การเขียนโปรแกรมภาษา

1. การเขียน
โปรแกรมภาษา

2. สมาชิก
1.นายวชิรภูมิ เลิศอรุณวัฒนา เลขที่ 3
2.นายธนดล วิบูลย์เชื้อ เลขที่ 10
3.นางสาวกุลณัฐ กาฬภักดี เลขที่ 11
4.นางสาววรันธร ภุมรินทร์ เลขที่ 13
5.นางสาวรัชชนก นุชยิ้มย่อง เลขที่ 16
6.นางสาวศรัณยา พรหมมา เลขที่ 18
7.นางสาวกรณ์นิชา วงษ์ไล เลขที่ 19
8.นางสาวกาญจนา สิลพันธ์ เลขที่ 20
9.นางสาวประทานพร กุมภาพันธ์ เลขที่ 22
10.นางสาวณัฐริกานต์ ธรรมโชติ เลขที่ 33

3. ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ หมายถึง ภาษาใดๆ ที่ผู้ใช้งานใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ หรือ
คอมพิวเตอร์ด้วยกัน แล้วคอมพิวเตอร์สามารถทางานตามคาสั่งนั้นได้ คานี้มักใช้เรียก
แทนภาษาโปรแกรม แต่ความเป็นจริงภาษาโปรแกรมคือส่วนหนึ่งของ
ภาษาคอมพิวเตอร์เท่านั้น และมีภาษาอื่นๆ ที่เป็นภาษาคอมพิวเตอร์เช่นกัน ยกตัวอย่าง
เช่น HTML แม้ว่ามันจะไม่ใช่ภาษาโปรแกรม หรือภาษาเครื่องนั้นก็นับเป็น
ภาษาคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยทางเทคนิคสามารถใช้ในการเขียนโปรแกรมได้ แต่ก็ไม่จัด
ว่าเป็นภาษาโปรแกรม

4. ชนิดของภาษาคอมพิวเตอร์
ในปัจจุบันภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้สาหรับเขียนโปรแกรมมีมากมายหลายภาษา ซึ่งแต่
ละภาษาจะมีกฎเกณฑ์และวิธีการเขียนโปรแกรมแตกต่างกัน ภาษาคอมพิวเตอร์จาแนก
ตามความใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ได้ 2 ระดับ
1. ภาษาระดับต่า (Low Level Language) เป็นภาษาที่มนุษย์ทาความเข้าใจได้ยาก
ส่วนใหญ่ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2
ประเภท ดังนี้
1.1 ภาษาเครื่อง (Machine Language)
การเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทางานในยุคแรก ๆ จะต้องเขียนด้วยภาษา
ซึ่งเป็นที่ยอมรับของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า “ภาษาเครื่อง” ภาษานี้ประกอบด้วย
ตัวเลขล้วน

5. 1.2 ภาษาแอสเซมบลี (assembly language)
ภาษาแอสเซมบลีใช้รหัสเป็นคาแทนคาสั่งภาษาเครื่องทาให้ผู้เขียนสามารถเขียนได้
ง่ายขึ้นโดยใช้อักษรภาษาอังกฤษในการเขียน
2. ภาษาระดับสูง (High Level Language) เป็นภาษาที่ทาความเข้าใจได้ง่าย
มีลักษณะของการใช้คาสั่งเป็นภาษาอังกฤษซึ่งใกล้เคียงกับภาษามนุษย์มากแต่
คอมพิวเตอร์ก็ยังไม่เข้าใจภาษาระดับสูงจึงต้องมีการใช้ตัวแปลภาษาให้เป็น
ภาษาเครื่อง
ตัวแปรภาษา แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ อินเทอร์ฟรีเตอร์ คอมไพเลอร์
ภาษาระดับสูงกับการใช้การ ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา ได้แก่ ภาษาฟอร์แทรน
ภาษาโคบอล ภาษาปาสกาล ภาษาซี ภาษาเบสิก ภาษาอัลกอล ภาษาพีแอลวัน

6. ประเภทของประโยคในภาษาคอมพิวเตอร์
ทุกภาษาจะต้องมีโครงสร้างทางภาษาประกอบกันเป็นประโยคต่างๆ แบ่งได้เป็น 5
ประเภท ดังนี้
1. ประโยคที่ใช้ในการระบุตัวแปร ใช้ในการระบุชื่อและชนิดของตัวแปร ซึ่งตัวแปร
จะใช้เป็นชื่อในการอ้างอิงข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในหน่วยความจา
2. ประโยคที่ใช้ในการอ่านหรือแสดงผลลัพธ์ ใช้ในการอ่านข้อมูลเข้ามาเก็บในตัว
แปรที่ระบุและใช้แสดงผลลัพธ์
3. ประโยคควบคุม ใช้ในการควบคุมการทางานว่าจะให้ทางานในส่วนใดของ
โปรแกรมซึ่งถ้าไม่มีประโยคควบคุมการทางาน จะทาเรียงตามลาดับคาสั่งจากประโยค
แรกไปยังประโยคสุดท้าย

7. 4. ประโยคที่ใช้การคานวณ ใช้ในการคานวณค่าทางคณิตศาสตร์
5. ประโยคที่ใช้บอกจบการทางาน ใช้ระบุจุดจบของการทางาน
คุณสมบัติของการเขียนโปรแกรม
1.มีความถูกต้องเชื่อถือได้
2.มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้
3.ค่าใช้จ่ายต่า
4.ต้องอ่านง่ายและสามารถนากลับมาใช้ใหม่ได้
5.มีความปลอดภัย
6.ใช้เวลาในการพัฒนาไม่นาน

8. ประเภทของการเขียนโปรแกรม
การเขียนโปรแกรมเชิงโครงสร้าง
เป็นการเขียนโปรแกรมแบบดั้งเดิมที่ถือเป็นแบบอย่างของการเขียน
โปรแกรมในปัจจุบันโดยมีโครงสร้างในการเขียน 3 แบบดังนี้
1.โครงสร้างแบบลาดับ เป็นโครสร้างที่มีลักษณะการทางานตามลาดับก่อนหลังโดย
ไม่มีการเปลี่ยนทิศทาง

9. 2.โครงสร้างแบบมีทางเลือก เป็นโครงสร้างที่ต้องมีการทดสอบโดยมีทิศทางให้
เลือกมากกว่า 1 ทิศทางเช่นโครงสร้างแบบ if..then..else หรือโครงสร้าง
แบบ case
3.โครงสร้างแบบทาซ้า เป็นโครงสร้างที่มีการตรวจสอบการทางานของวงจรวนซ้า
ซึ่งมีรูปแบบของการวนซ้าที่แยกย่อยออกไป

10. การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object Oriented Programming)
เมื่อโปรแกรมมีความซับซ้อนมากขึ้นนักพัฒนาก็จาเป็นต้องหาวิธีการจัดการ
โครงสร้างของโปรแกรมเพื่อให้มีประสิทธิภาพและสามารถจัดการบารุงรักษาได้
โดยง่าย จึงเป็นที่มาของการใช้โปรแกรมเชิงวัตถุที่อาศัยแนวคิดในการเขียนโปรแกรม
เชิงวัตถุ (Object Oriented Programming) ซึ่งการโปรแกรมด้วยภาษา
ต่างๆ ในอดีตจะอาศัยลาดับการทางานของชุดคาสั่งต่างๆ มาประกอบเป็นโปรแกรม

11. 1.การวิเคราะห์ปัญหา
พิจารณาว่าโปรแกรมต้องทาการประมวลผลอะไรบ้าง
2.การออกแบบโปรแกรม
การออกแบบขั้นตอนการทางานของโปรแกรมเป็นขั้นตอนที่ใช้เป็นแนวทางใน
การลงรหัสโปรแกรม ผู้ออกแบบขั้นตอนการทางานของโปรแกรมอาจใช้
เครื่องมือต่างๆ ช่วยในการออกแบบ
3.การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การเขียนโปรแกรมเป็นการนาเอาผลลัพธ์ของการออกแบบโปรแกรมมา
เปลี่ยนเป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง

12. 4.การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม
ตรวจสอบรูปแบบกฎเกณฑ์ของภาษาและผลการทางานของโปรแกรมนั้น
5.การทาเอกสารประกอบโปรแกรม
ช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมเข้าใจวัตถุประสงค์ ข้อมูลที่จะต้องใช้กับโปรแกรมตลอดจน
ผลลัพธ์ที่จะได้จากโปรแกรม
6.การบารุงรักษาโปรแกรม
คอยเฝ้ าดูและหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมในระหว่างที่ผู้ใช้งานโปรแกรมและ
ปรับปรุงโปรแกรมเมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น