SlideShare ist ein Scribd-Unternehmen logo
1 von 27
Downloaden Sie, um offline zu lesen
รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
เรื่อง นาหมักจากผลไม้ สีเหลืองเร่ งการเจริญเติบโตของพืช
้

โดย

นางสาวพิมพิสุทธิ์

เพ็ชรสุ ข เลขที่ 6

นางสาวสุ พรรณิการ์

นพรัตน์ เลขที7
่

นางสาวกัญธิมา

เอียดชูทอง เลขที่ 12

ครู ทปรึกษา
ี่
นางอัมรัตน์ เอียดละออง

รายงานฉบับนีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของรายวิชาเคมี 2 รหัสวิชา ว32222
ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2556
โรงเรียนรัษฎานุประดิษฐ์ อนุสรณ์
สานักงานเขตพืนทีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 13
้ ่
ก
ชื่อโครงงาน

น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช
1 นำงสำวสุ พรรณิ กำร์

นพรัตน์

เลขที่7

2. .นำงสำวพิมพิสุทธิ์

เพ็ชรสุ ข

เลขที่ 5

3.นำงสำวกัญธิ มำ

ชื่ อผู้ทาโครงงาน

เอียดชูทอง

เลขที่ 12

ระดับชั้น

ม.4 – ม.6

ชื่ อครู ทปรึกษา
ี่

นำงอัมรัตน์ เอียดละออง

ชื่อโรงเรียน

รัษฎำนุประดิษฐ์อนุสรณ์

ปี พ.ศ.

2556

บทคัดย่ อ
โครงงำนเรื่ องน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช จัดทำขึ้นเพื่อศึกษำผลของชนิดของสำรเร่ ง
จำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย และ ผลไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิดต่อกำรเจริ ญเติบโตของ
พืช และเพื่อเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำก
ผลไม้สีเหลือง โดยกำรทดลองนำ ผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย มำทำเป็ นน้ ำหมักชีวภำพโดยแยก
เป็ นหมักทีละชนิด และ 3 ชนิ ดรวมกัน แล้วนำน้ ำหมักปริ มำณ 10 ml ผสมกับน้ ำ 10 Lไปรดต้นผักบุงที่มีอำยุประมำณ
้
7 วัน บันทึกกำรเจริ ญเติบโตเป็ นระยะ 7 วัน ต่อครั้ง จำนวน 3 ครั้ง ปรำกฏว่ำ ค่ำเฉลี่ย จำกกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญ
เติบโตของพืชจำกสำรเคมี ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.67 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ ควำมสู งของต้นผักบุง
้
้
เพิ่มขึ้น 4 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 3.4 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย ควำมสู ง
้
ของต้นผักบุงเพิมขึ้น 5.33 cm สำรเร่ งจำกผลไม้สีเหลืองทั้งสำมชนิดรวมกัน ควำมสู งของต้นผักบุงเพิมขึ้น 11.4 cm
้ ่
้ ่
และไม่ใช้สำรเร่ ง ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 3.76 cm แสดงว่ำนาหมักจากผลไม้ สีเหลืองทั้งสามชนิดรวมกัน เป็ น
้
้
สารเร่ งทีเ่ หมาะสมทีสุด และจำกเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ ง
่
จำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง ปรำกฏว่ำค่ำเฉลี่ยจำกกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี ควำมสู งของ
ต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.67 cm และสำรเร่ งจำกผลไม้สีเหลืองทั้งสำมชนิดรวมกัน ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 11.4 cm
้
้
แสดงว่ำ สารเร่ งจากนาหมักผลไม้ สีเหลืองมีประสิ ทธิภาพดีกว่าการใช้ สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชจากสารเคมี
้
่
ดังนั้นผลกำรทดลองสนับสนุ นสมมติฐำนที่วำ ชนิดของน้ ำหมักผลไม้มีผลต่อกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช และ สำร
เร่ งจำกน้ ำหมักผลไม้สีเหลืองมีประสิ ทธิ ภำพดีกว่ำกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี
ข

กิตติกรรมประกาศ
ในกำรทำโครงงำนวิทยำศำสตร์เรื่ องผลไม่สีเหลืองเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชในครั้งนี้ คณะผูจดทำได้รับควำม
้ั
อนุเครำะห์จำกกลุ่มสำระกำรเรี ยนรู ้วทยำศำสตร์ ในกำรให้ใช้อุปกรณ์กำรทดลอง คุณครู อมรัตน์ เอียดละออง ให้
ิ
ั
ควำมอนุเครำะห์อุปกรณ์ทำงวิทยำศำสตร์ ขอบคุณนำงสี เอียดชูทอง ที่ให้ควำมอนุเครำะห์สถำนที่ทำกำรทดลอง และ
บุคคลที่ทำให้กำรทำโครงงำนวิทยำศำสตร์ ในครั้งนี้สำเร็ จลุล่วงได้ดวยดี สำมำรถแก้ปัญหำที่เกิดขึ้นในกำรทำ
้
โครงงำนได้ อีกทั้งให้คำปรึ กษำแนะนำในกำรทำโครงงำนคือ ครู อมรัตน์ เอียดละออง รวมทั้งผูปกครองของคณะ
ั
้
ผูจดทำที่ให้กำรสนับสนุ นในด้ำนของงบประมำณและกำรให้ขอเสนอแนะต่ำงๆ คณะผูจดทำโครงงำนจึง
้ั
้
้ั
ขอขอบพระคุณทุกท่ำนเป็ นอย่ำงสู งมำ ณ โอกำสนี้
นำงสำวสุ พรรณิ กำร์ นพรัตน์
นำงสำวพิมพิสุทธิ์ เพ็ชรสุ ข
นำงสำวกัญธิ มำ

เอียดชูทอง
ค

สารบัญ
หน้ำ
บทคัดย่อ
กิตติกรรมประกำศ
สำรบัญ
บทที่ 1 บทนำ
1.1 ที่มำและควำมสำคัญ
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงำน
1.3 สมมติฐำน
1.4 ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
1.5 ขอบเขตกำรศึกษำค้นคว้ำ
1.6 นิยำมศัพท์เฉพำะ
1.7 ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
บทที่ 2 เอกสำรที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีทดลอง
บทที่ 4 ผลกำรทดลอง
บทที่ 5 สรุ ปผล/อภิปรำยผลกำรทดลองและข้อเสนอแนะ
อ้ำงอิง.
ภำคผนวก

ก
ข
ค
1
1
1
1
2
2
2
2
3
11
13
15
บทที่ 1
บทนา
ทีมาและความสาคัญ
่
ในปั จจุบนผูคนจำนวนมำกเป็ นโรคต่ำงๆและยังมีปัญหำสุ ขภำพตำมมำอีก สำเหตุหลักๆมักมำจำก
ั ้
เรื่ องใกล้ตวที่เรำคำดไม่ถึง คือ อำหำรกำรกินกำรอุปโภคและบริ โภค โดยที่ไม่ทรำบเลยว่ำในอำหำรที่เรำรับประทำน
ั
เข้ำไปแต่ละวันนั้นมีปริ มำณสำรพิษมำกน้อยแค่ไหน และเนื่องจำกควำมต้องกำรกำรบริ โภคอย่ำงเร่ งด่วนของคนใน
สังคมปั จจุบน จึงทำให้เกษตรกรต้องเร่ งเพิ่มผลผลิตให้เร็ วขึ้นเพียงพอต่อกำรตลำด แม้แต่พืชผักต่ำงๆที่เรำรับประทำน
ั
่
กันอยูทุกวันนี้ก็มกจะใช้สำรเคมีในกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชผัก เมื่อรับประทำนเข้ำไปก็จะสะสมและส่ งผลเสี ย
ั
ต่อร่ ำงกำย ก่อให้เกิดโรคร้ำยต่ำงๆตำมมำ และเนื่องจำกสมำชิกในกลุ่มได้ศึกษำเรื่ องกำรสร้ำงสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโต
จำกธรรมชำติมำจำกประสบกำรณ์กำรแข่งขัน My little farm ปี 4 ซึ่งมีกำรทดลองนำสำรในผลไม้สีเหลืองมำเร่ งกำร
เจริ ญเติบโตของพืชได้จริ งและไม่ก่อให้เกิดอันตรำยต่อผูใช้และผูบริ โภค โดยนำผลไม้ 3 ชนิด คือ กล้วย สับปะรด
้
้
และ มะละกอ มำหมักกับน้ ำตำลในปริ มำณที่ตวงไว้เท่ำๆกัน และนำมำเปรี ยบเทียบกันระหว่ำง พืชผักที่สำรเคมีเร่ ง
กำรเจริ ญเติบโต พืชผักที่ใช้สำรเร่ งจำกผลไม้สีเหลืองแต่ละชนิด กับพืชผักที่ไม่ใช้สำรเร่ งใดๆ โดยทำงกลุ่มจะหำ
ผลไม้สีเหลืองที่หำได้ง่ำยตำมท้องตลำดและรำคำไม่สูงจนเกินไป ดังนั้นทำงกลุ่มของพวกเรำจึงได้จดทำโครงงำน
ั
เรื่ อง น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช ขึ้น
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษำผลของชนิ ดของสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย และ ผลไม้สี
เหลืองทั้ง 3 ชนิ ดต่อกำรเจริ ญเติบโตของพืช
2.เพื่อเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สี
เหลือง
สมมติฐาน
1. ถ้ำชนิดของน้ ำหมักผลไม้มีผลต่อกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชแล้ว ดังนั้นชนิดของน้ ำหมักผลไม้ต่ำงกันจะ
เร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชได้ต่ำงกัน
2. สำรเร่ งจำกน้ ำหมักผลไม้สีเหลืองมีประสิ ทธิ ภำพดีกว่ำกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี
2
ตัวแปรทีเ่ กียวข้ อง
่
ตัวแปรต้น
ชนิดของสำรเร่ ง ได้แก่ น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองชนิดต่ำง ๆ สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำก
สำรเคมี
ตัวแปรตำม
กำรเจริ ญเติบโตของพืช (ควำมสู งที่เพิ่มขึ้นของต้นผักบุง)
้
ตัวแปรควบคุม อัตรำส่ วนระหว่ำงปริ มำณสำรเร่ งกับน้ ำ ชนิดของดิน ชนิ ดของพืช เวลำที่รด
ขอบเขตของการศึกษาค้ นคว้ า
ศึกษำเกี่ยวกับน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด และ กล้วย และสำรเร่ งจำกสำรเคมี
ศึกษำจำกกำรปลูกผักบุงที่บำนของนำงสำวกัญธิ มำ เอียดชูทอง บ้ำนเลขที่ 6 หมู่ที่ 3 ตำบลวังมะปรำงเหนือ
้ ้
อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
นิยามศัพท์เฉพาะ
น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง หมำยถึง น้ ำหมักจำกมะละกอ สับปะรด กล้วย และน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิ ด
เร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช หมำยถึง กำรใช้สำรเร่ งควำมสู งของต้นผักบุง
้
ประโยชน์ ทคาดว่าจะได้ รับ
ี่
1. สำมำรถทำสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองใช้ได้เอง
2. เกิดทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์
3. เกิดควำมรับผิดชอบและสำมัคคีภำยในกลุ่ม
4. ลดสำรเคมีที่ใช้ในกำรเกษตร
บทที่ 2
เอกสารที่เกียวข้ อง
่
วัสดุทานาหมัก นาหมักจากพืชสี เขียว(นาหมักแม่ )
้
้
้
1. ผักบุง 1 กิโลกรัม
้
2. หน่อไม้ 1 กิโลกรัม
3. หน่อกล้วย 1 กิโลกรัม
4. น้ ำตำลสี รำ 1 กิโลกรัม
5. เกลือ ( 70 กรัม )
6.หัวเชื้อจุลินทรี ย(์ ถ้ำมีใช้ 3 ช้อนแกง)
นาหมักจากผลไม้ สีเหลือง(นาหมักพ่อ)
้
้
1. กล้วยสุ ก 1 กิโลกรัม
2. ฟักทองแก่ 1 กิโลกรัม
3. มะละกอสุ ก 1 กิโลกรัม
4. น้ ำตำล สี รำ 1 กิโลกรัม
5. เกลือ (ไม่เกิน100 กรัม)
6. หัวเชื้อจุลินทรี ย ์ 3 ช้อนแกง (ถ้ำมีหว เชื้อ)
ั
** ผักที่เก็บควรเก็บในตอนเช้ำก่อนที่พระอำทิตย์จะขึ้น เพรำะว่ำ จุลินทรี ยจะมีมำกกว่ำเวลำ อื่นและกำรเก็บ
์
ผักทำน้ ำหมักพืชสดสี เขียว แต่หำกฝนตก ให้พกสัก 2-3 วันจึงจะได้จุลินทรี ยดี
ั
์
**เกลือช่วยในกำร ดึงฮอร์โมนวิตำมินในผักผลไม้ออกมำ ให้มำกขึ้นและ ช่วยในกำรรักษำกลิ่น รสของ
ผลไม้
วิธีทา 1. นำพืชผักหรื อผลไม้มำหันให้เป็ นชิ้นเล็ก ๆ ขนำด 2-3 ซม. ใส่ ภำชนะปิ ดฝำ
่
2. นำน้ ำตำลสี รำ เกลือ ที่เตรี ยมไว้คลุกเคล้ำ ควรคลุกไปในทำงเดียวกัน เสร็ จแล้ว
3. นำของหนักวำงทับผักไว้ แล้วปิ ดฝำทิ้งไว้ 7-15 วัน
4. ปิ ดด้วยกำรนำกระดำษทึบแสงมำพันรอบภำชนะแล้วมัดด้วยยำงรัด ปิ ดธรรมดำไม่ตอง แน่นมำก
้
ให้อำกำศเข้ำได้แต่นอยๆจะได้น้ ำหมักกลิ่นหอมดี
้
5. สังเกตจะมีน้ ำสี น้ ำตำลไหลออกมำ คือ น้ ำสกัดชีวภำพ น้ ำหมักที่ดีน้ ำหมักต้องสู งเท่ำผัก
6. หำกได้เวลำ 7-15 วันให้แยกใส่ ภำชนะ (น้ ำหมักพ่อ, น้ ำหมักแม่) ระบุวนที่ ให้ชดเจน
ั
ั
7. กำกที่เหลือจำกกำรทำน้ ำหมักสำมำรถน้ ำไปทำปุ๋ ยต่อไปได้
4
วิธีใช้ นำน้ ำสกัดชีวภำพผสมน้ ำธรรมดำทำให้เจือจำง
1. ต้องกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชผัก ไม้ผล ไม้ยนต้น
ื
- ใส่ น้ ำหมักแม่ : พ่อ 9 : 1 ผสมกันแล้วใช้ในอัตรำ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 20 ลิตร ฉี ดพ่น ได้
บ่อยครั้ง
2. ต้องกำรเร่ งกำรออกดอกของพืชผัก ไม้ผล
- ใส่ น้ ำหมักแม่ : พ่อ 5 : 5 ผสมกันแล้วใช้ในอัตรำ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 20 ลิตร ฉีดได้ บ่อยครั้ง
3. ต้องกำรเพิ่มควำมกรอบหวำนของพืชผักไม้ผล
- ใส่ น้ ำหมักแม่ : พ่อ 1 : 9 ผสมกันแล้วใช้ในอัตรำ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 20 ลิตร ฉีดได้ บ่อยครั้ง
4. รดกองใบไม้ ใบหญ้ำสด แห้ง อัตรำ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 10 ลิตร ใช้พลำสติกคลุมกองพืช ปล่อยให้
เกิดกำรย่อยสลำย 1-2 สัปดำห์สำมำรถนำมำใช้ประโยชน์ได้ ใช้ผสมดินหรื อคลุมดิน บริ เวณต้นพืช
5. รดดินแปลงเพำะปลูกปฏิบติได้ดงนี้ พรวนดินผสมคลุกเคล้ำกับวัชพืชหรื อเศษวัชพืชอัตรำ เจือจำง
ั
ั
3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 10 ลิตร รดรำด 1 ตร.ม. ปล่อยให้เกิดกำรย่อยสลำย 3-7 วัน สำมำรถปลูกพืชหรื อกล้ำ
ไม้ได้ ถ้ำต้องกำรกำจัดวัชพืชพวกมีเมล็ดปล่อยให้วชพืชงอกอีกครั้งจึง พรวนซ้ ำ แล้วรดน้ ำสกัด
ั
ชีวภำพเจือจำง 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ ำ 10 ลิตร ปลูกพืชได้ภำยใน 2- 3 วัน
6. กำรขยำยหัวเชื้อทำได้โดยมีอตรำส่ วนคือ น้ ำสกัดชีวภำพ ต่อ กำกน้ ำตำล ในอัตรำส่ วน 1:1:10 ใส่
ั
ขวดปิ ดฝำ 3 วัน นำไปใช้ได้
ประโยชน์ เร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชผัก ไม้ผล ไม้ยนต้น เร่ งกำรออกดอกของพืชผัก ไม้ผล เพิ่มควำมกรอบ
ื
หวำนของพืชผักไม้ผล ตำมอำยุของพืชผักผลไม้
เลคติน สารประกอบเคมีทได้ จากกล้วย
ี่
่
่
กับกำรออกฤทธิ์ ยบยั้งเชื้อ HIV-11, 2กล้วย3มีชื่อทำงวิทยำศำสตร์ วำ Musa sp. อยูในวงศ์Musaceae เป็ น
ั
ไม้ลมลุกมีลำต้นใต้ดิน ลำต้นบนดินรู ปทรงกระบอก เกิดจำกกำบหุ มซ้อนกันสู ง 2-4 เมตร ใบเป็ นใบเดี่ยว
้
้
เรี ยงสลับซ้อนกันรอบต้นที่ปลำยยอดเป็ นรู ปขอบขนำน กว้ำง 2.5-4.5 เมตร ยำว 1-2 เมตร ก้ำนใบค่อนข้ำง
กลมหนำ ด้ำนบนเป็ นร่ องลึก ผิวใบเรี ยบมัน ท้องใบมีสีอ่อนกว่ำ มีนวล ดอกออกเป็ นช่อในลักษณะห้อยหัว
ลง ยำว 30-60 เซนติเมตร เรี ยกว่ำ ปลีออกที่ปลำยยอด มีใบประดับหุ มช่อ ดอกสี แดงหรื อสี ม่วงขนำดใหญ่
้
่
่
เรี ยกว่ำ กำบดอกย่อยออกเรี ยงกันเป็ นแผง มีกำบหุ มรองรับอยูโดยดอกที่อยูส่วนปลำยช่อเป็ นดอกตัวผูดอกที่
้
้
โคนช่อเป็ นดอก ตัวเมียผลจึงออกเป็ นช่อเรี ยกว่ำ เครื อแต่ละช่อย่อยเรี ยกว่ำหวีกล้วยหวีหนึ่งมีประมำณ 10
่ ั
ผลเป็ นผลสดกลมยำว ขนำด รู ปร่ ำง และรสขึ้นอยูกบพันธุ์ เนื้อกล้วยมีสีเหลืองครี ม เมื่อสุ กมีรสหวำน
่
รับประทำนได้มกไม่มีเมล็ดขยำยพันธุ์ดวยกำรแตกหน่อหรื อแยกเหง้ำ ไม่ชอบดินที่มีน้ ำขัง จะอยูในดินร่ วน
ั
้
ซุยและดินเหนียว ที่อุมน้ ำได้ดีในตำรำยำไทยกล่ำวถึงสรรพคุณของกล้วยในกำรใช้บำบัดรักษำโรคต่ำงๆ
้
ดังต่อไปนี้คือรำกแก้ไข้รำกสำด แก้ไข้ตวร้อน แก้ขดเบำ เหง้ำ ตำป่ นทำท้องน้อยคนคลอดบุตร
ั
ั
5
ทำให้ รกลอกภำยหลังกำรคลอดบุตร ต้นห้ำมเลือด ทำกันผมร่ วงและทำให้ผมขึ้น แก้โรคไส้เลื่อนใบรักษำ
โรคท้องเสี ยแก้บิดห้ำมเลือดแก้ผนคัน ตำมผิวหนัง ยำงจำกใบ ห้ำมเลือด สมำนแผลดอกรักษำโรคเบำหวำน
ื่
่
ผล บำรุ งกำลัง บำรุ งเลือดเป็ นยำระบำย รักษำอำกำรอำหำรไม่ยอย ท้องขึ้น มีกรดมำกสมำนแผล แก้โรคบิด
่
รักษำแผลไฟไหม้ น้ ำร้อนลวกแก้ทองร่ วงแก้ริดสี ดวงทวำรจะเห็นได้วำกล้วยมีสรรพคุณกว้ำงขวำง และพบ
้
สำรสำคัญหลำยชนิดในกล้วยเช่นbenzopyrene,dopamine, epinephrine, tryptamineและ serotoninเป็ นต้น
โดยผลดิบมีสำรแทนนินมำก จึงรักษำอำกำรท้องเสี ย และบิด และมีฤทธิ์ ป้องกันกำรเกิดแผลในกระเพำะ
อำหำร เชื่อว่ำเกิดจำกกำรกระตุนผนังกระเพำะอำหำรให้หลังสำรเมือกออกมำมำกขึ้น และกระตุนให้เนื้ อเยือ
้
้
่
่
ของกระเพำะเจริ ญเพื่อปิ ดแผลเมื่อเปรี ยบเทียบกับยำรักษำโรคกระเพำะอื่น ๆ ซึ่ งเป็ นสำรเคมีสังเครำะห์เช่น
aluminium hydroxide,cimetidine เป็ นต้น สำรประเภทนี้สำมำรถป้ องกันกำรเกิดแผลในกระเพำะได้แต่ไม่
สำมำรถสมำนแผลได้เหมือนกล้วย สำรที่มีฤทธิ์ ตำนแผลในกระเพำะของกล้วยคือsitoindosideIถึง IV
้
โดยสำร sitoindosideIV เป็ นสำรที่มีฤทธิ์ มำกที่สุดไม่พบฤทธิ์ ตำนกำรเกิดแผลของกระเพำะอำหำรในกล้วย
้
สุ กแต่กล้วยสุ กมีสรรพคุณเป็ นยำระบำยสำหรับผูที่เป็ นริ ดสี ดวงทวำรหรื อผูมีอุจจำระแข็งนอกจำกนี้ ใน
้
้
กล้วยยังพบสำรประกอบประเภทเลคติน (Lectin) ซึ่ งเป็ นชื่อเรี ยกของกลุ่มโปรตีนหรื อไกลโคโปรตีนที่
สำมำรถจับกับคำร์ โบไฮเดรตอย่ำงจำเพำะและมีควำมสำมำรถทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงของสัตว์หลำยชนิด
จับกลุ่มตกตะกอน มีรำยงำนกำรค้นพบเลคตินหลำยร้อยชนิดจำกแบคทีเรี ย รำ พืช และสัตว์แต่ส่วนใหญ่
ได้มำจำกพืช จำกกำรศึกษำถึงบทบำทของเลคตินในพืชพบว่ำ เลคติน มีบทบำทที่น่ำสนใจในกำรทำหน้ำที่
เป็ นโมเลกุลป้ องกัน (Defensivemolecules) ที่ป้องกันพืชจำกกำรรุ กรำนของจุลชีพและไวรัส เลคตินจำกพืช
มักจับอย่ำงจำเพำะกับน้ ำตำลหรื อคำร์ โบไฮเดรตมำกกว่ำ1ตำแหน่งได้แก่mannose,glucose, galactose, Nacetylgalactosamine,N-acetylglucosamine และ fucose เป็ นต้น โดยจะจับกันอย่ำงหลวมและแยกออกจำก
กันได้ จึงสำมำรถทำให้เซลล์เกำะกลุ่มและตกตะกอนสำรประกอบคำร์ โบไฮเดรตได้ปัจจุบนนักวิทยำศำสตร์
ั
จำก University ofMichigan Medical School ประเทศสหรัฐอเมริ กำได้ทำกำรศึกษำค้นคว้ำและเปิ ดเผยถึง
รำยละเอียดงำนวิจยที่เกี่ยวข้องกับสำรที่สกัดได้จำกกล้วยว่ำมีควำมสำมำรถในกำรยับยั้งกำรแพร่ ของเชื้ อ
ั
HIV ได้เป็ นอย่ำงดีและยังเป็ นกำรค้นพบที่จะทำให้มีกำรพัฒนำวิธีกำรป้ องกันหรื อกำรรักษำกำรแพร่ ของเชื้ อ
โรคจำกกำรมีเพศสัมพันธ์อีกด้วยซึ่ งสำรที่สกัดได้น้ ีมีชื่อว่ำแบนเลค(BanLec)4แบนเลค (BanLec) เป็ น
สำรประกอบเลคตินที่แยกได้จำกผลกล้วย Musa acuminata (รู ปที่ 1)ที่มีควำมสำมำรถในกำรหยุดยั้งกำร
เกิดปฏิกิริยำลูกโซ่ต่ำง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดกำรติดเชื้ อ ซึ่ งโครงสร้ำงสำมมิติของแบนเลค(รู ปที่2)กำรทำงำนของ
แบนเลค จะเข้ำไปทำกำรยับยั้งกำรแพร่ ของเชื้ อ HIV โดยกำรเข้ำไปจับกับ glycosylatedHIV-1 envelope
protein ที่เรี ยกว่ำ gp120 และขัดขวำงไม่ให้เชื้ อเข้ำสู่ เซลล์แบนเลคสำมำรถนำไปใช้เป็ นส่ วนประกอบของ
สำรที่ผลิตตัวยำป้ องกันโรคเอดส์และส่ วนประกอบของอุปกรณ์หรื อตัวช่วยที่ป้องกันกำรติดเชื้อในช่อง
คลอดได้กำรป้ องกันกำรเกิดโรคจำกเชื้อ HIV
ถือว่ำมีควำมสำคัญมำก เนื่องจำกกำรเกิดโรคเชื้อ HIVมีอตรำที่สูงมำกขึ้นโดยเฉพำะในประเทศ
ั
่
สหรัฐอเมริ กำและประเทศที่ยำกจนค่ำใช้จ่ำยในกำรรักษำในขณะนี้ก็ยงสู งอยูในประเทศที่กำลังพัฒนำ
ั
6
ผูหญิงมีแนวโน้มที่จะใช้วธีกำรป้ องกันกำรติดเชื้อจำกกำรมีเพศสัมพันธ์ที่นอยดังนั้น กำรพัฒนำวิธีกำร
้
ิ
้
ป้ องกันกำรติดเชื้ อแบบใหม่ก็มีควำมเป็ นไปได้ที่คนจะสนใจมำกขึ้นสำรโปรตีนเลคตินจำกกล้วยนี้ยงมี
ั
ควำมสำมำรถในกำรป้ องกันกำรแพร่ ของเชื้ อไวรัสที่เข้ำมำสู่ ร่ำงกำยได้อีกด้วย และรำคำของยำที่ผลิตด้วย
สำรประกอบจำกธรรมชำติอย่ำงกล้วยก็น่ำจะมีรำคำที่ถูกกว่ำส่ วนผสมที่ใช้ในยำต้ำนเชื้ อ HIV ที่ใช้ใน
่
ปั จจุบนอย่ำงT-20และ Maravirocปั จจุบนนักวิทยำศำสตร์ กำลังทำกำรทดลองเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์วำยำที่มี
ั
ั
ส่ วนผสมของสำรเลคตินจำกผลกล้วยเป็ นหลักจะสำมำรถทำงำนในกำรยับยั้งกำรแพร่ ของเชื้อ HIV ได้
ั
เพียงพอหรื อไม่ท้ งในกำรติดเชื้อระยะยำวและเรื้ อรัง หรื อว่ำต้องมีกำรใช้ควบคู่กบกำรรักษำกับยำตัวอื่นหรื อ
ั
วิธีกำรรักษำอื่น
มะละกอ
มะละกอ Carica papaya L.
วงศ์ Caricaceae
ชื่ออื่นได้แก่ มะก๊วยเทศ (เหนือ) มะกล้วยเต็ด (พำยัพ) มะหุ่ง (ล้ำนช้ำง) บักหุ่งหรื อหมักหุ่ง (เลย นครพนม)
สะกุยเส (แม่ฮ่องสอน) กล้วยลำ (ยะลำ) แตงต้น (สตูล) มะเต๊ะ (ปัตตำนี) ลอกอ (ภำคใต้และมลำยู) ภำษำ
ฮินดูเรี ยก Papeeta ภำษำต่ำงประเทศอื่นๆ เรี ยก Papaya, Melan Tree, Paw Paw
มะละกอเป็ นไม้ผลล้มลุก ต้นสู งประมำณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริ กำกลำง เข้ำมำในหมู่เกำะ
ฟิ ลิปปิ นส์และเอเชียรำวปลำยศตวรรษที่ 10 ที่ฟิลิปปิ นส์
ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุ กแล้วเนื้ อในจะมีสีเหลืองถึง ส้ม นิยมนำผลสดมำกินสดและนำไปปรุ งอำหำรได้ดวย
้
มะละกอมีลำต้นตรงไม่มีกิ่งก้ำน ลำต้นนิ่มมีสีเทำ และมีร่องรอยของใบที่หลุดร่ วงไป
่ ้
ใบเป็ นใบเดี่ยวมีแฉกลึก 5-9 แฉก ก้ำนใบยำว เรี ยงตัวแบบสลับเกำะกลุ่มอยูดำนบนสุ ดของลำต้น ภำยในก้ำน
ใบและใบมียำงเหนียวสี ขำว
ช่ อดอกเพศผูมีกำนดอกยำว กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็ นหลอดยำว 1.5-2.5 เซนติเมตร ปลำยแยกเป็ น 5 กลีบ
้ ้
้
เมื่อบำนเส้นผ่ำศูนย์กลำง 1.5-2.5 เซนติเมตร เกสรเพศผูมี 10 อัน ดอกเพศเมียก้ำนดอกสั้นหรื อไม่มีกำนดอก
้
เลย ดอกเพศเมียและดอกสมบูรณ์เพศออกเดี่ยวหรื อ 2-3 ดอก กลีบดอก 5 กลีบ ดอกมีขนำดใหญ่กว่ำดอกเพศ
ผู ้ มะละกอบำงต้นอำจมีดอกเพียงเพศเดียว แต่บำงต้นอำจมีดอกทั้งสองเพศก็ได้ ผลดิบมีเนื้อสี ขำวอมเขียวมี
่
น้ ำยำงสี ขำวสะสมอยูที่เปลือก
ผลสุ กมีเนื้ อสี แดงส้ม เนื้ อหนำอ่อนนุ่ม รสหวำน มีเมล็ดรู ปไข่สีน้ ำตำลดำผิวขรุ ขระมีถุงเมือกหุมจำนวนมำก
้
มะละกอเป็ นไม้ผลที่คนไทยนิยมกิน ยอดอ่อนดองกินได้
ผลดิบนำมำปรุ งอำหำร ใช้ปรุ งส้มตำ แกงส้ม แกงเหลือง แกงอ่อม ผัดไข่ ต้มจิ้มน้ ำพริ ก ผลสุ กกินสด
น้ ำมีรสชำติหวำนหอม มีวตำมินเอและแคลเซี ยมสู ง
ิ
นอกจำกจะมีกำรกินภำยในประเทศแล้วปั จจุบนยังมีกำรส่ งมะละกอไปจำหน่ำยตลำดต่ำงประเทศอีกด้วย
ั
นำน เนื้ อกรอบ ตำส้มตำได้รสชำติดีพนธุ์ในประเทศใช้กินผลสุ กที่ได้รับควำมนิยมคือพันธุ์แขกดำ ปั จจุบนมี
ั
ั
กำรพัฒนำพันธุ์ครั่งใช้กินดิบเก็บได้
ผลดีต่อสุ ขภาพ
มะละกอมีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และเกลือโซเดียมต่ำ เป็ นแหล่งที่ดีของเส้นใยอำหำร ธำตุ
โพแทสเซี ยม วิตำมินเอ ซี และโฟเลต แต่ร้อยละ 92 ของพลังงำนจำกมะละกอสุ กมำจำกคำร์โบไฮเดรต ผู้ที่
ควบคุมอาหารแปงและนาตาลจึงไม่ ควรกินมะละกอมากเกินไป
้
้
สี แดงอมส้มที่พบในมะละกอสุ กแสดงว่ำ มะละกอสุ กมีสำรไลโคพีนซึ่ งเป็ นสำรช่วยลดควำมเสี่ ยงในกำรเกิด
มะเร็ งต่อมลูกหมำกอีกด้วย มะละกอสุ กอุดมด้วยสำรต้ำนอนุมูลอิสระ ได้แก่ แคโรทีน วิตำมินซี สำรฟลำโว
นอยด์ สำรโฟเลต กรดแพนโทเทนิก ธำตุโพแทสเซี ยม แมกนีเซี ยม และเส้นใยอำหำร สำรอำหำรเหล่ำนี้
บำรุ งสุ ขภำพของระบบหัวใจและหลอดเลือด และป้ องกันกำรเกิดมะเร็ งลำไส้ใหญ่อีก ด้วย นอกจำกนี้
มะละกอมีเอนไซม์ปำเปน สำมำรถนำมำใช้ดำนกำรแพทย์เพื่อรักษำอำกำรบำดเจ็บทำงกำรกีฬำ
้
นอกจำกนี้นกวิจยจำกมหำวิทยำลัยอินสบรุ๊ ค ประเทศออสเตรี ย พบว่ำมะละกอมีสำรต้ำนอนุมูลอิสระ สู งสุ ด
ั ั
เมื่อสุ กงอม เนื่องจำกคลอโรฟิ ลล์สีเขียวเปลี่ยนเป็ นสำรไม่มีสีที่มีฤทธิ์ ตำนอนุมูลอิสระอย่ำงเยียมยอดอีกชนิด
้
่
หนึ่ง เรี ยก NCCs (nonfluorescing chlorophyll catabolytes) สะสมบริ เวณเปลือกผลและใต้ผวเปลือก เวลำ
ิ
ปอกมะละกอสุ กจึงไม่ควรกรี ดริ้ วบริ เวณใต้เปลือกเพรำะจะสู ญเสี ยคุณค่ำอำหำรนี้ไป
ปองกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
้
มะละกออาจช่ วยปองกันโรคหลอดเลือดแข็งตัวและโรคหัวใจที่มีสำเหตุจำกโรคเบำหวำนได้ดี มะละกอมี
้
วิตำมินซี วิตำมินอีและวิตำมินเอ (ในรู ปของสำรแคโรทีนอยด์) ซึ่ งเป็ นสำรอนุมูลอิสระที่มีควำมสำคัญช่วย
ป้ องกันกำรเกิดอนุมูลอิสระของคอเลสเตอรอล เชื่อว่ำวิตำมินซี และอีช่วยกำรทำงำนของเอนไซม์พำรำออก
โซเนสซึ่ งหยุดกำรเกิดอนุมูลอิสระของคอเลสเตอรอล เส้นใยอำหำรในมะละกอช่วยลดคอเลสเตอรอลส่ วน
กรดโฟลิกใช้เปลี่ยนกรดอะมิโฮโมซิสเทอีนเป็ นกรดอะมิโนซิ สเทอีนที่ไม่มีพิษภัยอะไร ถ้ำมีโฮโมซิ สเทอีนอ
่
ยูมำกกรดอะมิโนนี้จะทำลำยผนังหลอดเลือด เกิดควำมเสี่ ยงของอำกำรหัวใจวำยหรื อหลอดเลือดสมองอุด
ตันได้
ช่ วยระบบทางเดินอาหาร
สำรอำหำรในมะละกอช่วยป้ องกันกำรเกิดโรคมะเร็ ง ลำไส้ใหญ่ เส้นใยอำหำรจำกมะละกอสำมำรถจับกับ
สำรพิษก่อมะเร็ งในลำไส้ใหญ่และพำส่ งออกทำให้เกิดกำรสัมผัสกับเซลล์ลำไส้ใหญ่นอยที่สุด และสำรโฟ
้
เลต บีตำแคโรทีน วิตำมินซี และอี ที่พบในมะละกอ จะมีส่วนช่วยลดควำมเสี่ ยงกำรเกิดมะเร็ งลำไส้ใหญ่ โดย
ลดกำรถูกทำลำยของสำรพันธุ กรรมในเซลล์ดงกล่ำวด้วยอนุมูลอิสระ
ั

7
8
ฤทธิ์ต้านอักเสบ
มะละกอมีเอนไซม์ปำเปนและไคโมปำเปนช่วยย่อยโปรตีน เอนไซม์เหล่ำนี้สำมำรถช่วยลดกำรอักเสบและ
กระตุนกำรสมำนแผลไฟไหม้น้ ำร้อนลวกได้ งำนวิจยจำกประเทศมำเลเซี ยพบว่ำ สารสกัดจากเปลือกผล
้
ั
มะละกอดิบเร่ งอัตราเร็วของการสมานแผลในหนูทดลองได้เร็ วกว่ำกำรใช้ยำทำ Solcoseryl ถึง 1 สัปดำห์
บีตำแคโรทีน วิตำมินซี และอีในมะละกอก็มีฤทธิ์ลดกำรอักเสบเช่นกัน ดังนั้นผูป่วยโรคหอบหื ด โรคข้อ
้
เสื่ อม และข้ออักเสบรู มำตอยด์จะได้ประโยชน์จำกกำรกินมะละกอเพื่อลดอำกำรของโรคดังกล่ำว ปั จจุบนมี
ั
กำรใช้เอนไซม์จำกมะละกอดังกล่ำวผลิตเป็ นยำเม็ด ลดอำกำรบวม กำรอักเสบจำกบำดแผลหรื อกำรผ่ำตัด
แล้ว
ช่ วยระบบภูมิค้ ุมกัน
ร่ ำงกำยมนุษย์สำมำรถเปลี่ยนบีตำแคโรทีนที่ได้จำกมะละกอสุ กเป็ นวิตำมินเอและซี ได้ เนื่องจำกร่ ำงกำย
ต้องกำรวิตำมินทั้งสองเพื่อเสริ มสร้ำงระบบภูมิคุมกัน ให้ทำหน้ำที่ได้รำบรื่ น จึงพบว่ำกำรกินมะละกอ เป็ น
้
ประจำอำจลดควำมถี่กำรเกิดไข้หวัดและกำรติดเชื้ อในช่องหูได้
การปองกันภาวะจอประสาทตาเสื่ อม
้
งำนวิจยตีพิมพ์ในต่ำงประเทศกล่ำวว่ำกำรกินผลไม้ 3 ครั้งต่อวันอำจลดควำมเสี่ ยงของอำกำรภำวะจอ
ั
ประสำทตำเสื่ อมในผูสูงอำยุ อันเป็ นสำเหตุของกำรเสี ยกำรมองเห็นในผูสูงอำยุ เนื่ องจำกคนไทยกินมะละกอ
้
้
ทั้งดิบหรื อสุ กอยูเ่ ป็ นปกติ ดังนั้นเรำจึงมีควำมเสี่ ยงในกำรเกิดโรคดังกล่ำวลดลงในยำมชรำ
ปองกันโรคถุงลมปอดโป่ งพองและมะเร็งปอด
้
งำนวิจยของมหำวิทยำลัยรัฐแคนซัส สหรัฐอเมริ กำพบว่ำ สำรก่อมะเร็ งจำกบุหรี่ (benzo(a)pyrene) ทำให้เกิด
ั
กำรขำดวิตำมินเอในสัตว์ทดลองที่ได้รับอำหำรปกติ และเกิดอำกำรถุงลมปอดโป่ งพอง แต่สัตว์ที่ได้รับ
วิตำมินเอปริ มำณมำกแต่ได้รับสำรดังกล่ำวไม่พบว่ำมีอำกำรถุงลมปอดโป่ งพอง ผูวจยจึงเชื่อว่ำผูที่สูบบุหรี่
้ิั
้
หรื อได้รับควันบุหรี่ เป็ นนิตย์ควรป้ องกันตนเองโดยกำรกินอำหำรที่มีวตำมินเอสู งเป็ นประจำ และมะละกอ
ิ
สุ กก็เป็ นหนึ่งในอำหำรดังกล่ำว
เมล็ดมะละกอใช้ รักษามะเร็ง
ที่ประเทศอินเดียกล่ำวสื บทอดกันมำแต่บรรพบุรุษ ว่ำเมล็ดมะละกอใช้ รักษาโรคมะเร็งได้ งำนวิจยจำก
ั
่
ประเทศญี่ปุ่นรำยงำนเมื่อเดือนมกรำคม พ.ศ.2550 นี้วำ เมล็ดมะละกอมีเอนไซม์ไมโรซิ เนส และสำรเบนซิ
ลกลูโคซิโนเลตในปริ มำณมำก สำรเบนซิ ลกลูซิโนเลตนี้ส่วนใหญ่พบในพืชวงศ์คะน้ำ มีฤทธิ์ ขบไล่สัตว์กิน
ั
่
พืชในธรรมชำติ แต่มนุษย์ยอยสำรนี้โดยใช้เอนไซม์ไมโรซิ เนส ได้สำรต้ำนมะเร็ ง งำนวิจยยังพบว่ำสำรสกัด
ั
เฮกเซนของเมล็ดมะละกอมีฤทธิ์ ยบยั้งกำรสร้ำงสำรซูเปอร์ ออกไซด์ และมีฤทธิ์ ฆ่ำเซลล์มะเร็ งแบบอะป๊ อป
ั
โทซิ ส จะเห็นว่ำเมล็ดมะละกอมีฤทธิ์ ตำนมะเร็ งได้จริ งตำมภูมิปัญญำกำรแพทย์อินเดีย แต่ตองใช้เวลำอีก
้
้
มำกกว่ำจะมีกำรพัฒนำเป็ นยำแผนปั จจุบนได้ต่อไป
ั
จากมะละกอมาเป็ นเครื่องดื่มเพือสุ ขภาพ
่
มะละกอ นอกจำกกินเป็ นผลไม้ได้อร่ อยแล้ว ยังนำไปทำเป็ นน้ ำมะละกอ หรื อชำมะละกอได้ น้ ำมะละกอ สุ ก
ช่วยลดกรดในกระเพำะอำหำร ช่วยกำรทำงำนของลำไส้ ทำควำมสะอำดไต และยังเป็ นยำระบำยอ่อนๆ
อย่ำงดีอีกด้วย ส่ วนชำมะละกอดิบช่วยล้ำงระบบดูดซึ มสำรอำหำร คือ ล้ำงครำบไขมันที่ผนังลำไส้ซ่ ึ งเกำะตัว
ที่ผนังลำไส้ ที่ขดขวำงกำรดูดซึ มสำรอำหำรและวิตำมินที่เป็ นประโยชน์ต่อร่ ำงกำย มีฤทธิ์ ลดน้ ำตำลในเลือด
ั
ด้วย ปั จจุบนมีน้ ำมะละกอหมักจำหน่ำยแพร่ หลำยในประเทศญี่ปุ่น ที่ทำเป็ นผงบดแห้งก็มี แต่ประเทศไทย
ั
ปลูกมะละกอได้ผลตลอดปี เรำมำทำน้ ำมะละกอสดดื่มกันเองดีกว่ำ
นามะละกอสุ ก
้
เลือกมะละกอที่สุกกำลังดี เนื้อไม่แข็ง หรื อเละจนเกินไป เนื้อเนียน รสหวำน นำมะละกอสุ กหันเอำแต่เนื้ อ
่
ครึ่ งถ้วย น้ ำเย็นจัด 1 ถ้วย ผง อบเชย 1/8 ช้อนชำ เกลือป่ น 1/4 ช้อนชำ น้ ำมะนำว 2 ช้อนชำ ปั่ นมะละกอกับ
น้ ำเย็นจัด เกลือ น้ ำมะนำวเข้ำด้วยกัน ริ นใส่ แก้ว โรยด้วยผงอบเชย ดื่มเย็นๆ ทันที
ชามะละกอจากผลมะละกอดิบ
ใช้มะละกอดิบไม่อ่อนเกินไปครึ่ งผล ชำเขียว หรื อชำจีน หรื อชำใบหม่อน อย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง เพิ่มดอก
เก๊กฮวย ใบเตย หรื อรำกเตยไปด้วยถ้ำมี
ดอกเก๊กฮวยและใบเตยมีสรรพคุณบำรุ งหัวใจ ส่ วนรำกเตยช่วยฟื้ นฟูตบอ่อนให้มีกำลัง
ั
ปอกเปลือกมะละกอล้ำงน้ ำให้สะอำด แล้วหันแบบชิ้นฟัก นำชิ้นมะละกอใส่ หม้อ เติมน้ ำ 3-4 ลิตร ตั้งไฟ (ใส่
่
ดอกเก๊กฮวย หรื อใบเตย หรื อรำกเตยตำมชอบ) เมื่อน้ ำเดือดสักพักหนึ่งยกหม้อลง ตักมะละกอ และดอก
เก๊กฮวยออก ให้เหลือแต่น้ ำ นำน้ ำดังกล่ำวไปชงชำ ใส่ ใบชำประมำณครึ่ งกำมือ หลัง 5 นำทีกรองเอำกำกชำ
ออก ทิงไว้ให้เย็นดื่มได้ทนที หรื อบรรจุขวดเก็บไว้ในตูเ้ ย็นได้ประมำณ 3 วัน
ั
้
ั ่
สู ตรโบรำณจำกประเทศอินเดียที่ใช้กนอยูในปั จจุบนให้เคี้ยวเมล็ดจำกผลสุ กสิ บเมล็ดพร้อมกลืน ช่วยกระตุน
ั
้
ระบบน้ ำดี ย่อยไขมัน ล้ำงระบบทำงเดินอำหำร และช่วยกระตุนกำรทำงำนของตับ
้
มะละกอเสริมความงามผิวพรรณ
เอนไซม์ปำเปนที่พบในมะละกอ ถูกนำมำใช้ในอุตสำหกรรมอย่ำงแพร่ หลำย ทั้งด้ำนเภสัชกรรม โรงผลิต
เบียร์ โรงงำนเครื่ องหนัง อุตสำหกรรมเครื่ องสำอำงและผลิตภัณฑ์สปำ เอนไซม์ปำเปนถูกใช้ในเครื่ องสำอำง
ได้เนื่องจำกเอนไซม์ดงกล่ำวสำมำรถย่อยสลำยคอลลำเจนได้ ช่วยเร่ งกำรผลัดเปลี่ยนเซลล์ผว จึงใช้ทดแทน
ั
ิ
สำรสังเครำะห์ แอลฟำไฮดรอกซีแอซิด (alphahydroxy acids; AHA) ได้ และมีคุณสมบัติช่วยย่อยโมเลกุล
่
ของโปรตีนด้วย ที่ผำนมำประเทศไทยต้องนำเข้ำเอนไซม์ปำเปนจำกต่ำงประเทศ ปัจจุบนสำนักงำน
ั
นวัตกรรมแห่งชำติได้สนับสนุนภำคเอกชนไทยผลิตเอนไซม์ปำเปนจำกมะละกอดิบพัฒนำเครื่ องสำอำงและ
ผลิตภัณฑ์สปำ ทดแทนกรดผลไม้ที่มีค่ำควำมเป็ นกรดสู ง พร้อมลดกำรนำเข้ำจำกต่ำงประเทศปี ละกว่ำ 60
ล้ำนบำท
สำหรับผูที่มีผวแห้ง หรื อมีปัญหำเรื่ องสิ วบนใบหน้ำ สำมำรถทำมาสก์ มะละกอสุ กใช้เอง เพื่อผิวหน้ำที่อ่อน
้ ิ
นุ่มได้ตำมสู ตรข้ำงล่ำงนี้

9
สตรที่ 1 ใช้มะละกอสุ กปอกเปลือกหันเป็ นชิ้นๆ สัก 2-3 ชิ้น บดขยี้ดวยช้อนจนละเอียด แล้วนำมะละกอ
้
่
ดังกล่ำวบดมำทำให้ทวใบหน้ำยกเว้นรอบดวงตำทิ้งไว้สัก 10-15 นำที แล้วล้ำงออกด้วยน้ ำสะอำด ใช้สัปดำห์
ั่
ละครั้ง ผิวที่แห้งจะเริ่ มชุ่มชื้น นุ่มนวล กระชับขึ้น เป็ นสู ตรโบรำณจำกประเทศอินเดียใช้ลบริ้ วรอยได้ดี
สู ตรที่ 2 เหมือนสู ตรข้ำงบน แต่เมื่อบดเนื้อมะละกอ แล้วให้ผสมโยเกิร์ตรสธรรมชำติปริ มำณพอข้นให้เข้ำ
กัน ทิงส่ วนผสมไว้สัก 5 นำที นำมำพอกหน้ำและคอ แขน มือ ทิงไว้ 10-15 นำที ล้ำงออกด้วยน้ ำสะอำด
้
้
เสร็ จแล้วทำครี มบำรุ งทันที ผิวจะนุ่ม และใสขึ้นเรื่ อยๆ ใช้สัปดำห์ละ 1-2 ครั้งจะลบริ้ วรอยได้
มะละกอ...ผลไม้ธรรมดำๆ แต่มำกไปด้วยคุณค่ำ บรรพบุรุษคนไทยนี่ช่ำงฉลำดหลักแหลมจริ งๆ ที่ปลูก
มะละกอไว้กินกันแทบทุกบ้ำนเลย ประกอบอำหำรได้ท้ งคำวหวำน แถมใช้บำรุ งควำมงำมได้อีก
ั
อย่ำลืมลองสู ตรมำสก์พอกหน้ำกันนะคะ ของดีของไทยยุคเศรษฐกิจพอเพียง
สับปะรดถือเป็ นหนึ่งในผลไม้ที่มีคุณประโยชน์หลำกหลำย สำมำรถนำมำแปรรู ปเป็ นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่ำได้
มำกมำย ทั้งที่เป็ นอำหำรและไม่ใช่อำหำร ซึ่ งสับปะรด 1 ผล ให้น้ ำและเนื้อประมำณ ร้อยละ 52 ส่ วนร้อยละ
48คือใบและเปลือก ส่ วนใหญ่ผลิตภัณฑ์สับปะรดที่ผบริ โภคนิยม ได้แก่ สับปะรดสไลด์ แว่น ชิ้นบรรจุ
ู้
กระป๋ อง น้ ำสับปะรด เพียวเร่ ฟรุ๊ ตสลัด ไซรัป แอลกอฮอล์ รวมถึงกรดซิ ตริ ก ซึ่ งเป็ นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่ำ
กำรส่ งออกอย่ำงมหำศำล

10
บทที่ 3
วัสดุอปกรณ์ และวิธีการทดลอง
ุ
วัสดุอปกรณ์
ุ
1.กระถำงปลูกผักบุง
้
2.ดินปลูก
3.ถังหมักมีฝำปิ ด
4. มีด
5.เครื่ องชัง
่
6.ไม้กวน
7.หลอดฉีดยำขนำด 10 ml
8.บัวรดน้ ำ
9. กระบอกตวงขนำด 1000 ml
10. บีกเกอร์ขนำด 100 ml
สารเคมี
1. มะละกอ
2. กล้วย
3. สับปะรด
4. น้ ำตำลทรำยขำว
5. สำรเคมีเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช
6. น้ ำ
วิธีการทดลอง
การทดลองที่ 1 เพื่อศึกษำผลของชนิดของสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด
กล้วย และ ผลไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิดต่อกำรเจริ ญเติบโตของพืช และเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำรเร่ ง
กำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง
ตัวแปร
ตัวแปรต้น

ชนิดของสำรเร่ ง ได้แก่ น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองชนิดต่ำง ๆ สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโต
ของ พืชจำกสำรเคมี
ตัวแปรตำม
กำรเจริ ญเติบโตของพืช (ควำมสู งที่เพิ่มขึ้นของต้นผักบุง)
้
ตัวแปรควบคุม อัตรำส่ วนระหว่ำงปริ มำณสำรเร่ งกับน้ ำ ชนิดของดิน ชนิ ดของพืช เวลำที่รด
12
1.นำผลไม้ท้ งสำมชนิด มะละกอ สับปะรด กล้วยอย่ำงละหนึ่งกิโลกรัม มำสับหรื อหันให้เล็ก
ั
่
2.ชังมะละกอสับจำนวน 600 กรัม ผสมกับ น้ ำตำลทรำยขำว 200 กรัม (ทำน้ ำหมักมะละกอ) ลงในถังที่มีฝำ
่
ปิ ดใบที่ 1 ปิ ดไว้ 15 วัน
3.ทำกำรทดลองเช่นเดียวกับข้อ 2 แต่เปลี่ยนจำกมะละกอเป็ นชังสับปะรดสับจำนวน 600 กรัม ผสมกับ
่
น้ ำตำลทรำยขำว 200 กรัม(ทำน้ ำหมักสับปะรด)ชังกล้วยสับจำนวน 600 กรัม ผสมกับ น้ ำตำลทรำยขำว 200
่
กรัม (ทำน้ ำหมักกล้วย)ชังมะละกอสับ สับปะรดสับ กล้วยสับอย่ำงละ 200 กรัม ผสมกับน้ ำตำลทรำยขำว
่
200 กรัม(ทำน้ ำหมักผลไม้สีเหลือง 3 ชนิด) ลงในถังที่มีฝำปิ ดใบที่ 2 3 และ 4 ตำมลำดับ
4. เปิ ดฝำถังออก สังเกตว่ำมีน้ ำหมักผลไม้ ให้เอำไม้กวน แล้วตักด้วยบีกเกอร์ บีกเกอร์ ละ 1 ถัง ใช้หลอดฉี ด
ยำดูดสำรในบีกเกอร์ แต่ละบีกเกอร์ จำนวน 10 ml
5.ใช้กระบอกตวงขนำด 1000 ml ตวงน้ ำปริ มำตร 10 ลิตรใส่ ในภำชนะบัวรดน้ ำ เติมน้ ำหมักมะละกอ
จำนวน 10 ml ลงไปแล้วคนให้เข้ำกัน นำไปรดต้นผักบุงในแปลงที่เตรี ยมไว้
้
6.ทำกำรทดลองเช่นเดียวกับ ข้อ 5 แต่เปลี่ยนจำกน้ ำหมักมะละกอ เป็ นน้ ำหมักสับปะรด น้ ำหมักกล้วย น้ ำ
หมักผลไม้สีเหลือง 3 ชนิด สำรเคมีเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช และใช้น้ ำเปล่ำ ตำมลำดับ
7. รดน้ ำที่มีสำรเร่ งทุกๆ 3 วัน บันทึกควำมสู งที่เพิ่มขึ้นของต้นผักบุงทุก 7 วัน
้
บทที่ 4
ผลการทดลอง
ตารางที่ 1 บันทึกผลครั้งที่ 1
ลาดับ
ที่
1
2
3
4
5
6

สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชทีได้ จาก
่

สำรเร่ งที่ขำยตำมท้องตลำด
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย
สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งสำมชนิดรวมกัน
ั
ไม่ใช้สำรเร่ ง

ความสู งทีเ่ พิมขึนของต้ นผักบุ้ง
่ ้
ภายใน 7วันทีใช้ สารเร่ ง
่
(cm)
5.00
4.00
3.50
5.00
10.00
3.00

ตารางที่ 2 บันทึกผลครั้งที่ 2
ลาดับ
ที่
1
2
3
4
5
6

สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชทีได้ จาก
่

สำรเร่ งที่ขำยตำมท้องตลำด
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย
สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งสำมชนิดรวมกัน
ั
ไม่ใช้สำรเร่ ง

ความสู งทีเ่ พิมขึนของต้ นผักบุ้ง
่ ้
ภายใน 7วันทีใช้ สารเร่ ง
่
(cm)
6.00
4.00
3.70
5.00
12.00
4.00
14
ตารางที่ 3 บันทึกผลครั้งที่ 3
ลาดับ
ที่
1
2
3
4
5
6

สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชทีได้ จาก
่

สำรเร่ งที่ขำยตำมท้องตลำด
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย
สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งสำมชนิดรวมกัน
ั
ไม่ใช้สำรเร่ ง

ความสู งทีเ่ พิมขึนของต้ นผักบุ้ง
่ ้
ภายใน 7วันทีใช้ สารเร่ ง
่
(cm)
6.00
4.00
3.00
6.00
12.2
4.30

ตารางที่ 4 บันทึกผลเฉลี่ย
ลาดับ
ที่
1
2
3
4
5
6

สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชทีได้ จาก
่

สำรเร่ งที่ขำยตำมท้องตลำด
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด
สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย
สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งสำมชนิดรวมกัน
ั
ไม่ใช้สำรเร่ ง

ความสู งทีเ่ พิมขึนของต้ นผักบุ้ง
่ ้
ภายใน 7วันทีใช้ สารเร่ ง
่
(cm)
5.67
4.00
3.40
5.33
11.40
3.76
บทที่ 5
สรุปผลการทดลองและอภิปรายผลการทดลอง
จำกผลกำรทดลองศึกษำผลของชนิดของสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ
สับปะรด กล้วย และ ผลไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิดต่อกำรเจริ ญเติบโตของพืช และเพื่อเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพ
ของสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง โดยกำรทดลองนำ
ผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย มำทำเป็ นน้ ำหมักชีวภำพโดยแยกเป็ นหมักทีละชนิด และ 3
ชนิดรวมกัน แล้วนำน้ ำหมักปริ มำณ 10 ml ผสมกับน้ ำ 10 Lไปรดต้นผักบุงที่มีอำยุประมำณ 7 วัน บันทึกกำร
้
เจริ ญเติบโตเป็ นระยะ 7 วัน ต่อครั้ง จำนวน 3 ครั้ง ปรำกฏว่ำ ค่ำเฉลี่ย จำกกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญ
เติบโตของพืชจำกสำรเคมี ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.67 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ ควำมสู งของ
้
ต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 4 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 3.4 cm สำรเร่ งจำกน้ ำ
้
้
หมักกล้วย ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.33 cm สำรเร่ งจำกผลไม้สีเหลืองทั้งสำมชนิดรวมกัน ควำมสู ง
้
ของต้นผักบุงเพิมขึ้น 11.4 cm และไม่ใช้สำรเร่ ง ควำมสู งของต้นผักบุงเพิมขึ้น 3.76 cm แสดงว่ำนาหมักจาก
้ ่
้ ่
้
ผลไม้ สีเหลืองทั้งสามชนิดรวมกัน เป็ นสารเร่ งทีเ่ หมาะสมทีสุด และจำกเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำร
่
เร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง ปรำกฏว่ำค่ำเฉลี่ยจำกกำร
ใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.67 cm และสำรเร่ งจำกผลไม้สี
้
เหลืองทั้งสำมชนิดรวมกัน ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 11.4 cm แสดงว่ำ สารเร่ งจากนาหมักผลไม้ สีเหลือง
้
้
มีประสิ ทธิภาพดีกว่าการใช้ สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชจากสารเคมี ดังนั้นผลกำรทดลองสนับสนุน
่
สมมติฐำนที่วำ ชนิ ดของน้ ำหมักผลไม้มีผลต่อกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช และ สำรเร่ งจำกน้ ำหมักผลไม้
สี เหลืองมีประสิ ทธิ ภำพดีกว่ำกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี

ข้ อเสนอแนะ
1. ถ้ำจะใช้สำรเร่ งรดน้ ำทุกวันควรลดปริ มำณของสำรเร่ ง
2. สำมำรถใช้เร่ งกำรออกดอก หรื อเร่ งควำมหวำนกรอบของผลไม้ได้
เอกสารอ้างอิง
ศูนย์วทำยำศำสตร์มหำวิทยำลัยมหิดล.ประโยชน์ของผลไม้สีเหลือง:ค้นเมื่อวันที่ 16
ิ
สิ งหำคม 2556 จำก http://www.physorg.com/news187870710.html
ครู วทย์(2552).คุณประโยชน์ ของมะละกอ .ค้นเมื่อ 1 กันยำยน 2556
ิ
จำก http://www.tistr.or.th/t/publication
กลุ่มแม่บำน(2556).สั บปะรด.ค้นเมื่อ 25 สิ งหำคม 2556
้
จำกhttp://guru.google.co.th/guru/thread?tid=42ea5d24ef9584c9
กำรนิภพ พิมวัชระชัย. กำรทำปุ๋ ยหมักจำกธรรมชำติ ครั้งที่ 2. กรุ งเทพฯ : โรงพิมพ์แห่ง
จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย, 2550 จำกhttp://www.greentheearth.info/
ภาคผนวก
วิธีกำรทดลอง

หันผลไม้ท้ งสำม
ั
่
ชังผลไม้ท้ งสำมแยกถังถังละ 600 กรัม พร้อมใส่ น้ ำตำลทรำยขำวลงไปถังละ 200กรัม
ั
่
เมื่อถึง 15 วันให้เปิ ดถังทั้งสำมออกเอำไม้กวนแล้วตักน้ ำหมักทั้งสำมใส่ บีกเกอร์แล้วใช้
หลอดฉีดยำดูดสำรทั้งสำมอย่ำงละ 10 ml แล้วนำไปสำรแต่ละอย่ำงไปผสมน้ ำแยกกันใส่ ในบัว
รดน้ ำ 10ลิตร แล้วนำไปรดต้นผักบุง
้
ใช้สำรเร่ งตำมท้องตลำด

ใช้สำรเร่ งจำกสับปะรด

ใช้สำรเร่ งจำกมะละกอ
ใช้สำรเร่ งจำกกล้วย

ใช้สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งหมดรวมกัน
ั
รดน้ ำปกติไม่ใช้สำรเร่ ง

รดน้ ำที่มีสำรเร่ งทุก 3 วันบันทึกควำมสู งที่เพิมขึ้นของต้นผักบุง
้
่

Weitere ähnliche Inhalte

Was ist angesagt?

โครงงานเคมีกัญ (1)
โครงงานเคมีกัญ (1)โครงงานเคมีกัญ (1)
โครงงานเคมีกัญ (1)
Guntima NaLove
 
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
kand-2539
 
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashionโครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
jarunee4
 
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทานโครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
Rawinnipha Joy
 
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงาน
Sattawat Backer
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
chaipalat
 
กระดาษเส้น
กระดาษเส้นกระดาษเส้น
กระดาษเส้น
Tik Msr
 
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
kessara61977
 
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
Nattha Namm
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
พัน พัน
 

Was ist angesagt? (20)

แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1
แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1
แผ่นพับโครงงานการงานอาชีพ 1
 
โครงงานเคมีกัญ (1)
โครงงานเคมีกัญ (1)โครงงานเคมีกัญ (1)
โครงงานเคมีกัญ (1)
 
โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1
 
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
หน้าปกโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashionโครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
 
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทานโครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
 
ธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษา
 
โครงงานภาษาไทย เรื่อง คำไทยที่มักเขียนผิด
โครงงานภาษาไทย เรื่อง คำไทยที่มักเขียนผิดโครงงานภาษาไทย เรื่อง คำไทยที่มักเขียนผิด
โครงงานภาษาไทย เรื่อง คำไทยที่มักเขียนผิด
 
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงาน
 
แบบประเมิน ความพึงพอใจ
แบบประเมิน ความพึงพอใจแบบประเมิน ความพึงพอใจ
แบบประเมิน ความพึงพอใจ
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
 
กระดาษเส้น
กระดาษเส้นกระดาษเส้น
กระดาษเส้น
 
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
 
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวกโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมุนไพรกำจัดปลวก
 
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)โครงงานเเยมกล้วย(Complete)
โครงงานเเยมกล้วย(Complete)
 
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
ที่มาและความสำคัญของโครงงานที่มาและความสำคัญของโครงงาน
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
 
กรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สองกรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สอง
 
รายงานเรื่อง สมุนไพรไทย
รายงานเรื่อง สมุนไพรไทยรายงานเรื่อง สมุนไพรไทย
รายงานเรื่อง สมุนไพรไทย
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDFโครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร PDF
 

Ähnlich wie เนื้อหา

โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ศิริวรรณ นามสวัสดิ์
 
Projectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korProjectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 kor
Theyok Tanya
 
Present โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
Present โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพPresent โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
Present โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ศิริวรรณ นามสวัสดิ์
 
บทที่ 2ปรับปรุง
บทที่ 2ปรับปรุงบทที่ 2ปรับปรุง
บทที่ 2ปรับปรุง
kasetpcc
 
ลงเน็ต
ลงเน็ตลงเน็ต
ลงเน็ต
Bunnaruenee
 
Plant ser 126_60_4
Plant ser 126_60_4Plant ser 126_60_4
Plant ser 126_60_4
Wichai Likitponrak
 
เรื่อง การทำการเกษตร
เรื่อง การทำการเกษตรเรื่อง การทำการเกษตร
เรื่อง การทำการเกษตร
chompoo28
 
โครงงานโรคพืช
โครงงานโรคพืชโครงงานโรคพืช
โครงงานโรคพืช
Weeraphon Parawach
 
โครงงานเทคโนโลยี ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี
โครงงานเทคโนโลยี ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี โครงงานเทคโนโลยี ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี
โครงงานเทคโนโลยี ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี
Thitaree Permthongchuchai
 
M6 78 60_4
M6 78 60_4M6 78 60_4
M6 78 60_4
Wichai Likitponrak
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
ssuser858855
 

Ähnlich wie เนื้อหา (20)

Com project
Com projectCom project
Com project
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
 
โครงงานเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโครงงานเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 
Projectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korProjectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 kor
 
Present โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
Present โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพPresent โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
Present โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
 
4 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (โสภาพิมพ์)
4 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (โสภาพิมพ์)4 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (โสภาพิมพ์)
4 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (โสภาพิมพ์)
 
บทที่ 2ปรับปรุง
บทที่ 2ปรับปรุงบทที่ 2ปรับปรุง
บทที่ 2ปรับปรุง
 
โครงงานใบย่านางผง
โครงงานใบย่านางผงโครงงานใบย่านางผง
โครงงานใบย่านางผง
 
Yogurt for fun
Yogurt for funYogurt for fun
Yogurt for fun
 
Yogurt for fun
Yogurt for funYogurt for fun
Yogurt for fun
 
ลงเน็ต
ลงเน็ตลงเน็ต
ลงเน็ต
 
Plant ser 126_60_4
Plant ser 126_60_4Plant ser 126_60_4
Plant ser 126_60_4
 
การเลี้ยงหมูหลุม2554
การเลี้ยงหมูหลุม2554การเลี้ยงหมูหลุม2554
การเลี้ยงหมูหลุม2554
 
เรื่อง การทำการเกษตร
เรื่อง การทำการเกษตรเรื่อง การทำการเกษตร
เรื่อง การทำการเกษตร
 
โครงงานโรคพืช
โครงงานโรคพืชโครงงานโรคพืช
โครงงานโรคพืช
 
โครงงานเทคโนโลยี ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี
โครงงานเทคโนโลยี ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี โครงงานเทคโนโลยี ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี
โครงงานเทคโนโลยี ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี
 
M6 78 60_4
M6 78 60_4M6 78 60_4
M6 78 60_4
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง การทดลองการเจริญเติบโตของยีสต์ในน้ำหมักช...
 
Ks ghve dxwbfb
Ks ghve dxwbfbKs ghve dxwbfb
Ks ghve dxwbfb
 
Ks ghve dxwbfb
Ks ghve dxwbfbKs ghve dxwbfb
Ks ghve dxwbfb
 

Mehr von Guntima NaLove

บทที่ 5 สรุปผล
บทที่ 5 สรุปผลบทที่ 5 สรุปผล
บทที่ 5 สรุปผล
Guntima NaLove
 
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่มรายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
Guntima NaLove
 
เนื้อหาทั้งหมด
เนื้อหาทั้งหมดเนื้อหาทั้งหมด
เนื้อหาทั้งหมด
Guntima NaLove
 
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
Guntima NaLove
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
Guntima NaLove
 

Mehr von Guntima NaLove (7)

ปกใน
ปกในปกใน
ปกใน
 
บทที่ 5 สรุปผล
บทที่ 5 สรุปผลบทที่ 5 สรุปผล
บทที่ 5 สรุปผล
 
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่มรายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
 
ห้องน้ำ
ห้องน้ำห้องน้ำ
ห้องน้ำ
 
เนื้อหาทั้งหมด
เนื้อหาทั้งหมดเนื้อหาทั้งหมด
เนื้อหาทั้งหมด
 
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
นิทานอีสปเรื่องลาโง่ผู้หลงผิด2
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 

เนื้อหา

  • 1. รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง นาหมักจากผลไม้ สีเหลืองเร่ งการเจริญเติบโตของพืช ้ โดย นางสาวพิมพิสุทธิ์ เพ็ชรสุ ข เลขที่ 6 นางสาวสุ พรรณิการ์ นพรัตน์ เลขที7 ่ นางสาวกัญธิมา เอียดชูทอง เลขที่ 12 ครู ทปรึกษา ี่ นางอัมรัตน์ เอียดละออง รายงานฉบับนีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของรายวิชาเคมี 2 รหัสวิชา ว32222 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2556 โรงเรียนรัษฎานุประดิษฐ์ อนุสรณ์ สานักงานเขตพืนทีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 ้ ่
  • 2. ก ชื่อโครงงาน น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช 1 นำงสำวสุ พรรณิ กำร์ นพรัตน์ เลขที่7 2. .นำงสำวพิมพิสุทธิ์ เพ็ชรสุ ข เลขที่ 5 3.นำงสำวกัญธิ มำ ชื่ อผู้ทาโครงงาน เอียดชูทอง เลขที่ 12 ระดับชั้น ม.4 – ม.6 ชื่ อครู ทปรึกษา ี่ นำงอัมรัตน์ เอียดละออง ชื่อโรงเรียน รัษฎำนุประดิษฐ์อนุสรณ์ ปี พ.ศ. 2556 บทคัดย่ อ โครงงำนเรื่ องน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช จัดทำขึ้นเพื่อศึกษำผลของชนิดของสำรเร่ ง จำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย และ ผลไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิดต่อกำรเจริ ญเติบโตของ พืช และเพื่อเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำก ผลไม้สีเหลือง โดยกำรทดลองนำ ผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย มำทำเป็ นน้ ำหมักชีวภำพโดยแยก เป็ นหมักทีละชนิด และ 3 ชนิ ดรวมกัน แล้วนำน้ ำหมักปริ มำณ 10 ml ผสมกับน้ ำ 10 Lไปรดต้นผักบุงที่มีอำยุประมำณ ้ 7 วัน บันทึกกำรเจริ ญเติบโตเป็ นระยะ 7 วัน ต่อครั้ง จำนวน 3 ครั้ง ปรำกฏว่ำ ค่ำเฉลี่ย จำกกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญ เติบโตของพืชจำกสำรเคมี ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.67 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ ควำมสู งของต้นผักบุง ้ ้ เพิ่มขึ้น 4 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 3.4 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย ควำมสู ง ้ ของต้นผักบุงเพิมขึ้น 5.33 cm สำรเร่ งจำกผลไม้สีเหลืองทั้งสำมชนิดรวมกัน ควำมสู งของต้นผักบุงเพิมขึ้น 11.4 cm ้ ่ ้ ่ และไม่ใช้สำรเร่ ง ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 3.76 cm แสดงว่ำนาหมักจากผลไม้ สีเหลืองทั้งสามชนิดรวมกัน เป็ น ้ ้ สารเร่ งทีเ่ หมาะสมทีสุด และจำกเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ ง ่ จำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง ปรำกฏว่ำค่ำเฉลี่ยจำกกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี ควำมสู งของ ต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.67 cm และสำรเร่ งจำกผลไม้สีเหลืองทั้งสำมชนิดรวมกัน ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 11.4 cm ้ ้ แสดงว่ำ สารเร่ งจากนาหมักผลไม้ สีเหลืองมีประสิ ทธิภาพดีกว่าการใช้ สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชจากสารเคมี ้ ่ ดังนั้นผลกำรทดลองสนับสนุ นสมมติฐำนที่วำ ชนิดของน้ ำหมักผลไม้มีผลต่อกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช และ สำร เร่ งจำกน้ ำหมักผลไม้สีเหลืองมีประสิ ทธิ ภำพดีกว่ำกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี
  • 3. ข กิตติกรรมประกาศ ในกำรทำโครงงำนวิทยำศำสตร์เรื่ องผลไม่สีเหลืองเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชในครั้งนี้ คณะผูจดทำได้รับควำม ้ั อนุเครำะห์จำกกลุ่มสำระกำรเรี ยนรู ้วทยำศำสตร์ ในกำรให้ใช้อุปกรณ์กำรทดลอง คุณครู อมรัตน์ เอียดละออง ให้ ิ ั ควำมอนุเครำะห์อุปกรณ์ทำงวิทยำศำสตร์ ขอบคุณนำงสี เอียดชูทอง ที่ให้ควำมอนุเครำะห์สถำนที่ทำกำรทดลอง และ บุคคลที่ทำให้กำรทำโครงงำนวิทยำศำสตร์ ในครั้งนี้สำเร็ จลุล่วงได้ดวยดี สำมำรถแก้ปัญหำที่เกิดขึ้นในกำรทำ ้ โครงงำนได้ อีกทั้งให้คำปรึ กษำแนะนำในกำรทำโครงงำนคือ ครู อมรัตน์ เอียดละออง รวมทั้งผูปกครองของคณะ ั ้ ผูจดทำที่ให้กำรสนับสนุ นในด้ำนของงบประมำณและกำรให้ขอเสนอแนะต่ำงๆ คณะผูจดทำโครงงำนจึง ้ั ้ ้ั ขอขอบพระคุณทุกท่ำนเป็ นอย่ำงสู งมำ ณ โอกำสนี้ นำงสำวสุ พรรณิ กำร์ นพรัตน์ นำงสำวพิมพิสุทธิ์ เพ็ชรสุ ข นำงสำวกัญธิ มำ เอียดชูทอง
  • 4. ค สารบัญ หน้ำ บทคัดย่อ กิตติกรรมประกำศ สำรบัญ บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มำและควำมสำคัญ 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงำน 1.3 สมมติฐำน 1.4 ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง 1.5 ขอบเขตกำรศึกษำค้นคว้ำ 1.6 นิยำมศัพท์เฉพำะ 1.7 ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ บทที่ 2 เอกสำรที่เกี่ยวข้อง บทที่ 3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีทดลอง บทที่ 4 ผลกำรทดลอง บทที่ 5 สรุ ปผล/อภิปรำยผลกำรทดลองและข้อเสนอแนะ อ้ำงอิง. ภำคผนวก ก ข ค 1 1 1 1 2 2 2 2 3 11 13 15
  • 5. บทที่ 1 บทนา ทีมาและความสาคัญ ่ ในปั จจุบนผูคนจำนวนมำกเป็ นโรคต่ำงๆและยังมีปัญหำสุ ขภำพตำมมำอีก สำเหตุหลักๆมักมำจำก ั ้ เรื่ องใกล้ตวที่เรำคำดไม่ถึง คือ อำหำรกำรกินกำรอุปโภคและบริ โภค โดยที่ไม่ทรำบเลยว่ำในอำหำรที่เรำรับประทำน ั เข้ำไปแต่ละวันนั้นมีปริ มำณสำรพิษมำกน้อยแค่ไหน และเนื่องจำกควำมต้องกำรกำรบริ โภคอย่ำงเร่ งด่วนของคนใน สังคมปั จจุบน จึงทำให้เกษตรกรต้องเร่ งเพิ่มผลผลิตให้เร็ วขึ้นเพียงพอต่อกำรตลำด แม้แต่พืชผักต่ำงๆที่เรำรับประทำน ั ่ กันอยูทุกวันนี้ก็มกจะใช้สำรเคมีในกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชผัก เมื่อรับประทำนเข้ำไปก็จะสะสมและส่ งผลเสี ย ั ต่อร่ ำงกำย ก่อให้เกิดโรคร้ำยต่ำงๆตำมมำ และเนื่องจำกสมำชิกในกลุ่มได้ศึกษำเรื่ องกำรสร้ำงสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโต จำกธรรมชำติมำจำกประสบกำรณ์กำรแข่งขัน My little farm ปี 4 ซึ่งมีกำรทดลองนำสำรในผลไม้สีเหลืองมำเร่ งกำร เจริ ญเติบโตของพืชได้จริ งและไม่ก่อให้เกิดอันตรำยต่อผูใช้และผูบริ โภค โดยนำผลไม้ 3 ชนิด คือ กล้วย สับปะรด ้ ้ และ มะละกอ มำหมักกับน้ ำตำลในปริ มำณที่ตวงไว้เท่ำๆกัน และนำมำเปรี ยบเทียบกันระหว่ำง พืชผักที่สำรเคมีเร่ ง กำรเจริ ญเติบโต พืชผักที่ใช้สำรเร่ งจำกผลไม้สีเหลืองแต่ละชนิด กับพืชผักที่ไม่ใช้สำรเร่ งใดๆ โดยทำงกลุ่มจะหำ ผลไม้สีเหลืองที่หำได้ง่ำยตำมท้องตลำดและรำคำไม่สูงจนเกินไป ดังนั้นทำงกลุ่มของพวกเรำจึงได้จดทำโครงงำน ั เรื่ อง น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช ขึ้น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษำผลของชนิ ดของสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย และ ผลไม้สี เหลืองทั้ง 3 ชนิ ดต่อกำรเจริ ญเติบโตของพืช 2.เพื่อเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สี เหลือง สมมติฐาน 1. ถ้ำชนิดของน้ ำหมักผลไม้มีผลต่อกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชแล้ว ดังนั้นชนิดของน้ ำหมักผลไม้ต่ำงกันจะ เร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชได้ต่ำงกัน 2. สำรเร่ งจำกน้ ำหมักผลไม้สีเหลืองมีประสิ ทธิ ภำพดีกว่ำกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี
  • 6. 2 ตัวแปรทีเ่ กียวข้ อง ่ ตัวแปรต้น ชนิดของสำรเร่ ง ได้แก่ น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองชนิดต่ำง ๆ สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำก สำรเคมี ตัวแปรตำม กำรเจริ ญเติบโตของพืช (ควำมสู งที่เพิ่มขึ้นของต้นผักบุง) ้ ตัวแปรควบคุม อัตรำส่ วนระหว่ำงปริ มำณสำรเร่ งกับน้ ำ ชนิดของดิน ชนิ ดของพืช เวลำที่รด ขอบเขตของการศึกษาค้ นคว้ า ศึกษำเกี่ยวกับน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด และ กล้วย และสำรเร่ งจำกสำรเคมี ศึกษำจำกกำรปลูกผักบุงที่บำนของนำงสำวกัญธิ มำ เอียดชูทอง บ้ำนเลขที่ 6 หมู่ที่ 3 ตำบลวังมะปรำงเหนือ ้ ้ อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง นิยามศัพท์เฉพาะ น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง หมำยถึง น้ ำหมักจำกมะละกอ สับปะรด กล้วย และน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิ ด เร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช หมำยถึง กำรใช้สำรเร่ งควำมสู งของต้นผักบุง ้ ประโยชน์ ทคาดว่าจะได้ รับ ี่ 1. สำมำรถทำสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองใช้ได้เอง 2. เกิดทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ 3. เกิดควำมรับผิดชอบและสำมัคคีภำยในกลุ่ม 4. ลดสำรเคมีที่ใช้ในกำรเกษตร
  • 7. บทที่ 2 เอกสารที่เกียวข้ อง ่ วัสดุทานาหมัก นาหมักจากพืชสี เขียว(นาหมักแม่ ) ้ ้ ้ 1. ผักบุง 1 กิโลกรัม ้ 2. หน่อไม้ 1 กิโลกรัม 3. หน่อกล้วย 1 กิโลกรัม 4. น้ ำตำลสี รำ 1 กิโลกรัม 5. เกลือ ( 70 กรัม ) 6.หัวเชื้อจุลินทรี ย(์ ถ้ำมีใช้ 3 ช้อนแกง) นาหมักจากผลไม้ สีเหลือง(นาหมักพ่อ) ้ ้ 1. กล้วยสุ ก 1 กิโลกรัม 2. ฟักทองแก่ 1 กิโลกรัม 3. มะละกอสุ ก 1 กิโลกรัม 4. น้ ำตำล สี รำ 1 กิโลกรัม 5. เกลือ (ไม่เกิน100 กรัม) 6. หัวเชื้อจุลินทรี ย ์ 3 ช้อนแกง (ถ้ำมีหว เชื้อ) ั ** ผักที่เก็บควรเก็บในตอนเช้ำก่อนที่พระอำทิตย์จะขึ้น เพรำะว่ำ จุลินทรี ยจะมีมำกกว่ำเวลำ อื่นและกำรเก็บ ์ ผักทำน้ ำหมักพืชสดสี เขียว แต่หำกฝนตก ให้พกสัก 2-3 วันจึงจะได้จุลินทรี ยดี ั ์ **เกลือช่วยในกำร ดึงฮอร์โมนวิตำมินในผักผลไม้ออกมำ ให้มำกขึ้นและ ช่วยในกำรรักษำกลิ่น รสของ ผลไม้ วิธีทา 1. นำพืชผักหรื อผลไม้มำหันให้เป็ นชิ้นเล็ก ๆ ขนำด 2-3 ซม. ใส่ ภำชนะปิ ดฝำ ่ 2. นำน้ ำตำลสี รำ เกลือ ที่เตรี ยมไว้คลุกเคล้ำ ควรคลุกไปในทำงเดียวกัน เสร็ จแล้ว 3. นำของหนักวำงทับผักไว้ แล้วปิ ดฝำทิ้งไว้ 7-15 วัน 4. ปิ ดด้วยกำรนำกระดำษทึบแสงมำพันรอบภำชนะแล้วมัดด้วยยำงรัด ปิ ดธรรมดำไม่ตอง แน่นมำก ้ ให้อำกำศเข้ำได้แต่นอยๆจะได้น้ ำหมักกลิ่นหอมดี ้ 5. สังเกตจะมีน้ ำสี น้ ำตำลไหลออกมำ คือ น้ ำสกัดชีวภำพ น้ ำหมักที่ดีน้ ำหมักต้องสู งเท่ำผัก 6. หำกได้เวลำ 7-15 วันให้แยกใส่ ภำชนะ (น้ ำหมักพ่อ, น้ ำหมักแม่) ระบุวนที่ ให้ชดเจน ั ั 7. กำกที่เหลือจำกกำรทำน้ ำหมักสำมำรถน้ ำไปทำปุ๋ ยต่อไปได้
  • 8. 4 วิธีใช้ นำน้ ำสกัดชีวภำพผสมน้ ำธรรมดำทำให้เจือจำง 1. ต้องกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชผัก ไม้ผล ไม้ยนต้น ื - ใส่ น้ ำหมักแม่ : พ่อ 9 : 1 ผสมกันแล้วใช้ในอัตรำ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 20 ลิตร ฉี ดพ่น ได้ บ่อยครั้ง 2. ต้องกำรเร่ งกำรออกดอกของพืชผัก ไม้ผล - ใส่ น้ ำหมักแม่ : พ่อ 5 : 5 ผสมกันแล้วใช้ในอัตรำ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 20 ลิตร ฉีดได้ บ่อยครั้ง 3. ต้องกำรเพิ่มควำมกรอบหวำนของพืชผักไม้ผล - ใส่ น้ ำหมักแม่ : พ่อ 1 : 9 ผสมกันแล้วใช้ในอัตรำ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 20 ลิตร ฉีดได้ บ่อยครั้ง 4. รดกองใบไม้ ใบหญ้ำสด แห้ง อัตรำ 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 10 ลิตร ใช้พลำสติกคลุมกองพืช ปล่อยให้ เกิดกำรย่อยสลำย 1-2 สัปดำห์สำมำรถนำมำใช้ประโยชน์ได้ ใช้ผสมดินหรื อคลุมดิน บริ เวณต้นพืช 5. รดดินแปลงเพำะปลูกปฏิบติได้ดงนี้ พรวนดินผสมคลุกเคล้ำกับวัชพืชหรื อเศษวัชพืชอัตรำ เจือจำง ั ั 3 ช้อนโต๊ะต่อน้ ำ 10 ลิตร รดรำด 1 ตร.ม. ปล่อยให้เกิดกำรย่อยสลำย 3-7 วัน สำมำรถปลูกพืชหรื อกล้ำ ไม้ได้ ถ้ำต้องกำรกำจัดวัชพืชพวกมีเมล็ดปล่อยให้วชพืชงอกอีกครั้งจึง พรวนซ้ ำ แล้วรดน้ ำสกัด ั ชีวภำพเจือจำง 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ ำ 10 ลิตร ปลูกพืชได้ภำยใน 2- 3 วัน 6. กำรขยำยหัวเชื้อทำได้โดยมีอตรำส่ วนคือ น้ ำสกัดชีวภำพ ต่อ กำกน้ ำตำล ในอัตรำส่ วน 1:1:10 ใส่ ั ขวดปิ ดฝำ 3 วัน นำไปใช้ได้ ประโยชน์ เร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชผัก ไม้ผล ไม้ยนต้น เร่ งกำรออกดอกของพืชผัก ไม้ผล เพิ่มควำมกรอบ ื หวำนของพืชผักไม้ผล ตำมอำยุของพืชผักผลไม้ เลคติน สารประกอบเคมีทได้ จากกล้วย ี่ ่ ่ กับกำรออกฤทธิ์ ยบยั้งเชื้อ HIV-11, 2กล้วย3มีชื่อทำงวิทยำศำสตร์ วำ Musa sp. อยูในวงศ์Musaceae เป็ น ั ไม้ลมลุกมีลำต้นใต้ดิน ลำต้นบนดินรู ปทรงกระบอก เกิดจำกกำบหุ มซ้อนกันสู ง 2-4 เมตร ใบเป็ นใบเดี่ยว ้ ้ เรี ยงสลับซ้อนกันรอบต้นที่ปลำยยอดเป็ นรู ปขอบขนำน กว้ำง 2.5-4.5 เมตร ยำว 1-2 เมตร ก้ำนใบค่อนข้ำง กลมหนำ ด้ำนบนเป็ นร่ องลึก ผิวใบเรี ยบมัน ท้องใบมีสีอ่อนกว่ำ มีนวล ดอกออกเป็ นช่อในลักษณะห้อยหัว ลง ยำว 30-60 เซนติเมตร เรี ยกว่ำ ปลีออกที่ปลำยยอด มีใบประดับหุ มช่อ ดอกสี แดงหรื อสี ม่วงขนำดใหญ่ ้ ่ ่ เรี ยกว่ำ กำบดอกย่อยออกเรี ยงกันเป็ นแผง มีกำบหุ มรองรับอยูโดยดอกที่อยูส่วนปลำยช่อเป็ นดอกตัวผูดอกที่ ้ ้ โคนช่อเป็ นดอก ตัวเมียผลจึงออกเป็ นช่อเรี ยกว่ำ เครื อแต่ละช่อย่อยเรี ยกว่ำหวีกล้วยหวีหนึ่งมีประมำณ 10 ่ ั ผลเป็ นผลสดกลมยำว ขนำด รู ปร่ ำง และรสขึ้นอยูกบพันธุ์ เนื้อกล้วยมีสีเหลืองครี ม เมื่อสุ กมีรสหวำน ่ รับประทำนได้มกไม่มีเมล็ดขยำยพันธุ์ดวยกำรแตกหน่อหรื อแยกเหง้ำ ไม่ชอบดินที่มีน้ ำขัง จะอยูในดินร่ วน ั ้ ซุยและดินเหนียว ที่อุมน้ ำได้ดีในตำรำยำไทยกล่ำวถึงสรรพคุณของกล้วยในกำรใช้บำบัดรักษำโรคต่ำงๆ ้ ดังต่อไปนี้คือรำกแก้ไข้รำกสำด แก้ไข้ตวร้อน แก้ขดเบำ เหง้ำ ตำป่ นทำท้องน้อยคนคลอดบุตร ั ั
  • 9. 5 ทำให้ รกลอกภำยหลังกำรคลอดบุตร ต้นห้ำมเลือด ทำกันผมร่ วงและทำให้ผมขึ้น แก้โรคไส้เลื่อนใบรักษำ โรคท้องเสี ยแก้บิดห้ำมเลือดแก้ผนคัน ตำมผิวหนัง ยำงจำกใบ ห้ำมเลือด สมำนแผลดอกรักษำโรคเบำหวำน ื่ ่ ผล บำรุ งกำลัง บำรุ งเลือดเป็ นยำระบำย รักษำอำกำรอำหำรไม่ยอย ท้องขึ้น มีกรดมำกสมำนแผล แก้โรคบิด ่ รักษำแผลไฟไหม้ น้ ำร้อนลวกแก้ทองร่ วงแก้ริดสี ดวงทวำรจะเห็นได้วำกล้วยมีสรรพคุณกว้ำงขวำง และพบ ้ สำรสำคัญหลำยชนิดในกล้วยเช่นbenzopyrene,dopamine, epinephrine, tryptamineและ serotoninเป็ นต้น โดยผลดิบมีสำรแทนนินมำก จึงรักษำอำกำรท้องเสี ย และบิด และมีฤทธิ์ ป้องกันกำรเกิดแผลในกระเพำะ อำหำร เชื่อว่ำเกิดจำกกำรกระตุนผนังกระเพำะอำหำรให้หลังสำรเมือกออกมำมำกขึ้น และกระตุนให้เนื้ อเยือ ้ ้ ่ ่ ของกระเพำะเจริ ญเพื่อปิ ดแผลเมื่อเปรี ยบเทียบกับยำรักษำโรคกระเพำะอื่น ๆ ซึ่ งเป็ นสำรเคมีสังเครำะห์เช่น aluminium hydroxide,cimetidine เป็ นต้น สำรประเภทนี้สำมำรถป้ องกันกำรเกิดแผลในกระเพำะได้แต่ไม่ สำมำรถสมำนแผลได้เหมือนกล้วย สำรที่มีฤทธิ์ ตำนแผลในกระเพำะของกล้วยคือsitoindosideIถึง IV ้ โดยสำร sitoindosideIV เป็ นสำรที่มีฤทธิ์ มำกที่สุดไม่พบฤทธิ์ ตำนกำรเกิดแผลของกระเพำะอำหำรในกล้วย ้ สุ กแต่กล้วยสุ กมีสรรพคุณเป็ นยำระบำยสำหรับผูที่เป็ นริ ดสี ดวงทวำรหรื อผูมีอุจจำระแข็งนอกจำกนี้ ใน ้ ้ กล้วยยังพบสำรประกอบประเภทเลคติน (Lectin) ซึ่ งเป็ นชื่อเรี ยกของกลุ่มโปรตีนหรื อไกลโคโปรตีนที่ สำมำรถจับกับคำร์ โบไฮเดรตอย่ำงจำเพำะและมีควำมสำมำรถทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงของสัตว์หลำยชนิด จับกลุ่มตกตะกอน มีรำยงำนกำรค้นพบเลคตินหลำยร้อยชนิดจำกแบคทีเรี ย รำ พืช และสัตว์แต่ส่วนใหญ่ ได้มำจำกพืช จำกกำรศึกษำถึงบทบำทของเลคตินในพืชพบว่ำ เลคติน มีบทบำทที่น่ำสนใจในกำรทำหน้ำที่ เป็ นโมเลกุลป้ องกัน (Defensivemolecules) ที่ป้องกันพืชจำกกำรรุ กรำนของจุลชีพและไวรัส เลคตินจำกพืช มักจับอย่ำงจำเพำะกับน้ ำตำลหรื อคำร์ โบไฮเดรตมำกกว่ำ1ตำแหน่งได้แก่mannose,glucose, galactose, Nacetylgalactosamine,N-acetylglucosamine และ fucose เป็ นต้น โดยจะจับกันอย่ำงหลวมและแยกออกจำก กันได้ จึงสำมำรถทำให้เซลล์เกำะกลุ่มและตกตะกอนสำรประกอบคำร์ โบไฮเดรตได้ปัจจุบนนักวิทยำศำสตร์ ั จำก University ofMichigan Medical School ประเทศสหรัฐอเมริ กำได้ทำกำรศึกษำค้นคว้ำและเปิ ดเผยถึง รำยละเอียดงำนวิจยที่เกี่ยวข้องกับสำรที่สกัดได้จำกกล้วยว่ำมีควำมสำมำรถในกำรยับยั้งกำรแพร่ ของเชื้ อ ั HIV ได้เป็ นอย่ำงดีและยังเป็ นกำรค้นพบที่จะทำให้มีกำรพัฒนำวิธีกำรป้ องกันหรื อกำรรักษำกำรแพร่ ของเชื้ อ โรคจำกกำรมีเพศสัมพันธ์อีกด้วยซึ่ งสำรที่สกัดได้น้ ีมีชื่อว่ำแบนเลค(BanLec)4แบนเลค (BanLec) เป็ น สำรประกอบเลคตินที่แยกได้จำกผลกล้วย Musa acuminata (รู ปที่ 1)ที่มีควำมสำมำรถในกำรหยุดยั้งกำร เกิดปฏิกิริยำลูกโซ่ต่ำง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดกำรติดเชื้ อ ซึ่ งโครงสร้ำงสำมมิติของแบนเลค(รู ปที่2)กำรทำงำนของ แบนเลค จะเข้ำไปทำกำรยับยั้งกำรแพร่ ของเชื้ อ HIV โดยกำรเข้ำไปจับกับ glycosylatedHIV-1 envelope protein ที่เรี ยกว่ำ gp120 และขัดขวำงไม่ให้เชื้ อเข้ำสู่ เซลล์แบนเลคสำมำรถนำไปใช้เป็ นส่ วนประกอบของ สำรที่ผลิตตัวยำป้ องกันโรคเอดส์และส่ วนประกอบของอุปกรณ์หรื อตัวช่วยที่ป้องกันกำรติดเชื้อในช่อง คลอดได้กำรป้ องกันกำรเกิดโรคจำกเชื้อ HIV ถือว่ำมีควำมสำคัญมำก เนื่องจำกกำรเกิดโรคเชื้อ HIVมีอตรำที่สูงมำกขึ้นโดยเฉพำะในประเทศ ั ่ สหรัฐอเมริ กำและประเทศที่ยำกจนค่ำใช้จ่ำยในกำรรักษำในขณะนี้ก็ยงสู งอยูในประเทศที่กำลังพัฒนำ ั
  • 10. 6 ผูหญิงมีแนวโน้มที่จะใช้วธีกำรป้ องกันกำรติดเชื้อจำกกำรมีเพศสัมพันธ์ที่นอยดังนั้น กำรพัฒนำวิธีกำร ้ ิ ้ ป้ องกันกำรติดเชื้ อแบบใหม่ก็มีควำมเป็ นไปได้ที่คนจะสนใจมำกขึ้นสำรโปรตีนเลคตินจำกกล้วยนี้ยงมี ั ควำมสำมำรถในกำรป้ องกันกำรแพร่ ของเชื้ อไวรัสที่เข้ำมำสู่ ร่ำงกำยได้อีกด้วย และรำคำของยำที่ผลิตด้วย สำรประกอบจำกธรรมชำติอย่ำงกล้วยก็น่ำจะมีรำคำที่ถูกกว่ำส่ วนผสมที่ใช้ในยำต้ำนเชื้ อ HIV ที่ใช้ใน ่ ปั จจุบนอย่ำงT-20และ Maravirocปั จจุบนนักวิทยำศำสตร์ กำลังทำกำรทดลองเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์วำยำที่มี ั ั ส่ วนผสมของสำรเลคตินจำกผลกล้วยเป็ นหลักจะสำมำรถทำงำนในกำรยับยั้งกำรแพร่ ของเชื้อ HIV ได้ ั เพียงพอหรื อไม่ท้ งในกำรติดเชื้อระยะยำวและเรื้ อรัง หรื อว่ำต้องมีกำรใช้ควบคู่กบกำรรักษำกับยำตัวอื่นหรื อ ั วิธีกำรรักษำอื่น มะละกอ มะละกอ Carica papaya L. วงศ์ Caricaceae ชื่ออื่นได้แก่ มะก๊วยเทศ (เหนือ) มะกล้วยเต็ด (พำยัพ) มะหุ่ง (ล้ำนช้ำง) บักหุ่งหรื อหมักหุ่ง (เลย นครพนม) สะกุยเส (แม่ฮ่องสอน) กล้วยลำ (ยะลำ) แตงต้น (สตูล) มะเต๊ะ (ปัตตำนี) ลอกอ (ภำคใต้และมลำยู) ภำษำ ฮินดูเรี ยก Papeeta ภำษำต่ำงประเทศอื่นๆ เรี ยก Papaya, Melan Tree, Paw Paw มะละกอเป็ นไม้ผลล้มลุก ต้นสู งประมำณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริ กำกลำง เข้ำมำในหมู่เกำะ ฟิ ลิปปิ นส์และเอเชียรำวปลำยศตวรรษที่ 10 ที่ฟิลิปปิ นส์ ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุ กแล้วเนื้ อในจะมีสีเหลืองถึง ส้ม นิยมนำผลสดมำกินสดและนำไปปรุ งอำหำรได้ดวย ้ มะละกอมีลำต้นตรงไม่มีกิ่งก้ำน ลำต้นนิ่มมีสีเทำ และมีร่องรอยของใบที่หลุดร่ วงไป ่ ้ ใบเป็ นใบเดี่ยวมีแฉกลึก 5-9 แฉก ก้ำนใบยำว เรี ยงตัวแบบสลับเกำะกลุ่มอยูดำนบนสุ ดของลำต้น ภำยในก้ำน ใบและใบมียำงเหนียวสี ขำว ช่ อดอกเพศผูมีกำนดอกยำว กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็ นหลอดยำว 1.5-2.5 เซนติเมตร ปลำยแยกเป็ น 5 กลีบ ้ ้ ้ เมื่อบำนเส้นผ่ำศูนย์กลำง 1.5-2.5 เซนติเมตร เกสรเพศผูมี 10 อัน ดอกเพศเมียก้ำนดอกสั้นหรื อไม่มีกำนดอก ้ เลย ดอกเพศเมียและดอกสมบูรณ์เพศออกเดี่ยวหรื อ 2-3 ดอก กลีบดอก 5 กลีบ ดอกมีขนำดใหญ่กว่ำดอกเพศ ผู ้ มะละกอบำงต้นอำจมีดอกเพียงเพศเดียว แต่บำงต้นอำจมีดอกทั้งสองเพศก็ได้ ผลดิบมีเนื้อสี ขำวอมเขียวมี ่ น้ ำยำงสี ขำวสะสมอยูที่เปลือก ผลสุ กมีเนื้ อสี แดงส้ม เนื้ อหนำอ่อนนุ่ม รสหวำน มีเมล็ดรู ปไข่สีน้ ำตำลดำผิวขรุ ขระมีถุงเมือกหุมจำนวนมำก ้ มะละกอเป็ นไม้ผลที่คนไทยนิยมกิน ยอดอ่อนดองกินได้ ผลดิบนำมำปรุ งอำหำร ใช้ปรุ งส้มตำ แกงส้ม แกงเหลือง แกงอ่อม ผัดไข่ ต้มจิ้มน้ ำพริ ก ผลสุ กกินสด น้ ำมีรสชำติหวำนหอม มีวตำมินเอและแคลเซี ยมสู ง ิ นอกจำกจะมีกำรกินภำยในประเทศแล้วปั จจุบนยังมีกำรส่ งมะละกอไปจำหน่ำยตลำดต่ำงประเทศอีกด้วย ั
  • 11. นำน เนื้ อกรอบ ตำส้มตำได้รสชำติดีพนธุ์ในประเทศใช้กินผลสุ กที่ได้รับควำมนิยมคือพันธุ์แขกดำ ปั จจุบนมี ั ั กำรพัฒนำพันธุ์ครั่งใช้กินดิบเก็บได้ ผลดีต่อสุ ขภาพ มะละกอมีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และเกลือโซเดียมต่ำ เป็ นแหล่งที่ดีของเส้นใยอำหำร ธำตุ โพแทสเซี ยม วิตำมินเอ ซี และโฟเลต แต่ร้อยละ 92 ของพลังงำนจำกมะละกอสุ กมำจำกคำร์โบไฮเดรต ผู้ที่ ควบคุมอาหารแปงและนาตาลจึงไม่ ควรกินมะละกอมากเกินไป ้ ้ สี แดงอมส้มที่พบในมะละกอสุ กแสดงว่ำ มะละกอสุ กมีสำรไลโคพีนซึ่ งเป็ นสำรช่วยลดควำมเสี่ ยงในกำรเกิด มะเร็ งต่อมลูกหมำกอีกด้วย มะละกอสุ กอุดมด้วยสำรต้ำนอนุมูลอิสระ ได้แก่ แคโรทีน วิตำมินซี สำรฟลำโว นอยด์ สำรโฟเลต กรดแพนโทเทนิก ธำตุโพแทสเซี ยม แมกนีเซี ยม และเส้นใยอำหำร สำรอำหำรเหล่ำนี้ บำรุ งสุ ขภำพของระบบหัวใจและหลอดเลือด และป้ องกันกำรเกิดมะเร็ งลำไส้ใหญ่อีก ด้วย นอกจำกนี้ มะละกอมีเอนไซม์ปำเปน สำมำรถนำมำใช้ดำนกำรแพทย์เพื่อรักษำอำกำรบำดเจ็บทำงกำรกีฬำ ้ นอกจำกนี้นกวิจยจำกมหำวิทยำลัยอินสบรุ๊ ค ประเทศออสเตรี ย พบว่ำมะละกอมีสำรต้ำนอนุมูลอิสระ สู งสุ ด ั ั เมื่อสุ กงอม เนื่องจำกคลอโรฟิ ลล์สีเขียวเปลี่ยนเป็ นสำรไม่มีสีที่มีฤทธิ์ ตำนอนุมูลอิสระอย่ำงเยียมยอดอีกชนิด ้ ่ หนึ่ง เรี ยก NCCs (nonfluorescing chlorophyll catabolytes) สะสมบริ เวณเปลือกผลและใต้ผวเปลือก เวลำ ิ ปอกมะละกอสุ กจึงไม่ควรกรี ดริ้ วบริ เวณใต้เปลือกเพรำะจะสู ญเสี ยคุณค่ำอำหำรนี้ไป ปองกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ้ มะละกออาจช่ วยปองกันโรคหลอดเลือดแข็งตัวและโรคหัวใจที่มีสำเหตุจำกโรคเบำหวำนได้ดี มะละกอมี ้ วิตำมินซี วิตำมินอีและวิตำมินเอ (ในรู ปของสำรแคโรทีนอยด์) ซึ่ งเป็ นสำรอนุมูลอิสระที่มีควำมสำคัญช่วย ป้ องกันกำรเกิดอนุมูลอิสระของคอเลสเตอรอล เชื่อว่ำวิตำมินซี และอีช่วยกำรทำงำนของเอนไซม์พำรำออก โซเนสซึ่ งหยุดกำรเกิดอนุมูลอิสระของคอเลสเตอรอล เส้นใยอำหำรในมะละกอช่วยลดคอเลสเตอรอลส่ วน กรดโฟลิกใช้เปลี่ยนกรดอะมิโฮโมซิสเทอีนเป็ นกรดอะมิโนซิ สเทอีนที่ไม่มีพิษภัยอะไร ถ้ำมีโฮโมซิ สเทอีนอ ่ ยูมำกกรดอะมิโนนี้จะทำลำยผนังหลอดเลือด เกิดควำมเสี่ ยงของอำกำรหัวใจวำยหรื อหลอดเลือดสมองอุด ตันได้ ช่ วยระบบทางเดินอาหาร สำรอำหำรในมะละกอช่วยป้ องกันกำรเกิดโรคมะเร็ ง ลำไส้ใหญ่ เส้นใยอำหำรจำกมะละกอสำมำรถจับกับ สำรพิษก่อมะเร็ งในลำไส้ใหญ่และพำส่ งออกทำให้เกิดกำรสัมผัสกับเซลล์ลำไส้ใหญ่นอยที่สุด และสำรโฟ ้ เลต บีตำแคโรทีน วิตำมินซี และอี ที่พบในมะละกอ จะมีส่วนช่วยลดควำมเสี่ ยงกำรเกิดมะเร็ งลำไส้ใหญ่ โดย ลดกำรถูกทำลำยของสำรพันธุ กรรมในเซลล์ดงกล่ำวด้วยอนุมูลอิสระ ั 7
  • 12. 8 ฤทธิ์ต้านอักเสบ มะละกอมีเอนไซม์ปำเปนและไคโมปำเปนช่วยย่อยโปรตีน เอนไซม์เหล่ำนี้สำมำรถช่วยลดกำรอักเสบและ กระตุนกำรสมำนแผลไฟไหม้น้ ำร้อนลวกได้ งำนวิจยจำกประเทศมำเลเซี ยพบว่ำ สารสกัดจากเปลือกผล ้ ั มะละกอดิบเร่ งอัตราเร็วของการสมานแผลในหนูทดลองได้เร็ วกว่ำกำรใช้ยำทำ Solcoseryl ถึง 1 สัปดำห์ บีตำแคโรทีน วิตำมินซี และอีในมะละกอก็มีฤทธิ์ลดกำรอักเสบเช่นกัน ดังนั้นผูป่วยโรคหอบหื ด โรคข้อ ้ เสื่ อม และข้ออักเสบรู มำตอยด์จะได้ประโยชน์จำกกำรกินมะละกอเพื่อลดอำกำรของโรคดังกล่ำว ปั จจุบนมี ั กำรใช้เอนไซม์จำกมะละกอดังกล่ำวผลิตเป็ นยำเม็ด ลดอำกำรบวม กำรอักเสบจำกบำดแผลหรื อกำรผ่ำตัด แล้ว ช่ วยระบบภูมิค้ ุมกัน ร่ ำงกำยมนุษย์สำมำรถเปลี่ยนบีตำแคโรทีนที่ได้จำกมะละกอสุ กเป็ นวิตำมินเอและซี ได้ เนื่องจำกร่ ำงกำย ต้องกำรวิตำมินทั้งสองเพื่อเสริ มสร้ำงระบบภูมิคุมกัน ให้ทำหน้ำที่ได้รำบรื่ น จึงพบว่ำกำรกินมะละกอ เป็ น ้ ประจำอำจลดควำมถี่กำรเกิดไข้หวัดและกำรติดเชื้ อในช่องหูได้ การปองกันภาวะจอประสาทตาเสื่ อม ้ งำนวิจยตีพิมพ์ในต่ำงประเทศกล่ำวว่ำกำรกินผลไม้ 3 ครั้งต่อวันอำจลดควำมเสี่ ยงของอำกำรภำวะจอ ั ประสำทตำเสื่ อมในผูสูงอำยุ อันเป็ นสำเหตุของกำรเสี ยกำรมองเห็นในผูสูงอำยุ เนื่ องจำกคนไทยกินมะละกอ ้ ้ ทั้งดิบหรื อสุ กอยูเ่ ป็ นปกติ ดังนั้นเรำจึงมีควำมเสี่ ยงในกำรเกิดโรคดังกล่ำวลดลงในยำมชรำ ปองกันโรคถุงลมปอดโป่ งพองและมะเร็งปอด ้ งำนวิจยของมหำวิทยำลัยรัฐแคนซัส สหรัฐอเมริ กำพบว่ำ สำรก่อมะเร็ งจำกบุหรี่ (benzo(a)pyrene) ทำให้เกิด ั กำรขำดวิตำมินเอในสัตว์ทดลองที่ได้รับอำหำรปกติ และเกิดอำกำรถุงลมปอดโป่ งพอง แต่สัตว์ที่ได้รับ วิตำมินเอปริ มำณมำกแต่ได้รับสำรดังกล่ำวไม่พบว่ำมีอำกำรถุงลมปอดโป่ งพอง ผูวจยจึงเชื่อว่ำผูที่สูบบุหรี่ ้ิั ้ หรื อได้รับควันบุหรี่ เป็ นนิตย์ควรป้ องกันตนเองโดยกำรกินอำหำรที่มีวตำมินเอสู งเป็ นประจำ และมะละกอ ิ สุ กก็เป็ นหนึ่งในอำหำรดังกล่ำว เมล็ดมะละกอใช้ รักษามะเร็ง ที่ประเทศอินเดียกล่ำวสื บทอดกันมำแต่บรรพบุรุษ ว่ำเมล็ดมะละกอใช้ รักษาโรคมะเร็งได้ งำนวิจยจำก ั ่ ประเทศญี่ปุ่นรำยงำนเมื่อเดือนมกรำคม พ.ศ.2550 นี้วำ เมล็ดมะละกอมีเอนไซม์ไมโรซิ เนส และสำรเบนซิ ลกลูโคซิโนเลตในปริ มำณมำก สำรเบนซิ ลกลูซิโนเลตนี้ส่วนใหญ่พบในพืชวงศ์คะน้ำ มีฤทธิ์ ขบไล่สัตว์กิน ั ่ พืชในธรรมชำติ แต่มนุษย์ยอยสำรนี้โดยใช้เอนไซม์ไมโรซิ เนส ได้สำรต้ำนมะเร็ ง งำนวิจยยังพบว่ำสำรสกัด ั เฮกเซนของเมล็ดมะละกอมีฤทธิ์ ยบยั้งกำรสร้ำงสำรซูเปอร์ ออกไซด์ และมีฤทธิ์ ฆ่ำเซลล์มะเร็ งแบบอะป๊ อป ั โทซิ ส จะเห็นว่ำเมล็ดมะละกอมีฤทธิ์ ตำนมะเร็ งได้จริ งตำมภูมิปัญญำกำรแพทย์อินเดีย แต่ตองใช้เวลำอีก ้ ้ มำกกว่ำจะมีกำรพัฒนำเป็ นยำแผนปั จจุบนได้ต่อไป ั
  • 13. จากมะละกอมาเป็ นเครื่องดื่มเพือสุ ขภาพ ่ มะละกอ นอกจำกกินเป็ นผลไม้ได้อร่ อยแล้ว ยังนำไปทำเป็ นน้ ำมะละกอ หรื อชำมะละกอได้ น้ ำมะละกอ สุ ก ช่วยลดกรดในกระเพำะอำหำร ช่วยกำรทำงำนของลำไส้ ทำควำมสะอำดไต และยังเป็ นยำระบำยอ่อนๆ อย่ำงดีอีกด้วย ส่ วนชำมะละกอดิบช่วยล้ำงระบบดูดซึ มสำรอำหำร คือ ล้ำงครำบไขมันที่ผนังลำไส้ซ่ ึ งเกำะตัว ที่ผนังลำไส้ ที่ขดขวำงกำรดูดซึ มสำรอำหำรและวิตำมินที่เป็ นประโยชน์ต่อร่ ำงกำย มีฤทธิ์ ลดน้ ำตำลในเลือด ั ด้วย ปั จจุบนมีน้ ำมะละกอหมักจำหน่ำยแพร่ หลำยในประเทศญี่ปุ่น ที่ทำเป็ นผงบดแห้งก็มี แต่ประเทศไทย ั ปลูกมะละกอได้ผลตลอดปี เรำมำทำน้ ำมะละกอสดดื่มกันเองดีกว่ำ นามะละกอสุ ก ้ เลือกมะละกอที่สุกกำลังดี เนื้อไม่แข็ง หรื อเละจนเกินไป เนื้อเนียน รสหวำน นำมะละกอสุ กหันเอำแต่เนื้ อ ่ ครึ่ งถ้วย น้ ำเย็นจัด 1 ถ้วย ผง อบเชย 1/8 ช้อนชำ เกลือป่ น 1/4 ช้อนชำ น้ ำมะนำว 2 ช้อนชำ ปั่ นมะละกอกับ น้ ำเย็นจัด เกลือ น้ ำมะนำวเข้ำด้วยกัน ริ นใส่ แก้ว โรยด้วยผงอบเชย ดื่มเย็นๆ ทันที ชามะละกอจากผลมะละกอดิบ ใช้มะละกอดิบไม่อ่อนเกินไปครึ่ งผล ชำเขียว หรื อชำจีน หรื อชำใบหม่อน อย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง เพิ่มดอก เก๊กฮวย ใบเตย หรื อรำกเตยไปด้วยถ้ำมี ดอกเก๊กฮวยและใบเตยมีสรรพคุณบำรุ งหัวใจ ส่ วนรำกเตยช่วยฟื้ นฟูตบอ่อนให้มีกำลัง ั ปอกเปลือกมะละกอล้ำงน้ ำให้สะอำด แล้วหันแบบชิ้นฟัก นำชิ้นมะละกอใส่ หม้อ เติมน้ ำ 3-4 ลิตร ตั้งไฟ (ใส่ ่ ดอกเก๊กฮวย หรื อใบเตย หรื อรำกเตยตำมชอบ) เมื่อน้ ำเดือดสักพักหนึ่งยกหม้อลง ตักมะละกอ และดอก เก๊กฮวยออก ให้เหลือแต่น้ ำ นำน้ ำดังกล่ำวไปชงชำ ใส่ ใบชำประมำณครึ่ งกำมือ หลัง 5 นำทีกรองเอำกำกชำ ออก ทิงไว้ให้เย็นดื่มได้ทนที หรื อบรรจุขวดเก็บไว้ในตูเ้ ย็นได้ประมำณ 3 วัน ั ้ ั ่ สู ตรโบรำณจำกประเทศอินเดียที่ใช้กนอยูในปั จจุบนให้เคี้ยวเมล็ดจำกผลสุ กสิ บเมล็ดพร้อมกลืน ช่วยกระตุน ั ้ ระบบน้ ำดี ย่อยไขมัน ล้ำงระบบทำงเดินอำหำร และช่วยกระตุนกำรทำงำนของตับ ้ มะละกอเสริมความงามผิวพรรณ เอนไซม์ปำเปนที่พบในมะละกอ ถูกนำมำใช้ในอุตสำหกรรมอย่ำงแพร่ หลำย ทั้งด้ำนเภสัชกรรม โรงผลิต เบียร์ โรงงำนเครื่ องหนัง อุตสำหกรรมเครื่ องสำอำงและผลิตภัณฑ์สปำ เอนไซม์ปำเปนถูกใช้ในเครื่ องสำอำง ได้เนื่องจำกเอนไซม์ดงกล่ำวสำมำรถย่อยสลำยคอลลำเจนได้ ช่วยเร่ งกำรผลัดเปลี่ยนเซลล์ผว จึงใช้ทดแทน ั ิ สำรสังเครำะห์ แอลฟำไฮดรอกซีแอซิด (alphahydroxy acids; AHA) ได้ และมีคุณสมบัติช่วยย่อยโมเลกุล ่ ของโปรตีนด้วย ที่ผำนมำประเทศไทยต้องนำเข้ำเอนไซม์ปำเปนจำกต่ำงประเทศ ปัจจุบนสำนักงำน ั นวัตกรรมแห่งชำติได้สนับสนุนภำคเอกชนไทยผลิตเอนไซม์ปำเปนจำกมะละกอดิบพัฒนำเครื่ องสำอำงและ ผลิตภัณฑ์สปำ ทดแทนกรดผลไม้ที่มีค่ำควำมเป็ นกรดสู ง พร้อมลดกำรนำเข้ำจำกต่ำงประเทศปี ละกว่ำ 60 ล้ำนบำท สำหรับผูที่มีผวแห้ง หรื อมีปัญหำเรื่ องสิ วบนใบหน้ำ สำมำรถทำมาสก์ มะละกอสุ กใช้เอง เพื่อผิวหน้ำที่อ่อน ้ ิ นุ่มได้ตำมสู ตรข้ำงล่ำงนี้ 9
  • 14. สตรที่ 1 ใช้มะละกอสุ กปอกเปลือกหันเป็ นชิ้นๆ สัก 2-3 ชิ้น บดขยี้ดวยช้อนจนละเอียด แล้วนำมะละกอ ้ ่ ดังกล่ำวบดมำทำให้ทวใบหน้ำยกเว้นรอบดวงตำทิ้งไว้สัก 10-15 นำที แล้วล้ำงออกด้วยน้ ำสะอำด ใช้สัปดำห์ ั่ ละครั้ง ผิวที่แห้งจะเริ่ มชุ่มชื้น นุ่มนวล กระชับขึ้น เป็ นสู ตรโบรำณจำกประเทศอินเดียใช้ลบริ้ วรอยได้ดี สู ตรที่ 2 เหมือนสู ตรข้ำงบน แต่เมื่อบดเนื้อมะละกอ แล้วให้ผสมโยเกิร์ตรสธรรมชำติปริ มำณพอข้นให้เข้ำ กัน ทิงส่ วนผสมไว้สัก 5 นำที นำมำพอกหน้ำและคอ แขน มือ ทิงไว้ 10-15 นำที ล้ำงออกด้วยน้ ำสะอำด ้ ้ เสร็ จแล้วทำครี มบำรุ งทันที ผิวจะนุ่ม และใสขึ้นเรื่ อยๆ ใช้สัปดำห์ละ 1-2 ครั้งจะลบริ้ วรอยได้ มะละกอ...ผลไม้ธรรมดำๆ แต่มำกไปด้วยคุณค่ำ บรรพบุรุษคนไทยนี่ช่ำงฉลำดหลักแหลมจริ งๆ ที่ปลูก มะละกอไว้กินกันแทบทุกบ้ำนเลย ประกอบอำหำรได้ท้ งคำวหวำน แถมใช้บำรุ งควำมงำมได้อีก ั อย่ำลืมลองสู ตรมำสก์พอกหน้ำกันนะคะ ของดีของไทยยุคเศรษฐกิจพอเพียง สับปะรดถือเป็ นหนึ่งในผลไม้ที่มีคุณประโยชน์หลำกหลำย สำมำรถนำมำแปรรู ปเป็ นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่ำได้ มำกมำย ทั้งที่เป็ นอำหำรและไม่ใช่อำหำร ซึ่ งสับปะรด 1 ผล ให้น้ ำและเนื้อประมำณ ร้อยละ 52 ส่ วนร้อยละ 48คือใบและเปลือก ส่ วนใหญ่ผลิตภัณฑ์สับปะรดที่ผบริ โภคนิยม ได้แก่ สับปะรดสไลด์ แว่น ชิ้นบรรจุ ู้ กระป๋ อง น้ ำสับปะรด เพียวเร่ ฟรุ๊ ตสลัด ไซรัป แอลกอฮอล์ รวมถึงกรดซิ ตริ ก ซึ่ งเป็ นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่ำ กำรส่ งออกอย่ำงมหำศำล 10
  • 15. บทที่ 3 วัสดุอปกรณ์ และวิธีการทดลอง ุ วัสดุอปกรณ์ ุ 1.กระถำงปลูกผักบุง ้ 2.ดินปลูก 3.ถังหมักมีฝำปิ ด 4. มีด 5.เครื่ องชัง ่ 6.ไม้กวน 7.หลอดฉีดยำขนำด 10 ml 8.บัวรดน้ ำ 9. กระบอกตวงขนำด 1000 ml 10. บีกเกอร์ขนำด 100 ml สารเคมี 1. มะละกอ 2. กล้วย 3. สับปะรด 4. น้ ำตำลทรำยขำว 5. สำรเคมีเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช 6. น้ ำ วิธีการทดลอง การทดลองที่ 1 เพื่อศึกษำผลของชนิดของสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย และ ผลไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิดต่อกำรเจริ ญเติบโตของพืช และเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำรเร่ ง กำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง ตัวแปร ตัวแปรต้น ชนิดของสำรเร่ ง ได้แก่ น้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองชนิดต่ำง ๆ สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโต ของ พืชจำกสำรเคมี ตัวแปรตำม กำรเจริ ญเติบโตของพืช (ควำมสู งที่เพิ่มขึ้นของต้นผักบุง) ้ ตัวแปรควบคุม อัตรำส่ วนระหว่ำงปริ มำณสำรเร่ งกับน้ ำ ชนิดของดิน ชนิ ดของพืช เวลำที่รด
  • 16. 12 1.นำผลไม้ท้ งสำมชนิด มะละกอ สับปะรด กล้วยอย่ำงละหนึ่งกิโลกรัม มำสับหรื อหันให้เล็ก ั ่ 2.ชังมะละกอสับจำนวน 600 กรัม ผสมกับ น้ ำตำลทรำยขำว 200 กรัม (ทำน้ ำหมักมะละกอ) ลงในถังที่มีฝำ ่ ปิ ดใบที่ 1 ปิ ดไว้ 15 วัน 3.ทำกำรทดลองเช่นเดียวกับข้อ 2 แต่เปลี่ยนจำกมะละกอเป็ นชังสับปะรดสับจำนวน 600 กรัม ผสมกับ ่ น้ ำตำลทรำยขำว 200 กรัม(ทำน้ ำหมักสับปะรด)ชังกล้วยสับจำนวน 600 กรัม ผสมกับ น้ ำตำลทรำยขำว 200 ่ กรัม (ทำน้ ำหมักกล้วย)ชังมะละกอสับ สับปะรดสับ กล้วยสับอย่ำงละ 200 กรัม ผสมกับน้ ำตำลทรำยขำว ่ 200 กรัม(ทำน้ ำหมักผลไม้สีเหลือง 3 ชนิด) ลงในถังที่มีฝำปิ ดใบที่ 2 3 และ 4 ตำมลำดับ 4. เปิ ดฝำถังออก สังเกตว่ำมีน้ ำหมักผลไม้ ให้เอำไม้กวน แล้วตักด้วยบีกเกอร์ บีกเกอร์ ละ 1 ถัง ใช้หลอดฉี ด ยำดูดสำรในบีกเกอร์ แต่ละบีกเกอร์ จำนวน 10 ml 5.ใช้กระบอกตวงขนำด 1000 ml ตวงน้ ำปริ มำตร 10 ลิตรใส่ ในภำชนะบัวรดน้ ำ เติมน้ ำหมักมะละกอ จำนวน 10 ml ลงไปแล้วคนให้เข้ำกัน นำไปรดต้นผักบุงในแปลงที่เตรี ยมไว้ ้ 6.ทำกำรทดลองเช่นเดียวกับ ข้อ 5 แต่เปลี่ยนจำกน้ ำหมักมะละกอ เป็ นน้ ำหมักสับปะรด น้ ำหมักกล้วย น้ ำ หมักผลไม้สีเหลือง 3 ชนิด สำรเคมีเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช และใช้น้ ำเปล่ำ ตำมลำดับ 7. รดน้ ำที่มีสำรเร่ งทุกๆ 3 วัน บันทึกควำมสู งที่เพิ่มขึ้นของต้นผักบุงทุก 7 วัน ้
  • 17. บทที่ 4 ผลการทดลอง ตารางที่ 1 บันทึกผลครั้งที่ 1 ลาดับ ที่ 1 2 3 4 5 6 สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชทีได้ จาก ่ สำรเร่ งที่ขำยตำมท้องตลำด สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งสำมชนิดรวมกัน ั ไม่ใช้สำรเร่ ง ความสู งทีเ่ พิมขึนของต้ นผักบุ้ง ่ ้ ภายใน 7วันทีใช้ สารเร่ ง ่ (cm) 5.00 4.00 3.50 5.00 10.00 3.00 ตารางที่ 2 บันทึกผลครั้งที่ 2 ลาดับ ที่ 1 2 3 4 5 6 สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชทีได้ จาก ่ สำรเร่ งที่ขำยตำมท้องตลำด สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งสำมชนิดรวมกัน ั ไม่ใช้สำรเร่ ง ความสู งทีเ่ พิมขึนของต้ นผักบุ้ง ่ ้ ภายใน 7วันทีใช้ สารเร่ ง ่ (cm) 6.00 4.00 3.70 5.00 12.00 4.00
  • 18. 14 ตารางที่ 3 บันทึกผลครั้งที่ 3 ลาดับ ที่ 1 2 3 4 5 6 สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชทีได้ จาก ่ สำรเร่ งที่ขำยตำมท้องตลำด สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งสำมชนิดรวมกัน ั ไม่ใช้สำรเร่ ง ความสู งทีเ่ พิมขึนของต้ นผักบุ้ง ่ ้ ภายใน 7วันทีใช้ สารเร่ ง ่ (cm) 6.00 4.00 3.00 6.00 12.2 4.30 ตารางที่ 4 บันทึกผลเฉลี่ย ลาดับ ที่ 1 2 3 4 5 6 สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชทีได้ จาก ่ สำรเร่ งที่ขำยตำมท้องตลำด สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด สำรเร่ งจำกน้ ำหมักกล้วย สำรเร่ งจำกผลไม้ท้ งสำมชนิดรวมกัน ั ไม่ใช้สำรเร่ ง ความสู งทีเ่ พิมขึนของต้ นผักบุ้ง ่ ้ ภายใน 7วันทีใช้ สารเร่ ง ่ (cm) 5.67 4.00 3.40 5.33 11.40 3.76
  • 19. บทที่ 5 สรุปผลการทดลองและอภิปรายผลการทดลอง จำกผลกำรทดลองศึกษำผลของชนิดของสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย และ ผลไม้สีเหลืองทั้ง 3 ชนิดต่อกำรเจริ ญเติบโตของพืช และเพื่อเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพ ของสำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง โดยกำรทดลองนำ ผลไม้สีเหลืองได้แก่ มะละกอ สับปะรด กล้วย มำทำเป็ นน้ ำหมักชีวภำพโดยแยกเป็ นหมักทีละชนิด และ 3 ชนิดรวมกัน แล้วนำน้ ำหมักปริ มำณ 10 ml ผสมกับน้ ำ 10 Lไปรดต้นผักบุงที่มีอำยุประมำณ 7 วัน บันทึกกำร ้ เจริ ญเติบโตเป็ นระยะ 7 วัน ต่อครั้ง จำนวน 3 ครั้ง ปรำกฏว่ำ ค่ำเฉลี่ย จำกกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญ เติบโตของพืชจำกสำรเคมี ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.67 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักมะละกอ ควำมสู งของ ้ ต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 4 cm สำรเร่ งจำกน้ ำหมักสับปะรด ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 3.4 cm สำรเร่ งจำกน้ ำ ้ ้ หมักกล้วย ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.33 cm สำรเร่ งจำกผลไม้สีเหลืองทั้งสำมชนิดรวมกัน ควำมสู ง ้ ของต้นผักบุงเพิมขึ้น 11.4 cm และไม่ใช้สำรเร่ ง ควำมสู งของต้นผักบุงเพิมขึ้น 3.76 cm แสดงว่ำนาหมักจาก ้ ่ ้ ่ ้ ผลไม้ สีเหลืองทั้งสามชนิดรวมกัน เป็ นสารเร่ งทีเ่ หมาะสมทีสุด และจำกเปรี ยบเทียบประสิ ทธิภำพของสำร ่ เร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมีและสำรเร่ งจำกน้ ำหมักจำกผลไม้สีเหลือง ปรำกฏว่ำค่ำเฉลี่ยจำกกำร ใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 5.67 cm และสำรเร่ งจำกผลไม้สี ้ เหลืองทั้งสำมชนิดรวมกัน ควำมสู งของต้นผักบุงเพิ่มขึ้น 11.4 cm แสดงว่ำ สารเร่ งจากนาหมักผลไม้ สีเหลือง ้ ้ มีประสิ ทธิภาพดีกว่าการใช้ สารเร่ งการเจริญเติบโตของพืชจากสารเคมี ดังนั้นผลกำรทดลองสนับสนุน ่ สมมติฐำนที่วำ ชนิ ดของน้ ำหมักผลไม้มีผลต่อกำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืช และ สำรเร่ งจำกน้ ำหมักผลไม้ สี เหลืองมีประสิ ทธิ ภำพดีกว่ำกำรใช้สำรเร่ งกำรเจริ ญเติบโตของพืชจำกสำรเคมี ข้ อเสนอแนะ 1. ถ้ำจะใช้สำรเร่ งรดน้ ำทุกวันควรลดปริ มำณของสำรเร่ ง 2. สำมำรถใช้เร่ งกำรออกดอก หรื อเร่ งควำมหวำนกรอบของผลไม้ได้
  • 20. เอกสารอ้างอิง ศูนย์วทำยำศำสตร์มหำวิทยำลัยมหิดล.ประโยชน์ของผลไม้สีเหลือง:ค้นเมื่อวันที่ 16 ิ สิ งหำคม 2556 จำก http://www.physorg.com/news187870710.html ครู วทย์(2552).คุณประโยชน์ ของมะละกอ .ค้นเมื่อ 1 กันยำยน 2556 ิ จำก http://www.tistr.or.th/t/publication กลุ่มแม่บำน(2556).สั บปะรด.ค้นเมื่อ 25 สิ งหำคม 2556 ้ จำกhttp://guru.google.co.th/guru/thread?tid=42ea5d24ef9584c9 กำรนิภพ พิมวัชระชัย. กำรทำปุ๋ ยหมักจำกธรรมชำติ ครั้งที่ 2. กรุ งเทพฯ : โรงพิมพ์แห่ง จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย, 2550 จำกhttp://www.greentheearth.info/
  • 23. ชังผลไม้ท้ งสำมแยกถังถังละ 600 กรัม พร้อมใส่ น้ ำตำลทรำยขำวลงไปถังละ 200กรัม ั ่
  • 24. เมื่อถึง 15 วันให้เปิ ดถังทั้งสำมออกเอำไม้กวนแล้วตักน้ ำหมักทั้งสำมใส่ บีกเกอร์แล้วใช้ หลอดฉีดยำดูดสำรทั้งสำมอย่ำงละ 10 ml แล้วนำไปสำรแต่ละอย่ำงไปผสมน้ ำแยกกันใส่ ในบัว รดน้ ำ 10ลิตร แล้วนำไปรดต้นผักบุง ้
  • 27. รดน้ ำปกติไม่ใช้สำรเร่ ง รดน้ ำที่มีสำรเร่ งทุก 3 วันบันทึกควำมสู งที่เพิมขึ้นของต้นผักบุง ้ ่