          ้
ขอบคุณทีตดตามอ่ านนะคะ
        ่ ิ

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

นิเวศวิทยา
นิเวศวิทยานิเวศวิทยา
นิเวศวิทยาThanyamon Chat.
 
ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001suttidakamsing
 
ความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาweerabong
 
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมสมพร นายน้อย
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศN'apple Naja
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมPinutchaya Nakchumroon
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศmaleela
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศPoonyawee Pimman
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศcrunui
 
บทที่2 ระบบนิเวศ
บทที่2 ระบบนิเวศบทที่2 ระบบนิเวศ
บทที่2 ระบบนิเวศGreen Greenz
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์supornp13
 
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)พัน พัน
 
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3kkrunuch
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมKittiya GenEnjoy
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศSupaluk Juntap
 

Was ist angesagt? (20)

นิเวศวิทยา
นิเวศวิทยานิเวศวิทยา
นิเวศวิทยา
 
ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001
 
ความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยา
 
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
 
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
Ecology (2) 3
Ecology (2) 3Ecology (2) 3
Ecology (2) 3
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
 
2แบบทดสอบระบบนิเวศ (ตอนที่ 2)
2แบบทดสอบระบบนิเวศ (ตอนที่ 2)2แบบทดสอบระบบนิเวศ (ตอนที่ 2)
2แบบทดสอบระบบนิเวศ (ตอนที่ 2)
 
บทที่2 ระบบนิเวศ
บทที่2 ระบบนิเวศบทที่2 ระบบนิเวศ
บทที่2 ระบบนิเวศ
 
ไบโอม
ไบโอมไบโอม
ไบโอม
 
วิทย์
วิทย์วิทย์
วิทย์
 
ความหลากหลายทางระบบนิเวศ
ความหลากหลายทางระบบนิเวศความหลากหลายทางระบบนิเวศ
ความหลากหลายทางระบบนิเวศ
 
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
 
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
 
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 

Ähnlich wie ระบบนิเวศ

ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศJira Boonjira
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพLPRU
 
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมkasarin rodsi
 
การปรับตัว
การปรับตัวการปรับตัว
การปรับตัวDizz Love T
 
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาดหน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาดWan Ngamwongwan
 
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)พัน พัน
 
บทที่ 3 ตอนที่ 3
บทที่ 3  ตอนที่ 3บทที่ 3  ตอนที่ 3
บทที่ 3 ตอนที่ 3gasine092
 
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพบทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพฟลุ๊ค ลำพูน
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00suttidakamsing
 
ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00suttidakamsing
 

Ähnlich wie ระบบนิเวศ (20)

ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม
 
Ecosystem ii
Ecosystem iiEcosystem ii
Ecosystem ii
 
Ecosystem ii
Ecosystem iiEcosystem ii
Ecosystem ii
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
ecosystem
ecosystemecosystem
ecosystem
 
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม
 
การปรับตัว
การปรับตัวการปรับตัว
การปรับตัว
 
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาดหน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
 
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
 
บทที่ 3 ตอนที่ 3
บทที่ 3  ตอนที่ 3บทที่ 3  ตอนที่ 3
บทที่ 3 ตอนที่ 3
 
ใบความรู้ที่ 1.2
ใบความรู้ที่ 1.2ใบความรู้ที่ 1.2
ใบความรู้ที่ 1.2
 
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพบทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
Response to stimuli in plants
Response to stimuli in plantsResponse to stimuli in plants
Response to stimuli in plants
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
File
FileFile
File
 
Pw ecosystem
Pw ecosystemPw ecosystem
Pw ecosystem
 
ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00
 
ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00
 
Bio physics period1
Bio physics period1Bio physics period1
Bio physics period1
 

Mehr von Jiraporn

Best practice2013
Best practice2013Best practice2013
Best practice2013Jiraporn
 
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์Jiraporn
 
ตัวอย่างชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์
ตัวอย่างชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ตัวอย่างชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์
ตัวอย่างชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์Jiraporn
 
profile Fakkwanwittayakom school
profile Fakkwanwittayakom schoolprofile Fakkwanwittayakom school
profile Fakkwanwittayakom schoolJiraporn
 
งานและพลังงาน
งานและพลังงานงานและพลังงาน
งานและพลังงานJiraporn
 
โรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรมโรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรมJiraporn
 
แบบฝึกหัดเอกภพ
แบบฝึกหัดเอกภพแบบฝึกหัดเอกภพ
แบบฝึกหัดเอกภพJiraporn
 
เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ Jiraporn
 
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305Jiraporn
 
ไฟฟ้า
ไฟฟ้าไฟฟ้า
ไฟฟ้าJiraporn
 
1.อิเล็กทรอนิกส์
1.อิเล็กทรอนิกส์1.อิเล็กทรอนิกส์
1.อิเล็กทรอนิกส์Jiraporn
 
Attachment
AttachmentAttachment
AttachmentJiraporn
 
รายงาน Obec awards
รายงาน Obec awardsรายงาน Obec awards
รายงาน Obec awardsJiraporn
 
ชุดการสอนใส่ใจสุขภาพ
ชุดการสอนใส่ใจสุขภาพชุดการสอนใส่ใจสุขภาพ
ชุดการสอนใส่ใจสุขภาพJiraporn
 
บทคัดย่อ
บทคัดย่อบทคัดย่อ
บทคัดย่อJiraporn
 
รายงาน Obec awards
รายงาน Obec awards รายงาน Obec awards
รายงาน Obec awards Jiraporn
 
รายงานการประเมินตนเอง 2 54
รายงานการประเมินตนเอง 2 54รายงานการประเมินตนเอง 2 54
รายงานการประเมินตนเอง 2 54Jiraporn
 

Mehr von Jiraporn (20)

Best practice2013
Best practice2013Best practice2013
Best practice2013
 
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
รวมบทคัดย่อโครงงานวิทย์
 
ตัวอย่างชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์
ตัวอย่างชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ตัวอย่างชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์
ตัวอย่างชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์
 
profile Fakkwanwittayakom school
profile Fakkwanwittayakom schoolprofile Fakkwanwittayakom school
profile Fakkwanwittayakom school
 
งานและพลังงาน
งานและพลังงานงานและพลังงาน
งานและพลังงาน
 
โรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรมโรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรม
 
แบบฝึกหัดเอกภพ
แบบฝึกหัดเอกภพแบบฝึกหัดเอกภพ
แบบฝึกหัดเอกภพ
 
เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
เฉลยกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
 
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
 
ไฟฟ้า
ไฟฟ้าไฟฟ้า
ไฟฟ้า
 
M3 91c
M3 91cM3 91c
M3 91c
 
M3 91d
M3 91dM3 91d
M3 91d
 
1.อิเล็กทรอนิกส์
1.อิเล็กทรอนิกส์1.อิเล็กทรอนิกส์
1.อิเล็กทรอนิกส์
 
Eco1
Eco1Eco1
Eco1
 
Attachment
AttachmentAttachment
Attachment
 
รายงาน Obec awards
รายงาน Obec awardsรายงาน Obec awards
รายงาน Obec awards
 
ชุดการสอนใส่ใจสุขภาพ
ชุดการสอนใส่ใจสุขภาพชุดการสอนใส่ใจสุขภาพ
ชุดการสอนใส่ใจสุขภาพ
 
บทคัดย่อ
บทคัดย่อบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
 
รายงาน Obec awards
รายงาน Obec awards รายงาน Obec awards
รายงาน Obec awards
 
รายงานการประเมินตนเอง 2 54
รายงานการประเมินตนเอง 2 54รายงานการประเมินตนเอง 2 54
รายงานการประเมินตนเอง 2 54
 

ระบบนิเวศ

  • 2. ระบบนิเวศ(ecosystem) คือ ระบบความสัมพันธ์ ของสิ่งมีชีวต ในแหล่งทีอยู่แหล่ง ิ ่ ใดแหล่งหนึ่งซึ่งมีความสั มพันธ์ กน ความสั มพันธ์ กันนีจะมี 2 ลักษณะ คือ ั ้ 1. ความสั มพันธ์ ระหว่ างกลุ่มสิ่ งมีชีวตทีอยู่อาศัยรวมกันในแหล่งที่ อยู่น้ัน จัดเป็ น ิ ่ ความสั มพันธ์ ทางชีวภาพ 2. ความสั มพันธ์ ระหว่ างกลุ่มสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้อมของแหล่งทีอยู่ ซึ่งเป็ น ิ ่ สิ่ งแวดล้อมทางกายภาพ ได้ แก่ ดิน นา อากาศ แร่ ธาตุ แสง สว่ าง เป็ นต้ น ้ ความสั มพันธ์ ท้ง 2 ลักษณะดังกล่าว จะเกิดขึนพร้ อมๆ กัน ในระบบนิเวศทุก ั ้ ระบบต้ องพึงพาอาศัยซึ่งกันและกัน สิ่ งมีชีวตไม่ สามารถอยู่ อย่ างโดดเดี่ยวได้ หาก ่ ิ สิ่ งแวดล้อมอย่ างใดอย่ างหนึ่งถูกรบกวนก็จะ ส่ งผลกระทบถึงการดารงชีวตของ ิ สิ่ งมีชีวตชนิดอืน และจะส่ งผลถึง กันและกันทั้งระบบ ิ ่
  • 3. ประเภทของระบบนิเวศ โลกเป็ นระบบนิเวศทีใหญ่ ทสุด เรียกว่ า โลกของสิ่ งมีชีวต หรือชีวภาค ่ ี่ ิ (biosphere) และสิ่งแวดล้อมในโลกของเราแต่ ละบริเวณจะมีความแตกต่างกันไป ตามสภาพทางภูมศาสตร์ และ สภาพภูมิอากาศ ก่อให้ เกิดระบบนิเวศทีหลากหลาย ิ ่ แตกต่ างกันไปมีมากมายหลายระบบ ขนาด ใหญ่ บ้าง เล็กบ้ างมีความสลับซับซ้ อน แตกต่ างกันไป ซึ่งเราสามารถจาแนกระบบนิเวศออกเป็ น 2 ระบบใหญ่ คือ
  • 4. 1. ระบบนิเวศตามธรรมชาติ เป็ นระบบนิเวศทีเ่ กิดขึนเองและมีอยู่ในธรรมชาติ ได้ แก่ ้ ระบบนิเวศนาเค็ม เช่ น ระบบนิเวศทะเล มหาสมุทร เป็ นต้ น ้ ระบบนิเวศนาจืด เช่ น ระบบนิเวศแม่ นา ลาคลอง หนอง บึง เป็ นต้ น ้ ้ ระบบนิเวศบนบก เช่ น ระบบนิเวศป่ าไม้ ทุ่งหญ้ า ทะเลทราย เป็ นต้ น 2. ระบบนิเวศทีมนุษย์ สร้ างขึน เป็ นระบบนิเวศทีมนุษย์ สร้ างขึน เช่ น ระบบนิเวศ ่ ้ ่ ้ เมือง ระบบนิเวศแหล่งเกษตร ระบบนิเวศแหล่งอุตสาหกรรม เป็ นต้ น
  • 5. ความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้ อม ิ ในระบบนิเวศสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้อมมีความสั มพันธ์ ต่อกัน เช่ น ความสั มพันธ์ ิ ของสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้อมทางกายภาพ เช่ น ดิน นา แสงสว่ าง อากาศ แร่ ธาตุ ิ ้ ความชื้น อุณหภูมิ เป็ นต้ น การเปลียนแปลงของสิ่ งแวดล้อมทางกายภาพดังกล่าว จะ ่ ส่ งผลกระทบต่ อการดารงชีวตของสิ่ งมีชีวต และการเปลียนแปลงของสิ่ งมีชีวต ก็จะ ิ ิ ่ ิ ส่ งผลกระทบต่ อสิ่ งแวดล้อมเช่ นกัน ระบบนิเวศทีมีความสมดุลระหว่ างสิ่ งแวดล้อม ่ และสิ่ งมีชีวตจะก่อให้ เกิดสมดุล ในธรรมชาติ ิ
  • 6. ความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งแวดล้ อมทางกายภาพ ิ สิ่ งแวดล้ อมทางกายภาพ องค์ ประกอบทีไม่ มชีวตทุกอย่ างทีมอยู่ในธรรมชาติ เช่ น แสงสว่ างอุณหภูมิ แร่ ธาตุ ่ ี ิ ่ ี ความชื้น อากาศและก๊าซต่ างๆ ความเป็ นกรด-เบสของดินและนา ความเค็ม กระแส ้ ลม กระแสนา จะมีความเกียวข้ องสั มพันธ์ ซึ่งกันและกันในระบบนิเวศ และจะมี ้ ่ อิทธิพลต่ อการดารงชีวตของสิ่ งมีชีวตในระบบนิเวศ ดังนี้ ิ ิ
  • 7. แสงสว่ าง แสงจากดวงอาทิตย์ เป็ นพลังงานทีมีอทธิพลต่ อสิ่ งมีชีวตทุกชนิดบนโลก ปริมาณแสงใน ่ ิ ิ ธรรมชาติแต่ ละแห่ งจะแตกต่ างกันทาให้ สิ่งมีชีวิตในแต่ ละแห่ งแตก ต่ างกันไป พืชต้ องการแสง จากดวงอาทิตย์มากกว่ าสั ตว์ พืชใช้ แสงเป็ นพลังงานในกระบวนการสั งเคราะห์ แสงเพือสร้ าง ่ สารอาหาร สารอาหารสร้ างขึนจะถ่ ายทอดไปยังสั ตว์ ในห่ วงโซ่ อาหาร ความต้ องการแสงของ ้ สิ่ งมีชีวตจะมีความแตกต่ างกันทาให้ พชทีมีแสงสว่ างส่ อง ถึง จะมีความหนาแน่ นมากกว่ าบริเวณ ิ ื ่ ทีมีแสงส่ องถึงน้ อย พืชแต่ ละชนิดต้ องการแสงในปริมาณแตกต่ างกัน ่ แสงจะมีอทธิพลต่ อการดารงชีวิตของสั ตว์ ด้วยเช่ นกัน สั ตว์ บางชนิดต้ องการแสงน้ อย มัก ิ อาศัยอยู่ในร่ มเงาหรือในที่มด เช่ น ตัวอ่ อนของแมลงในทะเลทรายซึ่งมีแสงมากในเวลากลางวัน ื สั ตว์ จะหลบซอนตัวและจะออกหากินในเวลากลางคืน ในทะเลลึกจะมีแสงสว่ างน้ อยมากหรือไม่ มีเลย สั ตว์ จะมีอวัยวะทีทาหน้ าที่กาเนิดแสงได้ เองเป็ นต้ น ่
  • 8. แร่ ธาตุและก๊ าซ พืชและสั ตว์ นาแร่ ธาตุและก๊าซต่ างๆ ไปใช้ ในการสร้ างอาหารและโครงสร้ างของ ร่ างกาย ความต้ องการแร่ ธาตุและก๊าซของสิ่ งมีชีวตจะมีความแตกต่ างกัน พืช ิ ต้ องการออกซิเจนต่ากว่ าสั ตว์ เพราะสั ตว์ มีการเคลือนไหวกว่ าพืช พืชต้ องการก๊าซ ่ คาร์ บอนไดออกไซด์ สูงกว่ าสั ตว์ เพือนาไปใช้ ในกระบวนการ สั งเคราะห์ แสง เป็ นต้ น ่ ก๊าซและแร่ ธาตุทสาคัญ ได้ แก่ ออกซิเจน คาร์ บอน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ี่ โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฯลฯ ซึ่งจะมีอยู่ในระบบนิเวศในปริมาณทีแตกต่ างกัน ใน ่ ดินจะมีแร่ ธาตุทจาเป็ นต่ อพืชพวกไนโตรเจนฟอสฟอรัส โพแทสเซียมในปริมาณสู ง ่ี และปริมาณของแร่ ธาตุดงกล่าวจะแตกต่ างกันไปตามสภาพพืนทีด้วย จึงทาให้ ั ้ ่ ลักษณะเฉพาะของพืชและสั ตว์ มีความแตกต่ างกันด้ วย
  • 9. ความเป็ นกรด-เบสของดินและนา ้ สิ่ งมีชีวตจะอาศัยอยู่ในดินและแหล่ งนาทีมความเป็ นกรด-เบส ของดิน ิ ้ ่ ี และนาทีเ่ หมาะสม จึงจะสามารถเจริญเติบโตและดารงชีวตอยู่ได้ ตามปกติ ้ ิ ความเป็ นกรด-เบสของดินและนาจะขึนอยู่กบปริมาณของแร่ ธาตุทละลาย ้ ้ ั ี่ ปะปนอยู่
  • 10. ความชื้น ปริมาณของไอนาทีอยู่ในอากาศ จะเปลียนแปลงไปตามพืนที่ ฤดูกาล ้ ่ ่ ้ เช่ น ในเขตร้ อนปริมาณความชื้นจะสู ง เนื่องจากมีฝนตกอย่ างสม่าเสมอ ใน เขตหนาวจะมีความชื้นน้ อย ความชื้นจะมีผลโดยตรงต่ อสมดุลของนาใน ้ ร่ างกายของสิ่ งมีชีวต ทาให้ ปริมาณ ชนิด และการกระจายของสิ่ งมีชีวตใน ิ ิ เขตร้ อนมีความหลากหลายมากกว่ าในเขตหนาว
  • 11. ความเค็ม ความเค็มของดินและนา เป็ นปัจจัยทางกายภาพทีมีผลต่ อการดารงชีวต ้ ่ ิ ของสิ่ งมีชีวต ทั้งพืชและสั ตว์ พืชบางชนิดไม่ สามารถที่จะเจริญเติบโตได้ ใน ิ ดินเค็มแต่ บางชนิดสามารถเจริญเติบโตได้ ดี เช่ น ผักบุ้งทะเล ในปัจจุบัน พืนที่ชายทะเลบางพืนที่ประสบปัญหาเรื่องดินเค็ม อันเนื่องมาจากการทา ้ ้ นากุ้ง การทานาเกลือ
  • 12. กระแสนา ้ กระแสนาเป็ นปัจจัยทางกายภาพทีมีผลต่ อการแพร่ กระจายของสิ่ งมีชีวตใน ้ ่ ิ นา ความเข้ มข้ น ของก๊ าซ และอาหารทีละลายหรือลอยอยู่ในนา พฤติกรรม ้ ่ ้ จานวนของสิ่ งมีชีวตทีอยู่ในแหล่ งนา ความเข้ มข้ นของก๊ าซ และอาหารที่ ิ ่ ้ ละลายหรือลอยอยู่ในนา พฤติกรรม จานวนของสิ่ งมีชีวตอยู่ในแหล่ งนานิ่ง ้ ิ ้ และนาไหลจะแตกต่ างกัน ้
  • 13. กระแสลม กระแสลมจะมีความสาคัญต่ อการเจริญพันธุ์ของพืช จะช่ วยในการถ่ าย ละอองเรณู และการแพร่ กระจายของเมล็ดพันธุ์
  • 14. ความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวตในระบบนิเวศ ิ ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ่ งมีชีวตชนิดเดียวกัน ิ ซึ่งดารงชีวตอยู่ร่วมกันเป็ นหมู่เป็ นกลุ่ม เป็ นฝูง มีความสั มพันธ์ ท้ง ิ ั ในด้ านบวกและลบ ผลดีกคอ การอยู่ร่วมกันเป็ นฝูง จะทาให้ มีการปกปอง ็ ื ้ อันตรายให้ กน มีการขยายพันธุ์ได้ รวดเร็วขึน มีการแบ่ งบทบาท ั ้ หน้ าที่ เป็ นผู้นาฝูง เช่ น การรวมฝูงของช้ าง ลิง ผึง ต่ อ แตน และนก ้ ขณะเดียวกันก็มีผลในทางลบ เพราะการอยู่ร่วมกันเป็ นกลุ่มและดารงชีวต ิ แบบเดียวกันนั้น ก่ อให้ เกิดการแก่ งแย่ งแข่ งขัน และเกิดความหนาแน่ นของ ประชากรมากเกินไป
  • 15.
  • 16. ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ่ งมีชีวตต่ างชนิดกัน ิ เป็ นความสั มพันธ์ ทเี่ กิดขึนในลักษณะต่ าง ๆ ดังนี้ ้ 1. ภาวะการเป็ นผู้อาศัย เป็ นความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวต ๒ ชนิดที่ ิ อาศัยอยู่ร่วมกันฝ่ ายผู้อาศัยเป็ นผู้ได้ รับประโยชน์ ผู้ให้ อาศัยเป็ นผู้เสี ย ประโยชน์ เช่ น ต้ นกาฝาก ซึ่งเกิดบนต้ นไม้ ใหญ่ มีรากพิเศษทีเ่ จาะลงไปยัง ท่ อนาและท่ ออาหารของต้ นไม้ เพือดูดนาและธาตุ อาหารหรือสั ตว์ ประเภท ้ ่ ้ หมัด เรือด เห็บ ปลิง ทากเหา ไร เป็ นต้ น
  • 17. 2. การล่ าเหยือ เป็ นการอยู่ร่วมกันของสิ่ งมีชีวตทีชีวตหนึ่งต้ องตกเป็ น ่ ิ ่ ิ อาหารของอีกชีวต หนึ่ง เช่ น กวางเป็ นอาหารของสั ตว์ ปลาเป็ นอาหาร ิ ของมนุษย์ ซึ่งสิ่ งมีชีวตล่ าชีวตอืนเป็ นอาหาร เรียกว่ า ผู้ล่า และชีวตทีต้อง ิ ิ ่ ิ ตกเป็ นอาหารนั้น เรียกว่ า เหยือ ่
  • 18. 3. การได้ ประโยชน์ ร่วมกัน เป็ นการอยู่ร่วมกันระหว่ างสิ่ งมีชีวต ๒ ิ ชนิด ที่ต่างฝ่ ายต่ างได้ รับประโยชน์ กนและกัน แต่ ไม่ จาเป็ นต้ องอยู่ ั ด้ วยกันตลอดเวลา นั่นคือบางครั้งอาจอยู่ด้วยกัน บางครั้งก็อาจแยกใช้ ชีวต ิ อยู่ตามลาพังได้ เช่ น นกเอียงกับควาย การทีนกเอียงเกาะอยู่บนหลังควาย ้ ่ ้ นั้นมันจะจิกกินเห็บให้ กบควาย ขณะเดียวกันก็จะส่ งเสี ยงเตือนภัยให้ กบ ั ั ควายเมื่อมีศัตรู มาทาอันตรายควาย หรือแมลงทีดูดกินนาหวานจาก ่ ้ ดอกไม้ มันก็จะช่ วยผสมเกสรให้ กบดอกไม้ ไปด้ วยพร้ อมกัน ั
  • 19. 4. ภาวะแห่ งการเกือกูล เป็ นความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวต ๒ ชนิด ทีฝ่าย ้ ิ ่ หนึ่งได้ ประโยชน์ ส่ วนอีกฝ่ ายไม่ เสี ยประโยชน์ แต่ กไม่ ได้ ประโยชน์ ็ อย่ างเช่ น กล้ วยไม้ ป่า ทีเ่ กาะอยู่ตามเปลือกของต้ นไม้ ใหญ่ ในป่ า อาศัย ความชื้นและธาตุอาหารจากเปลือกไม้ แต่ กไม่ ได้ ชอนไชรากเข้ าไปทา ็ อันตรายกับลาต้ นของต้ นไม้ ต้ นไม้ จงไม่ เสี ยผลประโยชน์ แต่ กไม่ ได้ ึ ็ ประโยชน์ จากการเกาะของกล้ วยไม้ น้ัน
  • 20. 5. ภาวะที่ต้องพึงพากันและกัน เป็ นการอยู่ร่วมกันของสิ่ งมีชีวต ๒ ชนิด ่ ิ ทีไม่ สามารถมีชีวตอยู่ได้ ถ้ าแยกจากกัน เช่ น ไลเคนซึ่งประกอบด้ วยราและ ่ ิ สาหร่ าย สาหร่ ายนั้นสามารถสร้ างอาหารได้ เอง แต่ ต้องอาศัยความชื้นจาก ราและราก็ได้ อาหารจากสาหร่ าย เช่ นปลวกกินไม้ เป็ นอาหาร แต่ ในลาไส้ ของปลวกไม่ มนาย่ อยสาหรับย่ อยเซลลูโลส ต้ องอาศัยโปรโตซัว ซึ่งอาศัย ี ้ อยู่ในลาไส้ ของปลวกเองเป็ นตัวช่ วยย่ อยเซลลูโลส และโปรโตซัวเองก็ได้ อาหารจากการย่ อยนีด้วย ้
  • 21. 6. ภาวะของการสร้ างสารปฏิชีวนะ เป็ นการอยู่ร่วมกันของสิ่ งมีชีวต ที่ิ ฝ่ ายหนึ่งไม่ ได้ รับประโยชน์ แต่ อกฝ่ ายหนึ่งต้ องเสี ยประโยชน์ เกิดขึน ี ้ เนื่องจากสิ่ งมีชีวตบางชนิดได้ สกัดสารออกจากร่ างกาย แล้ วสารนั้นไปมี ิ ผลต่ อสิ่ งมี-ชีวตอืน เช่ น ราเพนิซิเลียม สร้ างสารเพนิซีเลียมออกมาแล้ ว ิ ่ ไปมีผลต่ อการยับยั้งการเจริญของบัคเตรี 7. ภาวะการกีดกัน เป็ นภาวะทีการดารงอยู่ของสิ่ งมีชีวต ไปมีผลต่ อการ ่ ิ อยู่รอดของสิ่ งมีชีวตอีกชนิดหนึ่ง เช่ น ต้ นไม้ ใหญ่ บงแสงไม่ ให้ ส่องถึงไม้ ิ ั เล็กทีอยู่ข้างล่ าง ทาให้ ไม้ เล็กไม่ อาจเติบโตได้ ่
  • 22. 8. ภาวะของการแข่ งขัน เป็ นความสั มพันธ์ ของสิ่ งมีชีวต ๒ ชีวต ซึ่ง ิ ิ อาจเป็ นชนิดเดียวกันหรือต่ างชนิดกัน ทีมความต้ องการทีอยู่อาศัยหรือ ่ ี ่ อาหารอย่ างเดียวกันในการดารงชีวต และปัจจัยดังกล่ าวนั้นมีจากัด จึงเกิด ิ การแข่ งขันเพือครอบครองทีอยู่อาศัยหรือแย่ งชิงอาหารนั้น เช่ น ต้ นไม้ สอง ่ ่ ต้ นทีขนอยู่ในกระถางเดียวกัน ่ ึ้ 9. ภาวะการเป็ นกลาง เป็ นการอยู่ร่วมกันของสิ่ งมีชีวต ๒ ชีวตใน ิ ิ ชุมชนเดียวกันแต่ ต่างดารงชีวตเป็ นอิสระแก่ กนโดยไม่ ให้ และไม่ เสี ย ิ ั ประโยชน์ ต่อกัน
  • 23. 10. ภาวะการย่ อยสลาย เป็ นการดารงชีวตของพวกเห็ดรา บัคเตรี ทีมี ิ ่ ชีวตอยู่ด้วยการหลังสารเอนไซม์ ออกมานอกร่ างกาย เพือย่ อยซากสิ่ งมีชีวต ิ ่ ่ ิ ให้ เป็ นรู ปของเหลว แล้ วดูดซึมเข้ าสู่ ร่างกาย ในรู ปของเหลว ซึ่งเป็ น สิ่ งมีชีวตทาให้ เกิดการหมุนเวียนของธาตุอาหารขึนในระบบนิเวศ ิ ้